Capital List ตอนนี้จะพาไปถอด 9 วิธีคิดของ จีระวุฒิ เขียวมณี บรรณาธิการบริหารและหนึ่งในผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์ Biblio ผู้ที่อยู่เบื้องหลังยอดขายและการพาหนังสือไปอยู่บนชั้นหนังสือขายดีทั้งในร้านหนังสือออนไลน์และออฟไลน์
ช่วงปี 2015-2018 ที่เซดริกออกล่ารางวัล เขากวาดรางวัลมาเพียบ ได้แก่ Best Chef Confeiteiro of France ประจำปี 2015 ที่จัดโดยนิตยสาร Magazine Le Chef, รางวัล Relais Desserts Award for the Best Confectioner ประจำปี 2016, รางวัล Omnivore Pastry Award ประจำปี 2017, รางวัลเชฟทำขนมที่ดีที่สุดในโลก หรือ Best Pâtisserie chef in the world for ‘Les Grandes Tables du Monde’ ในปี 2017, รางวัลเชฟทำขนมที่ดีที่สุดในโลก หรือ Best chef of Pâtisserie ประจำปี 2018 จาก the guide Gault & Millau
สำหรับคนที่มีคาแร็กเตอร์การ์ตูนในดวงใจและอยากทำธุรกิจน่าจะเคยฝันถึงการเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าคาแร็กเตอร์สุดน่ารักที่ตัวเองชื่นชอบ ข้อดีของธุรกิจนี้คือมีตลาดรองรับเพราะหากคาแร็กเตอร์เป็นที่รู้จัก นั่นแปลว่ามีกลุ่มแฟนคลับที่มีความชอบเหมือนคุณซึ่งตั้งตารอซื้อสินค้าอยู่แล้ว . เราขอรวบรวม 10 ขั้นตอนการเริ่มต้นทำธุรกิจคาแร็กเตอร์ลิขสิทธิ์ให้สำเร็จและยืนระยะได้อย่างแข็งแกร่งจากตัวอย่างของอาณาจักรธุรกิจตุ๊กตาสุดน่ารักทั้ง Moomin, Mr. Men & Little Miss, Miffy, We Bare Bears, LINE FRIENDS, Looney Tunes ฯลฯ ที่ ทอย–กรชนก ตรีวิทยานุรักษ์ ถือลิขสิทธิ์ภายใต้หลายบริษัท ทั้งบริษัท CODEC Creation, Present Tale และ CODY Factory
สิ่งที่ทำให้คาแร็กเตอร์จะรอดหรือร่วงคือจังหวะเวลาที่เหมาะสม การเลือกตัวการ์ตูนที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้วจะทำให้ขายง่าย หากการ์ตูนที่เราชอบยังไม่ดังในตอนนั้น ก็ต้องรอเวลาจนกว่าคาแร็กเตอร์นั้นจะดังขึ้น อย่าง Mr. Men & Little Miss ที่ซื้อลิขสิทธิ์ก่อนที่คนจะรู้จักแพร่หลายราว 5-6 ปี
เพราะรอยแตกเป็นเรื่องของความบังเอิญ ตูนจึงกล่าวไว้ในเพจซ่อมด้วยรักว่า “การสรรค์สร้างนี้จึงเป็นเรื่องของโอกาส (by chance) เท่านั้น เพราะงั้นแล้ว จึงไม่มีครั้งที่สองอีก ในป้านทุกใบ ในถ้วยชาทุกถ้วย” ไม่มีรอยร้าวไหนในชีวิตที่แตกซ้ำรอยกัน ในรูปแบบเดียวกัน แต่ทุกร่องรอยของบาดแผลล้วนทิ้งเรื่องราวเป็น ‘Traces of the story that happened’ ให้ได้เรียนรู้เอาไว้
กิจกรรมอีกรูปแบบหนึ่งที่ตูนจัดขึ้นเป็นมินิเวิร์กช็อปซึ่งจัดร่วมกับร้านอาหาร Kintsugi Bangkok by Jeff Ramsey ที่โรงแรม The Athenee Hotel ที่อยากนำเสนออาหารญี่ปุ่นสไตล์ไคเซกิแบบดั้งเดิมโดยเติมไอเดียใหม่แต่ยังคงเสน่ห์ดั้งเดิมเอาไว้ ซึ่งเป็นการตีความคอนเซปต์ของคินสึงิในรูปแบบใหม่ที่ถ่ายทอดศิลปะผ่านอาหาร ในครั้งนี้ตูนถ่ายทอดเรื่องราวโดยสอนลงรักและลงทองบางส่วน ย่อกระบวนการทั้งหมดให้เหลือสั้นไม่กี่ชั่วโมงพร้อมกิจกรรมชิมอาหารที่ร้าน
