ในช่วงแรกแนวคิดของเขาไม่ได้รับการยอมรับ แต่คอนราดก็เดินทางไปทั่วยุโรปเพื่อบรรยายเทคนิคการทำรองเท้าให้สอดคล้องกับสรีรศาสตร์ซึ่งเรียกว่า Birkenstock System ต่อมาคาร์ลลูกชายของคอนราดได้เปิดขายพื้นรองเท้านี้ให้กับผู้ที่ผ่านหลักสูตรการทำรองเท้าและคนขายรองเท้าเท่านั้น เพราะเขาเชื่อว่า Birkenstock System ต้องปรับใช้อย่างถูกต้องเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ในช่วงทศวรรษ 1990 หลังจากที่ Kate Moss นางแบบวัย 16 ปีในขณะนั้นใส่ Birkenstock ถ่ายแบบลงนิตยสาร The Face และบนรันเวย์แฟชั่นโชว์ของ Perry Ellis ในปี 1993 ก็ทำให้แบรนด์เป็นจุดสนใจขึ้นมา
ศิลปินอย่าง Solitude is Bliss, Ska Rangers ที่ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น POLYCAT, electric.neon.lamp, NAP A LEAN, Derdamissyou, Yonlapa, Harmonica Sunrise, Boy Imagine, Migrate to the Ocean, สภาพสุภาพ, Sustainer, Vega, อินธนูและพู่ถุงเท้า ฯลฯ กลายเป็นชื่อที่อยู่ในความจดจำของแฟนเพลง
เพลงจำนวนมากจากศิลปินเชียงใหม่ที่ผลัดกันขึ้นมาอยู่บนชาร์ตเพลงไทยเหล่านี้ เปรียบคล้ายกับปรากฏการณ์ The British Invasion ในช่วงปี 1960 ที่ผลงานเพลงของศิลปินจากเกาะอังกฤษพากันข้ามทะเลขึ้นบกมาเป็นที่นิยมในแผ่นดินอเมริกา
“ทีนี้ด้วยความที่เพื่อนฝูงเราส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มนักดนตรี คนทำงานศิลปะ งานสร้างสรรค์ด้านต่างๆ ตัวร้านก็เลยเป็นเหมือนศูนย์รวม เป็นที่แฮงเอาต์ให้ได้มานั่งพูดคุยกันทุกคืน แล้วจู่ๆ ตอนปี 2551 คลื่น Fat Radio ก็ประกาศว่าจะมาจัดคอนเสิร์ต Fat Festival 8 ‘โชว์เหนือ’ ซึ่งจัดที่เชียงใหม่เป็นครั้งแรก พวกเราชาวนักดนตรีก็คุยกันว่าอยากจะทำอัลบั้มไปวางขายในงาน ในเมื่อแฟตมาจัดที่เชียงใหม่นักดนตรีเชียงใหม่มันก็ต้องโชว์ของกันหน่อยสิวะ (หัวเราะ) ก็เลยชวนนักดนตรีต่างๆ มาทำเพลงกันแล้วรวมเป็นอัลบั้ม ชื่อ No Signal Input 2 (2551)”
No Signal Input กลุ่มพี่น้องนักดนตรี ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้ซีนดนตรีเชียงใหม่มีสีสัน
No Signal Input คือชื่อของโปรเจกต์และกลุ่มนักดนตรีเชียงใหม่ ที่เริ่มต้นมาจากกลุ่มพี่น้องนักดนตรีในชมรมดนตรีของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่อยากรวบรวมผลงานเพลงของแต่ละคนมาทำเป็นอัลบั้ม และเกิดเป็นอัลบั้มแรก No Signal Input 1 ในปี 2546 และต่อมาเมื่อ Fat Festival เทศกาลคอนเสิร์ตของคลื่นวิทยุเพลงทางเลือก Fat Radio มาจัดที่เชียงใหม่เป็นครั้งแรก พวกเขาก็รวบรวมผลงานมาจัดทำเป็นอัลบั้มอีกครั้งเพื่อนำไปเผยแพร่และวางขายภายในงาน จนเกิดเป็นอัลบั้ม No Signal Input 2
“หลังจบจากงาน Fat Festival ครั้งนั้นไป กลุ่มนักดนตรีก็เริ่มจะมาประชุมกันที่ร้านมินิมอลกันทุกๆ สัปดาห์ ก็กลายเป็นฐานบัญชาการไป คือพอพวกเราได้ปัดฝุ่นทำเพลงมาขายกัน มันก็เริ่มสนุก ก็มาคุยกันว่าจะทำยังไงกันต่อดี ตอนนั้นพี่โหน่ง (สมชาย ขันอาสา) เจ้าของ HIP Magazine (นิตยสารแจกฟรีในเชียงใหม่) ก็มาชวนกลุ่ม No Signal Input ให้ไปเล่นที่ร้าน Khan A Sa ของเขา เป็นที่แรก ทำให้พวกเราได้มีที่สำหรับเล่นเพลงของตัวเอง และก็ค่อยๆ มีที่อื่นๆ ชวนตามมา
