มูเตวอลล์
คุยกับ ‘มูเตเวิร์ล’ ผู้นำความเชื่อผสมธุรกิจจนความมูเข้าไปอยู่ในชีวิตคนรุ่นใหม่
หากคุณเป็นคนที่ใช้สีมงคลนำทางชีวิต เลือกก้าวเท้าซ้ายก่อนออกจากบ้าน นิยมฤกษ์งามยามดี และมีเครื่องรางติดกระเป๋า นาทีนี้คุณคงไม่มีทางไม่รู้จัก ‘วอลเปเปอร์เสริมดวง’ เทรนด์มูล่าสุดที่มาแรงแบบติดลมบนมาหลายเดือน
หรือต่อให้คุณไม่ได้อยู่ในวงการมู ถ้าได้แอบมองวอลเปเปอร์มือถือของเพื่อนสักคน เชื่อเถอะว่าจะต้องมีคนที่ตั้งหน้าจอเป็นภาพไพ่ทาโรต์คอลลาจกับฉากหลังสุดอลังการอยู่แน่ๆ
เราไม่ได้พูดเกินจริง เพราะตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ‘มูเตเวิร์ล’ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พวกเขานี่แหละกำลังจะเป็นผู้นำเทรนด์ด้านความมูคนใหม่
ธุรกิจเล็กๆ ที่เพิ่งเป็นที่รู้จักยังไม่ถึงขวบปีเต็ม สร้างอิมแพกต์ขนาดนี้ได้ยังไง คอลัมน์ Micro Wave ที่ตั้งใจบอกเล่าธุรกิจในแวดวงเล็กๆ แต่สร้างแรงกระเพื่อมที่น่าจับตาในสังคม จึงตั้งใจเปิดตัวด้วยการชวน แม่หมอพิมพ์ฟ้า–พิชา กุลวราเอกดำรง Chief Fortune-Teller Officer, แม่หมอแอเรียล–พิมฉัตร์ วิบูลย์ธนินกุล Chief Operation Officer, แม่หมอกิโกะ–จินเจษฎ์ ประเสริฐสิริชล Chief Magical Officer, ฝน–สุภัทร์พร โปสกนิษฐกุล Art Director และ กุโร่–อภิชา อินทรกำแหง Chief Officer Technology ทีมงานทั้งห้าคนที่ร่วมปลุกปั้นและปลุกเสกมูเตเวิร์ลขึ้นมา มาเฉลยให้ฟังกัน
ถึงจะต้องเกริ่นไว้ก่อนว่าโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน แต่หลายเรื่องเราว่าก็ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยนะ
สร้างเทรนด์มู จากความต้องการของสายมูตัวจริง
แท้จริงแล้วมูเตเวิร์ลเป็นธุรกิจเล็กๆ ที่แม่หมอกิโกะและแม่หมอแอเรียลเปิดมาเพื่อรับฝากมูหรือรับไหว้เจ้าในช่วงโควิด–สถานการณ์ที่คนส่วนหนึ่งไม่สะดวกออกจากบ้าน และคนอีกส่วนต้องการที่พึ่งทางใจในการใช้ชีวิต
“จุดเด่นหนึ่งที่เรามีไม่เหมือนคนอื่นคือเรารู้อินไซต์ของคนที่ไหว้ เรามักเจอว่าเวลาคนไหว้เสร็จเขาจะอยากรู้ว่าไหว้แล้วองค์เทพรับรู้ไหม อันนี้เป็นคีย์หลักของเราเลย คือเราจะมีเปิดไพ่ให้ด้วยหลังไหว้ว่าองค์ท่านอยากสื่อสารอะไรกับคุณ” แม่หมอกิโกะอธิบาย
แต่นั้นก็ยังไม่ใช่จุดพีคของความปัง
อย่างที่รู้ ความปังที่แท้จริงเกิดขึ้นหลังจากนั้นพร้อมกับวอลเปเปอร์ไพ่เสริมดวงที่แม่หมอพิมพ์ฟ้าบอกว่า “คิดว่าจะทำเพื่อหาตังค์กินขนมเฉยๆ ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นธุรกิจอลังการขนาดนี้
