ข้างหลังม่าน
15 เรื่องเบื้องหลัง จาก 25 ปี ของ Bangkok Festivals ผู้นำเข้าศิลปะการแสดงและดนตรีระดับโลก
วงออร์เคสตราอายุ 218 ปี จากสวิตเซอร์แลนด์
นักไวโอลินที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก พร้อมกับไวโอลินอายุ 300 ปี ที่ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะได้เล่น
วาทยกรระดับตำนานที่เอ่ยว่าจะคอนดักต์วงเป็นครั้งสุดท้ายที่ประเทศไทย
ยังไม่รวมคณะบัลเลต์ระดับท็อปจากเยอรมนี การแสดงมายากลรอบปฐมฤกษ์ของโลก โปรดักชั่นใหม่ของละครบรอดเวย์คลาสสิกโดยทีมสร้างสรรค์ระดับ A-list ของวงการ และอีกสารพัดการแสดงทางดนตรีและศิลปะการเต้นที่รวมศิลปินต่างชาติกว่า 900 ชีวิต จากทั่วทุกมุมโลก!
ถ้าไม่ใช่ Bangkok’s International Festival of Dance & Music หรือ Bangkok Festivals แล้วละก็ เราก็ไม่เห็นว่าจะมีผู้นำเข้าในไทยเจ้าไหนที่สามารถนำการแสดงที่มีชื่อเสียงระดับโลกเข้ามาจัดแสดงในประเทศไทยได้ เพราะการจะนำเข้าการแสดงเหล่านี้ไม่ได้อาศัยเพียงเม็ดเงินเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ ชื่อเสียงของผู้นำเข้า และความเข้าใจระบบนิเวศของวงการแสดงระดับโลกอย่างดี
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/BODY-WEB-W-Bangkok-Festivals4-1024x683.jpg)
เล่ามาขนาดนี้ หลายคนคงคิดว่านี่คือผลงานขององค์กรรายใหญ่ของประเทศ เพราะใครเล่าจะนำเข้าสุดยอดผลงานระดับโลกแบบนี้เข้ามาได้! แต่เราขอบอกว่าต้องคิดใหม่ เพราะ Bangkok Festivals ก่อตั้งโดย เจ เอส อูเบรอย (J.S. Uberoi) ผู้ใช้ความหลงใหลในศิลปะการแสดงและดนตรี นำเข้าการแสดงชั้นเยี่ยมเพื่อพลิกภาพลักษณ์ของกรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม
ในวันที่ Bangkok Festivals เดินทางมาถึงปีที่ 25 ในประเทศที่หลักใหญ่ใจความของผู้คนไม่ใช่ดนตรีและศิลปะ ตัวเลข 25 นี้มีนัยสำคัญที่แสดงถึงความเก๋าเกมของเทศกาลนี้ไม่น้อย
เราจึงมีนัดกับ ราซินาร์ อูเบรอย บาจาจ (Rasina Uberoi Bajaj) กรรมการผู้จัดการและลูกสาวของเจ เอส อูเบอรอย เพื่อพาทุกคนไปเปิดหลังม่านเวที ขุดเบื้องลึกธุรกิจการนำเข้าการแสดงว่ากว่า Bangkok’s International Festival of Dance & Music จะจัดการแสดงแต่ละปีขึ้นมาได้นั้นต้องผ่านอะไรมาบ้าง
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/BODY-WEB-W-Bangkok-Festivals5-1024x683.jpg)
1. Bangkok Festivals ก่อตั้งโดย เจ เอส อูเบอรอย นักธุรกิจที่ทำธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 50 ปี
ย้อนกลับไป 25 ปีก่อน ราซิน่าร์เล่าว่าถ้าอยากดูบัลเลต์ดีๆ โอเปร่าดังๆ กระทั่งออร์เคสตราเต็มวงในไทย จะต้องบินไปดูที่ต่างประเทศเท่านั้น คนรักเสียงเพลงและศิลปะอย่างพ่อของเธอ เจ เอส อูเบอรอย ผู้ที่ไปทำงานหรือเที่ยวต่างประเทศทีไรก็ต้องหาเวลาไปชมสารพัดการแสดงดนตรี จึงเริ่มปิ๊งไอเดียบางอย่าง
“คุณพ่อเข้ามาทำธุรกิจนิตยสารในไทยหลายปี หลายคนน่าจะรู้จัก seventeen, Women’s Health, Men’s Health และ OK! ฯลฯ กัน แต่หลังจากที่ใช้ชีวิตในเมืองไทยมานาน ท่านก็เริ่มคิดว่าจะทำอะไรตอบแทนประเทศไทยในฐานะบ้านหลังที่สองได้บ้าง จะเอาผลงานศิลปะที่เก็บสะสมมาเปิดให้คนชมเหรอ ก็ไม่น่าเวิร์กนะ เลยหันมามองสิ่งที่ท่านชอบมาตลอดนั่นก็คือเรื่องของศิลปะการแสดงและดนตรี”
