ฟัง อนุพงศ์ คุตติกุล เล่าหลัก 4P+1 และวิธีคิดนอกกล่องของ Tower Box ที่ไปไกลกว่ากล่องรองเท้า

ในฐานะคนที่หลงใหลสนีกเกอร์คนหนึ่ง สำหรับเราหากมองเพียงผิวเผิน Tower Box ไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากกล่องรองเท้า นั่นจึงเป็นเรื่องน่าแปลกใจอยู่สักหน่อยเมื่อ ปิ๊น–อนุพงศ์ คุตติกุล หนึ่งใน co-founder แบรนด์สตรีทแวร์อันดับหนึ่งของเมืองไทยอย่าง Carnival และผู้ก่อตั้ง Tower Box บอกกับเราว่า เขานิยาม Tower Box ว่าเป็นมากกว่านั้น

“แม้ว่า Tower Box จะเริ่มต้นจากการเป็นกล่องรองเท้าก็จริง แต่ทุกวันนี้ Tower Box ไปไกลกว่ากล่องรองเท้ามากๆ แล้ว ถ้าลองไปเสิร์ชในอินสตาแกรมจะเห็นเลยว่า คนที่ซื้อ Tower Box ไปเก็บสนีกเกอร์โดยเฉพาะก็มี แต่ขณะเดียวกันก็มีคนที่ซื้อ Tower Box ไปเก็บสิ่งของอื่นๆ อยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็น รองเท้าส้นสูง โมเดล และฟิกเกอร์ กลายเป็นว่า จากสินค้าที่ผลิตขึ้นมาเพื่อสนีกเกอร์เฮดโดยเฉพาะ กลับถูกต่อยอดไปเป็นเครื่องใช้ในครัวเรือนสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน” เจ้าของแบรนด์ Tower Box บอกกับเรา

จริงอย่างที่อนุพงศ์ว่า เพราะหลังจากที่เราสนทนากับเขา เราก็ได้กลับมาลองส่องแฮชแท็ก #TowerBox ใน IG ดูเล่นๆ และพบว่า เคียงคู่ไปกับภาพถ่ายผนังรองเท้าของบรรดาสนีกเกอร์เฮดซึ่งเกิดจากการเรียงกล่อง Tower Box ที่บรรจุรองเท้าคู่โปรดของพวกเขาอยู่ภายในจนสูงชะลูดเหนือหัวแล้ว Tower Box ยังถูกใช้งานเพื่อเก็บรักษาหมวก กระเป๋าถือ และสารพัดของรักของหวงที่ขนาดไม่ใหญ่เกินกว่าที่กล่องพลาสติกใสจะรองรับไว้ได้

นอกจากนั้นยังมีการคอลแลบกับแบรนด์ดังระดับโลก ก่อนจะต่อยอดออกมาเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของคนรักรองเท้า

คงจะไม่เป็นการพูดเกินจริงแต่อย่างใดหากจะบอกว่า Tower Box คือกล่องรองเท้าที่เดินทางมาไกลเกินกว่าจุดเริ่มต้นของมันในฐานะกล่องรองเท้าธรรมดาๆ กล่องหนึ่ง

อะไรคือสาเหตุที่ส่งให้ Tower Box กลายเป็นปรากฏการณ์ถึงเพียงนี้ แล้วกว่าที่กล่องพลาสติกใบเล็กๆ จะตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายขนาดนี้ แบรนด์ต้องผ่านการลองผิดลองถูกมาสักเท่าไหร่ ในวันที่ยอดขาย Tower Box ยังคงพุ่งทะยานอยู่เรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วลงแต่อย่างใด 

เรานัดเจอกับอนุพงศ์ที่ออฟฟิศของเขาเพื่อถกถามและถอดรหัสที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Tower Box แบรนด์กล่องรองเท้าที่เป็นมากกว่ากล่องรองเท้า

Product
“เราพยายามปรับเพื่อให้แน่ใจว่ากล่องของเรามีคุณภาพที่ดีที่สุด”

โปรดักต์ที่ดี คือโปรดักต์ที่เกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาอะไรสักอย่างในชีวิตประจำวัน Tower Box ก็เช่นกัน 

อนุพงศ์เล่าว่า ในฐานะคนหนึ่งที่ชื่นชอบการเก็บสะสมรองเท้า เขาพบว่า หนึ่งในปัญหาของคนที่มีสนีกเกอร์อยู่เยอะแยะเต็มบ้านคือ ตู้เก็บรองเท้าเก็บได้ไม่พอ

“ควบคู่ไปกับประเด็นนี้ อีกปัญหาหนึ่งที่เราพบคือ ขนาดของตู้รองเท้าในบ้านมันไม่พอดีกับสนีกเกอร์ด้วย โจทย์ของ Tower Box จึงคือ ทำยังไงถึงจะผลิตกล่องรองเท้าที่นอกจากจะขนาดเหมาะสมกับสนีกเกอร์ และแก้ปัญหาเรื่องตู้รองเท้าเต็มไปพร้อมๆ กันได้” อนุพงศ์อธิบาย

อย่างไรก็ตาม อนุพงศ์เล่าว่า ไอเดียในการผลิตกล่องใส่รองเท้าก็ยังไม่ใช่อะไรที่ใหม่ เพราะขณะนั้นกล่องพลาสติกใสสำหรับเก็บสิ่งของต่างๆ รวมถึงรองเท้าก็มีขายอยู่แล้วในท้องตลาด

หากแต่สิ่งที่ใหม่จริงๆ นั้นซุกซ่อนอยู่ในอินไซต์ของผู้ใช้งาน

“ว่ากันตรงๆ ตอนนั้นเราก็เห็นคนซื้อกล่องใสๆ จากสำเพ็งมาใส่รองเท้าแล้วเรียงๆ กันขึ้นไปอยู่แล้วนะ มันไม่ใช่ไอเดียใหม่ เพียงแต่ปัญหาของทั่วไปคือ มันเป็นกล่องแบบเปิดฝาข้างบน นั่นเท่ากับว่า ถ้าคุณอยากจะหยิบสนีกเกอร์คู่ล่างสุด แปลว่าคุณจะต้องยกกล่องข้างบนทั้งหมดออกมาเพื่อจะหยิบรองเท้าคู่เดียวอย่างงั้นเหรอ มันไม่สะดวก ไม่ฟังก์ชัน แถมยังแตกง่ายอีกด้วย”

หลังจากรวบรวมปัญหาต่างๆ ที่พบเจอ อนุพงศ์ใช้เวลาหนึ่งปีเต็มๆ ไปกับการออกแบบกล่อง Tower Box ให้ออกมาตอบโจทย์ความต้องการของเขา ซึ่งน่าจะเข้าใจความรู้สึกของคนรักสนีกเกอร์ไม่น้อยไปกว่าใคร อนุพงศ์แทบไม่ต้องเสียเวลาไปกับการค้นคว้าว่าตลาดกับมองหาสินค้าแบบไหน เขาเพียงทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาโปรดักต์ที่ตัวเองจะวางใจและพร้อมจะใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

“เราลงทุนไปกับ Tower Box ค่อนข้างสูง แค่ค่าทำโมเดลพลาสติกก็หมดไปเป็นล้านๆ แล้ว แต่กว่าที่เราจะตัดสินใจปล่อยกล่อง Tower Box รุ่นแรกออกมา เราทดลองใช้มันอยู่หนึ่งปี ลองเปิดปิดฝาเป็นพันๆ ครั้ง ลองกระแทกกล่องด้วยรองเท้าเพื่อให้แน่ใจว่ามันทนทานพอ หรืออย่างพลาสติกที่ใช้เราก็พยายามปรับสูตรอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้แน่ใจว่า กล่องของเรามีคุณภาพที่ดีที่สุด”

ผลลัพธ์ที่ได้จึงออกมาเป็น Tower Box กล่องรองเท้าพลาสติกคุณภาพสูงที่มีจุดแข็งอยู่ที่ความคงทนแข็งแรง และดีไซน์เรียบง่ายแต่ผ่านการคิดมาแล้วอย่างดีเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของคนรักรองเท้า

ไม่ว่าจะเป็นการที่สามารถต่อเรียงกล่องกันขึ้นไปได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะล้มเพราะมีระบบล็อคระหว่างกล่องอย่างดี เพื่อตอบโจทย์ความยืดหยุ่นของจำนวนรองเท้าของแต่ละคน ต่างจากตู้รองเท้าที่ไม่สามารถต่อเติมได้หากใส่ไม่พอ

นอกจากนี้ Tower Box ยังเป็นกล่องรองเท้าที่สามารถเปิดฝาได้ทันทีจากด้านหน้า ทำให้ ไม่ว่าตำแหน่งของกล่องที่ใส่สนีกเกอร์ที่คุณต้องการสวมใส่จะอยู่ตรงไหน ก็สามารถเปิดฝาหยิบรองเท้าได้ง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องโยกย้ายตำแหน่งกล่องให้ยากเย็น

จากทุกองค์ประกอบที่ว่ามาทำให้กล่องรองเท้าของ Tower Box แตกต่างจากกล่องรองเท้าที่พบเจอได้ทั่วไปก่อนหน้า

Place
“เราต้องพา Tower Box ไปให้ถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ”

ในปี 2016 เมื่อ Tower Box รุ่นแรกผลิตออกมาในฐานะกล่องรองเท้า แน่นอนว่า กลุ่มเป้าหมายแรกที่โปรดักต์ต้องเดินทางไปหาคือ บรรดาสนีกเกอร์เฮดที่ก็คงจะกำลังปวดหัวกับการจัดเก็บรองเท้าไม่ต่างอะไรกับอนุพงศ์

“ในยุคเริ่มต้นของ Tower Box ลูกค้ากลุ่มแรกๆ ที่ซื้อสินค้าไปคือเหล่าสนีกเกอร์เฮดที่รู้จักแบรนด์ Carnival อยู่ก่อนแล้ว เพราะเราใช้สื่อ Carnival ในการโปรโมท แต่เราพบว่า หลังจากผ่านไป 2-3 ปี ยอดขายของ Tower Box ก็เริ่มชะลออย่างเห็นได้ชัด เพราะกลุ่มลูกค้าที่ซื้อกล่องไปเก็บสนีกเกอร์มีจำกัด เราไม่สามารถพึ่งยอดขายเฉพาะแค่คนกลุ่มนี้ได้”

พูดอีกอย่างคือ เมื่อเหล่าสนีกเกอร์เฮดและแฟนๆ Carnival ต่างก็มี Tower Box ไว้ในครอบครองแล้ว โจทย์ต่อมาที่อนุพงศ์จำเป็นต้องแก้คือ จะทำยังไงให้ Tower Box ยังคงมียอดขายอย่างต่อเนื่อง

“เราต้องพา Tower Box ไปให้ถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ลูกค้ากลุ่มที่เขาอาจไม่รู้จัก Carnival หรือสะสมรองเท้าด้วยซ้ำ เราจำเป็นต้องพา Tower Box ไปสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้น ต้องออกไปนอกกรอบ ด้วยเหตุนี้ เราเลยเพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆ ยกตัวอย่างเช่น Tower Box ต้องไปขายใน Shopee ไปจับกลุ่ม Influencer สายแต่งบ้านในยูทูบเพื่อจะให้คนเห็นว่า Tower Box ไม่ได้เป็นแค่สินค้าสำหรับสนีกเกอร์เฮดอย่างเดียว แต่สามารถเป็นเฟอร์นิเจอร์ไว้ตกแต่งบ้านได้อีกด้วย”

หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Tower Box Wooden Stool ชั้นวางไม้อเนกประสงค์ที่ผลิตจากไม้พาราคุณภาพสูง ซึ่งนอกจากจะจัดเก็บ Tower Box ได้แล้ว ยังสามารถพลิกแพลงเป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านสำหรับวางทีวี ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ไปจนถึงการเป็นที่นั่งขณะเปลี่ยนรองเท้าได้อีกด้วย

เป็นการขยายนิยามของ Tower Box ให้กว้างขึ้นนี่เอง ที่ได้กลายเป็นกลยุทธ์ซึ่งผลักยอดขายของแบรนด์ให้พุ่งสูงขึ้นกว่าที่แล้วๆ มา

ควบคู่ไปกับกลยุทธ์นี้ คือการที่อนุพงศ์ไม่ได้จำกัดตลาดของ Tower Box ให้อยู่เฉพาะแค่ในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่เลือกจะพากล่องอเนกประสงค์ใบนี้ไปวางขายในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย สิงคโปร์ หรือกระทั่งญี่ปุ่น

“หลังจาก Tower Box เปิดตัวไปได้สักพัก เราก็เริ่มได้รับการติดต่อจากแบรนด์ต่างๆ จนนำไปสู่การตั้ง distributor ในหลายๆ ประเทศ หรืออย่างการที่ Tower Box ได้ไปวางขายในญี่ปุ่นนี่ถือเป็นไฮไลท์หนึ่งเลยนะ เพราะเราไม่คิดว่า ชีวิตนี้เราจะสามารถผลิตโปรดักต์อะไรก็ตามแล้วส่งไปขายคนญี่ปุ่นได้ เพราะทุกคนรู้ว่าการจะขายคนญี่ปุ่นได้ สินค้าของคุณต้องดีจริง แต่ปรากฏว่า พอเราไปทดลองตลาดญี่ปุ่น Tower Box กลับขายดีมากๆ คนญี่ปุ่นเขามองเห็นคุณภาพของสินค้าเรา จุดนั้นเรารู้เลยว่า มันคุ้มค่าแล้วล่ะกับทุกสิ่งที่ทุ่มเทไป” อนุพงศ์เล่าด้วยรอยยิ้ม

อีกหนึ่งเรื่องที่น่าดีใจคือ นอกจากกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่นจะอ้าแขนต้อนรับ Tower Box แล้ว แบรนด์สตรีทแฟชั่นชื่อดังในญี่ปุ่นหลายๆ แบรนด์ก็ยังให้การยอมรับ Tower Box เช่นกัน ถึงขนาดที่ว่าแบรนด์อย่าง Mastermind, Neighborhood และ Bape ก็เคยคอลแลบกับ Tower Box จนออกมาเป็นกล่องรองเท้ารุ่นลิมิเต็ด

“เราภูมิใจมากๆ ที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับแบรนด์เหล่านี้ เพราะมันเป็นแบรนด์ในฝันของเราเลย ถือเป็นประวัติศาสตร์หนึ่งเลยนะเพราะมันเป็นการคอลแลบที่ไม่เคยมีแบรนด์ไทยทำได้มาก่อนด้วย เราไม่นึกเลยนะว่ากล่องพลาสติกธรรมดาๆ จะมีคุณค่าขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้”

Price
“มีคนที่ยอมจ่ายราคาสูงอีกนิดเพื่อคุณภาพสินค้าที่สูงกว่า”

ราคามาตรฐานของ Tower Box 6 กล่องถูกวางไว้ที่ 1,300 บาท นั่นเท่ากับว่า Tower Box หนึ่งกล่องจะมีราคาอยู่ที่ 215 บาท 

ระหว่างที่นั่งสนทนา เราถามอนุพงศ์ตรงๆ ว่า รู้สึกว่าราคาของ Tower Box สูงไปไหมเมื่อเทียบกับราคาของกล่องรองเท้าทั่วไป

“เรามองว่า กล่องรองเท้าราคาเท่านี้ ที่คุณจะใช้งานไปอีกห้าปี เพื่อจะเก็บรักษาสนีกเกอร์คู่ละ 3 – 4 พัน เราคิดว่ามันสมเหตุสมผลนะ ยิ่งถ้าเทียบกับกล่องรองเท้าราคาถูกที่ใช้ไม่นานก็แตกหรือสีขุ่น กล่อง Tower Box ราคาสองร้อยกว่าบาทไม่ถือว่าแพง”

เมื่อ Tower Box ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและเป็นที่นิยม จึงไม่แปลกที่จะเริ่มมีคนผลิตกล่องรองเท้าที่มีดีไซน์คล้ายกับ Tower Box ตามา โดยที่ตั้งราคาต่ำกว่าตามคุณภาพ แต่เจ้าของไอเดียดั้งเดิมอย่างอนุพงศ์ก็ไม่คิดจะลดราคาเพื่อไปแข่งในเกมนั้นแต่อย่างใด

“มีคนที่ยอมจ่ายราคาสูงอีกนิดเพื่อคุณภาพสินค้าที่สูงกว่า มันเลยเป็นสาเหตุว่าทำไมยังมีลูกค้าที่เลือกซื้อ Tower Box แม้ว่าราคาจะแพงกว่าเจ้าอื่นอยู่เล็กน้อย เพราะเขามองว่า สินค้าของเราคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป 

“เราอยากรักษามาตรฐานของ Tower Box ไว้ในระดับนี้ ซึ่งต่อให้มีแบรนด์ใหม่ๆ ออกมาหลังจากเรา แต่เราก็กล้าพูดว่า Tower Box เป็นแบรนด์ที่คนรักรองเท้า เซเลบ และคนที่รักการแต่งบ้านเขาเลือกแล้วว่าดีจริง”

Promotion
“อะไรที่ขายดีอยู่แล้วเราก็จะไม่ลดราคา”

“จริงๆ ก่อนหน้านี้ Tower Box ก็ไม่ได้มีโปรโมชันอะไรหรอก” อนุพงศ์บอกเมื่อเราถามถึงโปรโมชันต่างๆ ของแบรนด์

“เราทำงานแบบ Carnival มาตลอด คืออะไรที่ขายดีอยู่แล้วเราก็จะไม่ลดราคา หรือมีโปรโมชันอะไรเลย แต่พอ Tower Box เป็นสินค้าที่แมสขึ้น เราพบว่า เราใช้วิธีคิดแบบ Carnival ไม่ได้แล้ว แต่ต้องใช้การตลาดอีกแบบหนึ่ง 

“เราต้องมานั่งทำความเข้าใจว่า แบรนด์อื่นๆ เขาทำโปรโมชันทำงานยังไง เพราะเราไม่มีประสบการณ์ตรงนี้เลย”

นั่นจึงนำมาสู่การมีคูปองลดราคาในโอกาสต่างๆ มีการตั้งราคาพิเศษสำหรับช่วง 11.11 และ 12.12 ไปจนถึงโปรโมชันส่งสินค้าฟรี ซึ่งหลายครั้งก็ช่วยให้ราคาของ Tower Box หนึ่งกล่องถูกกว่าสองร้อยบาทเสียด้วยซ้ำ

“แต่ถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นๆ Tower Box ก็ยังไม่ถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีโปรโมชันเยอะนะ เพราะเราต้องการรักษาราคามาตรฐานของเราไว้ เราไม่อยากลดราคาให้มันถูกจนเกินไป เพียงแต่ต่อให้เราไม่ลดราคา ก็ยังมีคนซื้อ Tower Box อยู่เรื่อยๆ”

Passion
“Tower Box เกิดด้วยแพสชัน แต่ต้องประคองด้วยความสามารถทางธุรกิจ”

อนุพงศ์เน้นย้ำกับเราอย่างหนักแน่นว่า สำหรับเขา แพสชันสำคัญมากกับการทำธุรกิจ

“เพราะเราหลงใหลสนีกเกอร์ เราเลยทำโปรดักต์ที่รองรับสนีกเกอร์ขึ้นมา เรียกได้ว่า Tower Box เกิดจากแพสชันของเราล้วนๆ”

อย่างไรก็ตาม อนุพงศ์ก็ไม่เชื่อว่า การมีแพสชันเพียวๆ จะช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดได้ เพราะอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องมีควบคู่กันไปคือ ความสามารถด้านธุรกิจ

“เราให้กำเนิด Tower Box ด้วยแพสชัน แต่หลังจากนั้น เราจำเป็นจะต้องประคองแบรนด์ไปให้ได้ด้วยความสามารถทางธุรกิจ เพราะเราไม่เชื่อว่าการมีแพสชันอย่างเดียวจะช่วยให้ธุรกิจรอดได้ แต่ในทางกลับกัน เราก็เชื่อว่าการทำธุรกิจให้รอดอาจไม่จำเป็นต้องมีแพสชันก็ได้ถ้าคุณมีสามารถ เราเคยอ่านบทสัมภาษณ์ของกาเบรียล บาติสตูตา นักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินาที่บอกว่า เขาไม่ได้ชอบเล่นฟุตบอลเลย แต่เขาแค่ทำมันได้ดี เพราะฉะนั้นการไม่มีแพสชันจึงไม่ใช่เรื่องผิด ขอแค่คุณมีความสามารถก็พอแล้ว

“เพียงแต่ควบคู่ไปกับแพสชันในเรื่องสนีกเกอร์ เราเองก็มีแพสชันในเรื่องธุรกิจด้วย เราพยายามที่จะมองแบรนด์ต่างๆ ที่ชื่นชอบ ดูว่าเขาเติบโตไปทางไหน พัฒนาแบรนด์ไปยังไง แล้วเราจะพาแบรนด์ของตัวเองไปให้ถึงจุดนั้นได้ยังบ้าง มันคือแพสชันในการจะขับเคลื่อนแบรนด์ของเราไปข้างหน้า เป็นพลังที่คอยหล่อเลี้ยง Tower Box อยู่เสมอ ในขณะที่แบรนด์อื่นๆ ที่เขาผลิตกล่องแบบเรามาขายบ้างเพราะเห็นว่า Tower Box ขายดี แบรนด์เหล่านั้นก็อาจไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยแพสชันในแบบเรา เขาอาจทำได้ดีก็ได้นะ แค่พลังในการขับเคลื่อนมันต่างกันเท่านั้นเอง”

เรื่องเล่าผ่านเครื่องแบบ เครื่องมือสำคัญในชีวิตการทำงานของ ดร.มาลียา โชติสกุลรัตน์

Youniform คือ คอลัมน์ที่ชวนคนที่ใส่ใจและให้คุณค่ากับการแต่งตัวไปทำงาน คุยเรื่องที่มาของความหลงใหล และการแปรเปลี่ยนสไตล์ให้กลายเป็นเครื่องแบบที่อาจช่วยให้ชีวิตการทำงานดีขึ้น

ดร.มาลียา โชติสกุลรัตน์ จากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ Digital Economy Promotion Agency (depa) คือ ตัวแทนของคนทำงานที่มีหัวใจรักการแต่งตัวที่หาตัวจับได้ยาก

นอกเวลางานเธอคือ มาลี นักเขียนสาวอารมณ์ดี เจ้าของหนังสือขายดี สร้างเสริมประสบการณ์อิงลิช, ตรีแล้วไปไหน และเร็วๆ นี้กำลังจะมีหนังสือ เรื่องเล่าสาววินเทจ กับสำนักพิมพ์แซลมอน

นอกจากเป็นตัวจริงเรื่องวินเทจแล้ว มาลียายังเป็นนักเต้นสวิงอันดับต้นๆ ของประเทศ ซึ่งเราจะไม่คุยเรื่องนั้นกันในวันนี้

แฟนหนังสือหลายคนมีภาพจำเกี่ยวกับเธอในชุดวินเทจลายดอกที่พบเห็นตามสื่อต่างๆ เช่นเดียวกับฉันที่พบเธอเป็นประจำบนฟลอร์เต้นรำ

ความรู้ใหม่หลังจากที่ติดตามกันมาหลายปีก็คือ แม้มาลียาผู้รักลูกไม้และเสื้อผ้าลายดอกจะมีชุดวินเทจสีสวยมากมายเต็มตู้แค่ไหน แต่ชีวิตในเวลาทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ มาลียาไม่ได้ใส่ชุดเหล่านั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว

อันที่จริง ต้องบอกว่าเธอไม่ยอมให้ตัวเองใส่ชุดสวยตามใจเหมือนในวันพักผ่อน ซึ่งเธอมีเหตุผลของเธอ และเกือบทั้งหมดเกี่ยวกับการทำงาน

ในเวลางาน เธอคือผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ทำงานเกี่ยวกับการนำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจและสังคม

งานของมาลียาในสำนักส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลนั้นสนุกกว่าที่คิดมาก ทั้งจัดคลาสเรียนให้ผู้สูงวัยใช้เทคโนโลยี หรือวิชารู้จัก E-commerce เปิดร้านออนไลน์ เพิ่มโอกาสและสร้างช่องทางให้ผู้สูงวัยประกอบอาชีพและหารายได้ผ่านทางออนไลน์ ซึ่งมีนักเรียนหลายคนที่เรียนจบไปเปิดร้านเลี้ยงตัวเองยามเกษียณ รวมถึงทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ในเชิงรุกเพื่อส่งเสริมกลุ่มคนที่มีโอกาสน้อยกว่าคนทั่วไป หรือมีความต้องการที่พิเศษกว่ากลุ่มอื่น เช่น คนสูงอายุหรือคนพิการ รู้ประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยี ใช้ให้เป็น ปลอดภัย สร้างสรรค์ สำคัญคือใช้ประกอบอาชีพได้จริงๆ

ก่อนจะไปคุยเรื่องชุดทำงาน เราขอเล่าเส้นทางก่อนจะมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายฯ แบบย่นย่อเพื่อทำความรู้จักเธอให้มากขึ้น

หลังเรียนจบด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มาลียาทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ในบริษัทเอกชน ต่อมาได้รับทุนรัฐบาลไปเรียนต่อปริญญาโทและเอกด้านบริหารเทคโนโลยีที่ประเทศอังกฤษ แล้วกลับมาเป็นนักวิจัยที่ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ NECTEC (National Electronics and Computer Technology Center) ในช่วงเวลาเดียวกันก็มีการยืมตัวนักวิจัยจาก NECTEC มาร่วมทีมจัดตั้งและกำหนดทิศทางการทำงานของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งมาลียาก็เป็นหนึ่งในทีมวิจัยเหล่านั้น ก่อนจะตัดสินใจย้ายฝั่งจากคนวิจัยและเขียนนโยบายสู่การลงมือทำและรับผิดชอบสิ่งที่คิด ด้วยเพราะสนใจเรื่องทุนมนุษย์และสังคมเป็นทุนเดิม

ใครหลายคนบอกว่าตัวตนแสนร่าเริงของเธอช่างขัดแย้งกับภาพลักษณ์คนทำงานในภาครัฐ และบทสัมภาษณ์นี้ก็ไม่ได้มาเพื่อตัดสินใคร

ที่เราสนใจคือ หากใครสักคนชอบแต่งตัว รักและหลงใหลในการแต่งตัวมาก ต้องเจอกับคำพิพากษาว่าอะไรเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม หากแต่เธอหรือเขาก็ยังทำงานอย่างมีความสุข ไม่กระทบกับคุณภาพของงาน แถมเพิ่มประสิทธิภาพอีกด้วย  อะไรคือแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังเสื้อผ้าหรือชุดเครื่องแบบเหล่านี้

ชุดทำงานของผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ในฉบับ ดร.มาลียา โชติสกุลรัตน์ เป็นอย่างไร ให้เธอลองเล่าให้ฟัง

การเป็นสาววินเทจที่ทำงานเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นภาพลักษณ์ที่สวนทางกันอย่างสิ้นเชิงหรือเปล่า