สำหรับคนที่เป็นซึมเศร้า การทำคินสึงิซึ่งซ่อมของที่แตกหักในมือด้วยกระบวนการอันเนิบช้าช่วยสะท้อนกลับไปยังจิตใจภายในเหมือนได้ซ่อมความแตกสลายข้างในไปด้วย “การทำสิ่งนี้ช่วยเชื่อม broken pieces back together ภายในใจของเขา ซ่อมของที่แตกอยู่ข้างใน”
นี่คือประวัติศาสตร์ย่นย่อของเหล่าน้องๆ จากยุคสมัยของของเล่นไวนิลจากเหล่าสตรีทดีไซเนอร์ มาจนถึงยุคสมัยแห่ง POP MART ผู้เปิดตลาดอาร์ตทอยราคาเข้าถึงได้และเปิดตลาดยักษ์หลับของจีนจนกลายเป็นสุดยอดผู้ซื้อของวงการ และการมาถึงของ POP MART และวงการอาร์ตทอยไทย
ยุคสมัยของมอลลี่ ดีมู และกล่องสุ่ม อาณาจักร POP MART
เราก้าวมาถึงยุคสมัยที่อาร์ตทอยสามารถกดจากตู้ได้ ของเล่นประเภทกล่องสุ่มเป็นสิ่งที่หลายคนเคยกดเล่น การเกิดขึ้นและความแพร่หลายของอาร์ตทอย คงต้องพูดถึงการเกิดขึ้นของผู้ผลิตและตลาดจีน หนึ่งในพื้นที่บริโภคขนาดยักษ์ในกระแสอาร์ตทอยในปัจจุบัน คือการมาถึงของผู้ผลิตสำคัญคือ POP MART ผู้ผลิตที่ทั้งเปิดตลาดจีน พานักออกแบบและวัฒนธรรมเอเชียไปในระดับโลกได้
ก่อนจะเข้าไปสู่ดินแดนของ POP MART จุดแข็งของ POP MART คือการขายอาร์ตประเภทกล่องสุ่มหรือ Blind Box อันที่จริงกล่องสุ่มหรือถุงสุ่มมีที่มาหลากหลายเช่นกิจกรรมถุงสุ่มของญี่ปุ่นที่มักขายช่วงเทศกาล หรือจริงๆ ของเล่นที่มากับขนมเช่นพวกขนมไข่ช็อกโกแลตคินเดอร์ ไปจนถึงการหมุนกาชาปองก็เป็นการขายโดยมีการสุ่มเป็นจุดขาย
ตรงนี้เองที่แบรนด์ของเล่นสำคัญคือ POP MART ผงาดขึ้นมาในฐานะผู้ผลิตและแบรนด์ระดับโลก รวมถึงเป็นการตลาดของจีนด้วย POP MART ถือเป็นแบรนด์ดีไซเนอร์ทอยที่ทำให้ดีไซเนอร์ทอยแมสขึ้นผ่านมาตรฐานการผลิตที่ค่อนข้างสูง ในราคาของกล่องสุ่มทั้งหลายเข้าถึงได้ หมุดหมายสำคัญของตลาดของ POP MART คือการเปิดตัวคอลเลกชั่นมอลลี่ในปี 2016 ปีนั้นเองที่วงการอาร์ตทอยของจีนเริ่มกระแสบริโภคอาร์ตทอยขึ้นอย่างเป็นทางการ
ความน่าสนใจของ POP MART คือ นอกจากคุณภาพสินค้าแล้ว POP MART ทำงานร่วมทั้งป๊อปคัลเลอร์ของแฟรนไชส์ทั้งงานจากตะวันตก เช่น มินเนี่ยน แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ หรือแฟรนไชส์จากอนิเมะร่วมสมัยต่างๆ ที่สำคัญคืองานอาร์ตทอยในปัจจุบันค่อนข้างสัมพันธ์กับการออกแบบคาแร็กเตอร์ POP MART ค่อนข้างมีการทำงานกับศิลปินที่เป็นศิลปินเจ้าเล็กจากหลายพื้นที่ของเอเชีย เช่น ดัคคู (Duckoo) จากเกาหลีใต้, ดีมู (Dimoo) หรือเจ้าหมูลูลู่ (LuLu The Piggy) จากจีนแผ่นดินใหญ่ มอลลี่ (Molly) จากฮ่องกง มอนสเตอร์หรือเจ้าลาบูบู้ของ Kasing Lung ศิลปินฮ่องกงที่เติบโตในยุโรป และล่าสุดคือการทำงานร่วมกับศิลปินไทยคือ Crybaby อีกหนึ่งกระแสที่กำลังถูกส่งออกไปทั่วโลกผ่านร้าน POP MART