ช่วงแรกๆ พ่อของเธอทดลองตลาดโดยเชิญคณะละครหนึ่งเข้ามาจัดแสดง Swan Lake บ้าง Nutcracker บ้าง ปรากฏว่าผลตอบรับเกินคาดจนน่าประหลาดใจ
“ช่วงแรกๆ มีชาวต่างชาติอย่างเกาหลี ญี่ปุ่น ยุโรปมากกว่าคนไทย แต่ที่แปลกใจยิ่งกว่าคือเราจัด Swan Lake ทั้งหมด 6 โชว์ แล้วขายหมดทุกโชว์ จำได้ว่าคืนวันอาทิตย์เราประกาศว่าจะมีการแสดงรอบพิเศษเพิ่มในวันจันทร์ เชื่อไหมว่าพอถึงวันจันทร์คนนั่งในฮอลล์ถึง 70%
“ครั้งนั้นทำให้เราเห็นว่า คนไทยก็ชอบการแสดงแบบนี้เหมือนกันนะ และมันก็ทำให้เราเห็นว่าที่ผ่านมา ประเทศไทยขาดสิ่งนี้มากแค่ไหน” ราซิน่าร์ย้อนเล่าความประทับใจ
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/BODY-WEB-H-Bangkok-Festivals3-683x1024.jpg)
2. ทุกการแสดงที่ Bangkok Festivals นำเข้ามาจะต้องมีชื่อในวงการ
เมื่อเทสต์ตลาดแล้วเวิร์ก บวกกับได้รับการสนับสนุนจากสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ Bangkok Festivals ก็เติบโตและนำเข้าการแสดงหลากหลายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะโอเปร่า ออร์เคสตรา บัลเลต์ แจ๊ส ฟลาเมงโก และมายากล ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้จะจัดแสดงในเดือนกันยายนถึงตุลาคมของทุกปี
เกณฑ์การคัดเลือกนั้นมีหลากหลายแบบ หนึ่งในเกณฑ์ที่ Bangkok Festivals ให้ความสำคัญคือชื่อเสียงของศิลปินที่มาแสดง ไม่ใช่แค่เพื่อดึงดูดให้ผู้ชมตื่นตาตื่นใจ แต่เพื่อให้คนไทยมีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ทางดนตรีเทียบเท่ากับคนทั่วโลก
อย่างการแสดงอุ่นเครื่องของปีนี้ Lucerne Symphony Orchestra : A Night with Beethoven ก็เป็นวงออร์เคสตราที่เก่าแก่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1805 เป็นช่วงที่บีโธเฟนยังมีชีวิตอยู่และได้เขียนไวโอลินคอนแชร์โตซึ่งเป็นบทเพลงเอกของการแสดงในครั้งนี้อยู่ด้วย
“เราพยายามเชิญวง Lucerne มา 15 ปีเลยนะ แต่ชื่อของกรุงเทพฯ ไม่เคยอยู่ในลิสต์ที่เขาจะมาแสดงสักที ปีนี้จึงเป็นปีแรกที่เราสามารถเชิญเขามาได้ ถือว่าเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับ Bangkok Festivals มากๆ”
การแสดงครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจากนักไวโอลินเจ้าของรางวัลแกรมมี่อย่าง ออกุสติน ฮาเดลิก (Augustin Hadelich) ที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาร่วมแสดง ถ้าจะให้อธิบายความเก่งของเขาให้คนทั่วไปเห็นภาพ ออกุสตินคือคนที่องค์กรระดับโลกไว้วางใจให้ใช้ไวโอลินล้ำค่าอายุกว่า 300 ปี
แน่นอนว่าการได้สัมผัสเครื่องดนตรีระดับนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับใครก็ได้ การได้รับโอกาสพิเศษนี้จึงเป็นเครื่องพิสูจน์หนึ่งสำหรับศิลปินที่ก้าวขึ้นมาสู่ระดับโลกเช่นเขา
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/Copy-of-Sanderling04-1024x683.jpeg)