“เราเคยทำไพ่ทาโรต์กับฝนไว้ใช้เองเมื่อ 4 ปีก่อน ตอนนั้นคิดแค่ว่าก็ทำเอาไว้ ยังหาที่ลงไม่ได้ แล้วเรามีกรุ๊ปไพ่ทาโรต์ของตัวเองอยู่ เลยลองเอาไพ่ The Devil กับ The Lover มาตั้งเป็นคัฟเวอร์กรุ๊ป พอใช้ไปก็รู้สึกว่าบรรยากาศในกรุ๊ปมันซอฟต์ดี คนคุยกันได้ คนในเพจเลยเริ่มจับไต๋เราได้มั้งว่าเรามีความเชื่อแบบนี้ เขาก็เริ่มเอาไพ่มาตั้งหน้าจอกัน ซึ่งปกติเขาก็ทำกันแหละ แต่จะเป็นไพ่ใบเดียว”
เมื่อเห็นความเป็นไปได้จากกระแสการตั้งหน้าจอมือถือในกรุ๊ป แม่หมอพิมพ์ฟ้าจึงชักชวนแม่หมอแอเรียลมาลองจัดไพ่เป็นเซต 3 ใบ ทำเป็นวอลเปเปอร์มือถือแจกฟรี ปรากฏว่าในคืนเดียวยอดแชร์ของโพสต์นี้พุ่งไปไกลถึง 40,000 แชร์
“วันนั้นมีคนทักส่วนตัวเรามาเยอะมากว่ามีทำวอลเปเปอร์ส่วนตัวไหม เราเลยมาปรึกษากันว่างั้นมาลองทำขายกันดีไหม เรามีทีมกับกิโกะ พี่ฝนทำกราฟิกได้นะ พี่พิมพ์ฟ้ามีไพ่นะ กุโร่ก็ทำหลังบ้านได้” แม่หมอแอเรียลเล่า
“ตอนแรกเราเลยเปิดไพ่ดู ปรากฏว่ามันขึ้นเป็นไพ่สิบเหรียญ ก็เลยเอาล่ะ Let’s do it.” แม่หมอกิโกะเสริมพร้อมเสียงหัวเราะ
กระบวนการหาทีมงานหลังบ้านมาคอยดูแลเพจมูเตเวิร์ลจึงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันนั้น ด้วยความคิดของทีมที่ว่าจะทำกันแค่ไม่กี่เดือน พอกระแสซา ต่างคนก็คงแยกย้ายกลับไปทำงานของตัวเอง
สวยด้วย ดวงดีด้วย
“เราว่าพอมันเป็นวอลเปเปอร์ที่เปลี่ยนง่าย เราก็ไม่ต้องไปนั่งซื้อเครื่องราง บูชาองค์เทพ หรือหาผ้ายันต์มาแปะ อันนี้แค่กดเปลี่ยนวอลเปเปอร์เฉยๆ มันก็ได้แล้ว” ฝนผู้รับหน้าที่ออกแบบวอลเปเปอร์กล่าว
โดยข้อสำคัญที่ฝนยึดถือในการออกแบบงานทุกครั้ง คือ หนึ่ง–วอลเปเปอร์จะต้องใช้ได้ในชีวิตประจำวันแบบไม่รู้สึกเขินอาย และสอง–งานทุกชิ้นจะต้องมีองค์ประกอบดวงครบถ้วน
“วอลเปเปอร์ทุกอันมีความหมายและมีองค์ประกอบของดวงหมดเลยนะ เหมือนเวลาเราไหว้ส้มเราต้องไหว้สิบลูก ไหว้เป็นเลขคู่ใช่ไหม อันนี้ก็เหมือนกัน สมมติเราวาดเหรียญขึ้นมา เหรียญก็จะต้องตกลงไปในที่ที่มีภาชนะรองรับ เหรียญจะไม่ตกลงไปในที่ว่างเปล่า ไม่งั้นมันก็เหมือนกับจะหายไปเลย
“บางครั้งองค์ประกอบหลายอย่างเราก็อิงมาจากหลักฮวงจุ้ย เช่น ต้องมีมังกรหรือปี่เซียะ ซึ่งมันยากมากที่จะเอาสิ่งเหล่านี้มาใส่ในภาพให้ดูไม่น่าตกใจ เราเลยใช้การเลือกภาพที่คล้ายกัน หรือภาพที่เป็น synonym มาใส่แทน เพื่อให้งานของเราดูเทรนด์ดี้มากขึ้น วัยรุ่นจะได้ไม่รู้สึกว่าฉันเอาปี่เซียะมาตั้งวอลเปเปอร์ว่ะ” ฝนอธิบาย
“การออกแบบวอลเปเปอร์ถ้าเป็นปกติ ใครๆ ก็ไปหาไพ่มาทำได้ใช่ไหม แต่เราอยากให้มันมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่ส่งเสริมไพ่ด้วย ซึ่งเรามีความรู้ด้านศาสตร์อื่นๆ อยู่แล้ว เราก็อยากเอาศาสตร์เหล่านั้นมาใช้ร่วมด้วย