เราคิดว่าความขัดหรือสวนทางเป็นความเข้าใจที่คนตั้งขึ้นมาเอง โดยเฉพาะในประเทศเรา อาจจะเป็นเพราะแต่ก่อน ระบบการศึกษาไทย มีการแบ่งเป็น สายวิทย์-สายศิลป์ ทำให้คนรู้สึกว่ามันเป็นคนละทางกัน “เธอเรียนสายวิทย์ ทำไมชอบศิลปะล่ะ” “เธอเรียนสายศิลป์ ทำไมสนใจเรื่องเทคโนโลยีล่ะ” ซึ่งความจริงแล้ว ‘สายวิทย์-สายศิลป์’ เป็นเรื่องสมมติ ขณะเดียวกันถ้าไปดูในต่างประเทศเราจะพบว่า ใครจะเรียนอะไรก็ได้ นักดนตรีเป็นนักฟิสิกส์ก็ได้ เพราะเรายึดติดกับความสมมติก็เลยมองว่ามันขัดกันแบบไทยๆ จริงๆ แล้วไม่ได้ขัด มันก็คือชีวิต ก็คือความสนใจที่หลากหลายที่อยู่ในตัวของคนคนหนึ่ง

คุณเริ่มสนใจแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าวินเทจตั้งแต่เมื่อไหร่

ตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เราชอบแต่งตัว ซึ่งการแต่งตัวก็เหมือนกับงานอดิเรกอื่นๆ จะเล่นกีตาร์ให้เก่งก็ต้องฝึกซ้อม จะแต่งตัวให้เข้าใจตัวเองก็ต้องลองแต่งตัวให้เยอะ และการลองมันมีต้นทุนที่ต้องจ่าย จริงๆ จะมีหรือไม่มีก็ได้ เราสามารถไปลองตามร้านเสื้อผ้า แต่บางทีการลองในห้องลองเสื้อมันอาจจะดูเหมาะดีในกระจก แต่เมื่อใส่ในชีวิตจริง เจอสภาพอากาศ การเคลื่อนไหวก็อาจจะพบว่าเสื้อตัวนั้นไม่ได้เหมาะกับเรา

กว่าจะเจอสิ่งเหมาะกับเรา เราก็ลองแต่งตัวหลายสไตล์ ซึ่งถ้าเราจะแต่งได้เยอะ เราก็ต้องซื้อของเยอะ ดังนั้นเสื้อผ้าวินเทจจึงตอบโจทย์ เพราะแต่ก่อนราคาถูกมาก 10 บาท 20 บาทก็ยังมี ทำให้เราได้ลองชุดหลายๆ แบบ เช่น ปกติเงิน 3,000 บาทอาจจะได้เสื้อผ้า 1 ชิ้น ถ้าไปซื้อของวินเทจอาจจะได้ถึง 20 ชิ้น 

เป็นสาเหตุที่ทำให้ชั่วโมงบินในการรู้จักตัวเองผ่านการแต่งตัวของคุณจึงสูงมาก 

ใช่ เพราะเราได้ลองถึง 20 ชิ้น ได้รู้ว่าอันนี้เหมาะ อันนั้นไม่เหมาะ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราชอบแต่งตัววินเทจ พอไปเรียนต่อที่อังกฤษก็เจอว่ามีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะมาก ก็ยิ่งทำให้เราชัดเจนในแนวทางนี้ แต่ในช่วงกลับมาทำงานที่ไทย เราก็รู้ว่าความชอบแต่งตัวสไตล์วินเทจเป็นได้แค่งานอดิเรก

ทำไมถึงเป็นได้แค่งานอดิเรก

ในการทำงานเป็นนักวิจัยที่อายุน้อยแถมหน้าก็เด็กอีก คนอาจจะไม่เชื่อถือ และเราไม่อยากให้คนโฟกัสหรือพูดถึงเราในแง่ของคนที่ชอบแต่งตัว แต่อยากให้เขาคิดถึงเราในแง่คนทำงานก่อน ก็เลยเริ่มจากแยกตู้เสื้อผ้าชุดทำงานออกจากตู้เสื้อผ้าชุดไปเที่ยว เราจะไม่หยิบชุดวินเทจที่แยกไว้ใส่ไปเที่ยวมาปนกัน เพื่อให้ลุคทำงานนั้นเป็นลุคทำงานจริงๆ ถึงกระนั้น ตู้เสื้อผ้าทำงานก็จะเป็นเสื้อผ้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแฟชั่นวินเทจ

ยังไง

แฟชั่นวินเทจไม่ได้มีแบบเดียว วินเทจคือ ช่วงอายุ ช่วงเวลา และสไตล์

สมมติเราบอก เราชอบแฟชั่น 1930s ผู้หญิงยุค 1930s ก็ไม่ได้แต่งตัวแบบเดียว หรือผู้หญิงยุค 1950s ก็ไม่ได้ใส่ชุดกระโปรงบานอย่างเดียว ภาพจำคนทั่วไป ชุดกระโปรงบานคือชุดไปเที่ยวของเขา แต่ถ้าไปดูประวัติศาสตร์แฟชั่นก็จะเห็นว่ามีคนแต่งตัวไปทำงานด้วยชุดทำงานจริงๆ ซึ่งชุดทำงานก็ไม่ได้ปฏิวัติตัวเองไปเร็วเท่ากับสไตล์ชุดไปเที่ยว ทำให้เรายังพอหาชุดทำงานแบบวินเทจ หรือหยิบจับไอเดียหรือกลิ่นของแต่ละยุคมาปรับใช้ ต่อให้เราไม่ได้ใส่ของวินเทจมาทำงาน แต่เราจะเลือกซื้อหรือหยิบตัวที่เรารู้ว่าเขาได้ไอเดียการออกแบบจากเสื้อผ้าวินเทจยุคไหนมา

ถ้าเสื้อผ้าทำงานก็มีสไตล์วินเทจแล้ว ทำไมต้องจริงจังถึงขึ้นแยกตู้เสื้อผ้าที่ใส่เที่ยวกับตู้เสื้อผ้าทำงานตั้งแต่วันแรกที่กลับมาจากอังกฤษ

พูดตามตรง หนังสือที่เราเขียนมันเพี้ยนมาก มันเป็นหนังสืออ่านเล่นที่ไม่มีกฎหรือตรรกะอะไรเลย ในขณะที่งานที่เราทำเป็นงานที่ต้องใช้ความน่าเชื่อถือ เราพยายามแยกชีวิตทั้ง 2 ด้านนี้ออกจากกัน เพราะรู้ว่าเมื่อเรียนจบเราต้องกลับมาทำงานเป็นนักวิชาการ เราไม่ได้อยากให้คนเห็นเราในที่ทำงานแล้วนึกถึงเราที่มีคาแร็กเตอร์ร่าเริงแบบในหนังสือ หรือเราคนที่อยู่บ้านใส่กระโปรงวิ่งไปมาร้องเพลงหรืออะไรแบบนั้น

การแต่งตัวไปทำงานสำหรับเราจึงมีจุดประสงค์ชัดเจน เรากำลังสร้างภาพลักษณ์เพื่อให้ได้มาซึ่งบางอย่างง่ายขึ้น ไม่เป็นไรนะ ถ้าใครจะรู้ว่าเราเขียนหนังสือเล่มนั้น แต่อยากให้เขารู้ว่ามันคนละบริบทกัน และเราไม่ได้ปิดบังนะ ที่ออฟฟิศก็รู้ว่าเราเป็นนักเต้น แต่ที่ออฟฟิศไม่มีใครมาแบบ ‘อ่า ไหนมาเต้นให้ดูหน่อยสิ’ ทุกคนปฏิบัติกับเราแบบคนทำงาน ไม่ได้ปฏิบัติกับเราว่าเป็นนักเต้น เพราะเขารู้ว่านั่นคืออีกบทบาท และเราก็ทำตัวชัดเจนว่าเราเป็นได้หลายอย่างและมันก็คือคนละบทบาทกันจริงๆ

ใช้การแต่งตัวเป็นเครื่องมือสื่อสาร

ใช่ เพื่อสื่อสารว่าเรากำลังอยู่ในบทบาทไหน แบบเดียวกับการที่เราใช้น้ำเสียงคนละน้ำเสียง คุยกันในเรื่องคนละเรื่อง ทั้งที่เราทั้งหมดคือคนเดียวกัน ขณะเดียวกันก็เรามีจุดประสงค์ในการสื่อสารคนละแบบ เช่น ถ้าสื่อสารกับเพื่อน เราอยากให้เพื่อนรู้สึกผ่อนคลาย ถ้าสื่อสารกับเจ้านาย พาร์ตเนอร์ และลูกค้า เราก็อยากให้เขาเชื่อมั่นในตัวเรา

เคยเข้าใจมาตลอดว่า คนเราแต่งตัวเพื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเองก็เพียงพอแล้ว อะไรคือตัวอย่างของการแต่งตัวเพื่อสร้างความมั่นใจให้คนอื่น

จุดประสงค์ในการแต่งตัวของเรามี 2 ข้อ ได้แก่ แต่งเพื่อคนอื่น กับแต่งเพื่อตัวเอง 

ในแต่ละโอกาส ก็มีทั้งสองข้อนี้ผสมกันอยู่เสมอ แต่อาจจะมีสัดส่วนมากน้อยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ อย่างเช่น การแต่งชุดทำงาน ก็เป็นการแต่งเพื่อสื่อสารกับคนอื่นเยอะหน่อย แต่ก็อาจจะมีการแอบใส่ความเป็นตัวเองไปบ้าง เพื่อสร้างความมั่นใจ ความสบายใจให้ตัวเอง แต่ถ้าเป็นนอกเวลางาน เป็นชุดไปเที่ยวเล่น เราอาจจะแต่งตัวตามใจตัวเอง เพื่อความสุขส่วนตัวเป็นหลัก แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังต้องมีการคิดถึงคนอื่นอยู่ดี เช่นถ้าไปกับแม่ ชุดนี้แม่จะบ่นมั้ย หรือถ้าไปเที่ยวกับเพื่อนคนไหน จะแต่งตัวยังไงถึงจะเหมาะดี

ในวันที่แต่งตัวไปทำงาน คุณตั้งกฎของการแต่งตัวอย่างไร

กฎของเราคือ ลดความเป็นตัวเองลงนิดนึง เพราะในการทำงาน โดยเฉพาะเมื่อเราต้องออกไปติดต่อกับคนนอกองค์กร เราไม่ได้มาในฐานะตัวเราเอง แต่เรากำลังสื่อสารในฐานะตัวแทนองค์กร เพราะฉะนั้นเราอาจจะไม่ต้องแสดงความเป็นตัวตนให้ชัดเจนมาก แต่เลือกแสดงให้เหมาะกับบทบาทพนักงานที่มาทำงานในนามองค์กร ถึงเราจะเป็นผู้หญิงลายดอก เราก็เลือกที่จะเก็บลายดอกไว้ในตู้เสื้อผ้านอกเวลางาน ถ้าเราปล่อยให้ดอกออกมาเรื่อยๆ สักพักเส้นแบ่งมันจะเริ่มเบลอ เพราะฉะนั้นเพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการการแต่งตัวของตัวเอง ชุดทำงานพื้นฐานของเราจึงมักจะเป็นสีทึบและลายที่เรียบร้อย

ทำไมต้องเข้มงวดกับตัวเองขนาดนั้น

เพราะงานของเราเป็นงานค่อนข้างทางการ ในการทำงานเราจึงอยากอยู่ในโหมดจริงจัง น่าเชื่อถือ ไม่ได้อยากอยู่ในโหมดหญิงสาวผู้ร่าเริง และสมมติถ้าเราไม่รู้ว่าเส้นแบ่งอยู่ตรงไหนชัดเจน เราก็จะควบคุมสิ่งที่เราอยากสื่อสารไม่ได้ การแต่งตัวแต่ละวันอาจจะต่างกันไป ขึ้นอยู่กับคนที่เราต้องสื่อสารด้วย เจอคนภาครัฐก็แบบหนึ่ง ผู้ใหญ่ของเอกชนก็อีกแบบ หรือถ้าเป็นพาร์ตเนอร์ที่ทำงานด้วยเราก็อยากให้เขารู้สึกว่าเราเป็นมิตรและมาเพื่อทำงานร่วมกันเป็นทีมเดียวกัน ไม่ได้มาในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐที่จะมาควบคุม หรือดูไม่เป็นมิตรแบบภาพจำทั่วไป

แต่ถ้างานเราไม่ได้ทางการขนาดนี้ เราก็คงแต่งตัวอีกแบบ

แล้วถ้าวันทำงานวันนั้นไม่ต้องเจอใคร เหมือนเป็นวัน cheat day คุณจะยอมให้ตัวเองแต่งตัวแบบไหน

จริงๆ ก็มีวันที่เราฉีกกฎตัวเองด้วยการใส่เสื้อลายดอกมาทำงานนะ ซึ่งจะเป็นวันที่รู้อยู่แล้วว่าจะไม่ได้เจอคนข้างนอก เราก็จะแต่งตัวสบายหน่อย เพื่อให้น้องในทีมไม่เกร็ง และรู้สึกว่า พออยู่ที่ออฟฟิศ เราก็เป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมทีมที่น้องๆ สามารถที่จะแชร์ความเห็น ไอเดียต่างๆ หรือแม้กระทั่งค้าน หรือตั้งคำถามได้  ซึ่งก็คิดเองว่าเสื้อการแต่งตัวสบายๆ คงจะช่วยสื่อสารแมสเสจนี้ไปได้ง่ายกว่าการใส่สูทเนี้ยบไหล่ตั้งตรงตลอดเวลา

พอจะเข้าใจเหตุผลของการเข้มงวดกับชุดทำงานแล้ว ที่น่าสนใจคือ การตัดสินใจที่เด็ดขาดนี้แลกมาด้วยความยากลำบากในชีวิตไหม

ที่ยากเลยคือการช้อปปิ้ง เรามีชุดทำงานแบบที่เราชอบอยู่ในใจ แต่ตลาดชุดทำงานไม่ได้กว้างขนาดนั้น ทำให้เรามีตัวเลือกไม่มาก สิ่งที่สำคัญของชุดทำงาน ไม่ใช่แบบหรือลวดลายแต่เป็นคุณภาพวัตถุดิบและการตัดเย็บ และคุณภาพก็เป็นเรื่องหนึ่งที่เราอยากสื่อสาร อยากให้เขาเห็นเราแล้วเชื่อมโยงเรากับคุณภาพ คุณภาพของเสื้อผ้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่แฝงอยู่ตั้งแต่เนื้อผ้า การวางผ้า แพตเทิร์น วิธีการตัดเย็บ เช่น กางเกงแบบเดียวกัน สีเดียวกัน  แต่ตัดเย็บคนละแบบ ใส่ออกมาบางทีเหมือนเป็นคนละตัวกันเลยนะ

เสื้อทำงานก็เหมือนเนื้อคู่ กว่าจะเจอตัวที่ใช่

ไม่ง่ายเลย เวลาจะเลือกเสื้อผ้าเราจะดู หนึ่ง สื่อสารเรื่องคุณภาพ สอง สไตล์แบบที่เราชอบ และสาม ราคา ปัญหาก็คือคุณภาพ ทั้งเนื้อผ้า การตัดเย็บ แบบที่สวย คือราคาหมดเลย ของยุคนี้หาง่ายถ้ามีเงิน แต่ถ้าเราไม่ได้อยากจ่ายแพงขนาดนั้น การซื้อเสื้อผ้ามือสอง บางทีก็ตอบสิ่งที่อยากได้ทั้งหมด เพราะเราจะได้เสื้อผ้าเนื้อดี คุณภาพการตัดเย็บดี ในราคาที่ถูกกว่าเสื้อผ้ายุคปัจจุบันมาก อีกอย่างเสื้อผ้าทำงานเป็นเสื้อที่ใส่ซ้ำบ่อย เพราะฉะนั้นเราก็พยายามจะไม่ทำให้จำง่ายขนาดนั้น

เราชอบแววตาและน้ำเสียงเวลาที่คุณเล่าถึงเสื้อผ้าแต่ละตัวว่าตัวไหนซื้อมาจากไหน ใส่กับอะไรแล้วดี

เราเป็นคนชอบเสื้อผ้ามั้ง เราก็เลยจำเรื่องราวแต่ละตัวได้ คงคล้ายๆ ผู้บริหาร ที่ภูมิใจกับพนักงานของเขาทุกคน เพราะเขาสัมภาษณ์มากับมือ แล้วพนักงานก็ทำงานได้ดี กับเสื้อผ้าก็เหมือนกัน ‘นี่ฉันก็เลือกเธอมายากมากนะ แล้วเธอก็ทำงานดีมากๆ ใช้บ่อยในชีวิตจริงๆ ด้วย’ ที่เล่ามาคือประสบการณ์นะ แต่ ณ วันที่อยู่หน้าร้านจริงๆ เราอาจจะใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็รู้แล้วว่าเสื้อตัวนี้ใช่หรือไม่ใช่ 

แม่นยำขึ้น

ใช่ๆ มันเกิดจากการฝึกฝนบ่อยๆ มันไม่ใช่ว่าเห็นเสื้อตัวหนึ่งแล้วคิด 1 2 3 4 5 แต่เราจะรู้เองว่านี่ใช่หรือไม่ใช่ ซึ่งกว่าจะได้สกิลนั้นมาก็ผ่านประสบการณ์มาเยอะ เราชอบชุดทำงานที่วัสดุและการตัดเย็บดี เพราะฉะนั้นก็จะใส่ใจกับชนิดของผ้า วิธีการตัดเย็บ คุณภาพการตัดเย็บ เพราะเราเชื่อว่ามันคือเคล็ดลับที่เสริมให้เราดูดีขึ้น โดยเฉพาะสำหรับการแต่งตัวเพื่อการทำงานที่ต้องดูทางการ

ทำไมทุกครั้งที่อยากให้ดูมืออาชีพต้องจบที่การใส่ชุดสูท

ความจริงเราไม่เชื่อเรื่องนี้เลยแต่เราต้องยอมอยู่ใต้กฎสากลข้อนี้ ถ้าเรามีอำนาจพอจะกำหนดเทรนด์หรือค่านิยมของโลกได้ เราอยากทำให้ชุดทำงานเป็นชุดที่เหมาะกับสภาพอากาศของพื้นที่นั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องใส่สูททั้งๆ ที่เป็นเมืองร้อน แล้วก็ต้องเปิดแอร์ให้อากาศเย็นเพื่อจะใส่เสื้อคลุมให้รู้สึกอุ่นลง (แอบเปิดเสื้อให้ดู) บางที่เราก็อยากใส่เสื้อแขนกุดมาทำงานเพราะมันเย็น เข้ากับสภาพอากาศ ไม่ต้องเสียพลังงานด้วย 

แต่ต่อให้เราจะเชื่อหรือไม่ ในบทที่เราต้องสื่อสารเราก็ต้องสื่อสารไปอีกอย่าง พูดในมุมของการสื่อสาร ชุดสูทเป็นชุดที่ให้พลัง ให้ความอกผายไหล่ผึ่ง จากคนที่ผอมก็ดูเต็มดูรอบขึ้นมา

ในฐานะแฟนคลับที่ติดตามคุณในโลกโซเชียล คุณชอบเขียนสเตตัสว่า ‘วันนี้แต่งตัวสวย’ วันนั้นต้องเป็นวันแบบไหนถึงพูดคำนี้ออกมา

วันที่แต่งตัวสวยคือวันที่เรารู้จักอารมณ์เรา เรารู้สึกสวยเพราะอารมณ์ที่มีมันพอดีกับเสื้อที่ใส่ เราจะรู้สึกว่าดีจังเลยวันนี้มีพลัง แล้วพอมีพลัง มันก็ล้นออกมาจนกระทั่งคิดว่า เราจะบอกใครดีนะ ก็เลยใช้โซเชียลมีเดียสื่อสาร เพราะเราอยากให้คนอื่นเห็น แล้วเราก็อยากให้มีคนชม (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นเราก็เริ่มจากชมตัวเองก่อนเลย ทีนี้พอมีคนมาปฏิสัมพันธ์กดไลก์หรือโต้ตอบว่า สวยๆๆๆ มันก็เหมือนย้ำความคิดนี้ และในวันที่เรากลับมาเห็นโพสต์นี้ในปีหน้า ก็จะช่วยระลึกว่าวันนั้นเราอารมณ์ดีแต่งตัวสวย เป็นโมเมนต์ uplift ตัวเอง แม้จะสั้นๆ แต่ก็ทำให้เราเสพความสุขจากมันซ้ำแล้วซ้ำอีกไปได้อีกนาน

แล้วเคยแต่งตัวพลาดไหม

โอ๊ย บ่อย ด้วยความที่แต่งตัวเยอะ เวลาพลาดทีก็พลาดแรง เราคิดว่าแต่งตัวเท่สุดๆ แล้ว พอออกมานอกบ้านได้ยินคนนินทาตามข้างหลัง

คำพูดเหล่านั้นทำอะไรคุณได้ไหม

ยอมรับว่าสร้างความขุ่นมัวได้นิดนึง ที่อยู่ดีๆ มีคนไม่รู้จักมาวิจารณ์ชุดเราลับหลัง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจและความมั่นใจด้วย ถ้าบางวันจิตใจอ่อนแออยู่ก็อาจจะขุ่นมัว ไม่มั่นใจในตัวเอง แต่ถ้าบางวันเรารู้สึกว่า ‘ไม่ ฉันโอเคมาก ฉันชอบสิ่งนี้ ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอจะไม่เข้าใจ’ ซึ่งมันปกติมากที่เธอจะไม่เข้าใจ มันก็จะทำอะไรเราไม่ได้เลย เราเชื่อว่าชีวิตคือการทดลอง และการทดลองเราไม่มีทางรู้ว่าถูกหรือผิด เพราะฉะนั้นวันที่เราทดลอง แล้วเราก็ยังไม่ชัวร์กับมัน แล้วได้เสียงตอบรับที่ไม่ดี เราก็จะรู้ว่าทางนี้อาจจะไม่ใช่ทางที่ใช่

ในกรณีถ้าเราอ่อนไหวกับคำวิจารณ์ คุณมีคำแนะนำในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร

ชีวิตคือการค้นหาตัวเองในทุกด้านนะ การแต่งตัวก็เป็นหนึ่งในการค้นหาตัวเอง ขณะเดียวกันการแต่งตัวก็เป็นการสื่อสาร เราก็ต้องเข้าใจก่อนว่ามันมีทั้งคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจสารจากเรา ถ้าสมมติยังอยู่ในช่วงค้นหาตัวตน ยังลองผิดลองถูกอยู่ แล้วมีคนวิจารณ์ เราก็อาจประเมินก่อนว่า ความเห็นนั้นมาจากใคร เขาใช่คนที่เราต้องการสื่อสารด้วยหรือไม่ ถ้าใช่ ก็ค่อยมาดูว่าเราเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับความเห็นของเขา ควรจะรับมาปรับมั้ย ปรับยังไง ในทางตรงข้าม ถ้าเราทดลองจนได้คำตอบแล้วว่าสิ่งนี้คือฉัน ฉันรู้สึกดี พอเรามั่นใจว่าเรารู้จักตัวเองดีแล้ว เราก็จะไม่หวั่นไหวแม้ว่าใครจะพูดอะไร

ถ้าไม่ได้เป็นผู้อำนวยการ คุณคิดว่ายังจะแต่งตัวได้สนุกแบบนี้หรือเปล่า

ได้สิ ก็ต้องดูว่าเราเปลี่ยนไปสวมหมวกใบใหม่ใบไหน ซึ่งอาจจะสนุกขึ้นก็ได้นะ เช่น ถ้าบอกว่าพรุ่งนี้ให้อาย้วย (ผู้เขียน) แต่งตัวเป็นสาวเจ้าของร้านไอติม บาริสต้า เจ้าของร้านหนังสือ หรือพนักงานขายฝึกหัดในร้านเสื้อผ้ามือสองที่ญี่ปุ่น

หูยยยย

เข้าใจใช่ปะ ท้าทายมาก คนชอบแต่งตัวก็จะคิดแล้ว อะไรคือสาวเจ้าของร้านไอติมเหรอ ฉันจะแต่งยังไง เหมือนกันเลย พรุ่งนี้เธอเป็นนักวิชาการ พรุ่งนี้เป็นบรรณารักษ์ห้องสมุด มันก็คงมีความสนุกในแบบของมัน


Working on set behind the scenes

ชื่อ :  มาลียา โชติสกุลรัตน์
ตำแหน่ง : ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคง
ที่ทำงาน : สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Promotion Agency (depa)) 

เบื้องหลังการถ่ายแฟชั่นชุดทำงานประกอบบทความนี้ใช้เวลาสั้นๆ ไม่ต่างจากเบื้องหลังรันเวย์แฟชั่นโชว์ของแบรนด์มีชื่อ เพราะมาลียามีประชุมสำคัญรออยู่ เธอเริ่มจากหยิบเสื้อผ้าพริ้วสีม่วงลายกราฟฟิกแขนกุด มีลูกเล่นเป็นผ้ายาวสำหรับผูกเป็นโบว์ใหญ่ตรงคอเสื้อ จับคู่กับสูทสีกรมท่าน่ามอง

“ชุดนี้ประยุกต์จากชุดสไตล์กุชชี่ (แต่ไม่ใช่ของกุชชี่นะ) โดยเฉพาะดีเทลที่สูทสีกรมปกปาดกว้าง ตัวสูทยาวปิดสะโพกสไตล์ 70s ใส่กับกางเกงขายาวสีเดียวกัน” 

จากนั้นเปลี่ยนเสื้อนอกเป็นสูทสำนักงานที่ตัดแบบพอดีตัวก็ดูเข้าทีไม่มีขัด มาลียาเล่าวิธีการประยุกต์ชุดทางการขององค์กรแบบง่ายให้ฟังว่า เริ่มจากให้สังเกตตำแหน่งของโลโก้สำนักงานบนชุด อย่างของเธอ เธอบอกว่าโชคดีที่โลโก้สำนักงานปักที่ปกปิดกระเป๋าสูท เพียงแค่จับปกกระเป๋าซ่อนทับลงไปในช่องกระเป๋า เราก็ได้เสื้อสูทตัวใหม่ที่ดูมีสไตล์ขึ้นมา 

ชุดที่สองคือ ชุดทำงานสาวออฟฟิศญี่ปุ่นยุค 80s ที่มีลูกเล่นสุดน่ารักคือจีบเข้ารูปตรงเอว เห็นชุดนี้แล้วอยากเปิดเพลง city pop ประกอบบทความเลย ระหว่างถ่ายภาพเราถามมาลียาถึงเสื้อผ้ายุคที่เธอโปรดปรานที่สุด ซึ่งคำตอบก็คือ ยุค 30s

“เต็มไปด้วยความสบาย ความเท่ ไม่หวานเกินไป แต่ก็ยังดูเป็นผู้หญิง ใส่ได้ทุกสถานการณ์ ขณะที่ถ้าเราแต่งตัวยุคอื่น เช่น 70s ออกนอกบ้าน เรามีโอกาสจะดูเป็นสาวคอสเพลย์แต่งตัวไปงานปาร์ตี้ แต่เสื้อผ้ายุค 30s ให้ความรู้สึกใช้ชีวิต ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากแบรนด์ชาแนลที่มีแนวคิดอยากทำชุดที่ใช้งานจริง ไม่ได้ใส่ภาพแฟนซีลงไป พอใส่เพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันจริงๆ มันก็จะไม่มีวันเป็นชุดคอสเพลย์” 

ฟังแล้วอยากให้คอลัมน์นี้มีพื้นที่มากพอให้เธอได้แต่งตัวชุดทำงานทุกยุค

ปิดท้ายด้วยชุดสูท oversized สีขาวใส่กับเสื้อเชิ้ตสีเบจและกางเกงสีเข้ากัน กับเสื้อสูทตัวนี้ ใครเห็นอาจจะไล่ให้ไปตัดแขนปรับขนาดให้พอดีกับข้อมือตามศาสตร์การแต่งตัวด้วยชุดสูทสากล ในฐานะที่ปรึกษาด้าน oversized ประจำตัวคุณมาลียา เราใช้เวลาไม่นานอธิบายว่าทำไมเราไม่ควรตัดแขนแก้ขนาดความยาว แต่ปล่อยให้ล้นกินพื้นที่ 1-3 ของหลังมือ ข้อแรก หากทำอย่างนั้นเสื้อที่นักออกแบบและช่างตัดเย็บตั้งใจออกแบบและบรรจงทำจะเสียทรงทันที ข้อสอง สำหรับคนรักการแต่งตัว เรื่องนี้ชาเลนจ์และสนุกมาก เพราะไม่ว่าจะพับแขนหรือถกแขนเสื้อแบบหลวมๆ ก็ให้สไตล์ที่ดีแบบที่นิยมในฝั่งสแกนดิเนเวีย ขณะที่ขอบของกางเกงขายาวทรงตรงลอยเต่อเหนือข้อเท้าก็เพื่อโชว์รองเท้าคู่เก่ง

ขุดหาอินไซต์ที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจมนุษย์ด้วยเครื่องมือที่ชื่อว่า ‘คำถาม’

ผมรู้สึกมาโดยตลอดว่า ความสามารถของสายงานอาชีพครีเอทีฟ ไม่ใช่อาชีพที่ต้องมีความคิดสร้างสรรค์หลุดโลก เพื่อสร้างงานโฆษณา งานโฆษณาเป็นเพียงเครื่องมือถ่ายทอดไอเดีย 

แต่ความสามารถจริงๆ ของครีเอทีฟคือการเข้าใจมนุษย์

เราเข้าใจธรรมชาติพฤติกรรมของมนุษย์ เพื่อนำมาต่อยอดให้เป็นงานโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหว

ดังนั้นสิ่งที่เราต้องหาตลอดในทุกการทำงาน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่คืออินไซต์

งานนี้ต้องหาอินไซต์ตรงไหน ต้องหาแบบไหน แล้วงานไหนที่มีอินไซต์แล้ว เราจะเริ่มต้นทำงานจากมุมไหนก่อน เพื่อไปให้ถึง core idea ที่เราต้องการ

นั่นก็นำมาซึ่งคำถามที่ผมมักจะถูกถามมากที่สุดเวลาไปบรรยายกับบริษัท ภาครัฐ หรือไปสอนน้องๆ ตามมหาวิทยาลัยว่า “เราจะหาอินไซต์ได้จากที่ไหน” และการจะตอบคำถามนี้ เราควรจะเข้าใจก่อนว่าอินไซต์มันคืออะไร

ผมต้องออกตัวแรงๆ ก่อนว่า สิ่งที่จะอ่านต่อจากนี้อาจจะไม่ใช่ความหมายที่ถูกต้องหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์

ทั้งหมดมาจากความเข้าใจส่วนตัวที่เก็บเกี่ยวมาเองตลอดการทำงานเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา

เอาจริงๆ ตอนเริ่มจะเขียนเรื่องอินไซต์ผมก็ต้องไปหาก่อนว่า คำคำนี้ในภาษาอังกฤษมันแปลว่าอะไร หลายๆ เว็บ และหลายๆ สำนักให้ความหมายไม่ตรงกันทั้งหมด แต่ให้ไปในทิศทางเดียวกันประมาณว่าอินไซต์ is the act or result of apprehending the inner nature of things or of seeing intuitively.