3. สีสัน ความตื่นตาตื่นใจ และความสนุกปนดราม่าคือไวบ์ที่คนไทยชอบ
ในภาพรวม จากประสบการณ์การเป็นผู้นำเข้าหรือโปรโมเตอร์ มานานกว่า 25 ปี ราซิน่าร์เฉลยว่าการแสดงที่คนไทยเอนจอยเป็นพิเศษคือการแสดงที่เน้นแสง สี เสียง และความสนุก
“อย่างโชว์ Gala Performance จาก Stuttgart Ballet คณะบัลเลต์จากเยอรมนีที่ติด Top 10 ของโลกรอบนี้จะมาเป็นโชว์สั้นๆ ต่อกันโชว์ละ 10 นาที แต่ละโชว์จะมีการกระโดด ตีลังกา หมุนไปมา ชุดก็สวย เราคิดว่าคนไทยน่าจะชอบโชว์แบบนี้
“หรือสมมติถ้าเป็นออร์เคสตรา เราก็จะพยายามเลือกเพลงจากศิลปินที่คนไทยน่าจะคุ้นเคย เช่นเพลงของบีโธเฟนที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคยได้ยินไม่ว่าจะไปที่ไหน ขนาดในลิฟต์ตามห้างก็ยังมี จนคนเรียกกันว่า elevator music” ราซิน่าร์เล่าพลางหัวเราะพลาง
อีกโชว์ที่อาจดูเข้าถึงยากอย่างโอเปร่า Bangkok Festivals ก็มีวิธีการนำเสนอให้คนไทยไม่เมินหน้าหนี นั่นคือโชว์จาก Helikon Opera รอบนี้จะไม่ใช่โอเปร่าที่มายืนร้องเพลงเฉยๆ ซึ่งเป็นภาพจำของคนทั่วไป แต่จะเป็นโอเปร่าเรื่อง Aida ที่เล่าเรื่องราวรักสามเส้าและยังเป็นเรื่องราวสมัยอียิปต์ที่คนไทยคุ้นเคยและตื่นตาตื่นใจ
“โอเปร่ารอบนี้น่าสนใจมากๆ เพราะเขาลงทุนทำฉากแบบมัลติมีเดียซึ่งจริงๆ แล้วต้นทุนสูงกว่าการทำฉากปกติมากๆ Aida by Helikon Opera เลยเป็นโอเปร่าที่มีความคูลและทันสมัยมากในรอบนี้”
แม้ราซิน่าร์จะออกตัวว่าไม่ได้หลงใหลศิลปะดนตรีตั้งแต่ยังเด็กเหมือนพ่อของเธอ แต่ถ้อยคำที่เธอพรั่งพรูกลับสะท้อนให้เห็นว่าเธอผูกพันและเชี่ยวชาญในวงการนี้มากแค่ไหน
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/BFDM_Swan-Lake_03-1024x682.jpg)
4. การแสดงที่คนไทยยกนิ้วให้ และ sold out เสมอ คือ Swan Lake!
ในจำนวนการแสดงทั้งหมดที่เคยนำเข้ามา การแสดงขวัญใจมหาชนที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีทุกปีคือ Swan Lake ถามว่าทำไมคนไทยไม่เบื่อเรื่องราวเดิมๆ เสียที ราซิน่าร์เฉลยว่าเพราะแม้จะเป็นเรื่องราวเดิม แต่คณะที่แสดงจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ประสบการณ์การชมในแต่ละปีจึงแตกต่างและตรึงใจผู้ชมได้เสมอ
“เอาจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงคนไทยก็ได้ ตัวเราเองที่แม้จะโตมากับคุณพ่อที่ชอบดนตรีและการแสดงมากๆ ก็ยังไม่ได้ชอบดูอะไรที่มันคลาสสิกหรือหนักเกินไป
“เราเองเลยชอบ Swan Lake มากๆ จนดูได้ทุกวัน เพราะนักแสดงเขาแต่งตัวสวย เหมือนเป็นหงส์ขาว แล้วเวทีมันมืดๆ ตัดกับไฟที่ดูลึกลับนิดนึง จนเหมือนเราไม่ได้นั่งในฮอลล์แต่เราสัมผัสถึงบรรยากาศของป่าหน้าหนาวจริงๆ”
ส่วนการแสดง Swan Lake ในปีนี้ เป็นการแสดงจาก Les Ballets de Monte Carlo คณะบัลเลต์ประจำประเทศโมนาโก ที่ราซิน่าร์บอกว่าเป็น Swan Lake ที่คงความคลาสสิกไว้ได้ดีพอๆ กับการนำเสนอความคูลและความโมเดิร์นไว้อย่างลงตัว
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/Copy-of-Romeo-und-Julia-2-1024x683.jpg)
5. ถ้าพลาดการแสดงแต่ละครั้ง อาจไม่ได้ดูอีกเลยตลอดชีวิต!