POP MART ดังขนาดไหน POP MART ถือเป็นอีกหนึ่งซูเปอร์สตาร์ สาขาแรกของ POP MART เปิดตัวในปี 2010 ในปี 2014 เริ่มขายกล่องสุ่มโดยมีต้นแบบมาจากกาชาปองของญี่ปุ่น และหมุดหมายสำคัญคือการร่วมงานและเปิดตัวมอลลี่ในปี 2016 ในปีนั้นยอดขายของ POP MART ทะยานขึ้นสู่ 22 ล้านดอลลาร์ ในปี 2017 และพุ่งสู่ระดับ 73 ล้านดอลลาร์ ในปี 2018 ทุกวันนี้ POP MART มีร้านสาขากว่า 200 สาขา และเปิดสาขาหมุดหมายในเมืองแห่งศิลปะร่วมสมัยได้ตั้งแต่ลอนดอน และที่สำคัญคือปารีส สำหรับแถบบ้านเราก็มีท่ีสิงคโปร์ เกาหลีใต้ ฮ่องกง และล่าสุดข่าวว่าราชากล่องสุ่มก็พร้อมจะมาทำให้ล้มละลายที่สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ที่กำลังจะเปิดเร็วๆ นี้
POP MART เข้าตลาดหุ้นในปี 2020 รายงานการเงินฉบับแรกมีรายได้ ‘2,500 ล้านหยวน’ อัตราการเติบโต 49% กำไร 63% ในแง่ของตลาดจีน ตัวเลขของตลาดของสะสมมีตัวเลขที่สัมพันธ์กับการทะยานขึ้นของ POP MART ในช่วงปี 2016 คือในปี 2015 ขนาดตลาดของเล่นของสะสมจีนมีขนาด 900 ล้านดอลลาร์ แต่ในปี 2019 ตัวเลขของตลาดของเล่นของสะสมขยายตัวไปเป็น 3,000 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะขยายเป็น 7,000 ล้าน และ 10,000 ล้านในปี 2024 นับเป็นหนึ่งในตลาดความต้องการใหม่ที่เป็นที่จับตา
วงการอาร์ตทอยเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่อันที่จริงบ้านเราเองก็เป็นหนึ่งในกระแสสำคัญของวงการร่วมสมัยทั้งการเป็นฮับผู้ผลิตและผู้บริโภค ไปจนถึงการที่ศิลปินไทยเริ่มนำเอาวัฒนธรรมไทยปรับไปสู่สินค้าที่มีหน้าตาร่วมสมัย จากป๊อปคัลเจอร์ ถึง POP MART เรื่อยมาจนถึงของสะสมสายมู ความสนุกของการสุ่ม และความพิเศษของการบริโภคในความหมายที่มีความซับซ้อน
“โอ้โห พอได้ฟังประโยคนั้นจากแม่ มันทำให้ผมตอบคำถามตัวเองได้ทันที นั่นทำให้ผมตัดสินใจย้ายงานไปทำที่ Google สำนักงานใหญ่ ที่ซิลิคอนแวลลีย์”
ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ Google
“การสัมภาษณ์งานที่ Google ใช้เวลายาวนานมาก ผมเป็น 2 ใน 30 คนในทีมที่ไม่มีวุฒิปริญญาเอก ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันทำไมเขาถึงเลือก แต่สุดท้ายก็ได้เข้าไปทำ
“ตำแหน่งแรกใน Google ของผมคือ Quantitative Marketing Manager เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดด้านข้อมูล หน้าที่คือการทำการตลาดเชิงข้อมูล เป็นเหมือนการรวบรวมบิ๊กดาต้าแล้วเอาข้อมูลที่ได้นั้นมาวิเคราะห์เพื่อส่งต่อให้ทีมมาร์เก็ตติ้งเอาไปทำต่อ
“หนึ่งในงานที่ทำคือการวิเคราะห์บิ๊กดาต้าให้กับ Google ในญี่ปุ่น ตอนนั้นที่ญี่ปุ่น Yahoo ชนะ Google หน้าที่ของผมคือทำยังไงก็ได้ที่ต้องวิเคราะห์บิ๊กดาต้าออกมาแล้วดูว่าเราควรโฟกัสที่ตรงไหน ต้องตั้งเป้ายังไง ยุทธศาสตร์ควรจะเป็นอย่างไรถึงจะทำให้ Google มีสัดส่วนคนใช้งานเพิ่มขึ้นมาให้ได้