หรืออินไซต์ is an understanding of the true nature of something.

คำที่น่าสนใจที่สุดคือคำว่า inner nature และคำว่า true nature ที่แปลเป็นไทยได้ว่า ‘สัญชาตญาณ’

สรุปง่ายๆ คือ อินไซต์คือการเข้าใจอะไรบางอย่างที่ลึกลงไปในจิตใจ ความรู้สึก ในระดับสัญชาตญาณ

ดังนั้นอินไซต์จะไม่ใช่สิ่งที่เดินไปถามใครก็ได้ อินไซต์ควรจะเป็นสิ่งที่ครีเอทีฟต้องมาสกัดเอาเอง

ในทีแรกผมก็ไม่ได้เข้าใจมันเท่าไหร่ แต่โชคดีที่ครั้งหนึ่งได้ทำงาน ‘คนทรงเงินล้าน’ ในระหว่างที่ทำข้อมูลเพื่อเขียนบท ผมและเบนซ์–ธนชาติ ศิริภัทราชัย มีโอกาสพูดคุยกับพี่ๆ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอินไซต์แล้วเขายกเคสมาหนึ่งเคส

เคสที่ว่าคือ บริการเช่าจักรยาน

เชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยเห็นหรือเคยใช้บริการนี้ ประมาณว่า เช่าจักรยานปั่น พอถึงจุดหมายก็สแกนโค้ดจ่ายเงิน แล้วก็จอดจักรยานทิ้งไว้ได้เลย คนต่อมาเดินมาเจอก็สแกนปลดล็อกจักรยานแล้วปั่นจักรยานต่อได้

จริงๆ แล้วไอ้บริการนี้ตอบสนองอินไซต์คนตรงไหนรู้มั้ย

หลายคนอาจจะตอบว่า ก็คนอยากมีจักรยานใช้ แต่ไม่อยากซื้อจักรยาน ซึ่งก็เป็นคำตอบที่ถูกต้อง (ตอนได้ยินคำถาม ผมก็ตอบแบบนั้น)

แต่ที่บริการนี้ตอบอินไซต์จริงๆ คือ ‘คนเราอยากมีจักรยานเป็นของตัวเอง แต่เกลียดการจักรยานหาย’

กลับไปที่คำตอบด้านบน ‘คนอยากมีจักรยานใช้ แต่ไม่อยากซื้อจักรยาน’ เหตุผลที่ไม่อยากซื้อเพราะกลัวหาย (ไม่อยากดูแล ก็เป็นส่วนประกอบ แต่กลัวหายคือสูงสุด)

อินไซต์การเกลียดการจักรยานหายมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เดินไปถามแล้ว ชาวบ้านจะตอบแบบนี้ แต่มันเป็นสิ่งที่เราต้องไปขุดเอง 

ดังนั้นสรุปอีกทีว่าอินไซต์คือสิ่งที่คนเรารู้สึกกับอะไรบางอย่างในความรู้สึกลึกๆ โดยที่เขาหรือเธออาจจะไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ

เคยดูบทสัมภาษณ์ Louis C.K. ศิลปินเดี่ยวไมโครโฟนที่มักจะเล่นมุกชั่วร้าย นำเสนอด้านมืดของคน (หาดูได้ใน Netflix)

เขาเคยพูดไว้ว่า หน้าที่ของเขาคือเป็นตัวแทนของคนดูเพื่อบอกเล่าสิ่งที่คนดูรู้สึกมาโดยตลอด แต่ไม่กล้าพูด

นี่อาจจะเป็นเหตุผลเดียวกับที่พวกเราชอบแชร์โควตแรงๆ ในเฟซบุ๊ก

กลับมาที่คำถาม “แล้วเราจะหาอินไซต์ได้ยังไง”

ง่ายๆ เลยคือตั้งคำถามให้ลึกลงไปเรื่อยๆ

ลองจินตนาการเหมืองเพชรตามหนังฮอลลีวูด

มีคนมากมายขุดดิน ขุดหิน ให้แตกเป็นเสี่ยงๆ ให้ก้อนเล็กลงเรื่อยๆ แล้วก็เอาหินเหล่านั้นไปร่อนกับน้ำ ค่อยๆ ร่อน จนได้สิ่งที่เรียกว่าเพชรดิบ แล้วเขาก็นำเพชรนั้นไปเจียรให้สวยงาม เพชรที่ผมพูดถึงก็คืออินไซต์ และการขุด การเจาะ การร่อน ก็คือการตั้งคำถามนั่นแหละครับ

พอเราเป็นครีเอทีฟ บางทีก็เลือกไม่ได้ว่า เราจะได้ทำงานแบบไหน บางงานเราก็เข้าใจมันดี เพราะตัวเราเองก็เป็นกลุ่มเป้าหมายเหมือนกัน แต่บางงานก็…ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเลยยย ยกตัวอย่างเช่น…ยกทรง Sabina แล้วไม่ใช่ยกทรงธรรมดา แต่เป็นยกทรงดันทรงแบบไร้โครง ไอเดียของยกทรงประเภทนี้พูดแบบง่ายๆ คือดันให้นมดูใหญ่ขึ้น จบ.

ได้บรีฟครั้งแรกคือ มึนตึ๊บ 55555

คิดแบบง่ายๆ ผิวเผินที่สุด ยกทรงที่ทำให้มีนมก็ทำให้ผู้หญิงมั่นใจ ใส่อะไรก็ดูดี ผู้ชายหันมามอง นั่นนี่

แต่มันก็ง่ายไป ใครๆ ก็น่าจะคิดกันได้ เราควรจะคิดอะไรให้มากกว่านี้ปะวะ หลังจากที่ตีลังกาคิดมาหลายตลบก็นึกไม่ออกเลย

เราเลยมาเริ่มต้นวิธีการทำงานใหม่ เริ่มต้นด้วยการถาม…

“ทำไมผู้หญิงถึงอยากนมใหญ่ด้วยวะ”

น้องๆ สาวๆ ในออฟฟิศก็ตอบทำนองว่า ก็เสื้อบางประเภทมันต้องมีหน้าอกหน่อยถึงจะใส่แล้วดูดี 

อ่ะ อันนี้เข้าใจได้

“แล้วทำไมผู้หญิงถึงนมเล็กวะ?”

ก็สรีระคนมันไม่เท่ากันไงพี่ บางคนก็ใหญ่ บางคนก็เล็ก มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ

“แล้ว…ทำไมนมผู้หญิงถึงไม่เท่ากันด้วยนะ?”

ก็…พ่อแม่ให้มาไม่เท่ากันมั้งพี่

“อ่า…แล้ว…ทำไมพ่อแม่ให้นมไม่เท่ากันด้วยวะ”

โอ๊ย ไม่รู้แล้วโว้ย เทวดาแล้วแหละพี่

พอบอกว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ ก็ดูเป็น fact

แต่พอบอกว่าเป็นเรื่องของเทวดาปุ๊บ…มีสตอรี่ทันที

อะๆๆ ได้ของละอันนี้ไปทำงานต่อได้ละ

ทำให้ผมนึกถึงตอนเด็กๆ ที่เคยดูหนังเทพปกรณัมกรีก จำชื่อเรื่องไม่ได้แล้ว แต่ซีนที่จำแม่นคือ ซุสยืนคุยกับเทพองค์หนึ่งที่กำลังปั้นมนุษย์อยู่ เลยนึกขึ้นได้ว่า มันมีเทพกรีกชื่อว่า โพรมีธีอุส ที่มีหน้าที่สร้างมนุษย์นี่หว่า เราเลยมาคิดต่อว่า สมมติว่ามันมีสวรรค์โอลิมปัสจริงๆ แล้วมีเทพโพรมีธีอุสจริงๆ เทพโพรมีธีอุสน่าจะมีชื่อเล่นว่า อู๊ด (หมดกันความเท่ขรึมของปกรณัมกรีก) แล้วเทพอู๊ดก็คงจะเป็นเทพที่ยุ่งมากๆ พี่แกคงจะทำงานกันอุตลุดแน่ๆ เพราะมนุษย์ทุกวันนี้เกิดเยอะมาก

งานล้นมือขนาดนี้ อย่าว่าแต่ปั้นคนให้สวยเท่ากันเลย ปั้นให้ทันก่อนดีกว่ามั้ย

เพราะฉะนั้นการที่สาวๆ แต่ละคนมีขนาดหน้าอกที่ไม่เท่ากัน…มันก็น่าจะมาจากสาเหตุนี้แหละ

ช่วงที่ถ่ายทำโฆษณาตัวนี้ พวกวิดีโอ kickstarter จำพวกแนะนำองค์กรกำลังได้รับความนิยมในเมืองนอก

เราเลยซนออกแบบสวรรค์ให้เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ชื่อว่า heaven & co.

โดยมีหลากหลายแผนกไม่ว่าจะเป็นแผนก PrayPal รับเรื่องขอพรต่างๆ แผนก Accounting หรือแผนกคิดบัญชี และสุดท้ายแผนกทรัพยากรมนุษย์ ที่มีพี่โพรมีธีอุส เป็นหัวหน้าแผนก

จากนั้นหนังจะเล่าต่อว่าพี่อู๊ดเนี่ยทำงานชุ่ยขนาดไหน (ก็โทษพี่แกไม่ได้หรอกเนอะ เพราะมนุษย์เกิดเร็วฉิบหายขนาดนี้)

ก่อนที่จะตบเข้าไอเดียของหนัง ก็เทวดาทำงานชุ่ยขนาดนี้ เราก็ต้องพึ่งตัวเองด้วยยกทรง Sabina พร้อมปิดหนังด้วยคำว่า

“ดูมได้ ไม่ต้องง้อสวรรค์”

พอหนังปล่อยออกไป ก็ได้รับการแชร์กันกระจุยกระจาย ไปไกลถึงเมืองนอก คอมเมนต์ส่วนใหญ่ไปในทิศทางเดียวกันว่า “นี่ไง กูรู้ละทำไมนมกูเล็ก” หรือ “สาเหตุมันอยู่ตรงนี้ไง” “นมไม่ได้เล็ก แต่คนทำมันชุ่ย”

เลยทำให้พบว่า จริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้มันไม่ได้ไปทำงานเกี่ยวอินไซต์หน้าอกของผู้หญิงอะไรเลย

แต่มันไปทำงานกับอินไซต์อย่างหนึ่งของมนุษย์ว่า “ลึกๆ แล้วเราแอบรู้สึกดีเวลาที่เราได้โทษคนอื่น” 

หน้าอกเล็กถึงแม้มันเป็นเรื่องสรีระแต่สำหรับบางคนที่ไม่พอใจในรูปร่างตัวเอง ก็ถือว่าเป็นจุดด้อยของผู้หญิง

หนังเรื่องนี้เลยได้ออกมาพูดแทนใจสาวๆ อกเล็กทุกคนว่า “ที่หน้าอกเล็ก มันไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ แต่ไอ้อู๊ดเป็นต้นเหตุนี่เอง”

หนังเรื่องนี้มีความยาวประมาณ 4 นาที แต่ออกแบบบทให้เล่าสถานการณ์ย่อยเป็น 3 สถานการณ์ โดยเล่าตามแผนกต่างๆ ของสวรรค์ในรูปแบบออฟฟิศบริษัท เพื่อให้คนดูได้สนุกเป็นสถานการณ์ก่อนจะรวบเข้าขายของตอนท้ายโดยที่คนดูไม่รู้ตัว

เป็นอีกเรื่องที่ยืนยันว่า ถ้าเรื่องมันสนุก คนดูเขาก็ดูจนจบเอง แล้วสินค้าก็ควรมาในเวลาถูกต้อง มาอย่างมีความหมายต่อเส้นเรื่องที่กำลังเล่าอยู่ แล้วทุกอย่างมันจะดีเอง

เหนืออื่นใดอินไซต์ของกลุ่มเป้าหมายในฐานะผู้ใช้สินค้า กับในฐานะผู้ดูโฆษณาอาจจะไม่ใช่อันเดียวกัน

แต่การคิดสตอรี่ที่มีความยึดโยงและตอบอินไซต์ได้อย่างเมคเซนส์ อาจเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

การให้ได้สิ่งเหล่านี้ขึ้นมา คือการค่อยๆ ขุดลงไปในความรู้สึกนึกคิดของคน

และอุปกรณ์ในการขุดมีแค่อย่างเดียวคือ การตั้งคำถาม

100 ทุนสำคัญในชีวิตของผู้ประกอบการและตัวแทนธุรกิจ 100 คน EP.4

สิ่งสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจคือ ‘ทุน’ หากแต่ทุนที่สำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจและทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องเงินเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงทุนอื่นๆ ที่เราสั่งสมมาในชีวิต แต่ละคนก็แตกต่างกันไป

ด้วยความอยากรู้ว่าทุนที่ว่ามีอะไรบ้าง เราจึงตั้งใจถาม 100 ผู้ประกอบการและตัวแทนของธุรกิจต่างๆ หลากหลายหมวดและขนาด ด้วยคำถามเดียวกัน

“อะไรคือทุนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจที่คุณทำเติบโตมาจนถึงวันนี้”

ในตำราอาจมีนิยามของคำว่าทุนกำกับไว้ชัดเจนอยู่แล้ว แต่เมื่อได้พูดคุยกับคน 100 คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกธุรกิจ คำตอบที่ได้กลับหลากหลาย

บางคำตอบก็ตรงไปตรงมา ในขณะที่บางคำตอบก็ไม่มีตำราเล่มใดเขียนกำกับไว้ บางคำตอบเป็นทุนสำคัญที่ใครหลายคนเห็นตรงกัน ในขณะที่บางคำตอบก็เฉพาะตัวตามแต่ประสบการณ์ของแต่ละคน

ท่ามกลางคำตอบมากมาย เราคล้ายได้ค้นพบสิ่งสำคัญที่ควรให้ค่าในการทำธุรกิจ และชวนให้เรากลับมาทบทวนสิ่งเหล่านั้นในชีวิตของตัวเอง

สุนาถ ธนสารอักษร 
CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Rabbit’s Tale

“ทุนที่ทำให้ Rabbit’s Tale เติบโตมาได้ตลอด 10 กว่าปี คือพลังคนรุ่นใหม่ เราเริ่มก่อตั้งแรบบิทส์กันตั้งแต่ตอนอายุ 23 โดยตั้งใจสร้างสรรค์สิ่งใหม่ในวันที่วงการสื่อสารการตลาดมีแต่การทำตามๆ กัน เป็นที่มาของแท็กไลน์ที่เราใช้มาตลอด ‘Break the norm, build the tale.’ พวกเราซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ เป็น digital native ไม่เคยอยู่ในวงการโฆษณา มองกลับเข้ามาในอุตสาหกรรมด้วยสายตาของคนนอก ตั้งใจสร้างงานที่แตกต่าง สร้างเรื่องราวร่วมกับแบรนด์ต่างๆ และสร้างพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้มาปล่อยของ เพราะโลกที่หมุนอย่างรวดเร็วตลอดเวลานั้น ต้องมีคนรุ่นใหม่เป็นพลังสำคัญมาขับเคลื่อนไปข้างหน้า

“จนถึงปัจจุบัน แม้ทีมบริหารจะอายุมากขึ้น แต่เราก็พยายามผลักดันให้ทีมงานรุ่นใหม่ๆ ได้มีโอกาสปลดปล่อยไอเดีย เราไม่มีการนับวันหยุดพักร้อน เราอนุญาตให้ทำงานจากที่ไหนก็ได้ เราพยายามดูแลคนของเราอย่างเต็มที่ ถึงจะยังไม่ใช่บริษัทที่ดีที่สุดและยังมีเรื่องต้องปรับปรุงอีกมากมาย แต่เราเชื่อว่า Rabbit’s Tale คือองค์กรที่มีพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงฝีมือ เรียนรู้ และเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดองค์กรหนึ่งในประเทศนี้”

ทิพย์ชยา พงศธร 
CEO สายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรม กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ 

“แน่นอนทุนมันเป็นเรื่องของเงินทุนต่างๆ asset ที่เรามีอยู่ สิ่งปลูกสร้างอะไรต่างๆ แต่รินว่า Know-how น่าจะเป็นทุนที่สำคัญที่สุด เป็นตัวตั้งต้นที่ทำให้เราสามารถแปลงออกมาเป็นทุนอื่นๆ ที่มีมูลค่าได้”

ธนันต์ บุญญธนาภิวัฒน์
ผู้ก่อตั้ง Rompboy

“เรื่องที่เป็นทุนที่สำคัญสำหรับผมคืออิสระทางความคิด ตั้งแต่เด็กๆ ที่บ้านผมไม่เคยล้อมกรอบผมเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา การเล่นดนตรี ความคิดสร้างสรรค์ในทุกอย่าง การมีอิสระทางความคิดในทุกๆ อย่างทำให้เรากล้าที่จะทำสิ่งต่างๆ

“อิสระทางความคิดสำคัญกับการทำธุรกิจ เพราะมันจะทรานส์ฟอร์มเป็นคำว่าครีเอทีฟ เมื่อมีครีเอทีฟแล้ว ไม่ว่าเราจะทำเสื้อผ้า ทำดนตรี หรือทำธุรกิจอะไรก็ตาม งานทุกอย่างจะน่าสนใจ มันจะพัฒนาไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาน่าตื่นเต้น แต่ถ้างานไหนที่ไม่มีครีเอทีฟมันจะเป็นงานที่เรารู้สึกเฉยๆ แค่เราคิดจะขายเรายังไม่รู้ว่าจะขายมันยังไง เพราะมันไม่มีครีเอทีฟ”

วิพุธ จารุธรรมากร
ผู้ก่อตั้งและ Hairstylist, ROOF HAIR salon

“ทุนที่สำคัญของ ROOF HAIR salon คือ ความแน่วแน่ที่จะส่งมอบฝีมือ บริการที่ดี และมีมาตรฐาน แพสชั่นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ก้าวเข้ามาในวิชาชีพนี้ แต่หัวใจของธุรกิจเราจริงๆ คืองานฝีมือ ที่จะเกิดขึ้นจากการฝึกฝนและใช้เวลาขัดเกลาให้เก่งขึ้นในทุกๆ วัน ซึ่งเราอยากส่งต่อมาตรฐานนี้ให้กับรุ่นต่อไป ให้วงการช่างตัดผมไทยสามารถทัดเทียบกับนานาชาติได้

“นอกจากนี้ทุนสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ ทีม เราเป็นร้านเล็กๆ ไม่ใช่บริษัทใหญ่ ดังนั้นความเชื่อใจในทีมจึงสำคัญมาก อย่างในตอนเริ่มต้นร้านขึ้นมา ทุกคนเป็นช่างผมที่มีความสามารถ เราก็ต้องไว้ใจซึ่งกันและกัน เพราะร้านไม่สามารถเกิดขึ้นและดำเนินไปได้ด้วยใครคนใดคนหนึ่ง แต่มันคือทีม”

สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์
ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RS Group

“มายด์เซตที่เปิดใจกว้าง ยอมรับ และเรียนรู้สิ่งใหม่ คือทุนสำคัญในการทำให้ธุรกิจยั่งยืน

“ผมเชื่อว่าคนทำธุรกิจทุกคนที่อยู่รอดและเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ ต้องมีจุดแข็ง จุดเด่น หรือมีความสามารถอยู่แล้ว แต่จะทำให้จุดแข็งและจุดเด่นสามารถต่อยอดไปได้ก็ต้องรู้จักเรียนรู้ ปรับตัว จงทำให้การเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆ และปรับตัวเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิต”

วิชัย มาตกุล
ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ Salmon House

“สำหรับเราทุนที่สำคัญที่สุดคือ ตัวเอง คำตอบอาจเหมือนกำปั้นทุบดิน แต่ผมว่าตัวเองในบริบทของการเข้าใจตัวเองและการหาตำแหน่งที่ทางให้ตัวเอง มันสำคัญมากๆ กับองค์กร ถ้าเราวางตัวเองถูกต้อง เป็นประโยชน์สูงสุดขององค์กร เราจะมีความสุขในการทำงาน ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องพยายามทำสิ่งที่ตัวเองไม่ถูกใจ และสุดท้ายเราจะไม่ทุกข์ใจเวลาความพยายามของเรามันไม่ก่อประโยชน์ เพราะเราพยายามผิดตำแหน่ง

“ถ้าเปรียบบริษัทเป็นทีมบาส เบนซ์ (ธนชาติ ศิริภัทราชัย) อาจจะเป็นการ์ดจ่าย มีหน้าที่ครองบอลและคุมเกม แต่ถ้าผมดันคิดว่าตัวเองก็เป็นการ์ดจ่ายได้ ทำเกมได้ แต่ในความจริง มันไม่เวิร์กเลย เราพยายามผิดจุด การไม่รู้ตำแหน่งของตัวเอง มันทำให้การ์ดจ่ายตัวจริงทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ มันทำให้ผมพยายามอย่างเสียประสิทธิภาพ ไม่สนุก ไม่เอนจอย แย่สุดผมก็เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเบนซ์ว่าทำไมเขาทำได้ แต่เราทำไม่ได้ ซึ่งถ้าเราตระหนักรู้ต้นทุนของตัวเอง ซึ่งก็คือตัวเราเอง อย่างถ่องแท้ ว่าเราฟังก์ชั่นกับการเป็นเซ็นเตอร์ อยู่ใต้แป้น รอบอลจากเบนซ์เพื่อทำคะแนนจากวงใน และคอยกันคนให้เบนซ์เพื่อทำแต้มจากวงนอก เท่านี้ตัวผมเองก็จะมีความสุขที่ต้นทุนผมได้ก่อประโยชน์สูงสุดให้องค์กร

“ความเข้าใจตรงนี้มีประโยชน์กับผมมากจริงๆ เพราะเวลาน้องๆ คนไหนไม่ฟังก์ชั่นเท่าที่ควร ผมจะมาคิดก่อนว่า เราใช้งานเขาผิดประเภทอยู่หรือเปล่า จริงอยู่ว่าคนเราควรจะฝึกเพื่อเรียนรู้อะไรใหม่ๆ กันได้ แต่ผมกลับรู้สึกว่าแต่ละคนจะมี core function ที่ไม่เหมือนกัน ระยะหลังๆ ผมเลยมาตระหนักรู้ว่า หน้าที่ของผมจริงๆ คือ หา core function จากน้องๆ แล้วพยายามทำให้เขาแต่ละคนเจอตำแหน่งที่ถูกต้องของตัวเองให้ได้ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขจากการทำงาน และเพื่อให้องค์กรเกิด healthy environment แล้วสุดท้ายในวันที่เราต้องการความเป็นโปรเฟสชันนอลที่สุด เราจะไม่ผิดหวังจากทุกคนเลย”

จิรโรจน์ พจนาวราพันธุ์
กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงเจริญแกรนด์ จำกัด หรือ SC GRAND

“ทุนของผมคือ เวลา มาจากที่คุณยายสอนผมเสมอว่า หากเราอยากจะทำอะไรให้ออกมาดี เราก็ควรให้เวลากับมัน”

ลักษิกา จิระดารากุล
Founder, Sculpturebangkok

“เราคิดว่าทุนของ Sculturebangkok คือความกล้า กล้าเสี่ยง กล้าลอง มันน่าจะเป็นความคิดที่ถูกปลูกฝังจากป๊าที่บอกตลอดว่าไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ เราโตมากับการที่ถ้าอยากได้อะไรต้องพิสูจน์ตัวเองว่าจริงจังกับมันแค่ไหน

“ด้วยความที่เราเป็นช่างภาพ มีอุปกรณ์ถ่ายภาพอยู่แล้ว พออินกับตู้ photoautomat ก็เลยลองทำเลยแล้วกัน ตอนแรกเราลงทุนประมาณ 8,000 บาทเป็นค่าโครงตู้แล้วนั่งถ่ายรูปเองข้างใน ใช้อุปกรณ์ถ่ายรูปของตัวเองมาดัดแปลงให้มันเป็นตู้ถ่ายรูปแบบยัดไส้คนนั่งถ่าย พอความต้องการเยอะขึ้นเราก็เริ่มไปจ้างโปรแกรมเมอร์ทำระบบให้มันออโต้ จริงจังขึ้น คือยังไงก็ได้แต่ขอให้ได้เริ่มทำแล้วค่อยว่ากันต่อ”

มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย)

“ทุนของเราคือความคิด ความสร้างสรรค์ นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะก่อให้เกิดการพัฒนาและส่งผลกระทบต่อ ecosystem โดยรอบอย่างยั่งยืน”

มทินา สุขะหุต
ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Sretsis

“ทุนที่สำคัญของธุรกิจเราคือ ความสัมพันธ์ของพี่น้อง จากจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิด Sretsis พอเติบโตขึ้น ทุนที่เพิ่มขึ้นก็คือ ผู้ร่วมงาน ที่เติบโตและทำให้ทีมของเราแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ 

“เราเชื่อว่า ไม่มีใครทำงานทุกอย่างได้ด้วยคนคนเดียว ทุกคนมีศักยภาพและพรสวรรค์พิเศษในตัวเอง อย่างตอนแรกเรามีคุณแม่ช่วยดูแลการผลิต ซึ่งตอนนี้ก็ยังช่วยดูอยู่ มีพี่อิ๊บ (คล้ายเดือน สุขะหุต) พี่ใหญ่ดูแลการตลาดและประชาสัมพันธ์ มีพี่เอ๋ย (พิมพ์ดาว สุขะหุต) พี่คนรองที่เป็นกำลังในการออกแบบเสื้อผ้าทั้งหมด มีพี่แอ้ ดูแลเครื่องประดับ เสื้อผ้าเด็ก และอินทีเรียของแบรนด์ มาวันนี้เรามีน้องสาวน้องชายเข้ามาร่วมทีมและเติมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์เรามากมาย

“เรามีน้องชายที่ชอบเล่าเรื่องผ่านภาพถ่าย มีน้องสาวที่ชอบงานคราฟต์มาเติมมิติด้านต่างๆ ให้แบรนด์ มีน้องชายมาเป็นมือขวาช่วยพี่เอ๋ยออกแบบ หรือแม้แต่ผู้ช่วยพี่แอ้ ที่เหมือนกันมาก จากที่เคยเป็นน้องคนเล็กมาตลอด ก็ได้มามีน้องสาวแบบที่พี่แอ้ไม่เคยมี 

“ทุกคนใน sretsis มาอยู่ร่วมกันด้วยความสามารถของตัวเอง แล้วรวมกันเป็นหนึ่งเพราะเรารู้ว่ากำลังสร้างสิ่งเดียวกันอยู่ และที่น่ารักคือทุกคนที่ทำงานกับเราบอกว่าที่นี่คือโรงเรียนที่ทำให้เขาเจอเพื่อนที่เขาไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต ซึ่งมันก็เหมือนโรงเรียนจริงๆ นะ ก่อนที่ทุกคนจะมาทำงานที่นี่ทุกคนก็เลือกเข้ามาเพราะชอบอะไรบางอย่างเหมือนกัน เมื่อทำงานด้วยกันก็ผูกพัน แม้บางคนจะลาจากไปแล้วแต่ความ sisterhood ก็ยังมีอยู่ เรามี sretsis alumni ด้วยนะ”

วินชนะ พฤกษานานนท์
หนึ่งในเจ้าของแบรนด์ SUNNE Voyage 

“ทุนที่เราให้คุณค่าสูงสุดสำหรับการทำ SUNNE Voyage คือ การให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับชุมชน ตั้งแต่งานออกแบบเรือที่ต้องทำร่วมกับช่างต่อเรือประมงท้องถิ่น นอกจากนี้พวกเราตั้งใจที่จะสร้างงานและทำงานร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่เป็นหัวใจสำคัญ 

“ภายใต้จุดขายของพวกเราในด้านความสวยงามของเรือ คุณภาพการบริการ การเคารพทรัพยากร หัวใจสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวทางทะเลไม่สามารถมองข้ามได้คือความปลอดภัยของลูกค้า ซึ่งทุกองค์ประกอบล้วนส่งผลต่อประสบการณ์และความทรงจำที่ดีให้กับลูกค้า 

“พวกเราเชื่อว่าไม่มีใครที่จะรู้จักพื้นที่ได้ดีกว่าคนในพื้นที่เอง ภาพของท้องทะเลที่สงบ น้ำทะเลสีเขียวใส อาจเป็นภาพที่ทุกคนนึกถึงอยู่เสมอ ในอีกแง่มุมหนึ่งของธรรมชาติ ท้องทะเลก็มีมุมเกรี้ยวกราดอยู่เช่นกัน อ่าวมะขามป้อม อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ที่พวกเราอยู่นั้น เป็นชุมชนประมงพื้นบ้านเก่าแก่ ที่มีอัตลักษณ์ที่ชัดเจนของ ‘คนทะเล’ การเติบโตมากับท้องทะเล ผ่านพายุ ผ่านลม ผ่านฝน และประสบการณ์ที่ส่งผ่านมาหลายชั่วอายุคน เป็นสิ่งที่พวกเราเคารพและให้คุณค่าจากใจจริง 

“จุดหมายของ SUNNE Voyage ในแง่การดำเนินธุรกิจ จึงไม่ใช่เพียงความสุขของลูกค้าแต่เป็นความสุขของชุมชนด้วยเช่นกัน การมีส่วนร่วมกับการพัฒนาชุมชน การอยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพาอาศัยโดยนำสิ่งที่เราทำได้ดีอย่างในเรื่องของการออกแบบ การทำการตลาด มาบูรณาการให้เข้ากับอัตลักษณ์และทรัพยากรท้องถิ่นเพื่อสร้างจุดขายและกระจายรายได้อย่างยั่งยืน”

ธนพงษ์ จิราพาณิชกุล 
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TANACHIRA

“ทุนสำคัญที่ทำให้ธนจิรามีวันนี้คือ การไขว่คว้าหาความรู้ ผมให้เครดิตการศึกษาที่เปิดโลกทัศน์ทำให้เรากล้าคิดกล้าทำธุรกิจ แต่คนเราอยู่เฉยๆ แล้วรอให้ระบบมายื่นไม่ได้ 

“ตั้งแต่เป็นนักเรียน ผมตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า ‘จุดที่เป็นอยู่นั้นมีอะไรที่ดีกว่านี้ไหม’ ทำให้ผมไขว่คว้าและพาตัวเองไปอยู่ในระบบการศึกษาที่ดี ซึ่งไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสนั้น สิ่งที่เรียนรู้คือ คนเก่งๆ ที่เป็นไอดอลทั้งหลายอย่าง บิล เกตส์ และ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ก็ไม่ได้เรียนจนได้ปริญญา แต่พวกเขาไม่เคยหยุดอ่านและไม่หยุดเรียน

“อย่างการทำธุรกิจและขยายกิจการในวันนี้ ซึ่งการเป็นเจ้าของกิจการไม่ได้แปลว่าจะทำมาค้าขายเก่ง แต่คือการเปิดโอกาสให้เราสร้างคนให้ทำอะไรได้หลายอย่าง 

“ช่วงแรกของการทำบริษัท พนักงานจะบอกว่าที่นี่ไม่มีระบบ ผมก็เข้าใจ แต่อยากถามกลับว่า ‘ระบบที่ดีในความคิดของคุณคืออะไร’ ไม่มีใครตอบได้ ผมเองก็ไม่รู้ เพราะเรามีความรู้เท่าๆ กันเพราะทำมาด้วยกัน จะเอาเราไปเปรียบกับบริษัทใหญ่ที่ก่อตั้งมาหลายปีแล้วไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือ critical thinking การมองเห็นปัญหาและแก้ไขอย่างเข้าใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทสัญชาติตะวันตกเขามีมาตลอด หน้าที่ของคนทำงานคือแก้ปัญหาที่เกิด หน้าที่ของ CEO คือไปแสวงหาความก้าวหน้าให้องค์กร ทำนโยบายที่จะสร้างความยั่งยืน ไม่ใช่ CEO เท่ากับเจ้าของที่รักษาผลประโยชน์ตัวเอง แล้วตอบแทนคนที่ทำงานใกล้ชิด การศึกษาทำให้ผมเห็นเรื่องแบบนี้”

ธัญรดี (ธรรมมณีวงศ์) พลาฤทธิ์
Board of Directors, Thai Rent A Car

“เราคิดว่าทุนที่สำคัญที่ทำให้ Thai Rent A Car เติบโตมาถึงทุกวันนี้คือครอบครัว ที่บ้านเรา ทุกคนแยกออกไปทำธุรกิจอย่างอื่นๆ ของตัวเองด้วยแต่ไม่เคยมีใครคิดว่าจะไปทำธุรกิจอื่นแล้วไม่ทำ Thai Rent A Car เลย กลับกัน มันแทบจะเป็นเหมือนเซนเตอร์สำหรับพวกเราเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าใครจะแยกไปทำอะไร สิ่งนี้ยังเป็นสิ่งที่เราคิดเหมือนกัน ทำเหมือนกัน

“เราคิดว่าทุกคนรักมันเพราะอยู่กับมันมานาน อยู่กับมันทุกวันจริงๆ เรากับพี่ชายโตมาในออฟฟิศเลย ตอนที่เราเด็กๆ บริษัทจะเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนโลโก้ พ่อแม่เราก็มาถามว่าชอบอันไหน เรากลับมาจากออฟฟิศมานั่งกินข้าวยังคุยกันเรื่องโลโก้อยู่เลย เหมือนมันอยู่ในเลือดไปแล้ว เป็นธรรมชาติไปแล้วว่านี่คือของพวกเรา 

“ดังนั้นถ้าพูดถึงเรื่องต้นทุน เราคิดว่าคือคนในครอบครัวที่รักมัน ทำมันมาสามรุ่นตั้งแต่รุ่นอากง พ่อเรา รุ่นเราเป็นรุ่นที่สาม เราดีใจที่พ่อเรายังเลือกทำรถเช่า พี่เราหรือเราเองก็ยังรู้สึกตื่นเต้นกับการทำ และเราก็หวังว่ารุ่นลูกของเราจะยังอินกับ Thai Rent A Car อยู่”

นิรัติศัย บุญจันทร์ 
ผู้ก่อตั้ง The Paper Tee                                                                                                                                                      

“ความจนคือทุนอันประเสริฐ ส่วนความอดทนคือทุนสำรองที่ดี เพราะมันเป็นสารตั้งต้นที่ทำให้เราดิ้นรนในการหาเงิน ครั้งหนึ่งเรารู้สึกว่าการมีแบงก์ยี่สิบหรือแบงก์ร้อยเป็นเรื่องพิเศษได้ นั่นคือทุนแรกที่เป็นเหมือนพลังงานในการขับเคลื่อนหลักจนถึงทุกวันนี้

“ที่เราเริ่มทำ The Paper Tee แบรนด์เสื้อยืด เพราะเรามองที่ปัจจัยสี่ เป็นของที่ใช้งานได้จริง ไม่ต้องใช้เทคโนโลยี แต่จุดเปลี่ยนคือการ collaboration ที่สร้างแรงดึงดูด และการสนับสนุนจากลูกค้าทุกท่าน ซึ่งเรารู้สึกว่าโชคดีมากที่มีลูกค้าที่น่ารักและให้การตอบรับอย่างต่อเนื่อง ถึงเราจะบอกว่าเริ่มมาด้วยความจนและความอดทน แต่ทุนที่ทำให้เราโตขึ้นได้จริงๆ คือลูกค้าที่ยอดเยี่ยม ทุกท่านคือเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน”

ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ 
ผู้จัดการทั่วไป The Pizza Company

“เราอยู่ใน people business ที่ส่งมอบความสุขผ่านอาหารและการบริการที่ยอดเยี่ยม ที่ The Pizza Company บุคลากรและทีมเวิร์กเป็นทุนที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนธุรกิจ”

ดร.อัญชลิน พรรณนิภา
ประธานบริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

“เริ่มต้นผมคิดว่าทุนที่สำคัญที่สุดคือมายด์เซต ถ้าจะย้อนหลังไป TQM ปีนี้เราย่างเข้าปีที่ 69 เจเนอเรชั่นที่ 3 ผมเกิดมาก็อยู่ในธุรกิจของตระกูลคนขายประกัน เป็นนายหน้าขายประกันแห่งแรกๆ ด้วยซ้ำ แต่ผมกลับไม่ได้ชอบเรื่องของธุรกิจประกันเลย เพราะว่าทัศนคติตอนเป็นเด็กหรือแม้กระทั่งโตขึ้นเป็นวัยรุ่นผมมีความรู้สึกว่าคนขายประกันเป็นอาชีพที่มันไม่น่าภูมิใจ มันเป็นมายด์เซตที่มีความรู้สึกว่า เราไปขายประกันเหมือนต้องไปขอร้องไปตื๊อเขา ตอนแรกก็ทำแบบเสียไม่ได้ เพราะเป็นลูกชายคนเดียว แต่พอมาลงมือทำ ศึกษาจริงจัง ก็พบว่ามันเป็นธุรกิจที่ดี มันไม่ใช่เป็นการไปตื๊อ แต่เป็นการเอาความรู้ เรื่องของการบริหารจัดการความเสี่ยง ให้เหมาะกับผู้คน ให้เหมาะกับลูกค้า ซึ่งลูกค้าแต่ละคนก็มีความเสี่ยงที่ไม่เหมือนกัน เราเลยพบว่า จริงๆ เราอยู่ในธุรกิจที่ดี พอผมเปลี่ยนมายด์เซตก็ทุ่มเทกับมัน พอทุ่มเทกับมันธุรกิจก็เจริญเติบโตมาด้วยดี ฉะนั้นสำหรับผมมายด์เซตเป็นตัวเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด เหมือนกระดุมเม็ดแรก

“แล้วทุนอีกอันที่ทำให้ยืนหยัดธุรกิจได้จนถึงวันนี้คือการปรับตัว ผมชอบโควตของชาร์ลส์ ดาร์วิน ที่บอกว่า สิ่งมีชีวิตที่จะอยู่ได้บนโลกใบนี้ มันไม่ใช่ใครที่แข็งแรงที่สุด แต่ต้อง adapt to change ปรับตัวได้ตลอดเวลา ประโยคนี้หลายร้อยปีแล้วแต่ผมว่าก็ยังใช้ได้จนทุกวันนี้ เราเองก็ต้อง adapt to change ตลอดเวลา ทั้งเรื่องวิธีการต่างๆ เรื่อง know-how เราไม่สามารถเป็นน้ำเต็มแก้วหรือพอใจอยู่ในคอมฟอร์ตโซนได้

“ถัดมา หัวใจสำคัญอีกอย่างสำหรับผมคือมนุษย์ หรือ human capital มีปรัชญาของญี่ปุ่นเรียกว่าริเน็นที่ฝังรากลึกอยู่ในองค์กร ในการทำธุรกิจ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่บริษัท องค์กร หรือร้านค้าที่อายุเกินหนึ่งร้อยปีเยอะที่สุดในโลก คนก็ไปถอดรหัสว่าเพราะอะไร เขาบอกว่าสิ่งสำคัญเลยคือริเน็นที่ให้ความสำคัญกับพนักงาน สร้างให้พนักงานเป็นคนเก่งเป็นคนดี ถ้าเป็นปรัชญาตะวันตกเขาให้ความสำคัญที่ลูกค้า customer is king ที่เราเคยได้ยิน โฟกัสไปที่ลูกค้า ซึ่งไม่ผิด แต่ญี่ปุ่นกลับมองอีกทางหนึ่งว่า ถ้าพนักงานของคุณเป็นคนเก่งและเป็นคนดีด้วย พนักงานก็จะส่งมอบบริการและทุ่มเทให้กับองค์กร ลูกค้าก็จะเข้ามาหาองค์กรหรือมาใช้บริการเอง อันนั้นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ และเมื่อองค์กรใหญ่มีคนเก่งๆ เยอะๆ มีคนหลายเจนฯ เรื่องทีมเวิร์กก็สำคัญมาก การเบลนด์คนแต่ละเจนฯ เข้าด้วยกันโดยมีความเป็นหนึ่งเดียว เห็นทิศทางหรือเป้าหมายก็ไปในทางเดียวกัน

“สุดท้ายทุนอีกตัวหนึ่งคือ ความใส่ใจ อันนี้สำคัญมากๆ ญี่ปุ่นมีคำนึงเรียกว่า Omotenashi มันเหมือนกับการใส่ใจการให้บริการแบบหยั่งรากลึก เหนือความคาดหมาย ตั้งแต่การผลิตสินค้าหรือการให้บริการ เขาใส่หัวจิตหัวใจเข้าไปในงานที่ทำ”

อริยะ พนมยงค์
CEO & Founder, Transformational Co.,Ltd

“ทุนที่สำคัญของผมคือ Be a learner. Be a leader. Be a builder. 

“Be a learner, คติประจำใจในการเรียนรู้ชีวิตของผมคือ ‘เข้าใจว่าเราทำไม่ได้ ไม่ถนัด’ ตอนผมกลับมาประเทศไทยครั้งแรกในปี 2544 ผมไม่รู้จักใครในไทย ไม่เคยเรียนหรือทำงานในไทย ทัศนคตินี้ช่วยให้ผมได้เจอพี่ๆ และคนที่เต็มใจช่วยผม โค้ชผม สอนผม ในโลกของเทคโนโลยีมีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวันและตลอดเวลา ทำให้รู้ว่าเราไม่ได้เก่งที่สุด เราต้องเรียนรู้

“Be a leader, คนคือผู้สร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้น ผมลงทุนกับคน ผมสร้างทีมที่ไม่ต้องการผมอีกต่อไป ผมไม่มี Ego ทีมของผมประสบความสำเร็จ ผมก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน

“Be a builder, ไม่ว่าผมจะทำอะไร ผมต้องการสร้างสิ่งที่จะส่งผลดีต่อผู้ใช้และคนจำนวนมาก ผมไม่มีแรงจูงใจที่จะทำสิ่งเดิมสิ่งเดียว เหมือนกันในทุกๆ วัน ผมชอบสร้างบริการใหม่ๆ ธุรกิจใหม่ที่จะส่งผลดีต่อชีวิตของผู้ใช้และคนจำนวนมาก และผมเชื่อในการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจ ผู้บริหารที่ผมทำงานด้วย หรือทำงานให้ ผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อหากลยุทธ์ แนวคิด นวัตกรรม ธุรกิจที่จะช่วยพวกเขาและธุรกิจของพวกเขา เพราะถ้าพวกเขาชนะ ผมก็ชนะเช่นกัน”

วิทิต จันทามฤต
เจ้าของร้านหนังสือ Vacilando Bookshop

“ทุนที่สำคัญของเราคือ ประสบการณ์  สำหรับเราเงินไม่ใช่ทุนตั้งต้นธุรกิจเลย เราเริ่มจากขายหนังสือมือสองอาจจะใช้เงินทุนแค่หลักพัน แต่ใช้ประสบการณ์ต่อยอดร้านหนังสือ ซึ่งสั่งสมมาจากความรู้ที่มี ความชอบ คอนเนกชั่น และโชคชะตา
“ทั้งหมดนี้มันไม่ได้มาง่ายๆ ยกตัวอย่างเรื่องโชคชะตา หนังสือบางเล่มเราเจอจากการเดินทางไปต่างจังหวัด ความรู้และประสบการณ์ที่มีทำให้เรารู้ว่าควรเลือกเล่มนั้นกลับมาเพราะอะไร มันจะเหมาะกับใคร ทำไมเราไม่ควรพลาด ซึ่งมันก็ตามมาด้วยความเสี่ยงนะ เพราะเราก็ยังไม่รู้ว่าจะขายได้ไหม แต่เรารู้สึกอยากลองเสี่ยงดู

“นอกจากนี้ประสบการณ์ยังทำให้เรารู้ช่องทางการเข้าถึงหนังสือใหม่ๆ รู้ว่าจะเชื่อมต่อหนังสือเล่มนั้นไปสู่คนอ่านอย่างไร และการทำร้านหนังสือของเราแม้จะขายผ่านช่องทางโซเชียลเป็นหลัก ก็ทำให้เราเห็นว่าหนังสือเองก็สร้างประสบการณ์ร่วม สร้างบทสนทนา เมื่อเทียบกับหน้าร้านที่วางหนังสือตั้งไว้เฉยๆ การขายออนไลน์นำพากลุ่มคนที่สนใจและอาจจะสนใจในเรื่องนั้นมาเจอกันได้ง่ายขึ้น ลดข้อจำกัดหลายๆ อย่าง”

ต่อพงศ์ จันทบุบผา
นักดนตรี, ผู้บริหารค่ายเพลง What The Duck 

“ทุนที่สำคัญของธุรกิจเพลง ในความเห็นส่วนตัวผมให้ความสำคัญกับสองเรื่องหลักๆ

“หนึ่ง ศิลปินและผลงานของเขา ทั้งในแบบที่จับต้องได้และไม่ได้ รวมถึงธรรมชาติของตัวศิลปิน ในการนำเสนอผลงานต่อแฟนเพลง (artist & passion)

“สอง ทีมงาน เป็นการผสมผสานทักษะและความคิดสร้างสรรค์ของบุคลากรในแต่ละหน้าที่ ผ่านความหลากหลายของคนแต่ละรุ่น ออกมาเป็นแผนงานและกลยุทธ์ในการผลักดันให้ผลงานของศิลปินเดินไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ (teams = values)”

กล้า ตั้งสุวรรณ 
CEO, Wisesight

“ทุนที่สำคัญของ Wisesight และในทุกๆ ธุรกิจมีเหมือนกันคือ ข้อมูล (data) ธุรกิจไหนที่มีข้อมูลมากกว่าย่อมมีโอกาสวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อ วางกลยุทธ์ได้แม่นยำ และได้เปรียบในการแข่งขันได้มากกว่า

“ในอดีตเรายังมีข้อมูลไม่มาก ผู้บริหารอาศัยการจดจำ สะสมจนกลายเป็นประสบการณ์ แล้วละเลยการให้ความสำคัญในการจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ

“ในปัจจุบัน ข้อมูลต่างๆ มีปริมาณมหาศาล โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภคที่อยู่บนโซเชียลมีเดีย ด้วยปริมาณที่เกินความสามารถของมนุษย์ที่จะจดจำและจัดการได้ การใช้เทคโนโลยีมาประมวลผลข้อมูลมหาศาล จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนธุรกิจในทุกๆ ด้าน”

กรินทร์ พิศลยบุตร
Creative Director และผู้ก่อตั้ง Yarnnakarn

“ทุนที่ทำให้ธุรกิจเราอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ อาจจะเป็นเรื่องความไม่มั่นใจในตัวเองและความกลัวของเรา เราไม่ได้รอบรู้ไปทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องธุรกิจ ส่วนใหญ่เราจะหาข้อมูลจากประสบการณ์จริงของคนที่เคยผ่านมาก่อน หรือหาตัวช่วยให้งานออกมาได้อย่างที่เราตั้งใจเอาไว้ 

“เวลาที่เราทำงานกับใคร เราจะพยายามเข้าใจความถนัดของแต่ละคน จากประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ศึกษาจุดแข็งของกันและกัน เราจะได้อะไรจากเขา แล้วเขาจะได้อะไรจากเรา และอะไรที่เสริมเติมกันได้ แล้วนำสิ่งนั้นมารวมกับสิ่งที่เราเชื่อ นั่นทำให้เราเปิดรับสิ่งรอบตัว ไม่ปฏิเสธโอกาส รับฟังคำติชม แม้จะไม่ได้เชื่อในเรื่องเดียวกันทุกเรื่อง แต่จะเอามาวิเคราะห์แล้วปรับให้เหมาะกับธรรมชาติของเรา

“โดยรวมๆ ก็อยากให้ทั้งทีมงาน ซัพพลายเออร์  ลูกค้า เดินไปด้วยกันโดยหาจุดร่วมที่ทุกคนจะไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ให้ได้ประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย”

สมเดช เหลืองทวีบุญ
ผู้ก่อตั้ง Yellow Stuff 

“ทุกความสัมพันธ์คือทุนที่สำคัญของ Yellow Stuff ตั้งแต่ครอบครัวที่ให้อิสรภาพในการตัดสินใจเริ่มต้นทำธุรกิจ และทำให้เราเชื่อในคุณค่าของการทำสิ่งที่ซื่อสัตย์และคิดถึงคนอื่น เพื่อนอย่างเต้ (วรัตต์ วิจิตรวาทการ ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Roots Coffee) ที่เปิดโลกและทำให้เราสนใจเกี่ยวกับกาแฟ ไปจนถึงพี่ๆ ช่างในโรงงานที่อินสไปร์ให้เราลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างเพื่อคนทำงานคราฟต์ หรือแม้แต่ทีมทุกคนในตอนนี้ที่ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา

“Yellow Stuff เกิดและเติบโตขึ้นมาได้ไม่ใช่จากแค่ตัวผม แต่จากทุกคนรอบตัวที่มอบประสบการณ์ชีวิตให้กับผม มันจึงเป็นจุดที่ทำให้แบรนด์ของเราอยากมอบอินสไปร์กลับไปให้ทุกคนรอบตัวมีแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตที่ดีและได้ทำสิ่งที่มีความสุขในทุกๆ วัน”

บุณยนุช วิทยสัมฤทธิ์
Creative Director, Youngfolks 1952

“ทุนที่สำคัญของธุรกิจคือ ‘ครอบครัว’ ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีเรา 

“ทุกคนคือคนในครอบครัวของเรา นี่คือต้นทุนของธุรกิจที่อากง อาป๊าได้ให้พวกเราไว้ เพราะสิ่งที่เราทำคืองานคราฟต์ คราฟต์ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่คราฟต์ในงานฝีมือ แต่มันคืองานคราฟต์ใจของคนให้เติบโตไปด้วยกัน เพราะงานฝีมือไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ภายในวันเดียว แต่มันคือทุกๆ วันที่เราต้องฝึกและต้องทำให้ดีกว่าเดิม วันนี้ยังทำไม่ได้ พรุ่งนี้ก็ต้องทำให้ได้ วันนี้ที่ว่าทำสวยแล้วก็ต้องทำให้สวยและประณีตกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้ทำให้หัวใจของคนในครอบครัวเราแข็งแรงและเติบโตไปพร้อมๆ กัน 

“ถ้าขาดแรงใจแรงกายของคนใดคนหนึ่งไป งานฝีมือที่ต้องถูกส่งผ่านรุ่นสู่รุ่นก็คงจะไม่เกิดขึ้น และถ้าต่างคนต่างอยู่ต่างทำก็คงจะไม่มีพวกเราที่เป็นทายาทรุ่น 2 รุ่น 3 และงานฝีมือก็คงจะหายไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นคำว่า ‘ครอบครัว’ ไม่ใช่เพียงแค่พวกเราสามพี่น้องแต่มันคือ ทุกชีวิตในโรงงาน พวกเรามีวันนี้เพราะทุกคน ไม่มีเขาก็ไม่มีเรา”

บุญยง ตันสกุล
CEO, ZEN

“ทุนในการทำธุรกิจในมุมมองผมคือ องค์กรและพนักงาน ถ้าไม่มีพนักงาน องค์กรก็ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมาย ไม่มีองค์กร พนักงานก็ไม่มีความมั่นคงในอาชีพ

“ดังนั้นองค์กรที่ดีมีชื่อเสียง พนักงานในองค์กรที่เก่งและมีความสามารถ เปรียบเสมือนทุนที่มีความมั่นคง แข็งแรง เหมือนเสาหลักเมืองที่สร้างขึ้นมาพร้อมกับเมือง และเป็นสัญลักษณ์อยู่คู่กับเมืองตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต”

ปาลีรัตน์ ดำรงค์กิจการ
2nd Generation, Zequenz

“สำหรับเรา ต้นทุนทางธุรกิจที่สำคัญที่สุดของแบรนด์ ZEQUENZ คือ know-how ในที่นี้คือความรู้ที่ไม่สามารถเสิร์ชหาหรือเรียนจากมหาวิทยาลัยได้แต่เป็นความรู้ที่ได้รับจากคุณพ่อคุณแม่ เป็นความรู้จากประสบการณ์ที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น เช่น ทักษะการทำสมุด การเข้าเล่ม การจัดเรียงกระดาษ ทุกๆ ขั้นตอนมีรายละเอียดมหาศาลซึ่งพ่อแม่คิดค้น ทดลอง ศึกษา ลองถูก ลองผิด ลองถูก ลองผิด มานับไม่ถ้วนจนเป็น ZEQUENZ แบบทุกวันนี้ 

“พอมาถึงเฟสของเรากับปราง (ณิชมน ดำรงค์กิจการ ทายาทรุ่นที่สองแบรนด์ ZEQUENZ) เราจึงสามารถไปเน้นการสานต่อให้ดีได้เลย เน้นพัฒนาโปรดักต์ให้ดีขึ้น เข้ากับสมัยมากขึ้น นำเทคโนโลยีบางอย่างมาใช้ และเน้นทำการตลาดในด้านที่เราถนัดอย่างโลกออนไลน์หรือเข้าสู่ E-commerce ได้เลย”

100 ทุนสำคัญในชีวิตของผู้ประกอบการและตัวแทนธุรกิจ 100 คน EP.3

สิ่งสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจคือ ‘ทุน’ หากแต่ทุนที่สำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจและทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องเงินเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงทุนอื่นๆ ที่เราสั่งสมมาในชีวิต แต่ละคนก็แตกต่างกันไป

ด้วยความอยากรู้ว่าทุนที่ว่ามีอะไรบ้าง เราจึงตั้งใจถาม 100 ผู้ประกอบการและตัวแทนของธุรกิจต่างๆ หลากหลายหมวดและขนาด ด้วยคำถามเดียวกัน

“อะไรคือทุนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจที่คุณทำเติบโตมาจนถึงวันนี้”

ในตำราอาจมีนิยามของคำว่าทุนกำกับไว้ชัดเจนอยู่แล้ว แต่เมื่อได้พูดคุยกับคน 100 คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกธุรกิจ คำตอบที่ได้กลับหลากหลาย

บางคำตอบก็ตรงไปตรงมา ในขณะที่บางคำตอบก็ไม่มีตำราเล่มใดเขียนกำกับไว้ บางคำตอบเป็นทุนสำคัญที่ใครหลายคนเห็นตรงกัน ในขณะที่บางคำตอบก็เฉพาะตัวตามแต่ประสบการณ์ของแต่ละคน

ท่ามกลางคำตอบมากมาย เราคล้ายได้ค้นพบสิ่งสำคัญที่ควรให้ค่าในการทำธุรกิจ และชวนให้เรากลับมาทบทวนสิ่งเหล่านั้นในชีวิตของตัวเอง

พล หุยประเสริฐ
ผู้ก่อตั้ง H.U.I.