บางครั้งเรื่องราวที่นำมาแสดงอาจเหมือนกันบ้าง แต่ใช่ว่าประสบการณ์ของแต่ละครั้งจะเหมือนกัน
“คณะบัลเลต์จากเยอรมนี Stuttgart Ballet ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยมาแสดงให้เรานะ เขาเคยมาแสดงให้เราเมื่อหลายปีก่อนโน้นแล้วล่ะ แต่เขาเลือกแสดงเรื่องโรมิโอแอนด์จูเลียต เวลาเขาแสดงก็จะแตกต่างจากคณะบัลเลต์จากรัสเซีย ชุดก็ต่าง คอสตูมก็ต่าง อารมณ์ที่สื่อออกมาก็ต่าง
“ส่วนคณะบัลเลต์ที่รัสเซียนั้นมีมากกว่า 200 คณะ แต่ละคณะเขาก็มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ดังนั้น ไม่ใช่ว่าเคยดูเรื่องนี้แล้วจะดูอีกไม่ได้ หรือเคยดูคณะนี้แล้วจะดูอีกไม่ได้ เพราะแต่ละคณะพยายามสร้างสรรค์การแสดงที่แตกต่างและโดดเด่นอยู่เสมอ”
เพราะฉะนั้นการแสดงแต่ละครั้ง แต่ละรอบ ของแต่ละคณะ จะมีสีสันที่แตกต่างกันไป ทำให้ Bangkok Festivals เป็นเทศกาลที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย และนั่นหมายความว่าถ้าเราพลาดการแสดงไหนในปีนี้ เราอาจจะอดดูไปอีกหลายปีทีเดียว
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/BODY-WEB-W-Bangkok-Festivals-1024x683.jpg)
6. กรุงเทพฯ คือสถานที่แรกและสถานที่สุดท้ายของโชว์บางโชว์!
สมัยที่กรุงเทพฯ ยังไม่ใช่เมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและศิลปะการแสดงอย่างทุกวันนี้ การจะเชิญวงดนตรีหรือคณะแสดงไหนเข้ามาแต่ละที ราซิน่าร์บอกว่าเต็มไปด้วยความยากเย็น แต่หลังจากสั่งสมประสบการณ์มานานจนภาพลักษณ์ของเมืองหลวงแห่งนี้เปลี่ยนไป ใครๆ ก็เริ่มอยากมาแสดงที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ
เรื่องน่าสนใจคือบางการแสดงจะจัดแสดงที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก ก่อนไปแสดงที่อื่นๆ ทั่วโลก เช่น การแสดงมายากล The Magnificent Six โดยนักมายากลหญิง 6 คน ซึ่งไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน แต่มาเจอกันและเริ่ม choreograph ที่ไทยก่อนการแสดง 10 วัน กรุงเทพฯ จึงเป็นเมืองแรกที่โชว์นี้จะจัดแสดง จากนั้นการแสดงที่ว่าจะไปเวิลด์พรีเมียร์ต่อที่อื่นๆ
อีกการแสดงที่พลาดไม่ได้เช่นกันคือ Zubin Mehta & Symphony Orchestra of Maggio Musicale Fiorentino เพราะนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณสุบิน เมห์ทา (Zubin Mehta) วาทยกรระดับตำนานที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในโลกจะแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งสุดท้าย
“คุณสุบินผูกพันกับประเทศไทยมาก และเคยบอกไว้ว่าการแสดงสุดท้ายในชีวิตวาทยกรของเขาจะต้องจัดการแสดงที่กรุงเทพฯ ด้วย” ราซิน่าร์ตื่นเต้น
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/Magnificent-Six-1024x991.jpg)
7. Bangkok Festivals ในปีที่ 25 กับการแสดงวัยรุ่นขึ้น!
นับจากวันแรกที่เจ เอส อูเบอรอยนำเข้าการแสดงให้คนไทยได้ชม Bangkok Festivals เดินทางมาสู่ปีที่ 25 แล้ว และยังเป็นผู้นำเข้าศิลปะการแสดงขนาดใหญ่เจ้าเดียวในไทย ถึงอย่างนั้น ราซิน่าร์ไม่ได้มองว่า Bangkok Festivals จะหยุดพัฒนาแต่อย่างใด กลับต้องเปลี่ยนแปลงและปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น
“ความท้าทายของเราคือจะทำยังไงให้คนรุ่นใหม่สนใจและอยากชมการแสดงที่เรานำเข้ามา เราเลยพยายามปรับรูปแบบโชว์ให้ดูสนุก วัยรุ่นขึ้น ใครดูก็ได้ และทำให้มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของทุกคน เวลาเราจะเอาการแสดงไหนเข้ามา เราก็จะทำหน้าที่แทนคนดูว่าคนทั่วไปที่ไม่ได้ชอบดนตรีและการแสดงแบบนี้จะโอเคไหม บางครั้งก็ไปถามลูกว่าคิดเห็นยังไง