“สุดท้ายภายในปีเดียวมาร์เก็ตแชร์ของ Google ในญี่ปุ่นมันขยับเพิ่มมาเป็น 10% ก็เลยทำให้ผมได้มีโอกาสขยับไปดู Google ใน global
“จนปัจจุบันผมมีกองทุนที่ลงทุนในสตาร์ทอัพทั้งหมด 5 กองทุน คือ 500 TukTuks I , 500 TukTuks II, Orzon Ventures, Stormbreaker Venture และ KXVC
ประธานกลุ่ม KASIKORN Business-Technology Group (KBTG) ธนาคารกสิกรไทย
“พอเริ่มทำงานสั่งสมประสบการณ์ ก็ทำให้มีคนรู้จักผมมากขึ้น แล้วก็มีคนมาชวนให้ผมไปเป็น CEO ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ผมก็เลยไปปรึกษาคุณปั้นว่าจะไปดีไหม ท่านก็พูดกับผมมาประโยคนึง “ถ้าคุณจะไป คุณต้องเลิกเป็นที่ปรึกษาผม เพราะ CEO เป็นที่ปรึกษา CEO ไม่ได้” ได้ยินคุณปั้นพูดแบบนี้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่น้ำตามันไหล เพราะคุณปั้นเป็นเจ้านายที่ชุบชีวิตผมขึ้นมา ให้เกียรติผม แล้วผมก็รักคุณปั้นมาก
“สองสัปดาห์ถัดไป ผมยังไม่ได้เซ็นสัญญากับบริษัทที่ชวนไปเป็น CEO แล้วคุณปั้นก็เรียกผมไปคุยอีกครั้ง ถามผมว่าสนใจไปทำ KBTG (หน่วยงานดูแลด้านเทคโนโลยีของธนาคารกสิกรไทย) ไหม ผมตอบคุณปั้นขอกลับไปคิดก่อน แต่ในใจตอนนั้นผมตอบตกลงแบบทันทีทันใดไปแล้ว
“แล้วก็ได้เข้ามาทำงานใน KBTG วันที่เปิดตัวกับสื่อว่าผมจะมาเป็นผู้บริหารคนใหม่ของ KBTG คือตอนปี 2018 ช่วงเวลานั้นแอพฯ K PLUS เคยล่มเป็นวัน สื่อมวลชนถามกับผมว่า “พี่กระทิง แอพฯ K PLUS จะล่มอีกไหม” ผมตอบด้วยความมั่นใจ ไม่ล่มแล้ว
“แต่แอพฯ K PLUS ก็มาล่ม ในวันที่แถลงเปิดตัวผม ตอนนั้นเลย บอกตามตรงตอนนั้นหน้าชา ไปแทบไม่เป็น แต่สุดท้ายก็ต้องรีบตั้งสติ เรียกทีมทุกคนเข้ามา แล้วต้องเร่งแก้มันให้ได้ สุดท้ายแอพฯ ก็ล่มน้อยลง ใช้เวลาหนึ่งเดือน แล้วในที่สุดจากล่มบ่อย K PLUS กลายมาเป็นแอพฯ ที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุด และมีเสถียรภาพที่สุดในวงการธนาคาร 3 ปีซ้อน
“นึกย้อนไป การเจอวิกฤตหน้าชาในครั้งนั้นมันก็ดีเหมือนกันนะ จากคนเคยทำงานในซิลิคอนแวลลีย์ เคยได้จดหมายเชิญจาก White House ให้ไปพูด เคยได้รางวัล Businessman Of The Year แต่การล่มของแอพฯ ในงานแถลงข่าวนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกตัวเล็กลง และทลายอีโก้ที่เคยมีลงไปได้มาก
“ส่วนความฝันในตอนนี้ไม่ใช่แค่ทำให้ KBTG เติบโต แต่ผมมีความหวังว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าอยากเห็นประเทศไทยเป็น Innovation Hub รวมถึงการที่เศรษฐกิจของประเทศสามารถเติบโตและมี New S-Curve ขึ้นมาได้ด้วยอุตสาหกรรมใหม่ๆ ไม่ใช่แบบทุกวันนี้ที่บริษัทใหญ่ๆ ในไทยส่วนใหญ่มีแต่ธุรกิจที่เป็น old industry เราควรมีระบบนิเวศน์ที่เกื้อหนุนการสร้าง New S-Curve และ New Industry of the Future