“ผมคิดว่าทุนชีวิตของผมคือการเกิดมาในบ้านชนชั้นกลางที่รายได้พออยู่ได้สบาย ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีภาระใดๆ ส่วนสิ่งอื่นๆ ที่เหลือที่ทำให้ผมมาอยู่ตรงนี้น่าจะเป็นสภาพแวดล้อมในครอบครัวที่แม่เป็นเด็กเรียนแต่ไม่รวยเหมือนคนอื่นๆ ในตระกูล แม่จึงชอบให้ผมอ่านหนังสือ เรียนนู่นเรียนนี่ เช่น เรียนดนตรี 

“แต่ลึกๆ ผมเป็นเด็กขี้เกียจ สิ่งที่พอจะชอบมีแค่ดนตรี ที่เรียนดีได้ก็แค่เพราะไม่ชอบโดนดูถูกจากคนในตระกูล มันเป็นแรงขับให้เราอยากทำอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องมีใครมาสบประมาทหรือแกล้งเรา ดังนั้นถ้าไม่ชอบให้ใครมาดูถูก เมื่อมีโอกาสผมก็ต้องก้าวขึ้นไปเสมอ ผมจะไม่ปล่อยโอกาสให้ลอยผ่านไปและมองหาโอกาสตลอดเวลา เมื่อเห็นโอกาสที่จะเอาสิ่งที่ชอบคือดนตรีกับสิ่งที่ผมเรียนมาคืองานออกแบบมาผสมกันผมก็ทำ ซึ่งการที่ผมสามารถทำทุกอย่างได้โดยไม่สนใจว่ามันจะจบยังไงหรือจะล้มเหลวยังไง ลึกๆ มันย้อนกลับไปที่ต้นทุนของผม คือผมรู้เสมอว่าต่อให้เราล้มก็ยังมีครอบครัวที่ซัพพอร์ตเราได้”

เฟื่องฟู จิรัฐิติวณิชย์
เจ้าของโรงคั่ว Hands and Heart Coffee Roasters

“ผมเคยเชื่อว่าการทำตามความฝัน ทำตามแพสชั่น คือชุดความคิดที่ผลักดันให้เราประสบความสำเร็จ ตามเป้าหมายในชีวิต เหมือนสิ่งนี้จะเป็นทุนตั้งต้นที่ดีในการทำธุรกิจ แต่เมื่อผ่านเวลาไปทำให้ได้เรียนรู้ว่าแค่นั้นมันไม่เพียงพอ ความอดทนและความพยายามต่างหากที่เป็นทุนสำคัญที่จะผลักดันให้เราไปถึงจุดหมาย

“ซึ่งความยากของ ความอดทนและการพยายามต่อบางสิ่งชนิดกัดไม่ปล่อยนั้นคือ เราไม่รู้เลยว่ามันจะนำพาให้เราไปที่จุดหมายที่เราหวังไว้หรือไม่ แต่เราก็ต้องลองให้รู้ ดีกว่าจะยอมแพ้ในวินาทีแรกที่เราคิดว่ายากแล้ว

“แต่ความอดทนและความพยายามของแต่ละคนอาจวัดค่าหรือมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะทุกคนล้วนเจอสถานการณ์ที่ต่างกันไป”

จิราภรณ์ วิหวา
Co-founder, ili และ ili U

“ต้นทุนที่สำคัญที่สุดของไอแอลไอคือเพื่อนร่วมงาน ฟังดูเหมือนเป็นคำตอบสวยๆ แต่จริงๆ แล้วไม่มีต้นทุนอะไรที่ส่งผลต่อการเติบโตของเราเลยนอกจากคนเหล่านี้

“คนเหล่านี้ที่ว่าคือพาร์ตเนอร์ที่เริ่มต้นด้วยกันมาโดยไม่มีทุนอะไรนอกจากทักษะ ประสบการณ์ และความเชื่อว่าเราสามารถออกแบบคอนเทนต์ให้ต่างจากสิ่งที่มีอยู่ได้ และคือทีมงานจำนวนเล็กๆ รวมทั้งฟรีแลนซ์ที่เข้าจังหวะกัน เราไม่ได้ใช้แค่ทักษะของเขาในการทำงาน แต่ยังใช้ไลฟ์สไตล์ ใช้ทัศนคติของเขาที่มีต่อเรื่องรอบตัวด้วย มันจึงจำเป็นมากที่ต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตในการทำงานร่วมกัน ถึงจะเป็นธุรกิจเล็กๆ ที่ไม่ได้มีสวัสดิการหรือค่าตอบแทนหวือหวา แต่เราพยายามออกแบบให้โฟลว์ในการทำงานแฟร์พอ ยืดหยุ่นพอ และสบายใจพอที่จะสร้างสรรค์งานที่ดีไปด้วยกันยาวๆ”

สุรชัย พุฒิกุลางกูร 
ผู้ก่อตั้งบริษัท Illusion CGI Studio

“ในแง่ธุรกิจคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินคือทุนที่สำคัญและจำเป็นลำดับต้นๆ ที่จะทำให้ธุรกิจเกิดขึ้นและดำรงอยู่ได้ แต่ทุนที่จำเป็นที่สุดสำหรับผู้ประกอบการกลับไม่ใช่เงินแต่คือ ความศรัทธาที่เรามีต่อความฝัน

ความฝันที่เรามีต่อธุรกิจของเรา ฝันที่จะสร้างธุรกิจเพื่ออะไร ใหญ่หรือเล็กแค่ไหน ความศรัทธาที่เรามีจะทำให้เราผ่านอุปสรรคที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นช่วงเริ่มต้นที่ยังไม่มีลูกค้า หรือแม้กระทั่งช่วงเวลาที่บริษัทขาดทุน

“สำหรับผม ความศรัทธาต่อความฝันเป็นทุนที่มีค่าที่สุด ความศรัทธาลดลงได้ แต่ขาดและหมดไปไม่ได้ เราต้องรักษาทุนนี้ให้ดีตลอดชีวิตธุรกิจของเรา”

ธัชวีร์ สนธิระติ
ผู้ก่อตั้ง Indigoskin

“ทุนของเราคือ ประสบการณ์ ความท้าทาย ความดื้อรั้น และมิตรภาพ

“ประสบการณ์–เราทำแบรนด์ด้วยความคิดที่ว่า ไม่ว่าเราจะผ่านการเรียนรู้อะไรจากที่ไหน หรือการได้สนทนากับใคร สิ่งเหล่านี้ไม่มากก็น้อย เรามักจะได้รับความรู้และประสบการณ์จากคนเหล่านี้ และเราสามารถนำมันมาประยุกต์และปรับเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของเราได้ทั้งนั้น อย่ากลัวที่จะได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่าเรามากๆ การพูดคุยกันแค่ 2-3 ชั่วโมงอาจจะได้ประสบการณ์เท่ากับการเรียนหรือทดลองทำธุรกิจเอง 5-10 ปีก็ได้ หรือการพูดคุยกับเด็กๆ ยุคใหม่ เราอาจจะได้วิธีคิดรูปแบบใหม่ที่มาพัฒนาการออกแบบ หรือทำงานให้ทันสมัยเท่าทันยุคได้เช่นกัน 

“ความท้าทายและความดื้อรั้น–เราทำงานด้วยความท้าทายที่ว่า เราอยากทำอะไรให้มันดีที่สุดเท่าที่ความสามารถทำได้ เราต้องทำมันจนเราชอบ เราอยากใช้มัน เราถึงกล้าที่จะทำสินค้านั้นออกมาขาย ดังนั้นการออกแบบหรือทำผลิตภัณฑ์ของเรา มันจะมาจากสิ่งที่เราสนใจรอบตัว ความดื้อก็คือสิ่งที่เราอยากทำนั้น ยิ่งมีคนบอกว่าทำไม่ได้หรือมันยาก เราจะยิ่งอยากทำมันเป็นพิเศษมากกว่าเดิม เพราะเราต้องเชื่อมั่นในอิสระทางความคิดของเรา และถ้าหากเราทำออกมาได้ดีแล้ว มันก็คือความก้าวหน้าขั้นต่อไป แต่ในทางกลับกันถ้าทำแล้วออกมาไม่ดี มันก็คือประสบการณ์ที่เราต้องเรียนรู้ แต่เราต้องท้าทายตัวเอง เราต้องดื้อรั้นกับความเชื่อของตัวเอง ผมเริ่มต้น Indigoskin ด้วยความคิดแบบที่คนบอกว่า  “ทำกางเกงยีนส์ลายไทยขายตัวละหลายพันบาท คุณทำไม่ได้หรอก ผมเอาเงินไปซื้อแบรนด์นอกดีกว่า” คำพูดนี้แหละที่เป็นตัวผลักดันให้ผมพาธุรกิจของผมมาได้จนถึงทุกวันนี้

“มิตรภาพ–การทำธุรกิจจะอยู่มาอย่างยาวนานได้ คุณต้องมีมิตรภาพที่ดี ทั้งคู่ค้าทางธุรกิจ ทั้งมิตรภาพจากลูกค้า และบุคคลสำคัญรอบตัวอย่างเพื่อนๆ และครอบครัว สิ่งเหล่านี้เป็นตัวส่งเสริมแรงใจ แรงกาย และรวมถึงการสนับสนุนต่างๆ ในการทำธุรกิจ ช่วยให้เดินทางผ่านวิกฤตต่างๆ มาได้ หรือบางทีเราก็อาจจะสามารถไปช่วยเหลือเพื่อนๆ อย่างเช่นการทำกิจกรรมร่วมกัน การทำ collaboration แบ่งปันไอเดียในการทำธุรกิจ คุณไม่สามารถอยู่รอดในวงการได้หากคุณมีแต่ศัตรู มองทุกคนเป็นคู่แข่งหมด การทำธุรกิจจะราบรื่นมากหากคุณมีแต่มิตรภาพดีๆ อยู่รอบตัว ผมเชื่อแบบนั้น”

เมธาวจี สาระคุณ
Creative Director / Founder, Inside the Sandbox / Deadline Always Exists

“ทุนของเราคือทีม คือทุกคนที่พร้อมจะเจ็บปวด กรีดร้อง หัวเราะ และเติบโตไปพร้อมๆ กัน

“ด้วยอายุเท่านี้ เรารู้สึกว่าการที่มีคนอนุญาตให้เราผิดพลาดและโตไปด้วยกันมันวิเศษที่สุดแล้ว ที่สำคัญ เราไม่เชื่อว่ามีมนุษย์คนไหนเป็นหัวหน้าที่สมบูรณ์แบบแต่เราเชื่อในการอยู่ด้วยกัน โตไปด้วยกัน ดึงข้อดีที่สุดของกันและกันออกมา และในที่สุดก็ยอมรับกันว่าเราต่างเป็นมนุษย์ที่ผิดพลาดได้และมีวันแย่ๆ บ้าง แต่ที่สุดแล้วเราก็จะมีวันที่เราหัวเราะด้วยกัน

“เราพูดตลอดว่าเหตุผลเดียวที่เราทำงานที่นี่คือทีมนี้ เรามองว่าบริษัทเป็นแค่ข้ออ้างแหละ ความจริงสิ่งที่ดีที่สุดของการได้ทำงานคือการได้อยู่กับคนเหล่านี้ต่างหาก”

ศุภวุฒิ บุญมหาธนากร
กรรมการผู้จัดการ JaiBaan Studio 

“ตอบยากมากๆ เลย ที่ยากคือไม่ได้ไม่รู้ว่าจะตอบอะไร แต่เพราะมันมีเยอะอยู่พอสมควรเลยในวันและเวลาที่ได้มองย้อนกลับไป 

“ทุนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของเราเติบโตนี่มีอยู่หลายเรื่องเลย แม้ในตอนนั้นอาจจะไม่ได้คิดว่ามันเป็นทุนได้ ตั้งแต่ความเปราะบางที่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองให้เป็นการเรียนรู้ ความเชื่อลึกๆ ว่างานแบบที่เราเชื่อนั้นมีพื้นที่ให้เติบโตและเป็นเราที่คู่ควรกับงานแบบนี้ หรือพลังงานในวัยเด็กที่ชอบผจญภัย ได้ค้นพบและชอบเรื่องราวที่ดูเป็นเหมือนอุดมคติ ซึ่งสิ่งนี้คอยผลักดันเราเสมอเวลาต้องตัดสินใจในเรื่องที่เป็นคุณค่า 

“อีกอย่างคือสภาพแวดล้อมที่เราเติบโตมา ตั้งแต่ครอบครัวที่ให้อิสรภาพกับเรา รักเรา และไม่ตัดสินเรา รวมทั้งเชื่อเรา ในวันที่มันยังไม่เป็นรูปเป็นร่างมากนัก ระบบนิเวศแวดล้อมที่หล่อหลอมอัตลักษณ์บางอย่างที่เรามีและใช้ในงานทุกชิ้น

“และสุดท้ายคือทีมงานที่ดี ที่เรียกว่าดีนี่หมายถึงความรู้สึกเป็นคู่หูทั้งในวันที่งานสำเร็จและเผชิญความยาก องค์ประกอบเหล่านี้คือทุนสำคัญของเราที่เดินทางมาถึงวันนี้และน่าจะเป็นทุนสำคัญในการเดินทางต่อไปในอนาคต”

อเล็กซ์ อึ้ง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

“ตั้งแต่วันแรกที่เราเริ่ม Kerry Express ทุนที่สำคัญที่สุดของธุรกิจคือ บุคลากรของเราที่รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา 

“เมื่อเราใส่ใจและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจังก็ทำให้องค์กรของเราบริการลูกค้าด้วยหัวใจ สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี ลดโอกาสความขัดเเย้งภายในที่อาจจะเกิดให้น้อยที่สุด นั่นทำให้เราก้าวนำอยู่ในอุตสาหกรรมนี้อยู่เสมอ รวมถึงเราสามารถสื่อสารกับผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้นอย่างจริงใจและตรงไปตรงมา คุณค่าของ Kerry จึงไม่ได้อยู่ที่บุคลากรเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่บุคลากรผู้มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา”

ฐิติพงศ์ ดาวพิเศษ
ผู้ร่วมก่อตั้ง La Vela Khao Lak

“ทุนของผมคือ ครอบครัว ศิลปะ กีฬา และธรรมชาติ

“ผมโชคดีที่มีครอบครัวที่คอยสนับสนุนความชอบในศิลปะและกีฬา มีวิสัยทัศน์ลงทุนในการพัฒนาพื้นที่เขาหลักมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความรักและเข้าใจในงานออกแบบ จึงได้เกิดโปรเจกต์ที่เปิดโอกาสให้ใช้ศิลปะและดีไซน์เข้ามาเป็นแกนหลักอย่างเช่นโรงแรม Casa de La flora, La Vela ซึ่งต่อมาก็ถือได้ว่าเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการเปิดตลาดใหม่ๆ ดึงกลุ่มคนไทยและคนรุ่นใหม่ให้รู้จักเขาหลักมากขึ้น โดยผมมีความเชื่อมั่นว่าดีไซน์ที่ดีนั้นสามารถนำมาเพิ่มมูลค่าธุรกิจ ช่วยพัฒนาชุมชนได้ และจากการที่เป็นนักกีฬา จึงทำให้ผมเข้าใจถึงความสำคัญของสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อธุรกิจบริการในอนาคต

“ด้วยต้นทุนทางธรรมชาติที่สวยงามของเขาหลัก ประกอบกับการที่มีคลื่นที่เหมาะสมกับการโต้คลื่นและมีชุมชนนักโต้คลื่นที่แข็งแรง จึงได้เกิดโปรเจกต์ Laybay ซึ่งเป็นสนามเซิร์ฟสเกตที่ใช้ดีไซน์และ wellness เข้ามาเป็นแกนหลัก ยึดโยงกับชุมชนและคนรุ่นใหม่ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเมืองให้เป็นเซิร์ฟทาวน์ที่สวยงามและยั่งยืน”

สุวรรณา หลั่งน้ำสังข์ 
กรรมการผู้จัดการ บริษัท สังคมสุขภาพ จำกัด

“เราไม่ได้เริ่มจากการอยากทำธุรกิจ แต่เราออกแบบธุรกิจนี้เมื่อราว 25 ปีก่อน เพื่อเป็นเครื่องมือสร้างแรงกระเพื่อมเล็กๆ ในแบบที่พอทำได้ ให้คนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำมีสุขภาพที่ดีขึ้นตลอดทั้งห่วงโซ่

“เกษตรอินทรีย์คือหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลง วิถีนี้เอื้อให้เกษตรกรในหลายพื้นที่สามารถเลี้ยงชีพ พลิกชีวิต บนฐานการเกษตรที่ปลอดภัยจากสารพิษ ส่งมอบอาหารสะอาดที่มีพลังชีวิตดีๆ ให้ผู้บริโภคทานอย่างมีความสุข รวมทั้งร่วมฟื้นฟูผืนป่าและสิ่งแวดล้อมด้วย

“ระหว่างทางมีเรื่องต้องอดทน ฝ่าฟันเยอะเป็นธรรมดา ขอบคุณทีมงาน พี่น้องเกษตรกร และผู้บริโภค ที่ร่วมเดินทาง สร้างสรรค์วิถีแห่งสุขภาพและความยั่งยืนนี้มาด้วยกัน”

ธนิสรา โพธิ์นทีไท
Creative Director, Madmatter

“ทุนที่สำคัญต่อธุรกิจคือ ความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ เพราะการทำธุรกิจเป็นงานสร้างที่เริ่มทุกอย่างจากศูนย์ การที่จะพามันเติบโตและไปข้างหน้าได้ ต้องผ่านความยากเย็น ปัญหาสารพัด ถ้าจิตใจเราไม่มุ่งมั่นพอ มันจะไม่มีแรงผลักดันธุรกิจให้ไปต่อได้เลย 

“ช่วงแรกที่เริ่มทำแบรนด์ เรื่องธุรกิจแฟชั่นยั่งยืนในประเทศเรายังใหม่มาก เราต้องเจอปัญหาทั้งการผลิต ผู้บริโภคไม่เข้าใจว่าทำไมรักษ์โลกแล้วราคาถึงแพง มันดียังไง เขาไม่เห็นคุณค่าสิ่งที่เราทำ ซึ่งทำให้เราอยากเลิกทำหลายครั้ง แต่เพราะความมุ่งมั่นที่จะต้องทำให้ได้นี่แหละ เป็นแรงให้เราคอยคิดหาทางออกและปรับตัวอยู่ตลอด ทำให้ธุรกิจของเราไปต่อได้”

กฤติกร ธนมหามงคล 
บรรณาธิการบริหาร Main Stand 

“ทุนในชีวิตที่สำคัญของผมคงเป็นเรื่องความอยากเอาชนะ ผมเป็นพวกอยากเอาชนะด้วยความแตกต่างเสมอ เป็นคนไม่ชอบทำอะไรซ้ำๆ คนอื่น แม้กระทั่งเรื่องที่เราถนัดอย่างการทำคอนเทนต์กีฬา ผมไม่ชอบการทำข่าวกีฬาที่เน้นกระแส เน้นดราม่า เพราะฉะนั้นถ้าได้ทำสื่อกีฬา ที่เราได้วางรากฐาน เราก็ตั้งใจทำในแบบที่มันเป็นไปตามอุดมคติของเรามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

“มันจะต้องเป็นสื่อกีฬาที่อัดแน่นด้วยความรู้ ความสนุก และทำให้คนทั่วไปอ่านได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นแฟนกีฬา เพราะเราอยากให้เรื่องกีฬามันเข้าถึงคนวงกว้างทุกคน โอเค แม้วันเวลาผ่านไปเราต้องยอมรับความจริงว่า โลกนี้มันก็หมุนไปด้วยเรื่องของทุนนิยม สิ่งที่เราอยากให้เป็นจาก 100 เปอร์เซ็นต์ มันอาจจะเหลือแค่สัก 70 เปอร์เซ็นต์ แต่สารตั้งต้นที่เราวางเอาไว้ อย่างน้อยมันก็เป็นพื้นฐานสำคัญให้ Main Stand ก้าวไปข้างหน้าได้ในแบบที่หลายๆ คนยอมรับ ผมว่านั่นถือเป็นความสำเร็จแล้ว”

ภวัต เรืองเดชวรชัย 
President & CEO, MI Group

“ทุนที่สำคัญในมุมมองของผม คือ trust ความเชื่อถือ ความไว้วางใจที่ลูกค้าและคู่ค้ามีต่อ MI Group ในการดูแลและวางแผนการตลาดและสื่อสารการตลาดให้แบรนด์ต่างๆ

“trust สำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจในฐานะ media & marketing communication agency เพราะมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ของงบการตลาดของแบรนด์หนึ่งๆ ถูกใช้ไปกับ media & marketing communication ซึ่งเป็นตัวหลักในการ drive sales & sustainability ของแบรนด์ที่ MI Group ดูแล ดังนั้นความไว้วางใจและความเชื่อมั่นต่อความเป็นผู้เชี่ยวชาญในแขนงนี้จึงเป็นต้นทุนสำคัญที่สุดในการดำเนินธุรกิจของ MI Group ซึ่ง trust ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาแค่ชั่วข้ามวันหรือข้ามปีแต่เราได้สั่งสมความไว้วางใจกับคู่ค้ามาเกือบ 20 ปี จนได้รับความมั่นใจและบอกต่อในสถานการณ์การแข่งขันที่กดดันและดุเดือดจนทุกวันนี้”

รสลิน จรรยาศักดิ์
ผู้ก่อตั้งและดีไซเนอร์แบรนด์ Mo.