“หลังจากนั้นแต่ละวงก็เริ่มมีผลงานเพลงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีการตั้งกติกากันในกลุ่ม No Signal Input ว่า เวลาไปเล่นที่ไหนจะต้องมีเพลงใหม่ ดีไม่ดีไม่รู้ ถ้าไม่เล่นมึงโดนปรับเป็นค่าเบียร์นะ (หัวเราะ) แล้วก็ให้เพื่อนๆ ที่ไปตามเชียร์ตามดูการแสดงคอยช่วยกันคอมเมนต์ แล้วมาปรับกันให้ดีขึ้น พอมีเพลงเยอะขึ้นก็เลยชวนกันทำอัลบั้ม No Signal Input 2.2 (2551)
“ที่เป็นเลข 2.2 เพราะในกลุ่มตกลงกันไว้ว่า No Signal Input จะทำกันเป็นรุ่นๆ แล้วทีนี้มันดันเป็นชื่อวงเดิมที่เคยทำมาแล้ว ก็เลยคิดกันว่างั้นเป็น 2.2 ละกัน และต่อมาก็เกิดไอเดียจัดงานรับสมัครคัดเลือกหาวงดนตรีจากเชียงใหม่ที่มีผลงานเพลงของตนเองให้มาเข้าร่วมกลุ่มเป็น No Signal Input ในแต่ละปี ก็เลยเกิดเป็น No Signal Input รุ่น 3 4 5 กันต่อมาเรื่อยๆ”
การเกิดขึ้นของกลุ่ม No Signal Input ที่ขยายรับสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ได้ทำให้กลุ่มนักดนตรีในจังหวัดเชียงใหม่มีความแน่นแฟ้น และคอยช่วยเหลือสนับสนุนการทำผลงานเพลงของแต่ละวงออกมา เป็นช่วงเวลาที่วงดนตรีอินดี้จากเชียงใหม่เบ่งบานที่สุด
No Signal Input นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ให้โอกาสวงดนตรีหลายวงจากเชียงใหม่ได้แสดงผลงานเพลงของตนเอง และต่อมาก็มีชื่อเสียงโด่งดังมีแฟนเพลงจำนวนมากถึงปัจจุบัน เช่น Ska Rangers ที่ต่อมาเปลี่ยนชื่อและโด่งดังอย่างมากในนาม POLYCAT, Solitude is Bliss, Derdamissyou, Harmonica Sunrise, Migrate to the Ocean, อินธนูและพู่ถุงเท้า, มัชฌิมา, Sirimongkol, สภาพสุภาพ, Vega, Vels, สหายเขียว, สมปอง, Echo Resort และอีกจำนวนมาก
Minimal Records ค่ายเพลงที่ทำให้วงดนตรีเชียงใหม่ได้ทำอัลบั้มที่บ้านเกิดของตนเอง
เมธเล่าย้อนให้ฟังว่า ต่อมาหลังจากที่กลุ่ม No Signal Input ขยายขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันแต่ละวงในกลุ่มก็เริ่มผลิตผลงานเพลงของตนเองออกมาจนมีจำนวนเพียงพอที่จะสามารถจัดทำเป็นอัลบั้มของวงนั้นๆ เองได้ แต่ก็พบว่าการทำอัลบั้มของแต่ละวงนั้นกลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ตอนนั้นสมาชิกในกลุ่มอย่างวง Derdamissyou กับ Harmonica Sunrise ที่มีผลงานของตนเองพอที่จะรวบรวมออกอัลบั้มของตัวเองได้ เราก็เห็นการทำงานของเพื่อนๆ แล้วพบว่าทำไมการจะทำอัลบั้มมันยากจัง เวลาที่เราทำรวมกันในนาม No Signal Input มันง่ายก็เอาเงินทุกคนมารวมกันทำ ขอสปอนเซอร์ก็ง่าย แต่พอเป็นหนึ่งศิลปินกลับขอสปอนเซอร์ได้ยากมาก ช่วงนั้นหลายวงก็เริ่มตัดสินใจย้ายกันไปที่กรุงเทพฯ หาค่ายเพลงอยู่เพื่อที่จะได้ทำอัลบั้มของตนเอง หาโอกาสที่จะทำให้คนรู้จัก”
ช่วงที่ศิลปินจากค่าย Minimal Records กำลังมีผลงานเป็นที่รู้จักอยู่นั้นเอง วงดนตรีจากเชียงใหม่ที่ย้ายไปหาโอกาสที่กรุงเทพฯ เองก็เริ่มมีผลงานเพลงออกมาในนามค่ายต่างๆ และกลายเป็นเพลงฮิตแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นวง POLYCAT, Musketeers, NAP A LEAN, electric.neon.lamp ทำให้ช่วงนั้นเกิดเป็นกระแสที่นักฟังเพลงจำนวนมากหันมาสนใจวงดนตรีจากเชียงใหม่ขึ้นมา
