The Best of Pâtisserie

Cedric Grolet เชฟขนมที่ร้อนแรงที่สุดในปารีสเจ้าของฉายาเชฟขนมหวานที่ดีที่สุดในโลก

ความรื่นรมย์ในชีวิตอาจประกอบได้จากหลายสิ่ง บางครั้งเกิดจากการอ่านหนังสือที่พาเราท่องไปในกาลเวลา บางครั้งเกิดจากการฟังเพลงที่พาให้คิดถึงใครบางคนที่มีพื้นที่พิเศษในหัวใจของเราเสมอ หรือบางครั้งอาจเป็นอะไรบางอย่างที่เรียบง่ายกว่านั้นมาก เช่น การกินขนมหวานที่อร่อย!

ทว่าร้านขนมหวานแสนอร่อยที่เราอยากพาคุณไปทำความรู้จักวันนี้ ไม่ได้มีดีแค่รสอร่อย หากแต่ยังมีดีที่ถ่ายรูปสวยอีกต่างหาก เรียกได้ว่าสวยทั้งข้างนอกเมื่อมองเห็น และสวยทั้งข้างในเมื่อได้สัมผัสชิม และร้านขนมที่เราพูดถึงคือ หนึ่งในร้านขนมที่เราปักหมุดเอาไว้ว่าจะต้องไปเยือนให้ได้เมื่อมาถึงปารีส 

นั่นคือร้าน Cedric Grolet

ราชาแห่งขนมหวานบนโลกออนไลน์

Cedric Grolet เป็นทั้งชื่อร้านและชื่อของเชฟทำขนมที่เป็นเจ้าของร้านนี้ ตอนนี้เราอาจจะพอเรียกเซดริกได้ว่าเขาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ขนมอบที่ร้อนแรงที่สุดคนหนึ่งบนโลกออนไลน์ ด้วยผู้ติดตามกว่า 7.7 ล้านคนในอินสตาแกรม และอีก 2.1 ล้านผู้ติดตามใน TikTok เท่ากับว่าคนบนโลกนี้เกือบ 10 ล้านคนพร้อมใจกันเฝ้าหน้าจอมือถือเพื่อรอดูว่าวันแต่ละวันของเซดริกจะมาทำขนมอะไรบนโลกออนไลน์บ้าง

ด้วยลีลาทะมัดทะแมงของเซดริก กับแววตามุ่งมั่นแต่ก็ขี้เล่นอยู่ในทีทุกครั้งที่เขาทำขนม บวกกับเทคนิคการตัดต่อภาพและเสียงที่ฉับไวน่าสนใจ แต่ละครั้งแต่ละทีที่เซดริกโพสต์คลิปทำขนมบนโลกออนไลน์ไม่ว่าจะในอินสตาแกรมหรือบน TikTok คนเรือนล้านต่างพากันเข้าไปดูเชฟขนมหวานชาวฝรั่งเศสคนนี้วาดลวดลายทำขนมแบบไม่มีเบื่อ

เซดริกเองเข้าใจดีถึงความทรงพลังของโซเชียลมีเดีย เขาจึงย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ขนมที่เขาทำต้องทั้งน่าดูน่ากินในโลกออนไลน์และอร่อยลิ้นเมื่อได้ชิมจริง เพราะโลกออนไลน์อาจนำพาแฟนๆ ผู้รักขนมทั่วโลกมาติดตามเขา แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะประนีประนอมกับรสชาติหรือมาตรฐานของขนมที่เขาทำเลย

“โลกออนไลน์ช่วยทลายกำแพงและข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ลง พลังของโซเชียลอนุญาตให้คนทั้งโลกได้เห็นขนมของผมและได้มีปฏิสัมพันธ์กับผมโดยตรง แน่นอนว่ามันทำให้ผมมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ผมต้องมั่นใจทุกครั้งว่าทุกอย่างที่โพสต์ออกไปมันดูน่ากินและมันต้องอร่อยจริงๆ ด้วยเหมือนกัน” เซดริกให้สัมภาษณ์ไว้กับ Michelin Guide