“อีกอย่างเราอยากให้คนใช้รู้สึกเหมือนได้เก็บสะสมงานศิลปะ เลือกสไตล์ที่เขาชอบได้ ดังนั้นมันจะไม่เขินเลยเวลาใช้” แม่หมอพิมพ์ฟ้าหนึ่งในทีมจัดไพ่สมทบ
การนำงานดีไซน์มาเป็นตัวตั้ง ทำให้มูเตเวิร์ลสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายมากกว่าการกำหนดทาร์เก็ตกรุ๊ปเป็นเพศหรือช่วงวัย เพราะแม้ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นเด็กวัยรุ่นสายมู แต่งานออกแบบที่ฝนเลือกใช้เทคนิคคอลลาจเป็นหลักยังสามารถเจาะกลุ่มผู้ใหญ่ คนวัยทำงาน หรือแม้กระทั่งผู้บริหารที่ถูกจริตกับงานออกแบบสไตล์นี้ได้ด้วย
นอกจากนี้ฝนยังพยายามออกแบบคอลเลกชั่นให้หลากหลาย จับสิ่งที่คนในวงการมูพูดถึงในช่วงนั้นมาดัดแปลง เพื่อที่มูเตเวิร์ลจะได้ตอบสนองความเชื่อที่หลากหลายของลูกเพจให้ได้มากที่สุด เราจึงได้เห็นทั้งงานคอลลาจดูเหรียบหรู งานภาพไล่สีแบบหวานๆ ไปจนถึงงานวาดเทพเจ้าฮินดูลายการ์ตูนสุดน่ารัก
“เหมือนวอลเปเปอร์ที่แม่หมอแอเรียลทำแจกฟรีมันกลายเป็นโปรโตไทป์ให้เราไปแล้วว่ามันเวิร์ก เราก็หยิบสิ่งนั้นมาต่อยอด แล้วเราว่ามันเปลี่ยน behavior ของคนเหมือนกันนะ เพราะคนส่วนใหญ่แต่ก่อนจะใช้วอลเปเปอร์รูปศิลปิน หรือรูปอะไรก็ตามที่มันฟรี แต่ว่าตอนนี้คนยอมซื้อวอลเปเปอร์แล้วล่ะ” ฝนว่า
ศาสตร์แห่งการเข้าใจคนรุ่นใหม่
“ที่เราเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เยอะ อาจจะเป็นเพราะเรามีความเป็น trial and error เหมือนกัน” แม่หมอกิโกะเฉลย
ทีมงานทั้งห้าคนพบว่าลูกค้าและลูกเพจส่วนใหญ่ของมูเตเวิร์ลเป็นกลุ่มที่กล้าลองอะไรแปลกใหม่ สิ่งนี้เป็นลักษณะนิสัยที่เข้ากับมูเตเวิร์ล ที่ทุกการออกคอลเลกชั่นวอลเปเปอร์ใหม่ล้วนเป็นการทดลองเช่นกัน
หลายครั้งพวกเขาจึงต้องทดลองใช้วอลเปเปอร์กันเองก่อนเพื่อความแน่ใจ และหลายครั้งพวกเขายังใช้วิธีการแจกวอลเปเปอร์ฟรี เพื่อให้เหล่าคนกล้าในเพจทำหน้าที่เป็นหนูทดลองในการใช้ด้วย
“ไม่รู้ทำไมยิ่งเสี่ยง คนยิ่งชอบ” แม่หมอพิมพ์ฟ้าหัวเราะ
“ที่สำคัญ เราว่าคนรุ่นใหม่รู้สึกว้าวซ่ากับความมูมากขึ้นนะ แต่ก่อนพอบอกว่ามู ภาพมันจะเป็นสำนัก ศาลเจ้า ร่างทรง แต่สมัยนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้นอย่างเดียวแล้ว เส้นกั้นระหว่างศาสนามันน้อยลง เราก็เหมือน a la carte ได้ว่า เราอยากนับถือเทพเจ้าองค์นี้จากศาสนานี้นะ จะนับถือเทพฮินดูกับเห้งเจียก็ได้ เราชอบอะไรก็เอาอันนั้นมา