“อย่างแต่ก่อนโชว์นึงอาจจะยาว 3-4 ชั่วโมง คนที่มาดูก็อาจจะใส่สูท ชุดราตรีมา แต่เราอยากเห็นภาพของคนทั่วไปที่แต่งตัวแบบไหนก็ได้มาดูงาน หรือเลิกงานแล้วมาดูโชว์กับเพื่อน ดูเสร็จก็ไปกินข้าวกันต่อเหมือนเราไปดูหนังเรื่องนึง เราเลยพยายามให้ทุกการแสดงจบภายใน 2 ชั่วโมง
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/BODY-WEB-H-Bangkok-Festivals-683x1024.jpg)
“เวลาไปดูโชว์ที่ต่างประเทศเราก็ต้องพิจารณาว่าเหมาะกับคนไทยแค่ไหน เราจะต้องดูตั้งแต่บรรยากาศ คนที่ไปชมอายุเท่าไหร่ แต่งตัวกันยังไง ขณะที่คนที่นั่นนั่งดูได้นานๆ เพราะโตมากับการแสดงเหล่านี้ ถ้าเทียบกับคนไทย จะไหวหรือเปล่า”
หนึ่งในการแสดงที่ represent โอกาสครบรอบ 25 ปีที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือการแสดง West Side Story ละครบรอดเวย์รักโรแมนติก ที่ราซิน่าร์เชื่อว่าไม่ว่าใครจะเข้ามาชมก็ไม่มีทางผิดหวัง
“มันเป็นบรอดเวย์ที่หลายคนเคยชมมาแล้วก็จริง แต่โปรดักชั่น การแสดง การแคสต์ คอสตูม รวมไปถึงทีมงานสร้างสรรค์ยังเป็นทีมงานระดับ A-list ที่ได้ที่ปรึกษาของ West Side Story เวอร์ชั่นหนังของ Steven Spielberg มาร่วมสร้างสรรค์การแสดงในครั้งนี้ด้วย
“คอมิวสิคัลจะได้สัมผัสอีกเวอร์ชั่นที่เราภูมิใจนำเสนอมาก ความพิเศษคือกรุงเทพฯ จะเป็นเมืองแรกๆ ที่จะได้ชมโปรดักชั่นใหม่ของละครเพลงเรื่องนี้ด้วย” เธอเล่าอย่างออกรส
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/BFDM_West-Side-Story_03-1024x683.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/BFDM_West-Side-Story_06-1024x683.jpg)
8. ผู้ชมที่ Bangkok Festivals คาดหวัง ไม่ใช่คนเฉพาะกลุ่ม แต่คือทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย
นอกจากทำให้การแสดงเข้าถึงได้ง่ายขึ้นแล้ว อีกสิ่งที่ราซิน่าร์ให้ความสำคัญคือเธออยากให้การแสดงของ Bangkok Festivals เข้าถึงคนทุกคนได้จริงๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่บกพร่องทางการได้ยิน ซึ่งการแสดงที่สะท้อนถึงความเข้าถึงได้มากที่สุดก็คือการแสดงมายากลที่เราเกริ่นไปแล้วนั่นเอง
“เราตื่นเต้นกับโชว์นี้มากๆ เพราะมายากลมันเป็น illusion ที่เขาเล่นกับตาของเรา คนที่บกพร่องทางการได้ยินก็จะมีส่วนร่วมกับเทศกาลของเราได้ เราเลยคิดว่ามันคือ festival for everyone จริงๆ
“ปีที่แล้วผู้ว่าชัชชาติก็บอกมาว่าเขาเป็นแฟนคลับของเรามานาน และเขาบอกว่าอยากให้เราทำให้ทุกคนมีส่วนร่วม พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ลูก หลาน ดูพร้อมกัน as a family, as a group of friends”
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/BODY-WEB-W-Bangkok-Festivals3-1024x683.jpg)
9. เพราะเงินไม่ได้ knock everything แต่การสานสัมพันธ์ต่างหากที่เอาชนะใจนักแสดง
บางคนอาจเคยได้ยินมาบ้างว่าการนำเข้าการแสดงเข้ามานั้นไม่ใช่แค่มีเงินก็เชิญศิลปินเหล่านี้เข้ามาได้ แต่ผู้นำเข้ายังต้องมีความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงมากพอด้วย กับ Bangkok Festivals ยิ่งแล้วใหญ่ ราซิน่าร์เล่าว่าอีกหนึ่งบทบาทที่เธอและคุณพ่อจะละเลยไม่ได้เด็ดขาดคือการสานสัมพันธ์กับนักแสดงและผู้ดูแลวง