แต่ละครั้งที่เขาทำขนม ไม่ว่าจะเป็นขนมปัง ขนมเค้ก ทาร์ต หรือครัวซองต์ เซดริกมักจะเริ่มต้นการทำขนมด้วยการนวดแป้งโดว์ก้อนใหญ่ๆ แล้วค่อยๆ ผ่าฝานแป้งโดว์ก้อนใหญ่นั้นให้เล็กลง เล็กลง เราได้เห็นส่วนผสมทุกสิ่งทุกอย่าง เราได้เห็นทุกขั้นตอนของการนวด การผสม การเท การวาดลวดลายต่างๆ บนขนมอย่างบรรจงและมีศิลปะ จนแป้งโดว์ก้อนใหญ่ๆ ก้อนนั้นที่เห็นในตอนต้นคลิปกลายเป็นขนมชิ้นพอดีคำรูปร่างสวยงามที่เราได้กินในชีวิตปกติ 

การได้เห็นพัฒนาการของขนมหน้าตาแสนอร่อยที่เราชอบกินจากที่มันเป็นเพียงแค่ก้อนแป้งหน้าตาธรรมดามาสู่ขนมหน้าตาที่เราคุ้นเคย อาจจะเปรียบเสมือนกับการที่เราได้มองเห็นต้นไม้ดอกไม้ที่เราปลูกค่อยๆ เติบโตขึ้นจนเป็นดอกไม้ที่ผลิงามสมบูรณ์ด้วยเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีด้วยฝีมือการตัดต่อของทีมงาน Cedric Grolet บนแพลตฟอร์มอินสตาแกรมและ TikTok เป็นเหมือนการสรุปให้เราทราบด้วยความรวดเร็วภายในเวลาเพียงแค่ 3 นาทีว่า ขนมหน้าตาน่ากินที่เราเห็นกันอยู่ตรงหน้าที่อาจใช้เวลาหลายสิบชั่วโมงในกระบวนการบ่มและทำนั้นต้องผ่านกระบวนการใดมาบ้าง

ด้วยความเท่าเทียมกันของอัลกอริทึมบนโลกออนไลน์ที่ให้โอกาสดวงดาวสายเชฟทำขนมได้แจ้งเกิดอยู่เสมอหากคุณมีฝีมือจริง เก่งจริง และจริตการทำขนมของคุณเป็นที่ถูกใจมหาชนจริง แต่ Cedric Grolet ยังคงเป็นชื่อที่ผู้คนบนโลกออนไลน์ต่างเรียกหาแถมยังยืนระยะการเป็นขวัญใจชาวเน็ตได้นานหลายปี เหตุผลที่อธิบายไปข้างต้นถึงลีลาท่าทางและการตัดต่อของทีมงานคงไม่ใช่เพียงแค่เหตุผลสำคัญที่ทำให้เขายืนหยัดอยู่ได้นานเช่นนี้ 

เส้นทางสายหวาน

นอกจากการเป็นขวัญใจของคนรักขนมบนโลกออนไลน์แล้ว หากเราจะพูดว่าเซดริกใช้เวลาของเขาเกือบทั้งชีวิตเพื่อพิสูจน์ตัวเองในเส้นทางสายขนมก็คงจะไม่ผิดนัก ด้วยวัย 37 ปี ในขณะนี้ที่มีผู้ติดตามเกือบ 10 ล้านคนบนโลกออนไลน์ เซดริกเริ่มชีวิตทำขนมตั้งแต่วัย 11 ขวบด้วยการหัดเข้าไปทำขนม ตีวิปครีมด้วยตะกร้อมือในครัวในโรงแรมของคุณปู่คุณย่าที่ Bouthéon, the Loire Valley 

เขารู้ตัวตั้งแต่นั้นมาว่าเขารักการทำขนมเป็นชีวิตจิตใจและเขาเกิดมาเพื่อทำขนม จนเมื่ออายุ 13 ปี เซดริกเริ่มเป็นพนักงานฝึกหัดในครัวอย่างเป็นจริงเป็นจัง เมื่ออายุ 14 เขาจึงเริ่มตัดสินใจเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนทำขนมอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