“มันต่างจากแต่ก่อนมากเลย เพราะแต่ก่อนการนับถืออะไร ส่วนใหญ่ก็เพื่อฝึกตัวเอง ฝึกจิตใจ ละกิเลสได้ แต่ว่าสมัยนี้เราว่าไม่ใช่ ยุคนี้คนกิเลสมากขึ้น ความต้องการคนเปลี่ยนไป การนับถือเทพเจ้าเลยเหมือนเพื่อให้เราได้รับอะไรบางอย่างมากกว่า” แม่หมอพิมพ์ฟ้าเล่าต่อ ก่อนแม่หมอกิโกะจะขยายความว่า
“คนรุ่นใหม่มีความเจเนอเรชั่น Me สูงมาก คือเอาตัวเองเป็นเซนเตอร์ อะไรที่ช่วยเขาได้เขาก็จะนับถือคนนั้น มันไม่ได้มีเส้นแบ่งความเชื่ออีกแล้ว”
ไม่เพียงแค่รูปแบบความเชื่อที่เปลี่ยนไปเท่านั้น แต่ในยุคนี้รูปแบบการขอพรของคนรุ่นใหม่ก็ยังเปลี่ยนไปด้วย
การขอพรกับเทพเจ้าให้กดบัตรคอนเสิร์ตได้ ขอให้คู่ชิปที่ชอบมีโมเมนต์ หรือแม้กระทั่งขอให้ได้ตัวละครที่ชอบในเกมออนไลน์ แทบจะกลายเป็นเรื่องปกติที่ทีมมูเตเวิร์ลเจอไปแล้ว
เรื่องนี้ยืนยันได้โดยแม่หมอแอเรียลผู้จัดไพ่จนได้ฉายา ‘ประทานพรเกมเมอร์’
“คือบางทีสิ่งที่เขาขอมันก็เล็กน้อยมากจนไม่กล้าไปขอกับเทพเจ้า สมมติฉันอยากขอตัวละครในเกมที่ถือดาบ จะไปขอยังไง ต้องไปขอกับเทพองค์ไหนล่ะ ซึ่งเราก็เข้าใจนะ เรื่องบางเรื่องมันอาจจะฟังดูเล็กน้อย แต่มันก็อาจจะสำคัญมากสำหรับบางคนก็ได้”
“เราว่าเราเป็นเหมือนจุดกึ่งกลางของความมู คือคนยังรู้สึกคอมฟอร์ตในการมาคุย มาบอกเรา แล้วค่าใช้จ่ายในการทำวอลเปเปอร์ของเราก็ไม่ได้สูง ทำอันหนึ่งแล้วก็ยังเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ ตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของแต่ละคนได้” แม่หมอกิโกะวิเคราะห์
ความสบายใจจากการขอพรเล็กๆ น้อยๆ โดยไม่ต้องกลัวเทพเจ้าจะมาแอบขำ และสำหรับหลายคนผลลัพธ์จากวอลเปเปอร์ก็ยังดีเกินคาด ทำให้อิทธิฤทธิ์ของมูเตเวิร์ลถูกส่งต่อไปแบบปากต่อปาก จนพาลูกค้าหน้าใหม่กลับมาหาพวกเขาได้อีกเพียบ
จะมาเป็นมูเตเวิร์ลเหมือนกันไม่ได้
เมื่อกระแสของมูเตเวิร์ลเกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แถมยังดังติดลมบนข้ามปีสมคำบอกของไพ่สิบเหรียญ
แน่นอน สิ่งที่ตามพวกเขามาติดๆ ก็คือคู่แข่งทางธุรกิจ ที่บางรายเผลอๆ อาจมีกำลังแข็งแรงกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ
“ข้อดีของการเริ่มอะไรเป็นคนแรก คงเป็นเรื่องที่เราสามารถต่อยอดอะไรได้เร็ว เห็นฟีดแบ็กลูกค้าปุ๊บก็สามารถพัฒนาสินค้าได้ทันที แต่ข้อเสียของเราคือการโดนเลียนแบบ” แม่หมอกิโกะเกริ่น
“ถามว่าเราแก้ไขอะไรตรงนี้ได้ไหม เราก็ยังทำไม่ได้นะ แต่เราเชื่อว่าการเป็นเจ้าแรกมันต้องโดนก๊อปอยู่แล้วเป็นธรรมดา หลังจากนี้ต่างหากคือการพิสูจน์กึ๋นว่าเราจะอยู่รอดยังไงได้บ้าง กลายเป็นว่าตอนนี้เราพิสูจน์ตัวเองทุกวัน ซึ่งยากมาก เราทำงานแบบไม่ได้พักมา 5-6 เดือนแล้ว ภาพข้างหน้ามันอาจจะดูเหมือนง่าย แต่หลังบ้านมันยุบยิบไปหมดเลย สภาพเราอนาถมาก!
