เบื้องหลังธุรกิจตู้ดาวรุ่งเกิดจากวิธีคิดที่ไม่เหมือนใครในการมองเห็นโอกาสของเหล่าผู้ประกอบการและการใช้ต้นทุนที่มีอยู่สร้างความแตกต่างและข้อได้เปรียบทางธุรกิจ โดยที่ผ่านมา Capital ได้มีโอกาสคุยกับเจ้าของแบรนด์ที่ทำธุรกิจตู้อัตโนมัติเหล่านี้ซึ่งเป็นที่นิยมทั่วบ้านทั่วเมือง
ถ้าไม่ใช่ Bangkok’s International Festival of Dance & Music หรือ Bangkok Festivals แล้วละก็ เราก็ไม่เห็นว่าจะมีผู้นำเข้าในไทยเจ้าไหนที่สามารถนำการแสดงที่มีชื่อเสียงระดับโลกเข้ามาจัดแสดงในประเทศไทยได้ เพราะการจะนำเข้าการแสดงเหล่านี้ไม่ได้อาศัยเพียงเม็ดเงินเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ ชื่อเสียงของผู้นำเข้า และความเข้าใจระบบนิเวศของวงการแสดงระดับโลกอย่างดี
เราจึงมีนัดกับ ราซินาร์ อูเบรอย บาจาจ (Rasina Uberoi Bajaj) กรรมการผู้จัดการและลูกสาวของเจ เอส อูเบอรอย เพื่อพาทุกคนไปเปิดหลังม่านเวที ขุดเบื้องลึกธุรกิจการนำเข้าการแสดงว่ากว่า Bangkok’s International Festival of Dance & Music จะจัดการแสดงแต่ละปีขึ้นมาได้นั้นต้องผ่านอะไรมาบ้าง
อย่างการแสดงอุ่นเครื่องของปีนี้ Lucerne Symphony Orchestra : A Night with Beethoven ก็เป็นวงออร์เคสตราที่เก่าแก่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1805 เป็นช่วงที่บีโธเฟนยังมีชีวิตอยู่และได้เขียนไวโอลินคอนแชร์โตซึ่งเป็นบทเพลงเอกของการแสดงในครั้งนี้อยู่ด้วย
“โอเปร่ารอบนี้น่าสนใจมากๆ เพราะเขาลงทุนทำฉากแบบมัลติมีเดียซึ่งจริงๆ แล้วต้นทุนสูงกว่าการทำฉากปกติมากๆ Aida by Helikon Opera เลยเป็นโอเปร่าที่มีความคูลและทันสมัยมากในรอบนี้”
“เราเองเลยชอบ Swan Lake มากๆ จนดูได้ทุกวัน เพราะนักแสดงเขาแต่งตัวสวย เหมือนเป็นหงส์ขาว แล้วเวทีมันมืดๆ ตัดกับไฟที่ดูลึกลับนิดนึง จนเหมือนเราไม่ได้นั่งในฮอลล์แต่เราสัมผัสถึงบรรยากาศของป่าหน้าหนาวจริงๆ”
ส่วนการแสดง Swan Lake ในปีนี้ เป็นการแสดงจาก Les Ballets de Monte Carlo คณะบัลเลต์ประจำประเทศโมนาโก ที่ราซิน่าร์บอกว่าเป็น Swan Lake ที่คงความคลาสสิกไว้ได้ดีพอๆ กับการนำเสนอความคูลและความโมเดิร์นไว้อย่างลงตัว
อีกการแสดงที่พลาดไม่ได้เช่นกันคือ Zubin Mehta & Symphony Orchestra of Maggio Musicale Fiorentino เพราะนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณสุบิน เมห์ทา (Zubin Mehta) วาทยกรระดับตำนานที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในโลกจะแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งสุดท้าย
หนึ่งในการแสดงที่ represent โอกาสครบรอบ 25 ปีที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือการแสดง West Side Story ละครบรอดเวย์รักโรแมนติก ที่ราซิน่าร์เชื่อว่าไม่ว่าใครจะเข้ามาชมก็ไม่มีทางผิดหวัง
“มันเป็นบรอดเวย์ที่หลายคนเคยชมมาแล้วก็จริง แต่โปรดักชั่น การแสดง การแคสต์ คอสตูม รวมไปถึงทีมงานสร้างสรรค์ยังเป็นทีมงานระดับ A-list ที่ได้ที่ปรึกษาของ West Side Story เวอร์ชั่นหนังของ Steven Spielberg มาร่วมสร้างสรรค์การแสดงในครั้งนี้ด้วย
“เราตื่นเต้นกับโชว์นี้มากๆ เพราะมายากลมันเป็น illusion ที่เขาเล่นกับตาของเรา คนที่บกพร่องทางการได้ยินก็จะมีส่วนร่วมกับเทศกาลของเราได้ เราเลยคิดว่ามันคือ festival for everyone จริงๆ