เมื่อก้าวเข้าสู่โลกแห่งการทำขนมแบบจริงจังที่โรงเรียนสอนทำขนม เซดริกเริ่มเส้นทางการเป็นเชฟทำขนมเฉกเช่นเชฟทำขนมคนอื่นๆ ที่เข้าเรียนในโรงเรียนสอนทำขนม นั่นคือการออกล่ารางวัล

เซดริกเริ่มเก็บแต้มสะสมถ้วยและเหรียญรางวัลจากเวทีประกวดแข่งทำขนมตั้งแต่อายุ 15 หนึ่งในถ้วยรางวัลที่น่าจะเป็นที่ภูมิใจสำหรับตัวเซดริกเองและครอบครัว แถมทำให้เขาเป็นที่จับตามองในฐานะเชฟทำขนมหน้าใหม่ไฟแรง คือเซดริกชนะถ้วยการประกวดการทำขนมระดับประเทศในสาขาศิลปะการใช้น้ำตาล

หากคุณได้เฉียดกรายเข้าไปในบัญชีออนไลน์ของเซดริก ไม่ว่าจะเป็นในอินสตาแกรมหรือใน TikTok คุณคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าขนมแต่ละชิ้น แต่ละก้อนของเซดริกมันช่างสวยงามราวกับงานศิลปะ ถ้าคำว่า “สมบูรณ์ไร้ที่ติ” มีอยู่จริง ขนมของ Cedric Grolet คงเหมาะสมทุกประการที่จะใช้คำคำนี้ในการขยายความ ด้วยรูปทรงที่พอเหมาะพอดี ทุกเว้าโค้ง เหลี่ยมมุมของขนม เหมือนถูกจัดวางและถูกคิดมาเป็นอย่างดีแล้วว่าควรจะอยู่ในฉากมุมองศาขนาดไหนจึงจะพอดีลงตัว

หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ขนมของเซดริกงดงามน่าจะเกิดจากการที่เซดริกไม่ได้เป็นเพียงแค่เชฟทำขนมที่ใส่ใจแต่เรื่องการทำขนม แต่เขายังใส่ใจในเรื่องรูปทรงและความงามภายนอกของขนมอีกต่างหาก นอกจากเซดริกจะรักการทำขนมแล้ว เขายังเป็นคนชอบวาดรูปอีกด้วย นอกเหนือจากคลาสทำขนม เซดริกยังลงเรียนวิชาศิลปะเพิ่มเติมอีกต่างหาก

จนกระทั่งเมื่อเซดริกเรียนจบตอนอายุ 21 เขาก็เริ่มเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานทำมาการงที่ Fauchon (ร้านขายขนมหวานและวัตถุดิบอุปกรณ์ต่างๆ เกี่ยวกับการทำขนมชื่อดังสัญชาติฝรั่งเศส) ที่ที่บ่มเพาะทักษะการทำงานและการทำขนมของเซดริกให้ยิ่งแหลมคมขึ้นไปอีก

เซดริกอยู่ที่ Fauchon 6 ปี จากนั้นเซดริกสามารถก้าวขึ้นไปเป็นหัวหน้าแผนกขนมทั้งหมดของโรงแรม Le Meurice (ห้องอาหารไฟน์ไดนิงของที่นี่ได้ 2 ดาวมิชลิน) โดยเซดริกรับผิดชอบขนมทั้งหมดที่เสิร์ฟในบริเวณโรงแรม และเขาต้องนำทีมลูกน้องทั้ง 20 ชีวิตเพื่อทำขนมให้กับส่วนต่างๆ ของโรงแรมด้วย โดยขนมของเซดริกเสิร์ฟในมื้อเช้า มื้อสาย เสิร์ฟในร้านอาหารและเสิร์ฟในห้องน้ำชา (tea room) ของโรงแรม 

ขนมจริงหรือสิ่งลวงตา

จากความคิดสร้างสรรค์ของเซดริก ประกอบกับฝีมือในการทำขนมที่บ่มเพาะมาในตัวของเขาตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้เซดริกมีฝีไม้ลายมือในการทำขนมที่หาตัวจับยาก เทคนิคการทำขนมที่เป็นลายเซ็นเฉพาะตัวของเซดริกคือเทคนิคที่เรียกว่า เดอะทรอมพลุยล์ (the trompe l’œil) ที่แปลว่า ลวงตา 