“เราต้องรักษาความสัมพันธ์กับแต่ละคนหรือแต่ละวงอยู่เสมอ บางครั้งก็ต้องออกไปทานข้าวกับเขา บางครั้งก็ต้องออกไปดื่ม เช่นนักร้องโซปราโน่ชื่อดัง Katherine Jenkins ที่เป็นนักร้องนักแสดงที่เรารู้จักกันอยู่แล้ว เราก็ต้อง WhatsApp หาเขาทุก 2-3 เดือน
“ถามว่าเพราะอะไรเราถึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากๆ เพราะนักแสดงและวงเหล่านี้เขามีตัวเลือก เขาจะไปแสดงที่ไหนก็ได้ ทำไมต้องมาประเทศไทย ยิ่งกับประเทศไทยที่เราเชิญมาแสดงได้แค่ไม่กี่วัน ต่างจากประเทศอื่นที่เขาไปแสดงได้มากกว่า 1 ครั้ง หรือแม้กระทั่งเป็นเดือน จะทำยังไงให้เขาเลือกเรา”
ราซิน่าร์ยังยกตัวอย่างกรณีที่เธอและคุณพ่อไม่เคยติดต่อกับคณะนั้นๆ มาก่อน ว่าการติดต่อผ่านสถานเอกอัครราชทูตต่างๆ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวกลางสำคัญ หลายครั้งทูตจากประเทศต่างๆ ที่ประจำอยู่ในประเทศไทยก็ติดต่อเข้ามาเพื่อนำเสนอการแสดงจากประเทศของเขาเพราะแต่ละประเทศต่างมีของดีที่อยากโชว์
Bangkok Festivals จึงกลายเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างประเทศไปโดยปริยาย
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/BODY-WEB-W-Bangkok-Festivals6-1024x683.jpg)
10. โลจิสติกส์คือปัญหาชวนปวดหัวของผู้นำเข้าการแสดง
การนำนักแสดงและนักดนตรีข้ามน้ำข้ามทะเลมาแสดงในปัจจุบันนั้นไม่ยาก แต่เคยสงสัยไหมว่า Bangkok Festivals จัดการฉากสุดอลัง เครื่องดนตรีราคาแพง และสารพัดอุปกรณ์ประกอบฉากทั้งหลายยังไง
“กว่าผู้ชมจะได้ชมการแสดง 1 โชว์ เราต้องเตรียมการหลายอย่างมาก อย่างโชว์ West Side Story เนี่ย ค่อนข้างซับซ้อนพอสมควร เพราะเวลาเขาเวิลด์ทัวร์ เขาต้องขนฉาก เครื่องดนตรี ลงเรือมาตั้ง 8 คอนเทนเนอร์ คอนเทนเนอร์หนึ่งก็หนักเป็นร้อยๆ ตัน
“พอแสดงให้เราเสร็จ เขาก็ต้องขนของกลับไปอีกสิบกว่าวัน เรียกว่ามันยุ่งยากใช่ไหม มันจะยากแค่ไหนเมื่อเขาต้องเสียเวลาหลายวันเพื่อมาแสดงในไทยแค่ไม่กี่รอบ
“อย่าง West Side Story นั้นมีรอบการแสดงถึง 6 รอบ นับว่าเยอะมากแล้วสำหรับประเทศไทย แต่จริงๆ เขาสามารถไปแสดงที่อื่นได้เป็นเดือน เพราะฉะนั้นมันคือโอกาสของเขาที่เสียไป เพื่อให้เรามีโอกาสนำการแสดงนี้มาให้คนไทยได้ดู”
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/BFDM_West-Side-Story_02-1024x683.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/BFDM_West-Side-Story_04-1024x686.jpg)
11. ต้นทุนที่แพงหูฉี่คืออีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ไม่ใช่ใครก็ได้ แต่ต้องเป็น Bangkok Festivals เท่านั้นที่นำเข้าการแสดงเหล่านี้!
ตามปกติแล้ว หลายประเทศทั่วโลก จะมีรัฐบาลเป็นตัวตั้งตัวตีในการนำเข้าการแสดงเหล่านี้เพื่อสนับสนุนให้ประชากรของประเทศนั้นๆ เข้าถึงศิลปะและดนตรีดีๆ ได้ สำหรับประเทศไทย ตัวตั้งตัวตีหลักคือภาคเอกชนอย่าง Bangkok Festivals ซึ่งปัญหาหลักๆ ของการเป็นผู้นำเข้าในประเทศไทยนั้นก็คือต้นทุน
เพราะต้นทุนของการนำนักแสดงและนักดนตรีกว่า 900 ชีวิตจากทั่วทุกมุมโลกมาแสดงในไทยนั้นสูงมาก การจะทำให้คนไทยเข้าถึงศิลปะการแสดงเหล่านี้ ทางผู้จัดจึงมีสปอนเซอร์เพื่อช่วยสนับสนุนและทำให้การจัดงานเป็นไปได้
“ถ้าเราไม่มีสปอนเซอร์นะ ตั๋วใบนึง 3-4 หมื่น เพราะเรามีต้นทุนเรื่องค่าเครื่องบิน ค่าเรือขนส่ง ค่าโรงแรม ค่ากินค่าอยู่ ค่าเบี้ยเลี้ยง ฯลฯ แต่เชื่อไหมว่าตั้งแต่วันแรกที่เราก่อตั้ง Bangkok Festivals ขึ้นมา สปอนเซอร์บางเจ้าอยู่กับเรามานานกว่า 20 ปีเสียด้วยซ้ำ
“ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงเทพ หรือเบียร์สิงห์ รวมถึงองค์กรรัฐและเอกชนอีกมากมายที่สนับสนุนงานของเราตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาเห็นถึงประโยชน์จากการร่วมสร้างให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมร่วมกันกับเรา ทั้งๆ ที่ตอนแรกไม่มีใครคิดเลยว่าเราจะทำได้ แต่กลายเป็นว่าตอนนี้มันเดินทางมาถึงปีที่ 25 แล้ว” เธอพูดอย่างภาคภูมิใจ
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/BODY-WEB-W-Bangkok-Festivals7-1024x683.jpg)
12. Bangkok Festivals คือเครื่องสะท้อนภาพลักษณ์เมืองแห่งวัฒนธรรมของไทย
อย่างที่เล่ามาตลอด การนำเข้าคณะศิลปินต่างๆ นั้นต้องอาศัยปัจจัยหลากหลาย ยิ่ง 25 ปีก่อนที่ประเทศไทยยังไม่มีการแสดงเหล่านี้เลย การจะนำเข้าการแสดงในช่วงแรกนั้นต้องอาศัยความพยายามอย่างมาก
“ภาพลักษณ์ของประเทศไทยสมัยก่อนมักเกี่ยวกับการเที่ยวกลางคืนจนชาวต่างชาติรู้สึกว่าเป็นดินแดนที่น่ากลัว กลับมาที่สมัยนี้ สังคมเปิดกว้างกว่าเดิม การติดต่อกันก็ง่ายขึ้น
“ยิ่งเราค่อยๆ สร้างให้กรุงเทพฯ และประเทศไทยเป็นเมืองที่ผู้ชมเสพศิลป์ที่มีคุณภาพ ภาพลักษณ์ของประเทศก็ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ”
13. เทศกาลดนตรีและศิลปะที่ไม่ได้พลิกเพียงภาพลักษณ์ของประเทศเท่านั้นแต่สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม
นอกจากภาพลักษณ์กรุงเทพฯ และประเทศไทยโดยรวมจะดีขึ้น อีกสิ่งที่เราคิดว่าน่าสนใจคือการนำเข้าการแสดงเหล่านี้ก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศไทยด้วย
“ระหว่างช่วงที่เทศกาลของเราจัดขึ้น เราก็ต้องจ้างคนเพิ่ม ไหนจะคนขนของ คนเบื้องหน้า เบื้องหลัง และอย่าลืมว่าคณะแสดงที่เข้ามา เขาก็กลายเป็นนักท่องเที่ยวของเราด้วย บางคนมาแสดงแค่ 2-3 วัน จากนั้นก็เที่ยวต่อ พอกลับไปประเทศตัวเองก็พาครอบครัวกลับมาเที่ยวใหม่
“การแสดงของเราเป็นการแสดงระดับโลก แต่ละปีเลยมีนักท่องเที่ยวที่บินมากรุงเทพฯ เพื่อชมการแสดง ไม่ว่าจะสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย เวียดนาม ลาว และกัมพูชา พอมีคนเข้ามาก็ดีกับสปอนเซอร์ของเรา เพราะทุกคนขายของได้ ทุกคนมีลูกค้า
“พอมันเกิดกิจกรรมตรงนี้ บวกกับภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น นักลงทุนก็เริ่มสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทย สิ่งสำคัญที่สุดคือความสัมพันธ์ทางการทูตของไทยกับแต่ละประเทศก็แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ Bangkok Festivals”
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/Copy-of-2K0A3849-1024x683.jpg)
14. มากกว่าสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม คือการทำให้เด็กๆ เห็นว่าอาชีพนักแสดง นักดนตรี และศิลปินไม่ใช่แค่ความฝันลมๆ แล้งๆ
อีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของ Bangkok Festivals ที่เราว่าน่าสนใจไม่น้อยคือ Student Outreach Program โครงการเพื่อเยาวชนที่ราซิน่าร์ริเริ่มเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา ตอกย้ำให้เห็นภาพฝันของ Bangkok Festivals ที่อยากสร้างสังคมแห่งศิลปะและวัฒนธรรมต่อไปอย่างยั่งยืน
ราซิน่าร์ย้อนเล่าว่าโครงการนี้เกิดขึ้นจากตัวเธอเองที่ได้คำตอบจากลูกถึงเหตุผลที่เลิกเรียนดนตรีเพราะต้องท่องหนังสือบวกกับไม่เห็นอนาคตที่มั่นคงในสายอาชีพนี้ด้วย