“บางทีคู่แข่งของเราก็ตัวใหญ่มาก จนคนลืมชื่อเราไปเลยด้วยซ้ำ แล้วเราก็จะกลายเป็นอันดับสองไปเลย ซึ่งมันเป็น pain ในหัวใจเราเหมือนกันนะ เพราะเราอุตส่าห์สร้างมันมากับมือ ดังนั้นด้วยขนาดเท่านี้ สิ่งที่เราพอจะทำได้และสิ่งที่เรารู้ก็คือ เราสู้ในสนามไหนไหวเราก็อยู่แค่ในสนามนั้น เราไม่อยากรีบ ตัวอย่างแบรนด์ที่ดังในชั่วข้ามคืนแล้วตั้งรับไม่ไหวก็มีให้เห็นและเราไม่อยากเป็นแบบนั้นเลย
“เราเลยพยายามไปให้ช้าและมั่นคงมากขึ้น ที่สำคัญเราต้องทำธุรกิจที่ซื่อสัตย์กับลูกค้าเสมอ เราอยากให้ลูกค้าพูดถึงเราในทางที่ดี เพราะตอนนี้เรากำลังเอาชื่อเสียงตัวเองเป็นประกันอยู่ เราทุกคนมีอาชีพเดียว ชื่อเสียแล้วเสียเลย เพราะฉะนั้นเราต้องทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ที่สุด” แม่หมอพิมพ์ฟ้ากล่าว
ยิ่งกว่านั้น ความปังของมูเตเวิร์ลยังลามไปถึงการทำให้เกิดศาสตร์การจัดไพ่เป็นวอลเปเปอร์ ซึ่งกลายเป็นศาสตร์การสอนจริงจัง และบางครั้งก็นำมาซึ่งความวุ่นวายกับทีมงานด้วย
“เราเคยเจอคนมาเถียงว่า เฮ้ย ไพ่ใบนี้มันไม่ดี จัดมาได้ไง แล้วเขาบอกว่าไปอ่านมาจากเว็บนี้ ปรากฏว่าเนื้อหามาจากเว็บที่พิมพ์ฟ้าเขียนเมื่อสิบปีที่แล้ว งงมาก คือเธอมีเซกชั่นฆ่าตัวเองอยู่ทุกที่และตลอดเวลา” ฝนเล่าพร้อมเสียงหัวเราะ
“สิ่งที่เราอยากบอกก็คือ ศาสตร์ต่างๆ มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว อย่างโหราศาสตร์ที่เราเรียนมา สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นเขาบอกว่าการงานที่เป็นหลักแหล่งคืองานที่ดี เพราะเขาหมายถึงงานราชการ แต่ตอนนี้การงานไม่เป็นหลักแหล่งก็ทำงานได้ ความหมายมันเปลี่ยนไปตามบริบทสังคมแหละ เพราะฉะนั้นการทำงานกับเรื่องดวง เราต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ หาความรู้ใหม่ๆ ไว้เสมอ ไม่ได้ใช้วันนี้ เดี๋ยวก็ได้ใช้วันข้างหน้า”
ปังหนึ่งครั้ง ต้องปังตลอดไป
ถึงมูเตเวิร์ลจะเกิดมาได้เพราะวอลเปเปอร์เสริมดวง แต่ทีมงานทุกคนต่างเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าช่วงเวลาหลังจากนี้ต่างหากที่สำคัญ