“ปีที่แล้วผู้ว่าชัชชาติก็บอกมาว่าเขาเป็นแฟนคลับของเรามานาน และเขาบอกว่าอยากให้เราทำให้ทุกคนมีส่วนร่วม พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ลูก หลาน ดูพร้อมกัน as a family, as a group of friends”
“อย่าง West Side Story นั้นมีรอบการแสดงถึง 6 รอบ นับว่าเยอะมากแล้วสำหรับประเทศไทย แต่จริงๆ เขาสามารถไปแสดงที่อื่นได้เป็นเดือน เพราะฉะนั้นมันคือโอกาสของเขาที่เสียไป เพื่อให้เรามีโอกาสนำการแสดงนี้มาให้คนไทยได้ดู”
Westside Story, Duesburg, Germany 2022 Credit: Johan PerssonWestside Story, Duesburg, Germany 2022 Credit: Johan Persson
มีแบรนด์เครื่องครัวจากฝรั่งเศสแบรนด์หนึ่งทราบดีถึงความสุขของคนทำครัว และอยากจะให้คนทำครัวมีความสุขที่สุดระหว่างปรุงอาหาร และนั่นคือจุดกำเนิดของ Le Creuset
Le Creuset คือแบรนด์เครื่องครัวสัญชาติฝรั่งเศส ขายภาชนะเครื่องครัวต่างๆ ทั้งหม้อ กระทะ จานชาม ถ้วยน้ำ สปาตูล่า ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1925 ถือเป็นแบรนด์เครื่องครัวที่บุกเบิกการใช้สีสันในข้าวของเครื่องใช้ในห้องครัว โดยปัจจุบันมีสีทั้งหมดให้เลือกมากกว่า 50 สี ด้วยเหตุผลที่ Le Creuset บอกไว้ว่า เพราะอยากให้ลูกค้าได้เลือกสีของเครื่องครัวที่เหมาะกับบุคลิกของคุณมากที่สุด
และนั่นคืออีกหนึ่งเหตุผว่าทำไมสีดั้งเดิมของหม้อเหล็กหลอมรุ่นนี้คือสีส้มและชื่อสีคือ Volcanique ที่แปลว่า ลาวาภูเขาไฟ เพราะ Le Creuset คงอยากจะให้คุณลูกค้าสามารถอ้างอิงได้ว่าหม้อสีส้มสดเหล็กหลอมที่คุณถืออยู่นี้คือหม้อที่ถูกหลอมขึ้นมาให้แข็งและทนทานต่อความร้อนดั่งได้นำลาวาภูเขาไฟมาหลอมเป็นหม้อให้คุณได้ใช้งาน
คุณสมบัติทั้งหมดดังว่ามาทั้งการตรวจทานคุณภาพเป็นอย่างดี และทั้งความทนทานของการใช้งานที่ถูกออกแบบมาให้ใช้ได้นานตลอดไป จึงมาพร้อมกับราคาที่สมเหตุสมผลกับคุณภาพที่พิถีพิถัน โดยราคาของหม้อรุ่น Iron Pot Signature Round ของ Le Creuset 1 ใบราคาอยู่ที่ประมาณ 18,700 บาท หรือถ้าเป็นหม้อต้มซุปลายหัวใจ รุ่น Le Creuset Soup Pot Heart ราคาตกอยู่ที่ 14,500 บาท
คุณภาพที่ดีซึ่งตามมาด้วยราคาที่เหมาะสมของเครื่องครัว Le Creuset จึงอาจทำให้ Le Creuset เป็นเครื่องครัวของคนเฉพาะกลุ่ม แต่ใช่ว่า Le Creuset จะเน้นผลิตเครื่องครัวที่มีคุณภาพดีและสีสันสวยงามเท่านั้น อย่างที่เกริ่นไว้ว่า แบรนด์ Le Creuset คือแบรนด์ที่เน้นเรื่องการใช้งานแบบทนทาน ดังนั้นการผลิตที่พิถีพิถันและผ่านการพิสูจน์ความร้อนมามากมาย จึงมาพร้อมกับการการันตีตลอดชีวิตการใช้งานของสินค้าอีกด้วย
หมายความว่าหากคุณพบว่ามีจุดบกพร่องใดๆ ที่เกิดจากโรงงาน หรือคุณพบว่าเมื่อใช้งานภาชนะของ Le Creuset ไปสักพักแล้วคุณเพิ่งพบกับจุดบกพร่องใดๆ คุณก็สามารถนำหม้อหรือกระทะของ Le Creuset ของคุณไปเปลี่ยนได้เลยแบบฟรีๆ เพราะ Le Creuset มากับสิ่งที่เรียกว่า lifetime warranty หรือการคุ้มครองตลอดชีวิตนั่นเอง
นั่นหมายความว่าคุณไม่ได้จ่ายเงินเรือนหมื่นเพียงแค่ซื้อหม้อ แต่คุณกำลังจ่ายเงินหลักหมื่นเพื่อซื้อบริการของ Le Creuset ที่จะดูแลไปตลอดชีวิต