เดอะทรอมพลุยล์ คือเทคนิคในเชิงศิลปะที่ทำให้ภาพหรือสิ่งใดก็ตามที่เป็นสองมิติมองดูแล้วเสมือนกับงานสามมิติ เทคนิคนี้ถูกนำไปใช้โดยทั่วไปในงานศิลปะและการวาดภาพ โดยผู้ชมต้องใช้เวลาและการสังเกตในการพินิจพิเคราะห์ว่าภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าเป็นเพียงแค่ภาพวาดหรือเป็นวัตถุจริงกันแน่

และนั่นคือเคล็ดวิชาท่าไม้ตายส่วนตัวที่เซดริกมักใช้อยู่เสมอกับการทำขนมของเขา เขามักทำให้ขนมของเขาดูเสมือนกับของสิ่งใดสิ่งหนึ่งจริงๆ เช่น ทำให้ขนมมีรูปร่างเหมือนเฮเซลนัต, ลูกแพร์, แอปริคอต, อโวคาโด, แอปเปิล, ส้ม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเปลือกด้านนอกจะทำจากงานช็อกโกแลต ในขณะที่ด้านในจะเป็นมูสและเจลลี่ หรือบางทีเซดริกอาจจะใส่ผลไม้ชนิดนั้นจริงๆ ลงไปข้างใน

“ตอนผมเด็กๆ แทนที่จะกินของหวานๆ ผมชอบกินผลไม้ ธรรมชาติมักจะมอบแรงบันดาลใจอะไรสักอย่างกับผม ผลไม้บางชนิดอร่อยมากเมื่อกินแบบสดๆ แต่มันจะยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก ถ้าคุณโฟกัสกับรสชาติของมัน ผมจะพอใจแบบสุดๆ ก็ต่อเมื่อขนมของผมมีรสชาติที่ดีกว่าผลไม้ที่เป็นแรงบันดาลในการสรรค์สร้างขนมชนิดนั้นๆ ขึ้นมา” เซดริกให้สัมภาษณ์ไว้กับ Gastronomos

มองดูจากการที่เซดริกให้ความสำคัญในเรื่องศิลปะ การออกแบบ การสร้างสรรค์ และการจำลองให้เหมือนจึงไม่น่าแปลกใจที่งานขนมของเซดริกแต่ละชิ้นที่วางเรียงรายขายอยู่ที่ร้านขนมของเขาทั้ง 2 สาขาที่ปารีส ทั้งที่สาขา Opera และ Le Meurice จะมองดูคล้ายงานศิลปะ บวกกับดิสเพลย์การจัดเรียงขนมที่วางเรียงกันเป็นชิ้นเดี่ยวๆ ครอบแก้วเอาไว้แยกกันทีละชิ้นทีละอัน เพื่อให้ลูกค้าเลือก ราวกับว่านี่คือ ศิลปะล้ำค่าหากแต่คุณสามารถเอามันเข้าปากได้ แถมยังอร่อยอีกต่างหาก

หลายต่อหลายครั้งเมื่อเราเห็นขนมสวยๆ ที่วางขายในร้าน เราเคยคิดว่า ขนมพวกนี้สวยเสียจนเราไม่อยากกินมันเลย อยากซื้อมันไปวางโชว์ให้มันสวยอยู่อย่างนั้น และเมื่อเราเข้าไปในร้านของ Cedric Grolet สาขา Opera ก็เป็นอีกครั้งที่เรามีความคิดแบบนั้นผ่านเข้ามาในหัว

เมื่อความอร่อย ความสวยงาม
และความมั่นคงทางอาหารยืนอยู่ข้างเดียวกัน 

นอกจากความสวยงามสมจริงของขนมที่เซดริกรังสรรค์ขึ้นมา เขาเองยังคงไว้ลายเลือดฝรั่งเศสอย่างเต็มตัว ชาติที่คิดถึงความยั่งยืนในเชิงอาหารอย่างเข้มแข็งในยุคปัจจุบัน ทั้งๆ ที่เซดริกเปิดร้านขายขนมถึง 2 สาขาในปารีสและร้านของเขาขายดิบขายดีจนคนต้องเข้าคิวรอซื้อไม่ว่าจะวันที่แดดจ้า หรือวันที่ละอองหิมะลง เซดริกเองรู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าเมนูใดเป็นเมนูที่ขายดีแน่ๆ ถ้าทำเป็นเมนูที่แน่นอน ขายทั้งปี เขาจะต้องได้กำไรงามๆ แน่นอน แต่เซดริกกลับไม่ทำเช่นนั้น