“เราก็ตกใจว่า ฮะ มันจะไม่มีอนาคตได้ยังไงทั้งๆ ที่นักแสดงและนักดนตรีที่เรานำเข้ามาเขาก็สามารถทำสิ่งที่รักเป็นอาชีพได้ เราเลยคิดว่าอย่างนั้นเราต้องทำให้เด็กๆ ได้เห็น ทำให้พ่อแม่เข้าใจว่าการเรียนดนตรีและศิลปะมันมีอนาคตได้ ที่สำคัญ คุณไม่จำเป็นต้องเรียนเพื่อไปเป็นศิลปินเท่านั้น แต่ดนตรีและศิลปะมันให้อะไรมากกว่านั้น”
โครงการที่ราซิน่าร์เล่าเปิดโอกาสให้นักเรียนนักศึกษาได้เข้ามาเรียนมาสเตอร์คลาส ทำเวิร์กช็อป และชมการแสดงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อเปิดมุมมองใหม่ให้กับเด็กๆ และส่งเสริมพัฒนาการด้านการคิด
“ในทางตรง เขาจะได้เห็นว่าโลกแห่งดนตรีและศิลปะมันเป็นแบบไหน ถ้าเขาอยากเป็นแบบคนบนเวทีเขาจะต้องทำยังไงบ้าง และแน่นอนว่าหลายคนอาจจะอยากเต้นได้แบบ BLACKPINK แต่ถ้าดูดีๆ เขาจะเห็นว่าการเต้นเหล่านี้มีพื้นฐานมาจากบัลเลต์นะ
“ในทางอ้อม มันมีงานวิจัยว่าเด็กที่เรียนดนตรีตั้งแต่เด็กจะสร้างตัวตนของเขาขึ้นมาได้อย่างแข็งแรง เขาจะรู้จักคิดนอกกรอบและแก้ปัญหา รวมถึงมีความคิดสร้างสรรค์ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรมองหาในพนักงานที่พวกเขาอยากว่าจ้างในอนาคต ที่สำคัญคือเขาจะยอมรับความหลากหลายทางวัฒนธรรมได้
“ล่าสุดนักแสดงแสดงโชว์หนึ่งให้เด็กๆ ชมซึ่งเป็นโชว์ที่มีฉากเพศเดียวกันจูบกัน ตอนแรกเรากังวลว่าผู้ใหญ่จะตกใจไหม แต่กลายเป็นว่าผู้ใหญ่ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนเด็กๆ เขาก็หัวเราะคิกคัก นั่นหมายความว่าแม้ว่าในชีวิตประจำวันที่โรงเรียนของเขาจะไม่เคยได้เห็นมุมมองเหล่านี้ก็จริง การที่เราทำให้เขารู้จักกับสิ่งนี้ เมื่อเขาเข้าสู่โลกแห่งความจริง เขาก็จะเข้าใจและเปิดรับเรื่องความหลากหลายได้”
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/Copy-of-print-2022-Flamenko-balets-Bailame-152-1024x683.jpg)
15. 25 ปีของ Bangkok Festivals กับหมุดหมายต่อไปที่จะอยู่คู่สังคมไทย
สำหรับองค์กรที่อยู่มานานกว่า 25 ปี และเต็มไปด้วยเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจ เราคิดว่า 2 ชั่วโมงที่นั่งสนทนากับราซิน่าร์นั้นผ่านไปเร็วจนน่าตกใจ อย่างที่บอก 25 ปีถือว่าไม่น้อยเลยหากมองว่า Bangkok Festivals นั้นกำลังทำภารกิจในประเทศที่ศิลปะการแสดงและดนตรีตะวันตกยังต้องการได้รับการปลูกฝังอย่างกว้างขวางและลึกซึ้ง
คำถามสำคัญที่เราสงสัยคือ ในเมื่อธุรกิจนี้เต็มไปด้วยความยากและความซับซ้อน ทำไม Bangkok Festivals ถึงมุ่งมั่นที่จะทำต่อไปท่ามกลางความท้าทายขนาดนี้
“ใครไม่ชอบความท้าทายบ้าง” เธอตอบกลับทันที “เราคิดว่าชีวิตคือความท้าทาย เราคิดแต่ว่าเราต้องทำให้ได้ ต้องทำให้สำเร็จ ขนาดช่วงโควิด-19 เรายังนั่งในห้องประชุมนี้เป็นชั่วโมง และประชุมกับหมอเพื่อดูความเป็นไปได้ เพราะเราไม่อยากให้คนไทยพลาดโอกาสดีๆ ในการชมการแสดงระดับโลกที่มันมีค่ามากต่อมุมมองการใช้ชีวิตและจิตใจ
“เรายังชวนหมอไปดูด้วยนะ หมอยังแปลกใจว่าประเทศไทยมีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ เขาเคยเห็นแต่ที่เมืองนอก เราเลยคิดว่าเรายิ่งต้องทำให้ใหญ่ขึ้นและดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้มันสนุกและเข้าถึงทุกคนกว่าเดิม เพื่อสนับสนุนศิลปะ สนับสนุนศิลปินทุกคน และเปิดโอกาสให้ศิลปะเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของชีวิตคนไทยให้ได้” ราซิน่าร์ทิ้งท้าย
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/06/BODY-WEB-W-Bangkok-Festivals2-1024x683.jpg)