“เราไม่ต้องการให้สิ่งนี้มันเป็นแค่การขายไปแล้วจบ เราหวังว่าต่อไปเราจะเปลี่ยนพฤติกรรมของคนได้ เราอยากอยู่กับธุรกิจนี้ไปนานๆ ไม่ใช่มองว่าธุรกิจนี้เป็นงานที่เราถูกหวย จับพัดจับผลูขึ้นมาอย่างเดียว เราอยากให้การมูกลายเป็นไลฟ์สไตล์หนึ่งที่สนุก เหมือนที่เวลาคนเลือกเสื้อผ้าแล้วต้องนึกถึงสีมงคล เวลาเปลี่ยนเบอร์แล้วนึกถึงเลขมงคล หรือต่อไปเราก็อยากให้การไปมู ไปไหว้เจ้า มันเหมือนกิจกรรมแบบไปเดินสยาม” แม่หมอพิมพ์ฟ้าเล่าถึงความคาดหวังของทุกคน
เพื่อวางตัวเองเป็นผู้นำเทรนด์มูให้ได้ต่อไปยาวๆ พวกเขาจึงต้องอาศัยความซื่อสัตย์ในการทำธุรกิจ ขณะเดียวกันก็ต้องค่อยๆ สร้างแบรนด์ให้เติบโตตามกำลัง โดยหนึ่งในวิธีนั้นคือการสร้าง personal branding ที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ต่อไปเมื่อนึกถึงเรื่องมูเมื่อไหร่ มูเตเวิร์ลจะเป็นคำแรกที่เข้ามาในหัวของทุกคน
เหมือนอย่างที่ฝนบอก “ในเมื่อคู่แข่งด้านวอลเปเปอร์เราเยอะมาก ดังนั้นเราเลยต้องเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านมูให้ได้ไปเลย”
พอเหมาะพอเจาะกับเมื่อหลายปีที่แล้ว ผลจากการดูฤกษ์ชี้นำให้พวกเขาเปิดช่องยูทูบรอไว้
“ตอนที่เรามาย้อนคิดกันว่าเราจะสร้างโลกของความมูได้ยังไง เราก็พบว่ามันคือการมีมีเดียของตัวเอง เราก็เลยมาจริงจังกับการทำยูทูบกันด้วยในช่วงหลัง
“แต่ในตัววีดีโอของเรา เราจะไม่ได้พาไปไหว้หรือเปิดไพ่นะ เพราะคนทำกันเยอะแล้ว และเราก็คงไปแข่งกับใครไม่ได้หรอก เราเลยปรับการเล่าเรื่องให้เป็นแนวไลฟ์สไตล์มากขึ้น ด้วยการทำรายการ มูเต Say Hi ที่เลือกไปเล่าเรื่องในมุมอื่นๆ เกี่ยวกับดวง หรือเล่าเรื่องที่มีแต่หมอดูเท่านั้นที่รู้ แล้วก็ไปเชิญแขกรับเชิญมาเพื่อเพิ่มความวาไรตี้ให้กับเรื่องดวง” แม่หมอกิโกะอธิบาย
มากไปกว่านั้นพวกเขายังอาศัยคอนเนคชั่นจากการทำงานในอดีตค่อยๆ ต่อยอดไปร่วมงานกับแบรนด์ต่างๆ ทำวอลเปเปอร์ร่วมกันบ้าง ดูดวงรวมกันบ้าง ขายของร่วมกันบ้าง เพื่อสร้างฐานลูกค้าและทำให้มูเตเวิร์ลกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น จนปัจจุบันมีลูกค้ามากหน้าหลายตาทยอยมาขอติดต่อร่วมงานกับมูเตเวิร์ล ซึ่งน่าจะเป็นข้อพิสูจน์ได้แล้วว่า ความสามารถของพวกเขานั้นเด็ดสมคำร่ำลือขนาดไหน
ธุรกิจที่ไม่ได้มีดีแค่โชคช่วย
เปิดไพ่ก่อนทำทุกอย่างขนาดนี้ คิดว่าความสำเร็จจริงๆ เป็นเพราะดวงหรือกลยุทธการตลาดมากกว่ากัน – เราสงสัย