“ผมเป็นคนที่ชอบความเรียบง่ายนะ งานขนมของผมถูกสั่งการจากผลผลิตของแต่ละฤดูกาล” เซดริกให้สัมภาษณ์ไว้กับ Gastronomos

เมนูขนมของเซดริกคือขนมที่ทำจากผลไม้หรือวัตถุดิบที่หาได้ตามฤดูกาล เพราะเขาต้องการเน้นความสดใหม่และคิดถึงความยั่งยืนของอาหาร ที่มนุษย์ควรจะบริโภคอาหารที่ผลิตได้ตามฤดูกาลนั้นๆ เพื่อไม่เป็นภาระแก่การขนส่งวัตถุดิบที่หาได้ยากที่อาจต้องส่งมาจากแดนไกล อันก่อให้เกิดคาร์บอนฟุตปรินต์

อันที่จริงแค่ผลงานที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็น่าจะเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้คนแล้วว่าฝีมือในการทำขนมของเซดริกนั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน แต่รางวัลจากการประกวดต่างๆ ก็น่าจะการันตีได้อีกชั้นหนึ่งว่าฝีมือของเซดริกโดดเด่นไม่แพ้ใครในยุคนี้จริงๆ

ช่วงปี 2015-2018 ที่เซดริกออกล่ารางวัล เขากวาดรางวัลมาเพียบ ได้แก่ Best Chef Confeiteiro of France ประจำปี 2015 ที่จัดโดยนิตยสาร Magazine Le Chef, รางวัล Relais Desserts Award for the Best Confectioner ประจำปี 2016, รางวัล Omnivore Pastry Award ประจำปี 2017, รางวัลเชฟทำขนมที่ดีที่สุดในโลก หรือ Best Pâtisserie chef in the world for ‘Les Grandes Tables du Monde’ ในปี 2017, รางวัลเชฟทำขนมที่ดีที่สุดในโลก หรือ Best chef of Pâtisserie ประจำปี 2018 จาก the guide Gault & Millau

ปี 2017 เซดริกได้ออกทัวร์รอบโลกเพื่อนำเสนอและเผยแพร่งานทำขนมของเขา ซึ่งนั่นคือโอกาสที่ทำให้เขาได้ค้นพบกับวัฒนธรรมใหม่ๆ ทั่วโลกเช่นกัน ทั้งในรัสเซีย ญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไทย สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก

ปัจจุบันนี้เซดริกเปิดร้านขายขนม Cedric Grolet ซึ่งมี 2 สาขาในปารีส และอีก 1 สาขาในลอนดอน ถ้าวันไหนคุณได้มีโอกาสแวะไปที่ปารีสหรือลอนดอน คุณคงรู้แล้วว่าคุณสามารถจะไปตามหาความรื่นรมย์แบบง่ายๆ จากเชฟทำขนมที่ว่ากันว่าเป็นเชฟที่ดีที่สุดในโลกจากที่ไหน

แต่หากคุณยังไม่ได้มีโอกาสบินไปยุโรปในเร็วๆ นี้ เพียงแค่คุณเข้าไปในแอ็กเคานต์ออนไลน์ของ Cedric Grolet คุณก็สามารถดูเซดริกทำขนม ซึ่งน่าจะถือเป็นอีกหนึ่งความรื่นรมย์ในชีวิตที่เรียบง่ายที่คุณหาได้เพียงปลายนิ้วของคุณเช่นกัน

ที่มา

Writer

อาจารย์ผู้สอนวิชา Introduction to World Cuisine ในมหาวิทยาลัย หญิงสาวผู้หลงรักอาหาร และโฮสต์รายการพอดแคสต์ชื่อ 'Bon Appétit ธุรกิจรอบครัว'

You Might Also Like