ช่วงเดียวกันนั้นเอง เลเล่เล้ นักวิจารณ์เพลงที่โด่งดังจากการโพสต์จัดอันดับอัลบั้มเพลงไทยยอดเยี่ยมในแต่ละปีลงบนเว็บ Pantip ก็ได้เลือกให้อัลบั้ม Montage ของ Solitude is Bliss เป็นอันดับ 1 และปีถัดมาอัลบั้มของ Migrate to the Ocean ก็ติดอันดับตามมา แถมทางค่าย Minimal ก็ได้ปล่อยโปรเจกต์อัลบั้มอะคูสติก Minimal’s less (2557) ออกมา ซึ่งเพลง Archimedes ของ Boy Imagine ได้รับเลือกเป็นเพลงยอดเยี่ยมจากสีสัน อะวอร์ดส์ วง Solitude is Bliss เองก็ได้รับรางวัลจากเวทีต่างๆ
LABBfest. คืองาน International Music Showcase ในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นโปรเจกต์ล่าสุดของเมธที่ทำร่วมกับ CEA (Creative Economy Agency) และเครือข่ายคนในวงการดนตรี
Labb Fest. เกิดขึ้นมาจากการพูดคุยระหว่างเมธกับทีมของ CEA ภายหลังจากที่มองเห็นปัญหาจากการจัดงานจับคู่ทางธุรกิจของวงการดนตรีเชียงใหม่ (business matching)
ต่อมาเมธกับทาง CEA เลยร่วมมือกันพัฒนาโปรเจกต์ Business Matching ของวงการดนตรีเชียงใหม่ขึ้นมาใหม่ เป็นงาน Music Show Case ในรูปแบบของมิวสิกเฟสติวัลในชื่อ LABBfest. ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเชียงใหม่ดีไซน์วีค (Chiangmai Design Week) และจัดเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น
หลายคนน่าจะรู้จัก Roxie Nafousi ผู้เขียนหนังสือ ‘Manifest: 7 Steps to Living Your Best Life’ หนังสือของเธอสรุปขั้นตอนง่ายๆ ในการเนรมิตสิ่งที่ต้องการด้วยกฎแรงดึงดูดของจักรวาลไว้ 7 ข้อ ได้แก่ ‘1. Be clear in your vision 2. Remove fear and doubt. 3. Align your behaviour 4. Overcome tests from the universe 5. Embrace gratitude without caveats 6. Turn envy into inspiration 7. Trust in the universe’
ในเวที Dragonfly ที่ผ่านมาโรซี่ได้เล่าถึงเคล็ดลับในการ manifest คือการ step into character หรือการสวมบทบาทและลงมือทำในสิ่งที่คิดว่าตัวเราในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดจะทำ หากเกิดความอิจฉาผู้อื่นให้เปลี่ยนความรู้สึกนั้นเป็นการชื่นชม สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะพลาดในการ manifest คือความหมกมุ่นที่อยากให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นดังใจหวังซึ่งในความจริงแล้วความหมุกมุ่นเวลาอยากได้สิ่งใดมากๆ นี้แสดงให้เห็นถึงความกลัวและความสิ้นหวัง โรซี่แนะนำให้ผูกอารมณ์กับผลลัพธ์ให้น้อยที่สุด ฝึกสร้างความพึงพอใจและรักตัวเองเสมือนเราเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดตั้งแต่วันนี้
เทคนิคสร้าง Complaint-Free World ให้ตัวเองแบบ Will bowen
นิสัยหนึ่งที่หลายคนแก้ไม่ได้คือการบ่นคร่ำครวญไม่รู้จบถึงปัญหาชีวิต Will Bowen เป็นผู้เขียนหนังสือ A Complaint free World ที่ขายดีทั่วโลกและมาแชร์เทคนิคการไม่สานต่อบทสนทนาการบ่นจากคนอื่นในชีวิตจำประจำวัน เริ่มจากการรู้ว่าทำไมผู้คนถึงชอบบ่นด้วยเทคนิคง่ายๆ คือ ‘GRIPE’ ที่ประกอบด้วย 5 ข้อ ได้แก่
“บางคนอาจจะมองว่า More than gelato คือการซื้อถั่วมาแล้วเอามาโปะบนเจลาโต้เลย ซึ่งไม่ใช่ เรานำไปผ่านกรรมวิธีที่ทำให้ลูกค้าได้กลิ่นหอมของการคั่ว ต้องมีอาฟเตอร์เทสต์ หลังจากกินแล้วยังมีรสชาติของวัตถุดิบหลักหลงเหลืออยู่ในความทรงจำ มันเกิดจากการที่เรารู้จักวัตถุดิบที่นำมาใช้จริง ไม่ใช่รู้แต่ how to แต่ต้องรู้ลึกว่าจะ under วัตถุดิบยังไง นี่ทำให้เรามีสิ่งที่ยูนีก แบบที่ยังไม่เคยเห็นสิ่งนี้จากเจ้าไหนมาก่อน”