“ต้นทุนสำคัญในการทำธุรกิจของเราคือพลังของเพื่อน คนที่ช่วยให้เราตั้งต้นได้คือเพื่อนๆ และคนรอบตัว จากนั้นก็กลายมาเป็นการบอกแบบปากต่อปาก ลูกค้ากลายเป็นเพื่อนของเพื่อน แล้วก็ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเวลาโยนหิน แล้วเกิดระลอกคลื่นเป็นวงต่อๆ กัน 

“จนถึงทุกวันนี้ก็ยังขอบคุณเพื่อนๆ ที่ทำให้เราได้เริ่มต้นและเติบโตมีฐานลูกค้าที่เชื่อในแบรนด์ในวงกว้างขึ้น นับจากวันแรกที่ทุกคนเชื่อในตัวเรา”

อีเลน ซัน
ผู้ก่อตั้ง Nangloeng Shophouse นางเลิ้งชอปเฮาส์, Kǔ / Ku bar 

“ทุนที่สำคัญของธุรกิจเราคือ การอยากร่วมแบ่งปันประสบการณ์โดยสื่อสารผ่านของกินของใช้ที่พวกเราชื่นชอบแล้วแชร์ร่วมกับผู้อื่นที่สนใจ”

นันท์พัทธ์ พูลสวัสดิ์
ผู้ก่อตั้ง Nuaynard

“ทุนของเราคือวัตถุดิบทุกอย่างในชีวิตที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ นั่นหมายถึงเงินด้วย เราตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราสามารถนำทุนอันน้อยนิดของเรา มาผสม ปรุงรส ประกอบร่าง เป็นอะไรได้บ้าง แฟนเรามีบ้านต่างจังหวัดทิ้งไว้เฉยๆ แล้วเราสนใจความเป็นพื้นถิ่นพอๆ กับสนใจเทรนด์โลก การไปทดลองอยู่บ้านซับศรีจันทร์ ทำให้เรารู้จักกับช่างฝีมือ และเจอวัตถุดิบธรรมชาติสำคัญในพื้นที่มากมาย เราไม่ได้มีแพสชั่นกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะรู้สึกว่าการมีชีวิตด้านเดียวมันน่าเบื่อเกินไป ดังนั้นทุนอีกอย่างของเราคือเวลา เราเลยอยากทำธุรกิจที่เอื้อกับการใช้ชีวิตได้หลายๆ แบบ จึงพยายามหาวิธี และรูปแบบการทำงาน ที่สามารถจัดการได้เพียงสองคน เพื่อเหลือพื้นที่ เหลือเวลาให้เราออกไปเติบโตเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ของชีวิต

“วัตถุดิบที่มากล้นจนแทบจะเหลือทิ้งขว้าง นั่นคือทุนชั้นดี เป็นตัวช่วยสำคัญของการประหยัดทุนที่เรียกว่าเงิน บ้านซับศรีจันทร์มีเศษหินเหลือทิ้งมาก ทำให้เราผลิตชิ้นงานได้ต่อเนื่อง ช่างเองก็สามารถนำเศษหินมาสร้างราคาใหม่ได้อีก เรามีใบหมี่ ใบย่านางขึ้นเองรอบบ้านตลอดทั้งปี ทำให้เราไม่ต้องกังวลว่าวัตถุดิบในการทำแชมพูจะขาดแคลน รวมถึงการพยายามงอกเงยทุนที่เรียกว่า ‘เวลา’ ให้มีมากพอ เพื่อเหลือพื้นที่ใช้ใจไปเล่นกับงาน ผลลัพธ์คือ ทำให้เราได้คุณภาพการผลิตที่ดี เกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ผลงานจะออกมาดั่งใจทุกครั้งเมื่อเรามีเวลามากพอ แล้วเรื่องพวกนี้ลูกค้าสัมผัสได้”

ลลิดา สิทธิพฤษทานนท์
เจ้าของและผู้ก่อตั้ง OMNiA Café & Roastery

“ทุนที่สำคัญของเราคือความจริงใจ เราว่ามันสำคัญมาก ไม่ว่าเราจะอยู่ในธุรกิจหรือแม้จะไม่ได้อยู่ในโลกธุรกิจก็ตาม

“ที่นี่เราให้ความสำคัญกับนักเรียนเท่ากัน ให้ความรู้อย่างเต็มที่ รายละเอียดการสอนที่อิงหลักสูตรมาตรฐานสมาคมกาแฟพิเศษโลก SCA (Specialty Coffee Assocoation) และที่สำคัญเราไม่เคยยุบคลาสสอน มีนักเรียนเพียงคนเดียวก็สอน

“นี่คงเป็นสาเหตุที่นักเรียนแต่ละท่านเดินทางมาเรียนกับเราถึงเชียงใหม่ และสาเหตุที่สำคัญอีกสิ่งคือ เรื่องราวของกาแฟที่หล่อหลอมเป็นตัวเรา ก็มีส่วนมากพอควร คือเราเริ่มจากความสนใจในคำว่า specialty coffee ตั้งแต่สิบปีก่อนที่คนยังไม่รู้จักคำว่ากาแฟพิเศษ หรือคำว่า single-origin ในกาแฟ เริ่มจากการเรียน และพาตัวเองออกเดินทางไปยังแหล่งปลูกกาแฟที่มีชื่อเสียงในโลก

“เราไปเพื่อเห็นและเรียนรู้ในสิ่งที่อีกซีกโลกของกาแฟเขาทำ เขามีการสืบทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น และที่สำคัญทำไมกาแฟเขาถึงมีมูลค่าสูงในตลาดโลกได้ และนำกลับมาพัฒนากาแฟที่บ้านเราที่นำมาเสิร์ฟที่ร้าน ส่วนในการสอน เราได้รับใบอนุญาตสอนในสมาคมกาแฟพิเศษ ทั้งของอเมริกา Specialty Coffee Association of America และของยุโรป Specialty Coffee Association of Europe ในทุกๆ module เลย ก็น่าจะเป็นคนไทยเดียวในบ้านเราที่สอนได้ครบ ทั้ง 5 module 

“และตอนนี้ OMNiA Café เชียงใหม่ เราเปิดมาเข้าปีที่ 7 แล้ว เปรียบกับคนที่กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงวัย mature ที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง พัฒนา เรียนรู้ และก้าวเดินไปในโลกกาแฟที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว”

ศานนท์ หวังสร้างบุญ
ผู้ร่วมก่อตั้ง Once Again Hostel / Luk Hostel

“หากพูดถึงทุนที่สำคัญในการทำธุรกิจในอดีต เราน่าจะพูดถึงแพสชั่น ความไม่ย่อท้อ ความอดทนมุ่งมั่นต่อสู้ต่อความท้าทายเพื่อพิชิตฝันของผู้ก่อตั้ง หรือเป็นเรื่องของการบริหารคน การสร้างทีมงาน และการเอาใจใส่คนให้คนเก่งอยากอยู่กับเรา

“แต่หากพูดถึงวันนี้ ผมคิดว่าทุนที่สำคัญมากของการเริ่มต้นทำธุรกิจคือ ความเห็นอกเห็นใจ 

“ความเห็นอกเห็นใจเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างสิ่งที่ดีขึ้น ต่อตนเองและต่อสิ่งที่อยู่แวดล้อมตัวเราในทุกระดับ โดยเฉพาะการทำธุรกิจที่หลายคนมักมองว่า มักเป็นเรื่องของการแข่งขัน แก่งแย่ง คนหนึ่งได้อีกคนหนึ่งจะต้องเสีย แต่แท้จริงแล้วธุรกิจเป็นเครื่องมือที่ทำให้ทุกคนดีไปด้วยกันได้ หากเราเริ่มจากความเห็นอกเห็นใจตัวเอง ผู้ร่วมก่อตั้ง พนักงานของเรา ชุมชนแวดล้อมย่านที่เราอาศัยอยู่ เมืองของเรา ประเทศ และสิ่งแวดล้อมที่ประกอบไปด้วยต้นไม้ พืชพรรณ และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มันยิ่งชัดเจนเมื่อโควิดแสดงให้เราเห็นถึงความไม่ยั่งยืนของการประกอบกิจการในอดีต การเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยความเห็นอกเห็นใจ คิดถึงสิ่งที่ใหญ่กว่าตัวเองอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก”

เดียว วรตั้งตระกูล
ประธานเจ้าหน้าฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท วันสามสิบเอ็ด จำกัด

“ทุนที่สำคัญในการทำธุรกิจให้เติบโตคือแพสชั่น ความชอบ ความหลงใหลในสิ่งที่ทำ คือทุนสำคัญที่จะนำพาให้เราทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด และหาทุกองค์ประกอบที่จะทำให้สำเร็จ รวมทั้งวิธีการก้าวข้ามปัญหา มองไปสู่เป้าหมายข้างหน้าอย่างสนุก ท้าทาย และไม่สิ้นสุด”

สิริอร เฑียรฆประสิทธิ์ 
ผู้ก่อตั้ง PAINKILLER Atelier

“ทุนที่สำคัญของอรคือความเชื่อที่ว่าเกิดมาเป็นคนแล้วต้องทำประโยชน์ต่อโลกให้ได้สักทาง อรเชื่อว่าไม่ว่าประกอบอาชีพอะไรเราก็สามารถสร้างแรงกระเพื่อมที่ดีต่อสังคมและโลกของเราได้ เราเกิดมาแล้วตายจากไป แต่ถ้าประโยชน์ของเราคงอยู่ได้ต่อไปก็คงดี”

วรวิทย์ ศิริพากย์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปุริ จำกัด

“ผมคิดว่าทุนสำคัญที่ทำให้ PAÑPURI เติบโต อันดับแรกคือ เป้าหมายที่ชัดเจน หรือการตั้งคำถามและหาคำตอบให้ชัดว่าทำไมถึงต้องมีแบรนด์อยู่ 

“เราตื่นขึ้นมาทำอะไร จุดประสงค์ในชีวิตของแบรนด์คืออะไร ซึ่งคำตอบที่เราตอบตัวเองทุกวัน คือเราอยากให้คนมีสุขภาพกาย ใจ และจิตวิญญาณที่ดีขึ้น เพื่อเขาจะได้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในทุกๆ วัน และเราก็เอาเป้าหมายนี้มาเป็นแกนหลักในทุกสิ่งที่เราทำ 

“อีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันคือทีมที่มีความเชื่อ และมีใจรักในจุดมุ่งหมายเดียวกัน เมื่อเราพร้อมก้าวเดินไปที่จุดหมายปลายทางเดียวกันจะเป็นแรงผลักดันสำคัญให้แบรนด์ก้าวไปข้างหน้าได้”

ปรมินทร์ วัฒน์นครบัญชา
ผู้ก่อตั้ง Pasutara / Ali Everyday Products / First and Foremost

“สำหรับผม การทำธุรกิจขึ้นมาสักอย่างนึง ผมไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะทำสำเร็จหรือเปล่า เพราะมันมีปัจจัยภายในภายนอกจำนวนมากมากำหนด ผมจึงคิดว่าทุนที่สำคัญที่สุดของการทำธุรกิจที่ผ่านมา คือทุนที่เอื้อให้ผมล้มเหลวได้หลายครั้งแล้วยังมีกำลังทำต่อ

“ทุนแรกคือ support system ที่ดี ซึ่งรวมถึงเพื่อน ครอบครัว ผู้ใหญ่ที่เราเคารพ และลูกค้าผู้ที่รักในสิ่งที่เราทำ มิตรภาพและคนรอบกายที่ปรารถนาดีจะเป็นทั้งผู้ให้คำแนะนำในวันที่หลงทาง เป็นผู้เติมพลังใจให้ไปต่อในวันที่เหนื่อยอ่อน เป็นผู้กุมกุญแจสำหรับเปิดประตูไปสู่สภาวะใหม่ที่สดใสสว่างกว่า เมื่อเทียบกับสิ่งที่เผชิญอยู่

“ทุนถัดมาคือความรู้ ความรู้กว้างในหลายเรื่องและลึกในบางเรื่อง ไม่ได้หมายถึงแค่ในรูปแบบวิชาการ แต่คือการรู้จักตัวเอง รู้จักงาน และรู้จักคน ความรู้ทำให้เรามีความมั่นใจในการหาโอกาสใหม่ๆ ในวันที่ล้มเหลว ความรู้นี่แหละคือแหล่งพลังงานของความเชื่อมั่นในตัวเอง ว่าเราจะพาตัวเองและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนรอด ทั้งในระยะสั้นท่ามกลางวิกฤตและระยะยาวสู่ความยั่งยืนของธุรกิจ

“ลำดับถัดมาคือเงินและทีม การมีทุนด้านการเงินที่มากจะทำให้เราเกิดความกล้าทดลองทำสิ่งใหม่ กล้าเสี่ยงทำในสิ่งที่ถูกมองว่าเป็นไปไม่ได้ การมีเงินทุนทำให้เรามีเวลาคิดสร้างสรรค์โอกาส แทนที่จะต้องนั่งกลัดกลุ้มว่าจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าตอบแทนทีมและคู่ค้า และแน่นอนทีม ทีมงานที่ควรค่าแก่การไว้วางใจทำให้ผมมองว่าความล้มเหลวคือบทเรียนและแบบทดสอบ ทุกการล้มเหลวเต็มไปด้วยแนวทางและโอกาสใหม่

“ทุนสุดท้ายที่เปรียบเหมือนอะตอมไฮโดรเจนของดวงอาทิตย์ เป็นเชื้อไฟของการทำงานแบบไม่รู้จักหมดสิ้น คือ จุดมุ่งหมายของการอยากปกป้องอะไรสักอย่าง (purpose) สำหรับผมแล้วสิ่งนั้นคือ ธรรมชาติ ต่อให้ทำแล้วล้มเหลวสักกี่ครั้ง ถ้าเรายังมีอะไรบางอย่างที่อยากทำอยากปกป้อง ผมพบว่าทุกสิ่งที่ผ่านมา ล้วนเกิดคุณค่าแล้วทั้งสิ้น เมื่อรู้สึกเช่นนี้ เราจะสามารถวางใจในความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน แล้วนำสิ่งที่เรียนรู้มาประกอบร่างสร้างตัวใหม่ เพื่อการเดินทางสู่เป้าหมายได้ดีขึ้น”

สันติ ลอรัชวี
ผู้ร่วมก่อตั้ง PRACTICAL Design Studio และ PRACTICAL school of design

“ส่วนตัวผมไม่แน่ใจว่าที่ตัวเองทำจนมาถึงตอนนี้นั้น นับว่าประสบความสำเร็จในแง่ของการทำธุรกิจหรือไม่ เพราะคิดว่าตนเองทำธุรกิจได้ไม่ดีนักในด้านของกำไรที่เป็นตัวเลข จากประสบการณ์ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทุนที่ผมใช้ในการทำสตูดิโอออกแบบจึงมีหลายสิ่งนอกเหนือจากเงิน จึงขอลองตอบทีละข้อเท่าที่พอจะอธิบายได้

“หนึ่ง–ความอยาก ความต้องการที่จะทำอะไรบางอย่างที่เราเชื่อว่าดีมาสู่คนอื่นๆ การมีต้นทุนความอยากนี้ มันผลักดันเราอย่างมากในการตัดสินใจลงมือทำ มันทำให้กล้าด้วย แม้ว่าหลายครั้งอาจจะกล้าเสี่ยงจนเหมือนไม่รอบคอบก็ตาม แต่ส่วนตัวเชื่อว่าถ้าความอยากทำมันมากพอ มันจะเปรียบเหมือนเชื้อเพลิงที่ทำให้เราเริ่มก้าว ผลักดันศักยภาพตัวเอง และเดินหน้าสู้ต่อปัญหาทั้งหลาย

“สอง–มิตรภาพที่น่านับถือ การมีความรู้สึกยกย่องนับถือกันเป็นมิตรภาพประเภทหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นลมใต้ปีกของการประกอบธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นภายในองค์กรกันเอง กับลูกค้า กับซัพพลายเออร์ รวมถึงกับผู้คนทั่วไปที่มองเข้ามา หลายครั้งมิตรภาพเหล่านี้จึงส่งผลดีกับธุรกิจในลักษณะการปรับเปลี่ยนสถานะไปมาจนเป็นสังคมที่ดี เช่น จากลูกค้ากลายเป็นเพื่อน จากเพื่อนเป็นลูกค้า จากซัพพลายเออร์กลายเป็นลูกค้า เป็นต้น ความสัมพันธ์ลักษณะนี้จึงมีความเกื้อกูลกันทั้งในการทำงานและความรู้สึกที่ได้รับ

“สาม–ความล้มเหลวเล็กๆ ความล้มเหลวที่เรายอมรับ มองเห็นข้อผิดพลาด และสามารถให้อภัยตัวเอง เป็นต้นทุนที่ผมใช้ในการทำงานมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากทักษะ ประสบการณ์ หรือแม้กระทั่งเกิดจากนิสัยและอารมณ์ส่วนตัว หากไม่มีความผิดพลาดเหล่านี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะปรับปรุงและพัฒนาอย่างไร

“สี่–ผลประโยชน์ เรามักจะมีคำพูดติดปากว่า “จะทำไปทำไม ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา” ผลประโยชน์จึงเป็นต้นทุนที่สำคัญในการหล่อเลี้ยงการเดินทางไกลให้ไปต่อได้ ส่วนตัวผมพยายามให้นิยามและหารูปแบบที่หลากหลายทั้งในแง่ของการเงิน สถานะ และความรู้สึก เราจำเป็นต้องมีนิยามของผลประโยชน์ที่หลากหลายให้กับตัวเอง เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า และสังคมรอบตัว ทั้งนี้เพื่อให้ธุรกิจเล็กๆ ที่ไม่สามารถสร้างผลกำไรที่เป็นตัวเลขได้สูงมากนัก สามารถหล่อเลี้ยงตัวเองและผู้คนรอบตัวได้อย่างพอใจและเหมาะสมกับช่วงชีวิตส่วนตัวของแต่ละคน 

“นึกๆ ดูก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่สามารถนับเป็นทุนในการประกอบธุรกิจอีกไม่น้อย แต่เท่าที่พอเรียบเรียงออกมาได้ก็คงมีเท่านี้”

ปวริศ ขาวสำอางค์
CEO / Co-founder, Punpro

“ต้นทุนสำคัญในการทำธุรกิจของผมคือ คนที่อยู่กันมาตั้งแต่เริ่มและทีมงานที่เติบโตมาด้วยกัน”

ธีรชัย ศุภเมธีกูลวัฒน์
Design Director บริษัท นิวอาไรวา จำกัด 

“ทุนของผมคือความคิด ในธุรกิจของผมความคิดใหม่ๆ มีความสำคัญมาก ความคิดสามารถสร้างมูลค่าให้กับสิ่งต่างๆ ได้ แม้แต่สิ่งด้อยค่าที่สุดอย่าง ‘ขยะ’  

“แต่ทุนทางความคิดก็มีค่าลดลงไปตามเวลาเหมือนเงินเฟ้อ จึงจำเป็นต้องลงทุนพัฒนาความคิดให้เพิ่มอยู่ตลอดเวลา และความรู้จะเป็นวัตถุดิบตั้งต้นของความคิด เก็บออมสะสมไว้มากๆ ก็ดี แต่ถ้าไม่นำไปใช้ประโยชน์สักที วันหนึ่งความรู้และความคิดที่เก็บไว้ก็จะหมดอายุไปได้เหมือนกัน”

100 ทุนสำคัญในชีวิตของผู้ประกอบการและตัวแทนธุรกิจ 100 คน EP.2

สิ่งสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจคือ ‘ทุน’ หากแต่ทุนที่สำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจและทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องเงินเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงทุนอื่นๆ ที่เราสั่งสมมาในชีวิต แต่ละคนก็แตกต่างกันไป

ด้วยความอยากรู้ว่าทุนที่ว่ามีอะไรบ้าง เราจึงตั้งใจถาม 100 ผู้ประกอบการและตัวแทนของธุรกิจต่างๆ หลากหลายหมวดและขนาด ด้วยคำถามเดียวกัน

“อะไรคือทุนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจที่คุณทำเติบโตมาจนถึงวันนี้”

ในตำราอาจมีนิยามของคำว่าทุนกำกับไว้ชัดเจนอยู่แล้ว แต่เมื่อได้พูดคุยกับคน 100 คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกธุรกิจ คำตอบที่ได้กลับหลากหลาย

บางคำตอบก็ตรงไปตรงมา ในขณะที่บางคำตอบก็ไม่มีตำราเล่มใดเขียนกำกับไว้ บางคำตอบเป็นทุนสำคัญที่ใครหลายคนเห็นตรงกัน ในขณะที่บางคำตอบก็เฉพาะตัวตามแต่ประสบการณ์ของแต่ละคน

ท่ามกลางคำตอบมากมาย เราคล้ายได้ค้นพบสิ่งสำคัญที่ควรให้ค่าในการทำธุรกิจ และชวนให้เรากลับมาทบทวนสิ่งเหล่านั้นในชีวิตของตัวเอง

นาเคนทร์ พุฒิกุลางกูร
Founder, Akirart

“ทุนของเราคือความซน ตอนที่เปิดร้านแรกบนชั้น 3 ของตึกออฟฟิศเก่าของที่บ้าน ใช้แผ่นฟลอปปี้ดิสก์เป็นที่รองแก้ว ที่นั่งที่แปลนเหมือนโต๊ะทำงานหรือทางเข้าร้านใหม่ที่เปิดประตูมาแล้วเจอบันไดเลย ไม่มีอะไรปกติ ทุกอย่างซนหมดเลย เราแค่อยากทำอะไรที่สนุกไปเรื่อยๆ และหวังว่ามันจะเป็นที่จดจำ”

ลีลานันทน์ รณเกียรติ
ผู้ก่อตั้งและนักออกแบบ Aprilpoolday

“ทุนที่สำคัญของ Aprilpoolday คือความหลงใหลที่เรามีต่อการออกแบบโดยเฉพาะชุดว่ายน้ำ นอกจากนี้เรายังชอบเดินทาง รักศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี ชอบ ทำกิจกรรมทางน้ำ ชอบแต่งตัว ชอบลองทำอะไรใหม่ๆ และอื่นๆ  

“Aprilpoolday ก็คือพื้นที่ที่เราสร้างขึ้น เพื่อให้เราได้เป็นตัวของตัวเอง ได้ใช้ชีวิตในรูปแบบที่เราต้องการ ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลงานหลายๆ รูปแบบ ได้ทดลองทําอะไรใหม่ๆ เพื่อออกแบบ one-of-a-kind holiday สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับทั้งเรา ลูกค้า เพื่อนๆ ในแบบที่น่าจดจำ และไม่เหมือนใคร”

ศุภมาศ พะหุโล
Co-founder & Managing Director, BANGKOK CITYCITY GALLERY

“ต้นทุนของเราคือความไม่มี ณ เวลานั้น (ที่เปิด BANGKOK CITYCITY GALLERY) ตลาดยังไม่ค่อยมีพื้นที่ศิลปะแบบ mixed-use ไม่ค่อยมีโมเดลการแสดงงานศิลปะคละสาย ศิลปะร่วมสมัยก็ยังไม่ได้มีการผลิตและเผยแพร่มากหรืออาจยังอยู่ในกลุ่มที่จำกัดไม่ได้เป็นงานสำหรับพับลิกขนาดนั้น เราก็รู้สึกว่าทำยังไงดีเพราะตัวเราเคยทำ TCDC มาก่อน เวลาทำโปรเจกต์ เขียน proposal หรืออะไรก็ตามมันจะมีไอเดียการทำงานให้พับลิกดู ฉะนั้นเราอยากทำงานสำหรับพับลิกที่ค่อนข้างกว้างกว่าสิ่งที่วงการมีให้ดูในตอนนั้น

“ความไม่มียังเป็นแรงผลักสำคัญในการผลิตอะไรสักอย่าง เป็นเจ้าของกิจการ หรือทำธุรกิจเล็กๆ ขึ้นมา มากกว่านั้น แรงผลักก็เกิดขึ้นได้จากเรื่องอื่นๆ ด้วย ทั้งแพสชั่นส่วนตัวหรือสิ่งที่เคยได้รับ อย่างเราไม่ได้โตมาในบ้านที่มีการพูดคุยเรื่องศิลปะ ที่บ้านไม่มีหนังสือสักเล่ม แต่ศิลปะมาเปิดความคิดของเราให้กว้าง นิทรรศการทำให้เราสามารถทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ เมื่อต้องทำธุรกิจ แพสชั่นเรื่องศิลปะก็เป็นแรงผลักให้ทำธุรกิจในแบบที่เราอยากอยู่กับมันทุกวัน ธุรกิจนี้มันจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่เรามีแพสชั่นหรือสิ่งที่เราชอบ”

บุณย์ญานุช บุญบํารุงทรัพย์
ผู้บริหาร Food Passion 

“ทุนในมุมของเราคือการที่เห็นภาพความสำเร็จให้ชัด และสามารถถ่ายทอดให้ทีมงานมองเห็นร่วมกัน นอกจากนั้นคือการมีทีมงานที่มี positive & possible mindset

“และท้ายสุด ทุนที่สำคัญที่สุดของการใช้ชีวิตคือ สุขภาพที่ดีของตัวเราเอง และความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง”

จีระวุฒิ เขียวมณี 
บรรณาธิการบริหาร Biblio Publishing

“สำหรับผมแล้ว ทุนที่เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้ทำสำนักพิมพ์ Biblio มาได้ตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ก็คือ เพื่อนร่วมงานที่ดี ซึ่งมีทั้ง co-worker ที่มีความเป็นมืออาชีพสูง และมี workmate ที่ทำงานด้วยกันมานานจนรู้ใจกันดี เพราะการทำสำนักพิมพ์โดยเนื้องานแล้วค่อนข้างโดดเดี่ยวพอสมควร คุณจำเป็นต้องมีเพื่อนร่วมงานที่เข้าใจกันและกัน ในเวลาที่ต่างคนกำลังทำหน้าที่ของตนเองอยู่เงียบๆ คนที่มีจุดเด่นแตกต่างไปจากคุณที่เข้ามาช่วยเติมเต็มช่องว่างที่เป็นไม่ได้ และยิ่งในธุรกิจสิ่งพิมพ์ที่ต้องอยู่กับคุณค่าของตัวหนังสือแล้ว การมีเพื่อนร่วมงานที่ดีก็ช่วยให้การทำงานในแต่ละวันมีความหมายกับชีวิตมากยิ่งขึ้น”

นิโรธา วีรธรรมพูลสวัสดิ์
Co-owner, Brave Roasters / OOObkk

“ทุนของเราคือความอดทน และการสังเกตเพื่อปรับปรุงตัวเองและหาโอกาสอยู่ตลอดเวลา และแน่นอนว่าต้องมีวิธีหาเงินมาลงทุน

“เรารู้สึกว่า ทุกคนมีโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้ ถ้ายังไม่หยุดทำ ซึ่งการไม่หยุดทำต้องอาศัยความอดทนนะ เพราะมันจะมีทั้งปัญหา ความท้าทายหรือเรื่องที่ต้องจัดการอยู่ตลอด และเพื่อน พี่ หลายๆ คนที่เลิกทำไปก็เพราะเบื่อแล้ว ไม่อยากจัดการแล้ว ไม่อยากต้องมานั่งคิด นั่งทำ หรือมาลุ้นอะไรอีก 

“ซึ่งการทำไปเรื่อยๆ นี้ เราก็พยายามมองหาโอกาสตลอดเวลา และคิดหาทางว่าจะทำยังไง เพื่อให้ใช้โอกาสนั้นทำให้เราไปในทิศทางที่เราอยากให้เป็น หรือพัฒนาให้มันดีขึ้น ก็ลองทำดูและนำผลลัพธ์มาปรับใช้เรื่อยๆ ซึ่งก็มีทั้งสำเร็จและไม่สำเร็จ เวลาไม่สำเร็จก็ต้องยอมรับตัวเองให้ได้ และกลับมาสำรวจตัวเอง ปรับปรุงเพื่อให้ก้าวต่อได้ แต่ปัจจัยทั้งหมดที่เล่ามาจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีเงินลงทุน ทุนที่สำคัญอีกทางหนึ่งจึงเป็นการรู้วิธีหาเงินทุน ว่าเราจะหาโอกาสให้ได้มาซึ่งเงินนี้อย่างไร”

พีรเดช มุขยางกูร 
ผู้ร่วมก่อตั้ง Cariber

“ทุนของผมคือนิสัยไม่ชอบยอมแพ้ ถ้าเริ่มแล้วต้องทำให้ได้ ยิ่งคนบอกว่าเราจะทำไม่ได้เราจะยิ่งตั้งใจเพื่อพิสูจน์ตัวเอง เพราะเราเชื่อว่าเวลาคนเราตั้งใจทำอะไรมากๆ ให้เวลา ให้ชีวิตกับมัน มันก็คงต้องมีอะไรสำเร็จบ้าง

“วันแรกที่เริ่มต้นทำ Cariber เราคือเด็กอายุ 23 ที่ไม่ได้มีความรู้ในธุรกิจการศึกษาแต่เรามองเห็นโอกาสในตลาดและลงมือทำ และแม้วันนี้เราจะเริ่มได้แล้วแต่ก็ยังอยู่ไกลมากจากคำว่าสำเร็จ หวังว่าเราจะไม่ยอมแพ้และสามารถเติบโตไปสู่ภาพที่ฝันไว้ได้”

อนุพงศ์ คุตติกุล
CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Carnival

“ทุนที่สำคัญสำหรับผมคือประสบการณ์ที่ผ่านมาที่ช่วยสร้างนิสัยและคาแร็กเตอร์ในการทำงานของเรา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งต่างๆ ที่เราโตมากับมัน ทั้งหนังสือที่เราอ่าน เกมที่เราเล่น หนังที่เราดู เพลงที่เราฟัง มันสำคัญ เพราะว่าสตรีทแฟชั่นคือการหยิบจับเอาคัลเจอร์ต่างๆ มาเล่าเรื่องในสไตล์ของแฟชั่น เพราะฉะนั้นคัลเจอร์ต่างๆ ที่เราเสพมามันมีอิทธิพลกับตัวเรา ในแง่ที่ทำให้เราสามารถเล่าเรื่องออกมาให้คนอินไปกับเราได้