“ดวง!” ทีมงานทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน ก่อนจะเฉลยว่าจริงๆ พวกเขาก็จริงจังกับทั้งสองด้าน อย่าเพิ่งเข้าใจผิดล่ะ
ในด้านดวง แม่หมอแอลเรียลบอกว่าความพิเศษของทีมมูเตเวิร์ลคือการรวมตัวกันของคนครบทุกธาตุจีนทั้ง น้ำ ไม้ ไฟ ดิน ทอง แถมทุกคนยังมีพื้นดวงเกี่ยวกับความมูติดตัวมาด้วย
“ทุกคนรู้ลิมิตชีวิตตัวเอง รู้ว่าดวงการเงินเราเป็นยังไง พื้นดวงคร่าวๆ เป็นยังไง แต่การที่เรามารวมกันมันกลายเป็นโกโก้ครั้นช์ เหมือนทุกอย่างมันปังขึ้นมาเลย ซึ่งมันน่ากลัวมาก” แม่หมอแอเรียลเล่า
“อย่างฝนเป็นคนที่มีดวงด้านศิลปะมาก ดวงของฝนไปทำมุมตรงจุดเมษพอดี ตามศาสตร์เยอรมัน จุดเมษจะทำให้เรามีโอกาสมีชื่อเสียงไวรัลในระดับโลกหรือประเทศก็ได้” แม่หมอพิมพ์ฟ้าขยายความให้เห็นภาพอีกนิด
วางแผนเรื่องดวงกันมาดีสุดๆ ส่วนในด้านกลยุทธธุรกิจพวกเขาก็ทำเต็มที่ไม่แพ้กัน
“เราอยากให้สิ่งนี้เป็นธุรกิจที่ยั่งยืนจริงๆ ไม่ใช่ขายวอลเปเปอร์แล้วจบไป ดังนั้นนอกจากเรื่องของโปรดักต์แล้ว เรายังใส่ใจในดีเทลเล็กๆ ด้วย เรื่องเซอร์วิสต่างๆ เราก็มีให้หมด แอดมินเราตอบลูกค้าค่อนข้างละเอียดเลย หรือทำวอลเปเปอร์มาถ้าใช้แล้วไม่สบายใจในช่วงแรก เราก็ให้เปลี่ยนได้ เราว่านี้คือฐานที่ทำให้ลูกค้ายังอยู่กับเรา และถ้ามันดีเขาก็จะบอกต่อกันไปเองโดยที่เราไม่ต้องโฆษณา” กุโร่เสริม ก่อนแม่หมอแอลเรียลจะเล่าต่อ
“เรารู้สึกว่าช่วงที่มีรายการ มูเต Say Hi คนเริ่มสนุกกับเรามากขึ้นนะ มีคนมาคุยกับเราเยอะขึ้น บางคนยังมาบอกเลยว่าเขาชอบดูเรานะ เปิดดูเพลินๆ ตอนกินข้าว ซึ่งเราว่าเท่านี้มันก็สำเร็จแล้วล่ะ เราเลยคิดว่าเรากำลังมาถูกทางนะ สิ่งที่เราทำถูกจริตกับลูกค้า ดังนั้นต่อไปเราก็จะพยายามคุยกับพวกเขาให้เยอะกว่านี้อีก”
เพราะสิ่งที่ทีมงานมูเตเวิร์ลฝันร่วมกันก็คือการสร้างคอมมูนิตี้แห่งการมูอันยิ่งใหญ่ โดยมีพวกเขาเป็นผู้นำเทรนด์อยู่เสมอ
เป้าหมายนี้คงใช้โชคช่วยอย่างเดียวไม่ไหว พวกเขาจึงต้องทำงานกันอย่างทุ่มเทแบบที่เราเห็น
“เราอยากให้คนมองว่าไม่ว่ามูเตเวิร์ลจะทำอะไรต่อไป เขาจะเชื่อถือเรา อยู่กับเรา และอยากได้ของจากเรา แม้ในวันนั้นมันอาจจะไม่ได้เป็นวอลเปเปอร์แล้วก็ตาม” ฝนปิดท้าย
ภาพ : เพจมูเตเวิร์ล