ทุกวันนี้ที่โลกหมุนไปอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงวัย หากย้อนกลับไป 6-7 ปีก่อน กลุ่มเป้าหมายของนักการตลาดและแบรนด์คือกลุ่มคนเจนฯ Y และ Millennials แต่ในวันนี้กลุ่มคนเจนฯ Z มีบทบาทมากขึ้น และจะกลายมา main spender ในอนาคต การทำการตลาดจับกลุ่มคนเจนฯ นี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ
คำถามคือแล้วเหล่านักการตลาด และแบรนด์จะทำการตลาดยังไงให้มัดใจเจนฯ Z
เซสชั่น Marketing to Gen Z: Engaging the New Generation โดย ณัฐพล ม่วงทำ เจ้าของการตลาดวันละตอน บรรยายไว้ในงาน CTC 2023 Festival ให้อินไซต์และเทรนด์ของคนเจนฯ Z ไว้อย่างน่าสนใจ
หากให้คำนิยาม คนเจนฯ Z คือ คนที่เกิดระหว่างปี 1997-2012 อายุ 11-26 ปี ที่ไม่ใช่วัยรุ่นอย่างเดียว แต่มี 4 ช่วงวัยคือ Teenager 11-18 ปี / Explorer 18-22 ปี / First Jobber 22-24 ปี / Senior 24-26 ปี
ข้อมูลต่างๆ ที่เจ้าของเพจการตลาดวันละตอนแชร์บนเวทีน่าจะช่วยทำให้แบรนด์รู้จักและเข้าถึงคนเจนฯ Z และทำการตลาดเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ดีขึ้น และที่สำคัญคือแต่ละแบรนด์ก็ต้องคอยเตรียมพร้อมที่จะปรับตัวไปกับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยอยู่เสมอ
ความท้าทายอื่นๆ ก็เช่นว่า การคิดบทหนังให้ดีทั้งด้านศิลปะและซัพพอร์ตธุรกิจ หรือการชวน ระเบิด–ธนสรณ์ เจนการกิจ ครีเอทีฟโฆษณาผู้เคยได้รางวัล Grand Prix จากเมืองคานส์ มาช่วยทำโปรโมตหนังเรื่องนี้ ในยุคที่คนดูเดินเข้าโรงหนังน้อยลงทุกที
ก่อน Long Live Love! จะเข้าฉายในไม่กี่วัน เราชวนปิยะกานต์กับธนสรณ์มานั่งคุยเรื่องความโหดหินของหนังเรื่องแรก แนวคิดธุรกิจที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง และการโปรโมตหนังที่คิดกันสนุกไม่แพ้เนื้อเรื่อง
พอมาทำปุ๊บ เราคิดมาตั้งแต่ตอนเขียนบทเลยเรื่องสปอนเซอร์หรือพาร์ตเนอร์ชิปที่อาจเป็นโปรดักต์บางอย่าง ซึ่งต้องมีเพื่อพยุงตัวโปรเจกต์ มันอาจจะแตกต่างจากที่อื่นที่เขียนบทเสร็จแล้วค่อยเอาไปคุยกับลูกค้า แต่เราเดินไปคุยกับ Good Things (เอเจนซี) ตั้งแต่ตอนเขียนบทเลยว่า โปรดักต์ที่จะอยู่ในหนังของเราจะมีประมาณนี้ Good Things ลองไปดูว่าอะไรที่มาอยู่ในหนังได้ พอลูกค้าเริ่มสนใจเราก็มาตกลงกันว่าเราพึงพอใจกับสินค้าที่จะมาอยู่ในหนังกี่ตัว เพื่อบาลานซ์ให้มันยังไม่มากเกินไป
คำว่ามากเกินไปของคุณคือแค่ไหน
ปิยะกานต์ : บางทีโปรดักต์ตัวเดียวมันก็ too much ได้นะ ถ้ามันมาแบบไม่สมเหตุ ตอนเราทำซิตคอมเราก็เคยมีโปรดักต์ไทอินเข้ามา เพราะเราว่าโปรดักต์ทุกอย่างมันก็อยู่ในร่างกายเราได้ นาฬิกา แก้วน้ำ แต่เราจะทำยังไงให้มันสมูทและเบลนด์กับเนื้อหาและชีวิตประจำวันของตัวละครได้
ชื่อเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้หนังเป็นที่พูดถึง ทำไมถึงตั้งชื่อว่า Long Live Love!
ปิยะกานต์ : Long Live Love! เล่าเรื่องการเดินทางของความรักผ่านการถ่ายรูปหลายๆ รูป และเราอยากได้คำหรือชื่ออะไรบางอย่างที่มัน sarcastic (ย้อนแย้ง) เพราะเรื่องเกี่ยวกับคู่แรกที่กระท่อนกระแท่นมาก จะแยกกันแล้ว แต่ Long Live Love! มันให้ความรู้สึกเหมือนกับความรักที่ยืนยาว พอชื่อนี้มาอยู่กับพล็อตนี้แล้วมันขี้เล่นดี
ถ้าเทียบตัวมุกเป็นแบรนด์ เรารู้สึกว่า Long Live Love! คือโปรดักต์หนึ่งที่จะเล่าการเปลี่ยนแปลงของมุก จริงๆ ถ้าดูหนังแล้วเทียบกับงานเก่าๆ ที่ผ่านมาของเขา จะเห็นว่าเขาเล่าสิ่งที่เป็นตัวเองและเติบโตขึ้นมา