“อีกสิ่งที่สำคัญคือประสบการณ์ที่เราเป็นผู้บริโภค ไปซื้อสินค้า ติดตาม และเป็นแฟนคลับแบรนด์ต่างๆ ประสบการณ์เหล่านี้ช่วยทำให้เราได้คิดว่าวันนึง ถ้าเราจะสร้างแบรนด์ของเราเองเราอยากให้มันออกมาแบบไหน ซึ่งในช่วงที่เติบโตเรามองเห็นหลายๆ แบรนด์ที่เราชอบเขามีความพยายามอยากจะไปให้สุดทางในสายของตัวเอง เราก็คิดว่าถ้าวันหนึ่งเรามีร้าน เรามีแบรนด์ เราต้องไปให้สุดในสิ่งที่เราตั้งใจทำเหมือนกับแบรนด์ที่เราชื่นชอบ”

ณัฐ วงศ์พานิช 
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG)

“ทุนของผมคือการ unlearn สิ่งที่เคยรู้ และ relearn สิ่งใหม่ เพราะความสำเร็จในอดีตไม่ได้การันตีว่าจะประสบความสำเร็จในปัจจุบัน ต้องไม่หยุดพัฒนาตนเอง และพร้อมเปิดรับการทำสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา”

ธนาคาร จันทิมา 
บรรณาธิการบริหาร Chaichai Books

“ทุนสำคัญของสำนักพิมพ์เล็กๆ อย่างไจไจบุ๊คส์คือการมีพาร์ตเนอร์ที่ดี โชคดีที่เขาเชื่อในตัวเราและมีแพสชั่นตรงกัน มันช่วยให้ผ่านอุปสรรคต่างๆ มาได้เสมอ แต่ธุรกิจนี้คงไม่ยืนยาวมาถึงวันนี้ถ้าขาดอีกหนึ่งต้นทุนคือความซื่อสัตย์ต่อตัวเองและนักอ่าน ซึ่งพวกเขาจะรับรู้ได้เองจากหนังสือแต่ละเล่มที่เราตั้งใจทำมันออกมา”

เกวลิน ศักดิ์สยามกุล
ผู้ร่วมก่อตั้ง Cheww.co

“Cheww.co เป็นแบรนด์ยาสีฟันเม็ดที่ตั้งใจจะเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคไทยในการลดการใช้ขยะพลาสติกจากหลอดยาสีฟัน ซึ่งไม่สามารถรีไซเคิลได้ ซึ่ง essence ของแบรนด์ชัดเจนมาก นั่นคือการใช้ชีวิตอย่างสมดุลย์โดยใส่ใจทั้งความยั่งยืนทางสังคมและสิ่งแวดล้อม 

“ดังนั้นหากถามหลิวว่า ทุนที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ธุรกิจของ Cheww.co ดำเนินมาได้ถึงวันนี้คืออะไร ในฐานะ co-founder ของแบรนด์ที่มีแนวคิดนี้ หลิวยืนยันว่า ทุนทางธรรมชาติ (natural capital) คือทุนที่สำคัญที่สุดของเรา

“ส่วนผสมของยาสีฟันเม็ดทั้งหมดเราได้มาจากธรรมชาติ ตั้งแต่เกลือที่เป็นแร่ธรรมชาติเอย สารให้ความหวานที่สกัดจากผลไม้เอย กลิ่นมินต์เอย ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ที่เป็นแก้ว และฝาที่ทำจากอลูมิเนียม ทั้งหมดล้วนผลิตจากทรัพยากรธรรมชาติทั้งสิ้น แค่ลองจินตนาการว่าวันพรุ่งนี้เกลือหมดจากโลกไป Cheww.co ก็ไม่เหมือนเดิมแล้วจริงไหม

“โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มนุษย์สูญเสียความสามารถในการควบคุมต่อธรรมชาติไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอย่างช่วง 2-3 ปีมานี้ การระบาดของโควิด-19 ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า หากธรรมชาติมีความผันผวนเพียงนิดเดียว มนุษย์จะได้รับผลกระทบมากมายขนาดไหน ระบบเศรษฐกิจ ความทะยานอยาก การพัฒนาทุกสิ่งอย่างของมนุษย์ขึ้นอยู่กับความเห็นอกเห็นใจของธรรมชาติทั้งนั้น”

พฤฒิ เกิดชูชื่น 
ผู้ก่อตั้ง Dairy Home

ทุนที่สำคัญที่สุดคือองค์ความรู้ (knowledge capital) รองลงมาคือ ทรัพยากรบุคคล (human capital) ส่วนถัดมาอาจไม่สำคัญที่สุด แต่ว่าก็สำคัญ คือเรื่องเงิน

“ความรู้สำคัญที่สุดเพราะว่าถ้าเราไม่รู้ว่าเราจะทำอะไร มันก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง อย่างน้อยในตัวของผู้ประกอบการเองจะต้องมีทุนนี้อยู่ในตัว เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเอาไปจากเราได้และทำให้เกิดความมั่นคงทางธุรกิจมากที่สุด ถ้าเกิดความรู้คุณไปยืมเขามา ไปซื้อเขามา มันก็อาจจะไม่มั่นคงได้ ถ้าไปยืมเขามา เขาเอาคืนคุณก็ไปต่อไม่ได้ ไปเช่าเขามาหมดสัญญาเช่าก็จบกัน หรือแม้กระทั่งว่าเป็นการไปยืมบุคคล เอาคนที่เก่งๆ มาจ้างเขามาทำ ถ้าเกิดเขาลาออกก็จบเหมือนกันนะ เพราะฉะนั้นอย่างน้อยที่สุดสำหรับผู้ประกอบการ คุณต้องมีองค์ความรู้ที่สำคัญที่เป็นหัวใจของธุรกิจนั้น

“ส่วนทรัพยากรบุคคล คนสำคัญกว่าเงินนะครับ เพราะว่าถ้าไม่มีเงินเรายืมได้ ยืมใครก็ได้ ยืมญาติพี่น้อง ยืมธนาคาร หรือแม้กระทั่งมีเงินทุนเล็กน้อยเราก็สามารถใช้บุคลากรค่อยๆ สร้างสมระดมทุนเข้ามาได้ แต่บุคลากรเป็นตัวที่จะทำให้งานมันก้าวหน้าได้ งานมันพัฒนาได้ แล้วก็เป็นตัวที่จะสร้างผลผลิต สร้างกำไรได้ ถ้าขาดตรงนี้ไปคุณก็ต้องทำคนเดียว การทำคนเดียวคุณก็ทำได้แค่แรงคุณ เราก็ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นที่สำคัญ

“สุดท้ายคือเงิน เงินสำคัญเพราะว่าการจะซื้อวัตถุดิบ ซื้ออะไรต่างๆ เงินก็สำคัญทั้งนั้น เพียงแต่ว่าในโลกปัจจุบันนี้บางครั้งเงินมันอาจจะไม่ใช่ปัจจัยแรกที่เราต้องนึกถึง เพราะอย่างที่บอก บางทีมันมีระบบเครดิต คุณซื้อวัตถุดิบคุณอาจจะไม่ต้องใช้เงินก็ได้ถ้าคุณเครดิตดีพอ คุณอาจจะเอาหน้าคุณไปยืมของเขามาใช้ แล้วคุณก็สามารถผลิตสินค้าออกมาแล้วค่อยเอาเงินไปใช้เขาทีหลังก็ได้”

กฤษณ์ สกุลพานิช
CEO, Dream Express (DEX)

“ทุนสำคัญในการทำธุรกิจของผมคือ การเริ่มต้นที่ความชอบ ความมุ่งมั่น การมีทีมที่ดี สนุกกับงาน บนวิสัยทัศน์ร่วมกัน และที่สำคัญที่สุดคือความสุขของลูกค้าและผู้ติดตามเรา”

ธิดา ผลิตผลการพิมพ์
ผู้ก่อตั้งและดำเนินงาน Documentary Club

“ทุนของเราคือการเลี้ยงดูของพ่อแม่ซึ่งเป็นคนเข้มแข็ง พ่อแม่ในภาพจำของเราคือคนที่ทำงานหนัก อดทนต่ออุปสรรค มีแต่ความมุ่งหวังว่าจะส่งเสริมให้ลูกๆ ได้มีการศึกษาและมีชีวิตที่สบายกว่าเขาในทุกๆ ทาง พ่อแม่ไม่ได้ใช้วิธีพูดแต่ทำให้ดู เห็นทุกวันจนซึมซับไปเองว่าการทำงานและการใช้ชีวิตมันมีความหมายของมัน มีเป้าหมายที่เกินไปกว่าตัวเรา และความล้มเหลว ความเจ็บปวดต่างๆ เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต

“เมื่อมาทำงาน ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ เราเลยคิดว่าถ้าเราพอจะมีอะไรเป็นทุนติดตัวอยู่บ้างคงเป็นความอดทน ล้มแล้วพยายามลุก ไม่ชอบปล่อยให้ตัวเองเจ็บนานๆ 

“และถ้าจะมีอะไรอีกสักอย่างที่เป็นทุนนอกตัว สำหรับเราแล้วคงเป็นมิตรสหาย ทั้งคนใกล้ชิดในชีวิตจริงและเพื่อนพ้องน้องพี่ จริงๆ แล้วเราเป็นคนไม่ชอบเข้าสังคม ไม่ชอบสุงสิงกับใคร แต่ตลอดชีวิตการทำงานของเราได้รับความช่วยเหลือ ความเข้าใจ และแรงประคับประคองจากผู้คนเยอะมากๆ เราเริ่มทำ Doc Club ได้ด้วยการระดมทุนของทั้งคนที่สนิทและคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย จนทุกวันนี้เวลาเราท้อแท้ก็จะมีคนให้กำลังใจ เวลาเราทำอะไรต่ออะไรก็มีมิตรสหายคอยช่วยสนับสนุน นึกไม่ออกจริงๆ ว่าถ้าชีวิตไม่มีอะไรแบบนี้แล้วเราจะทำงานแบบที่ทำอยู่นี้ให้รอดมาได้ยังไง”

นนทวัฒน์ เจริญชาศรี
Design Director, DUCTSTORE The Design Guru และผู้ก่อตั้ง www.iameverything.co

“ทุนสำหรับผมคือการเป็นคนที่สนใจ แฟชั่น ดนตรี ศิลปะ เเละชอบงานออกแบบหลากหลายเเขนง ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม กราฟิกดีไซน์ เเละอื่นๆ ผมคิดว่าทุกอย่างมันเกี่ยวข้องส่งผลต่อกัน สามารถผสมผสานทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ได้ เเละตัวผมเองก็มีความเชี่ยวชาญจากการได้ลงมือทำงานที่ข้ามสายไปมาจนมีสูตรหรือเเนวความคิดที่ชัดเจนในงานออกแบบที่มีความเป็นตัวเราได้จนมาถึงทุกวันนี้ ทำให้มีความยืดหยุ่นเเละสามารถปรับตัวหรือใช้ design thinking มาเป็นตัววาง strategy เเละกำหนดไดเรกชั่นใหม่ๆ ในงานออกแบบเเละการทำธุรกิจ เเละสามารถต่อยอดไปได้เรื่อยๆ อย่างไม่รู้จบ”

นิรามย์ วัฒนสิทธิ์
เจ้าของร้าน Eden’s

“ทุนสำคัญของเราอาจจะเป็น individuality เราเริ่มต้นเล็กๆ จากสิ่งที่เป็นตัวตนของเรา การเรียนรู้ ประสบการณ์ และสถานการณ์ช่วยให้เราเติบโตขึ้นโดยไม่สูญเสียสิ่งที่เราให้คุณค่าและสิ่งที่ตัวเองเป็น

“เราเริ่มต้นทำร้านด้วยไอเดียเรียบง่ายที่สุดคือเป็นร้านขนมและอาหารเช้าในบรรยากาศแบบที่เราถนัดและอยากให้เป็น เคยมีคนถามว่าจะสร้างความแตกต่างหรือความพิเศษอย่างไรในวันที่คาเฟ่เกิดขึ้นง่ายและเต็มไปหมด มันทำให้เราได้คำตอบว่าเราไม่เคยมองเรื่องการสร้างความแตกต่างเลยเพราะเราทำทุกสิ่งขึ้นมาจากตัวตนของเรา จากความหลงใหลและจากสิ่งที่เราให้คุณค่า ภายใต้ความเป็นจริงในเรื่องงบประมาณและสถานการณ์รอบตัว

“และจาก Eden’s เราต่อยอดมาผลิตนิตยสารรายครึ่งปีของตัวเองชื่อ Out Of Eden’s ซึ่งตั้งใจจะวางจำหน่ายแค่ในร้านเรา แต่มันได้ขยายไปอยู่ในร้านหนังสือที่นิวยอร์ก selected shop ในอเมริกา และได้รับการติดต่อให้วางในร้านเซรามิกที่ปารีส มันเป็นการเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติที่ทำให้เรายิ่งเชื่อในเรื่องการทำในสิ่งที่รัก ความฝันที่ไม่เกินฝัน คุณภาพ และ individuality”

วุฒิศักดิ์ อนรรฆพร
ผู้กำกับโฆษณาและผู้ก่อตั้ง Factory01

“ทุนที่สำคัญของผมคือการรู้ว่าเราห่วยขนาดไหน นี่คือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด ผมขอบคุณตัวเองที่รู้ว่าเราห่วยขนาดไหน พอพูดแบบนี้คนจะรู้สึกว่า อ๋อ ถ่อมตัวแหละ แต่เราห่วยจริงๆ ผมรู้ว่าตัวเองห่วย และเชย และสะเหล่อขนาดไหน มันเลยทำให้เราทำงานหนักเพื่อจะแก้เรื่องพวกนั้น หรือเอาคนที่เขาเก่งกว่ามาทำ และที่สำคัญมันคงสร้างนิสัยของการฟังให้เราด้วย ความห่วยบอกผมว่าจงฟัง

“ตอนเด็กๆ ผมเคยได้รางวัลจากเวที B.A.D AWARDS ทั้งที่ใจผมรู้อยู่เต็มอกเลยว่าผมไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด เพราะฉะนั้นมันเลยเป็นแรงจูงใจให้เราดูงานเยอะขึ้น เราต้องเข้าใจมันจริงๆ เรารู้ตัวว่าเราไม่ใช่อาร์ทิสต์แล้วเราจะสู้กับคนที่เขาเป็นอาร์ทิสต์ได้ยังไง เราก็ต้องเรียนรู้เพิ่มเติม ถ้าเราไม่ถนัดศิลปะเราใช้วิทยาศาสตร์มาช่วยได้มั้ย เราเลยศึกษาสมองมนุษย์ว่าสมองมีการรับรู้ยังไง เราแฮ็กตรงไหนได้บ้าง เราควบคุมอะไรได้บ้าง แล้วส่วนที่เราไม่เชี่ยวชาญเราก็เอาคนที่เก่งที่สุดมาทำ เราไม่รู้เรื่องความ cinematic เราเอาตากล้องเก่งๆ มาช่วย เราไม่รู้เรื่องเสื้อผ้าเราเอาคนที่เก่งที่สุดมาดูแล หรือเราไม่รู้เรื่องโปรดักต์เราก็ถามลูกค้า ถ้าเราคิดว่าเราเป็นผู้กำกับแล้วทุกคนต้องฟังเรา หรือเราทำงานประสบความสำเร็จมาหลายแบรนด์แล้ว ไม่ต้องฟังลูกค้าหรอก งานมันก็จะไม่เป็นแบบนี้

“การไม่รู้แล้วยอมรับว่าไม่รู้ ไม่มีแล้วยอมรับว่าไม่มี ผมว่าเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดเลย”

นรุตม์ ปิติทรงสวัสดิ์
Founder / Design Director, FLO Furniture

“ผมรู้สึกว่าต้นทุนที่สำคัญที่สุดคือต้นทุนที่เรามีคนเดียว คนอื่นทำตามหรือเลียนแบบได้ยาก ก็เลยคิดว่าทุนที่สำคัญที่สุดคือประสบการณ์ 

“ประสบการณ์ในที่นี้หมายถึงประสบการณ์ของคุณแม่ คุณพ่อ ช่าง คนงานในโรงงาน ที่บ้านของผมทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มาประมาณ 20 กว่าปี แต่ก่อนเราเป็นผู้รับผลิต เป็น OEM ฉะนั้นสิ่งที่รุ่นพ่อแม่ทำก็คือการพัฒนาระบบการผลิต พัฒนาระบบบัญชีให้ดี แต่ว่าในยุคนี้เราไม่ได้เป็นฐานการผลิตอีกต่อไปผมจึงเห็นว่าเราควรมีแบรนด์ของตัวเองได้แล้ว เอาทรัพยากรที่มีมาทำดีไซน์ ทำโปรดักต์ที่มีคุณภาพสูงขึ้น ขายได้ราคาสูงขึ้น ขณะเดียวกันก็มอบความแปลกใหม่ แตกต่างให้กับลูกค้า

“เวลาเล่าเรื่องแบรนด์ผมจะบอกเสมอว่ามันไม่ได้เริ่มจากผมนะ มีคนทำมาก่อน มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้าผมเยอะมาก เรื่องราวแบบนี้มันทำให้แบรนด์ของเรามีเรื่องเล่า มีที่มาที่ไป ทำไมเราใช้แมตทีเรียลนี้ ทำไมเราใช้รูปทรงแบบนี้ ทำไมเราขายแบบนี้ ดีไซน์ที่ผสมวัสดุก็มาจากเรื่องราวที่ว่าโรงงานของคุณพ่อ คุณแม่มีวัสดุนี้อยู่แล้ว และมันยังสร้างความเชื่อให้ลูกค้าได้ด้วยว่าเราทำงานมานาน ไม่ต้องกลัว เราซ่อมให้ เราดูแล

“เวลาพูดถึงต้นทุนที่สำคัญ จริงๆ มันมีเรื่องทรัพยากรด้านวัตถุด้วย เช่น โรงงาน เครื่องจักร สเปซ แต่ผมมองว่าถ้ามีวัตถุแต่ไม่มีประสบการณ์เราก็ทำไม่ได้ กลับกัน ถ้ามีประสบการณ์เรายังไปหาวัตถุ ไปหาโรงงานทำได้ FLO เอง ถ้าไม่มีประสบการณ์การทำแบรนด์ขึ้นมาจากศูนย์จะค่อนข้างยาก หรืออาจจะทำได้แต่ไม่สามารถสเกลได้เร็วอย่างที่เราทำ”

บุญญนัน เรืองวงศ์
ผู้ร่วมก่อตั้ง Frank! Garcon

“ถ้าถามว่าอะไรคือทุนที่ทำให้ธุรกิจอย่าง Frank! เติบโตได้ดี มันไม่ใช่แค่หนึ่งเหตุผลแน่นอน แต่เป็นทุกอย่างที่เราสั่งสมประสบการณ์จนมาเป็นเราทุกวันนี้ ทั้งความตั้งใจทำให้สุด, ความใฝ่รู้ น้ำไม่เต็มแก้ว, ความกล้าได้กล้าเสีย และอื่นๆ การจะทำธุรกิจสักอย่าง มันคือการใช้ทักษะ 360 องศา ต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมทุกการเลือกเส้นทางเดิน และการตัดสินใจ

“ผมเคยเป็นครีเอทีฟโฆษณาที่ผ่านโปรเจกต์ต่างๆ มาเยอะมาก เหมือนเป็นสนามที่สร้างประสบการณ์ให้เราได้ทดลองก่อนที่จะมาเปิดธุรกิจตัวเอง หลักการสำคัญของการสร้างแบรนด์คือการเข้าใจลูกค้า คำพูดอาจจะสวยหรูเป็นคำที่ใครๆ ก็พูดกัน แต่นี่คือที่สุดแล้วสำหรับการทำธุรกิจ ลูกค้าหน้าตาเป็นยังไง ฟังเพลงอะไร อินอะไรช่วงนี้ ทั้งหมดนี้ภาพเราต้องชัด ซึ่งในปี 2018 ตอนนั้นยังไม่มีร้านเสื้อผ้ายูนิเซกซ์ที่มีดีไซน์ดีๆ และราคาจับต้องได้ เราก็ใช้จุดนี้เริ่มสร้าง Frank! ขึ้นมาใจกลางสยามสแควร์ และทำมันให้สุด สื่อสารไปให้ลูกค้าเห็นภาพตรงกับเรา ซึ่งเราให้ความสำคัญกับแบรนด์ดิ้งมากๆ เรียกได้ว่า ถ้าลูกค้าได้เดินเข้ามาที่ร้าน Frank! แล้วจะไม่เหมือนกับร้านไหนแน่นอน และสิ่งนี้เป็นการสร้าง awareness ที่ดีมาก เพราะเมื่อเราทำสิ่งที่แตกต่าง พลังของ word of mouth จะทำงานได้เอง โดยที่เราไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อโฆษณาใดๆ และทำให้ Frank! เดินทางและเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้”

วัชรพล เตียวสุวรรณ์ 
ผู้ร่วมก่อตั้ง Gadhouse

“ทุนของผมคือความหลงใหลและความคิดสร้างสรรค์ เราหลงใหลในตัวผลิตภัณฑ์ที่เราอยากจะทำ ซึ่งความหลงใหลมันเป็นทุนในใจที่ผลักดันให้เราตื่นมาทำมันในทุกๆ วันถึงแม้ว่าช่วงแรกผลตอบแทนที่ได้จะยังน้อยนิด แต่ความหลงใหลมันยังหล่อเลี้ยงให้เรายังทำมันอยู่เรื่อยๆ แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

“ในขณะที่ความคิดสร้างสรรค์ส่วนใหญ่เกิดจากไอเดียของทีมงานที่ร่วมกันสร้างสรรค์และต่อยอดมาเรื่อยๆ ความคิดสร้างสรรค์เราอาจจะได้มาอย่างฟรีๆ ระหว่างการเดินทาง เหม่อลอย หรือตอนที่เรามีตติ้งกัน ซึ่งเป็นทุนที่สำคัญมากของเรา”

จินา โอสถศิลป์ 
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด

“ทุนที่สำคัญที่สุดของ GDH คือคน ในการทำหนังให้เสร็จสมบูรณ์ออกมา 1 เรื่อง มันต้องใช้คนเป็นสิบเป็นร้อยคน ช่วยกันสร้างมันขึ้นมา หน้าที่ของเราคือ เชื่อใจ ให้ใจ และไว้ใจคนทำงาน เพื่อให้พวกเขาไปให้สุดในสิ่งที่คิด กล้าลองถูกลองผิด ไม่ต้องกลัว เพราะเราเชื่อว่าความผิดพลาดจะสร้างประสบการณ์ และประสบการณ์จะสอนให้คนเก่ง และคนเก่งจะทำให้บริษัทเติบโต ขอแค่ให้พวกเขาโฟกัสกับงานที่อยู่ตรงหน้า ห่วงหน้าได้แต่ไม่ต้องพะวงหลัง เพราะพี่จะซัพพอร์ตทุกสิ่งที่อยู่ข้างหลังให้พวกเขาเอง”

พิริยะ กุลกาญจนาชีวิน
Story Curator / Co-founder, Glow Story

“สำหรับเรา ทุนที่ทำให้ Glow อยู่มาจนถึงทุกวันนี้คือความเชื่อในคน ความเชื่อในมนุษย์ อย่างเรากับป่าน (ปิยพัทธ์ ปฏิโภคสุทธิ์) เริ่มต้นทำ Glow มาสองคนแบบไม่มีอะไรเลยแต่เราเชื่อใน intention ที่ดีของกันและกัน หรือเวลาเราทำ TEDx สปีกเกอร์บางคนก็ไม่เชื่อในตัวเองแต่เราเชื่อในความเนิร์ดของคุณ เชื่อว่าคุณมีของ

“หลังจากที่เป็นเด็กเบียวอยากเปลี่ยนโลกมาหลายปีเราก็รู้สึกว่าตลอดเวลาที่ทำงานเล่าเรื่องมา 7 ปี ไม่มีเรื่องไหนที่ Glow เล่าแล้วเปลี่ยนโลกหรือเปลี่ยนสังคมไทยได้เลย แต่เราเชื่อว่าเรื่องเล่าที่ Glow ทำมันได้ไปเปลี่ยนใครสักคน อาจจะเป็นสปีกเกอร์ที่มาขึ้นเวทีแล้วเชื่อในตัวเองมากขึ้น หรือไปช่วยโปรเจกต์ Limited Education แล้วพี่บุ๋ม (บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์) เห็นว่าบาร์บีคิวพลาซ่าก็พูดเรื่องการศึกษา สามารถคอลแล็บได้ ครีเอทีฟได้ Glow จึงเชื่อว่าหัวใจสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องราวแต่คือมนุษย์ ถ้าเราไม่หยุดเชื่อในมนุษย์ เราอยู่กับคนที่เราเชื่อในตัวเขา ในที่สุดคนเหล่านี้นี่แหละที่จะออกไปสร้างการเปลี่ยนแปลง”

สถาพร พานิชรักษาพงศ์ 
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด

“ประสบการณ์และการเรียนรู้จากการทำงานจริง คือทุนที่มีค่าที่สุด ทุนที่เป็นองค์ความรู้จากการสะสมประสบการณ์ และการทำงานจริง จะสร้างวิสัยทัศน์ให้ธุรกิจเติบโต และมั่นคง”

บดินทร์ อภิมาน
Creative Director, GREYHOUND 

“ผมขอตอบคำถามนี้ในฐานะพนักงาน ที่มีโอกาสได้มารับหน้าที่ creative director ให้กับแบรนด์ เราเชื่อว่าทุนที่สำคัญคือ ความสามารถในการส่งต่อความเชื่อของแบรนด์ให้ไปต่อจากรุ่นสู่รุ่น 

“GREYHOUND เป็นแบรนด์ street, urban, contemporary ที่มุ่งเน้นเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ความเท่และการสร้างงานแบบ basic with a twist ซึ่งแปลความหมายได้หลากหลายและทำให้แบรนด์ไม่ตายไปกับรูปแบบเดิมๆ เราแค่ยึดแกนไว้เพื่อให้เรามีตัวตน มีเอกลักษณ์ แต่ไม่ยึดติดกับรูปแบบที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตามยุคสมัย”

เธียรชัย พิสิฐวุฒินันท์
กรรมการผู้จัดการบริษัท โกลเบิล สปอร์ต เวนเจอร์ส จำกัด (GSV)

“ทุนที่สำคัญคือ faith หรือความเชื่อมั่น ความศรัทธาครับ ผมคิดว่า คนทำธุรกิจทุกคนจะต้องเจอกับทั้งวันที่ดีและวันที่ยาก ซึ่งนอกจากทุนอื่นๆ แล้ว ความศรัทธาหรือ faith จะช่วยให้ตัวเราเอง ทีม และธุรกิจไม่หลงทางในวันที่ดี และ ไปต่อได้ในวันที่ยาก

“faith ในตัวเองว่า จะสามารถหาทางทำสิ่งต่างๆ ได้ หรือสามารถเรียนรู้ เปลี่ยนแปลง และพัฒนาตัวเองเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดไปได้เสมอ

“faith ในทีมว่า “The whole is greater than the sum of its parts” ทีมที่ดีจะสามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าความสามารถเฉพาะบุคคลเสมอ ถ้าเรามีทีมที่ถูกต้อง ทีมมี intention ที่ดี และคัลเจอร์ที่เหมาะสม มีมิสชั่นที่ตรงกัน ทีมจะสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้มากกว่าที่แต่ละคนคิดซะอีก

“faith ในมิสชั่น ศรัทธา และเข้าใจในสิ่งที่ทำว่าจะช่วยผู้อื่น ช่วย stakeholder ช่วยวงการและสังคมได้อย่างไร ผมเชื่อว่าทั้งในชีวิตและในธุรกิจทุกคนต้องเจอ cycle ขึ้น-ลง โดยเฉพาะคนกีฬาอาจจะเจอ cycle ที่ถี่และเหวี่ยงกว่าคนวงการอื่นๆ หน่อย เวลาทำได้ดีคนอาจชมเกือบทั้งประเทศ เวลาพลาดก็อาจโดนด่าเกือบทั้งประเทศ การที่เราตั้งมั่นและศรัทธาในมิสชั่นจะทำให้เราลดความทะนงตัว ไม่เดินหลงทางเอาตนเองเป็นศูนย์กลางเมื่อประสบความสำเร็จ และจะช่วยให้เราตอบคำถามตัวเองได้ว่าเราทำสิ่งที่ทำอยู่ทำไมในวันที่ทุกอย่างดูยากไปหมด การที่มี faith ในมิสชั่นจะช่วยให้เราโฟกัสไปที่ภารกิจมากกว่าตนเอง ทำให้สามารถถ่อมใจและมั่นใจในเวลาเดียวกัน Think less of yourself not think of yourself less.

“และ faith ใน God’s path เมื่อปี 2005 สตีฟ จ็อบส์ กล่าวที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ว่า “You can’t connect the dots looking forward; you can only connect them looking backward.” บางสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเราคิดว่าดีอาจจะส่งผลไม่ดีทีหลัง บางสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเราคิดว่าไม่ดีอาจจะกลายเป็นดีในภายหลัง ด้วยลิมิตความเป็นมนุษย์เราไม่สามารถกำหนดหรือเห็นทุกสิ่งล่วงหน้าได้ แต่ทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง ผมเชื่อว่าหากเรานำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาเรียนรู้และพัฒนา และทำทุกอย่างให้สุดความสามารถเสมอ เชื่อมั่นในมิสชั่นแต่ยืดหยุ่นในวิธีการ มี faith ใน journey ของตนเอง ให้พระเจ้าหรือชีวิตช่วย connect the dot  เราจะสามารถนำตัวเองและธุรกิจเดินหน้าและ breakthrough ได้ไม่ว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบไหน”

100 ทุนสำคัญในชีวิตของผู้ประกอบการและตัวแทนธุรกิจ 100 คน EP.1

สิ่งสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจคือ ‘ทุน’ หากแต่ทุนที่สำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจและทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องเงินเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงทุนอื่นๆ ที่เราสั่งสมมาในชีวิต แต่ละคนก็แตกต่างกันไป

ด้วยความอยากรู้ว่าทุนที่ว่ามีอะไรบ้าง เราจึงตั้งใจถาม 100 ผู้ประกอบการและตัวแทนของธุรกิจต่างๆ หลากหลายหมวดและขนาด ด้วยคำถามเดียวกัน

“อะไรคือทุนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจที่คุณทำเติบโตมาจนถึงวันนี้”

ในตำราอาจมีนิยามของคำว่าทุนกำกับไว้ชัดเจนอยู่แล้ว แต่เมื่อได้พูดคุยกับคน 100 คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกธุรกิจ คำตอบที่ได้กลับหลากหลาย

บางคำตอบก็ตรงไปตรงมา ในขณะที่บางคำตอบก็ไม่มีตำราเล่มใดเขียนกำกับไว้ บางคำตอบเป็นทุนสำคัญที่ใครหลายคนเห็นตรงกัน ในขณะที่บางคำตอบก็เฉพาะตัวตามแต่ประสบการณ์ของแต่ละคน

ท่ามกลางคำตอบมากมาย เราคล้ายได้ค้นพบสิ่งสำคัญที่ควรให้ค่าในการทำธุรกิจ และชวนให้เรากลับมาทบทวนสิ่งเหล่านั้นในชีวิตของตัวเอง

ชาญชัย เหล่าฤทธิไกร
เจ้าของร้านการ์ตูนลิโด

“ทุนของผมคือลูกค้า กำลังใจจากลูกค้า การพูดคุย การมีความสัมพันธ์กัน ทำให้จิตใจเรามีความสุขในการทำงาน

“ผมขายการ์ตูนมา 17 ปีแล้ว แต่ผมไม่ได้ชอบอ่านการ์ตูนมากนะ ผมแค่ชอบงานขาย ชอบงานบริการมากกว่า และผมคิดว่าเป็นเพราะการบริการ ความเอาใจใส่ลูกค้า ทำให้คนผูกพันกับร้านนี้ เราเคยท้อเหมือนกันในการทำร้าน ย้ายที่ตั้งร้านมา 7 ครั้งแล้ว ขี้เกียจย้ายมาก (หัวเราะ) แต่ลูกค้าก็ให้กำลังใจ พอเรามีความสัมพันธ์กับลูกค้า ทำแล้วสนุก มันก็ทำให้เราอยากทำต่อไปเรื่อยๆ”

กมล บริสุทธนะกุล
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน TPBI, ผู้ก่อตั้งโครงการวน (Won)

“ทุนที่สำคัญสำหรับผมคือ ความรู้ ไอเดีย และคน แน่นอนความรู้เป็นทุนที่สำคัญ แต่ไอเดียก็ถือเป็นทุนที่สำคัญมาก เพราะถ้ามีความรู้แต่ขาดไอเดีย ก็ไม่รู้ว่าจะนำพาความรู้นั้นไปต่อยอดยังไง จริงๆ แล้วหลายธุรกิจใหญ่ๆ ก็ล้วนเกิดมาจากไอเดียเล็กๆ ทั้งนั้น 

“สุดท้ายก็คือคน เพราะถ้าไม่มีคนก็ไม่มีสิ่งที่จะนำพาทั้งสองอย่างไปทำให้มันเกิดผลและงอกเงยกลายเป็นทุนอื่นๆ ได้อีกมากมาย”

พนาสิน ธนบดีสกุล
กรรมการผู้จัดการบริษัทในเครือธนบดีเซรามิค ผู้ผลิตชามตราไก่เจ้าแรก

“ทุนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโตมาถึงปัจจุบันของผมคือ ซื่อสัตย์ พัฒนา ใฝ่หาสังคม 

“ซื่อสัตย์ต่อตนเอง เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า และสังคม พัฒนาคนและองค์ความรู้ ปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายคือใฝ่หาสังคม องค์กรจะอยู่ได้อย่างยั่งยืนและมีความสุข สังคมแวดล้อมต้องได้รับการดูแลและมีความสุขไปด้วยกัน”

ไชยณัฐ สัจจะปรเมษฐ์ 
กรรมการผู้จัดการของบริษัท Alchemist และผู้ก่อตั้ง เต่าช้างแคคตัส

“ทุนของการเริ่มทำสวนเต่าช้างแคคตัส คือความเชื่อที่ว่า เมื่อเราดูแลต้นไม้ ต้นไม้ก็จะดูแลเรา ผมเริ่มเลี้ยงกระบองเพชรครั้งแรกตอนมัธยม ก่อนจะเลิกเลี้ยงไปเป็นสิบปีเพราะต้องทำงานไกลจากบ้านจนไม่มีเวลา แต่สิ่งที่ทำให้ได้กลับมาเข้าวงการอีกครั้ง คือช่วงที่รู้สึกเครียดกับงานมากเมื่อประมาณ 6-7 ปีก่อน จึงไปเดินเล่นที่ตลาดนัดต้นไม้สวนจตุจักรวันอังคาร พอเห็นร้านขายกระบองเพชรแล้วก็เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกรอบ ทำให้รู้สึกหลงใหลในกระบองเพชรแล้วกลับเข้าวงการอีกครั้งตั้งแต่วันนั้น ก่อนจะพัฒนาตัวเองจากคนเลี้ยงมาเป็นคนขายด้วย ซึ่งเราก็เลี้ยงในบ้านเรา ตามกำลังและพื้นที่ที่เรามี มันจึงเป็นทั้งธุรกิจและงานอดิเรก และมันเยียวยาจิตใจเราได้ดีมาก การได้อยู่ในโรงเรือนเงียบๆ กับต้นไม้ตอนกลับมาจากทำงานเหมือนเป็นการบำบัดอย่างนึงเลย

“สาเหตุที่ตั้งชื่อสวนว่า ‘เต่าช้างแคคตัส’ คือการเอาชื่อตัวเองกับชื่อน้องชายมาตั้งกันง่ายๆ เลย เพราะมันคือการเอาตัวเราเองมารับประกันคุณภาพและความตั้งใจทำ เวลามีลูกค้ามาขอเคล็ดลับ ขอสูตรดิน วิธีดูแล เราบอกหมดเลยว่าทำแบบไหน ดูแลยังไง เพราะในวันที่ต้นไม้ดูแลเราแล้ว เราก็อยากให้มันได้ดูแลลูกค้าของเราด้วย”

กมลพงศ์ สงวนตระกูล
CEO บริษัท โตโยต้าขอนแก่น ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด

“โตโยต้าขอนแก่นเติบโตย่างเข้าปีที่ 65 อย่างมั่นคง จากวันที่อากงนำเข้ารถยนต์โตโยต้ามาขายในไทยและได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายโตโยต้าแห่งแรกในประเทศ จนถึงวันนี้ที่ได้ส่งต่อธุรกิจจนถึงรุ่นที่สามและได้ขยายการให้บริการลูกค้าไปยังพื้นที่ต่างๆ ในภาคอีสานนั้น ทุนที่สำคัญที่สุดของเราคือ local human capital

“คำว่า human ถึงแม้โลกดิจิทัลจะเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่การดูแลลูกค้าของเรายังเชื่อใน human touch และ human trust ซึ่งเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญที่ยังหาไม่ได้ในโลกออนไลน์ ทีมงานของเราเติบโตจากรุ่นสู่รุ่นเช่นเดียวกับบริษัท ส่งต่อการให้บริการ การให้คำปรึกษา และการดูแลรักษารถยนต์ให้มีความปลอดภัยและสภาพพร้อมใช้งาน เราใส่ใจในการพัฒนาทีมทั้ง hard skill และ soft skill และด้วยต้นทุนทางบุคลากรของเรานี้ ทำให้เรามุ่งสู่ ‘ดีลเลอร์ของบ้านคุณ’ ในใจลูกค้าทุกคน

“ส่วนคำว่า local เราอยู่ในธุรกิจบริการที่เติบโตจากภาคอีสาน เราเชื่อในความเข้มแข็งของท้องถิ่น เราไม่สามารถสำเร็จได้ ถ้าชุมชนเราล้มเหลว ต้นทุนทางท้องถิ่นและชุมชน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คอยค้ำชูการเติบโตของเรา ท้องถิ่นอีสานสร้างสายอาชีพให้กับประเทศมากมาย ช่างเทคนิค ช่างไม้ ช่างสี จนถึงนักพัฒนาโปรแกรม การกลับบ้านเกิดของแรงงานฝีมือสายต่างๆ อย่างมากมายในช่วงหลังโควิด ประกอบกับจำนวนประชากร 22 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของประเทศ สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอีสานบ้านเรา

“การเติบโตของธุรกิจในโลก VUCA เราไม่สามารถเติบโตโดยลำพังได้ และ local human capital เป็นการมุ่งพัฒนาคนควบคู่ไปกับการพัฒนาท้องถิ่น จะสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจทั้งภายในและภายนอก ทำให้ธุรกิจของเราเติบโตไปพร้อมกับชุมชนอย่างยั่งยืน”

พิมพ์ จารุเศรนี 
กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรมนมไทย จำกัด

“โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในการทำทุกๆ อย่าง ทุนที่สำคัญคือใจและความมุ่งมั่น

“คำว่าใจนั้นคือ ใจ ที่พร้อมจะเรียนรู้ ฝึกฝน ใส่ใจในทุกรายละเอียดและทำออกมาให้ดีที่สุด ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ พร้อมกับมุ่งมั่นพัฒนา ฝึกฝนศักยภาพ ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้

“นมตรามะลิ ที่ดำเนินธุรกิจคู่คนไทยมาเกือบ 60 ปี ก็ด้วย ‘ใจและความมุ่งมั่น’ และเรียนรู้ที่จะปรับตัวอยู่ตลอดเวลา พร้อมรับมือในทุกๆ สถานการณ์อย่างรวดเร็ว เช่น สถานการณ์โควิด เศรษฐกิจ เราก็มีการปรับตัวให้ทันสมัยอยู่เสมอ ภายใต้พันธสัญญาของเราที่อยากจะส่งมอบสินค้าคุณภาพดีที่สุด เพื่อมอบความสุขให้กับทุกคน ทุกวัย นั่นคือความสำเร็จของเราชาวมะลิ

“เมื่อ ใจ x ความมุ่งมั่น x ปรับตัว ไม่ว่าจะเจออุปสรรคใดๆ เราจะสามารถผ่านมาได้อย่างมีสติและทำออกมาได้ดีที่สุดในทุกๆ เรื่องรอบด้าน”

จักรพล จันทวิมล
ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด

“คุณภาพเป็นทุนที่สำคัญที่สุดสำหรับนันยาง แม้ปัจจุบันคนจะเห็นนันยางในบริบทที่แตกต่างกัน 

แต่แท้จริงแล้วสินค้าของนันยางในวันแรกจนถึงวันนี้ไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย การรักษาคุณภาพให้คงที่อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งที่ทำให้นันยางอยู่มาถึงทุกวันนี้”

ทรงยศ สุขมากอนันต์
Managing Director, นาดาวบางกอก

“ทุนสำคัญของผมคือ แพสชั่นในงานที่ทำและแพสชั่นต่อเพื่อนร่วมงาน งานของผมเป็นงานที่ต้องเข้าใจมนุษย์ และมนุษย์ล้วนปัจเจก ถ้าไม่ลุ่มหลงในสิ่งที่ทำหรือคนที่ได้ทำด้วย ผมคงไม่มีแรงออกจากบ้านไปทำงาน ไม่มีใจออกไปทำอะไรให้สำเร็จได้ ตอนเริ่มทำบริษัท ผมไม่มีเงินทุนหรือประสบการณ์เลย สิ่งเดียวที่เป็นต้นทุนตอนนั้นและยังเป็นตลอด 12 ปีที่ทำบริษัทมาคือ ความหลงใหลในงานและคนที่ผมได้ทำงานด้วย

“จากประสบการณ์ผม เมื่อเรามีแพสชั่นมันจะดึงดูดคนที่มีสิ่งนั้นเหมือนกันเข้ามาหาเรา เคยมีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่ผมชวนเขามาทำงานด้วย บอกผมว่า ที่ผมรับทำงานนี้ เพราะผมชอบดูแววตาคุณเวลาทำงาน 

ผมรู้สึกว่าหลายๆ ครั้งที่ผมได้รับความร่วมมือหรือช่วยเหลือในหน้าที่การงาน เพราะคนเหล่านั้นเห็นความหลงใหลในงานของเรา”

ธิติญา นิธิปิติกาญจน์
รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานน้ำปลาไทย (ตราปลาหมึก) จำกัด

“ทุนที่สำคัญคือบุคลากรหรือพนักงานของบริษัทฯ ค่ะ ซึ่งจริงๆ เราไม่ได้มองว่าพนักงานเป็นทุนซะทีเดียว แต่มองว่าพนักงานคือ asset ที่สำคัญของบริษัทฯ แน่นอนว่า asset นี้ไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป สักวันนึงเขาอาจต้องไปเติบโตที่อื่น ซึ่งตรงนี้อาจทำให้เรามองว่าเป็นทุนก็ได้ คือสอนจนเขาเก่ง มีประสบการณ์ แล้วเขาก็ไป แต่ยังไงซะเขาก็คือ asset ที่สำคัญของบริษัทฯ อยู่ดี

“บริษัทจะเติบโตได้ดีไม่ดี พนักงานมีส่วนสำคัญมากๆ ถ้าเขารักองค์กร เขามีความสุขกับการทำงาน เขาภูมิใจและเชื่อมั่นในตัวสินค้า เขาสามารถเป็นแรงขับเคลื่อน หรือกระบอกเสียงที่สำคัญของแบรนด์ได้เลย และถึงแม้ว่าวันหนึ่งเขาจะไม่อยู่กับเราแล้ว เขาก็จะกลายเป็นลูกค้าคนนึงของเรา ที่จะรักสินค้าและแบรนด์ของเรามากๆ และตลอดไปค่ะ”

วิธิต อุตสาหจิต
บรรณาธิการบริหาร สำนักพิมพ์บรรลือสาส์น และผู้ก่อตั้งนิตยสาร ขายหัวเราะ และ มหาสนุก

“ทุนการสืบสาน น่าจะเป็นทุนสำคัญสำหรับผม ตั้งแต่ยังเด็ก คุณพ่อจะคอยสอน แนะนำ ทำให้เห็น ผมจึงมีทุนจากประสบการณ์ที่ท่านเรียนผ่านมาก่อน ที่สำคัญคือคุณพ่อสะสมเครดิตความดีไว้มากด้านจริยธรรมทางการค้า เมื่อผมมาสานต่อ แต้มทุนเหล่านี้จึงเป็นประโยชน์กับผมมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านความน่าเชื่อถือ ความเป็นมืออาชีพ และความสุจริตทางธุรกิจ

“ในขณะเดียวกัน ผมก็อยากจะส่งต่อกองทุนรวมที่ผสมประสบการณ์, เครดิต, goodwill, ทุนทางเศรษฐศาสตร์, แรงบันดาลใจ, เรื่องเล่าต่างๆ แล้วมอบเป็นทุนการสืบสานให้รุ่นต่อๆ ไปเช่นกัน”

สมบูรณ์ วิวัฒนานุกูล
ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการบริษัท สมบูรณ์ผลคราฟต์ จำกัด

“ทุนที่สำคัญของผมคือ นิสัยดี ในที่นี้ เน้นเรื่องการไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งลูกค้าและพนักงานของเราเอง

“สำหรับลูกค้า ผมคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับจากการทำธุรกิจร่วมกับเราเสมอ ช่วยรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเรากับลูกค้าให้อยู่ได้ยาวนาน ลูกค้าหลายเจ้าทำธุรกิจร่วมกันมาตั้งแต่เริ่ม นานหลายสิบปี เจ้าที่นานที่สุดทำด้วยกันมา 30 กว่าปีแล้ว (ปัจจุบันธุรกิจอายุ 35 ปี)

“สำหรับพนักงาน การให้เกียรติ ดูแลเอาใจใส่แบบกันเองกับพนักงาน ให้เขาทำงานในบรรยากาศที่สบายใจ ก็ทำให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกันได้แบบยั่งยืน พนักงานหลายคนเองก็ทำด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มธุรกิจจนปัจจุบันเช่นกัน หลายคนทำตั้งแต่หนุ่มสาวจนปัจจุบันมีหลานกันหมดแล้ว

“โดยสรุปคือ การไม่เอาเปรียบลูกค้าและพนักงานที่ดูแลกันเหมือนคนในครอบครัว ช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน”

อิศเรศ อุณหเทพารักษ์
Marketing Manager, ใบชาตราสามม้า 

“ต้นทุนทางธุรกิจที่ทำให้ใบชาตราสามม้าอยู่มาราวๆ 80 ปีคือการที่แบรนด์ถูกสร้างขึ้นบนรากฐานของความจริงใจ 

“ความจริงใจเป็นสิ่งที่ผู้บริโภครับรู้ได้ตั้งแต่ได้รับสินค้า รับรู้ว่าสิ่งที่เราพยายามอธิบายให้เขาฟังตอนที่แนะนำสินค้าในอินบอกซ์มันเป็นจริงแค่ไหน เวลาคุยกับน้องๆ แอดมินเพจ เราจะบอกว่าข้อมูลที่ให้ผู้บริโภคต้องตรงความเป็นจริง ให้รายละเอียดให้เยอะที่สุด ดังนั้นบางทีเราอาจจะไม่มีสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคเลยก็ได้และหมายความว่าเราปิดการขายไม่ลง แต่ผมก็บอกแอดมินว่าไม่เป็นไร การที่เราได้เริ่มต้นพูดคุยกับผู้บริโภคมันเป็นการสร้างความประทับใจระยะยาว ถ้าเริ่มต้นแล้วคุณได้ใจ คราวนี้ไม่ได้ขาย คราวหน้าผมว่ามีโอกาส

“จริงๆ ร้านใบชาไม่ได้มีแค่ใบชาตราสามม้าเจ้าเดียว ผมคิดว่าถ้าจะทำให้ผู้บริโภคเลือกอยู่กับเราเขาจะต้องรับรู้ว่าสิ่งที่เราสื่อสารไปถึงเขามันมีความจริงใจในนั้น ถ้าผู้บริโภครับรู้ได้ เราก็ประสบความสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว”

พีรล์ รัตนวชิรินทร์
Business Development, บริษัท ครอบครัวเป่ายิ้งฉุบ จำกัด

“ทุนที่สำคัญสำหรับผมคือ empathy มันช่วยได้มากในหลายๆ เรื่อง อย่างแรกเลยคือเรื่องคน ด้วยความที่ผมเป็นผู้บริหารรุ่นที่สองทำให้ช่องว่างอายุระหว่างผมกับทีมงานค่อนข้างห่าง แต่พอเราเลือกสื่อสารด้วยความเข้าอกเข้าใจก็ทำให้ไม่เจอดราม่ารุ่นที่สองที่เคยเห็นว่าหลายบริษัทเจอ

“อีกข้อที่สำคัญมากๆ คือความเข้าอกเข้าใจลูกค้า พอเราสามารถมองข้ามเงื่อนไขของตัวเองได้และมองในมุมของลูกค้ามากขึ้น เราจะเห็นโอกาสในการพัฒนาสินค้าและบริการอีกเยอะเลย เช่น แบรนด์เสื้อน้องใหม่ที่ปั้นอยู่ตอนนี้ที่ชื่อว่า Better World ก็เกิดมาจากการแก้ pain point ของลูกค้าที่มีต่อการสั่งซื้อเสื้อแบบเดิมของเรา”

พิริยะ สันติพันธ์พิทักษ์
กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรมภาชนะเคลือบ จำกัด 

“ทุนที่สำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในมุมมองของผมคือ ครอบครัวและคนใกล้ชิดที่เปิดกว้างในแนวคิด และกล้าที่จะลองทำในสิ่งต่างๆ ไปพร้อมๆ กัน ทำให้ผมได้รับประสบการณ์และเข้าใจในจุดอ่อนจุดแข็งของตัวเรา และสามารถนำข้อดีข้อด้อยต่างๆ เหล่านั้นมาต่อยอดหรือพัฒนาทั้งในเรื่องชีวิตส่วนตัวและในแง่มุมของการทำธุรกิจ

“ส่วนสำคัญอีกส่วนที่ขาดไม่ได้เลยคือทีมงานของบริษัท ซึ่งบางคนก็เห็นผมมาตั้งแต่ยังเด็ก และยังช่วยงานกันอยู่เหมือนเป็นญาติเป็นครอบครัว ทำให้เวลาทำงานร่วมกันหรือมีปัญหาต้องแก้ไขร่วมกันก็สามารถพูดคุยกันได้ ในขณะที่คนใหม่ๆ ก็ได้นำความรู้ ความคิด และไอเดียใหม่ๆ เข้ามายังครอบครัวตรากระต่าย ทำให้ครอบครัวตรากระต่ายของเรามีทั้งประสบการณ์จากคนรุ่นดั้งเดิมและแนวความคิดของคนรุ่นใหม่เข้ามาผสานกันอย่างต่อเนื่อง

“ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นทุนสำคัญที่ทำให้ผมมีโอกาสที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ภาชนะเคลือบที่มีเอกลักษณ์และความดั้งเดิม มาสู่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ภาชนะเคลือบอีนาเมล ให้มาเลือกชมเลือกใช้กันต่อไป”

ชัยพร อินทุวิศาลกุล
เจ้าของโรงพิมพ์ภาพพิมพ์

“พูดถึงทุนที่สำคัญ เราคิดว่าเป็นมิตรภาพ ซึ่งเวลาพูดถึงคำนี้มันก็จะขยายความได้อีกว่า มิตรภาพคือความหวังดีต่อกันและกัน เป็นความหวังดีที่เรามีต่อคู่ค้าหรือลูกค้า และเป็นความหวังดีที่เขามีต่อเรา มันทำให้เราทำธุรกิจได้ราบรื่น และเวลามีปัญหาอะไรก็ผ่านไปได้ง่ายกว่า

“บางครั้งเวลากลับมานั่งคิดว่าตัวเองโชคดีที่ได้ทำโรงพิมพ์ แล้วถามว่าโชคดียังไง คำตอบคือเราโชคดีที่ได้มีมิตรสหายเพิ่มขึ้น ได้มีความสัมพันธ์ ได้รู้จักคน ได้รับรู้ความรู้สึกดีๆ จากผู้คน รู้สึกดีจากการได้รับและรู้สึกดีจากการได้ให้ มันมีเซนส์แบบนี้ตลอด เราเลยตอบคำถามนี้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเรื่องนี้มันอาจจะดู irony หน่อยนึง เพราะว่าจริงๆ สิ่งนี้มันไม่ควรไปแปดเปื้อนกับโลกทุนนิยมหรือโลกการค้า (หัวเราะ) แต่เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

“บางคนอาจจะคิดว่า business for business sake มันก็คือธุรกิจน่ะ ก็ซัดกันให้แหลกไปเลย แต่สำหรับเรามันคิดแบบนี้ไม่ได้ ถ้ามันเป็นธุรกิจที่ดีจริงมันควรจะงอกเงยไปสู่หลายๆ อย่างสิ ชีวิตคุณดีขึ้น คนรอบตัวคุณดีขึ้น หรือคู่ค้าที่ทำงานกับคุณต้องดีขึ้นสิ คุณจะมาห้ำหั่นกันทำไม สำหรับเรามันเป็นเรื่อง business as a friendship มากกว่า ไม่ใช่ business for business sake

“ซึ่งคิดแบบนี้มันไม่ได้ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว แต่เราไม่มีปัญหาเรื่องความรวดเร็วไง มีโรงพิมพ์ที่โตเร็วกว่าเราเยอะแยะ ก็ว่ากันไป บางคนเขาก็เก่งจริงๆ แต่ว่าวิธีคิดแบบนี้มันทำให้เราไม่ค่อยรู้สึกผิดอะไรกับใครเท่าไหร่”

พิชา กุลวราเอกดำรง (แม่หมอพิมพ์ฟ้า)
Chief Fortune-Teller Officer, มูเตเวิลด์

“เรามีประสบการณ์การทำงานด้านธุรกิจมูเตลูทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังมานานพอสมควรก็เลยพอมีต้นทุนความรู้ในการเริ่มต้นมูเตเวิลด์ และอาจพูดได้ว่าทุนของเราคือความดวงดีที่สิ่งนี้มาในจังหวะที่ถูกต้อง เราได้เจอสิ่งที่ช่วยทำธุรกิจของเราในช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่สำคัญเรารู้อนาคตเพราะเราเป็นหมอดู”

ต้องตา จิตดี
Creative Relations, โรงเรียนอนุบาลเทพารักษ์

“ด้วยความที่โรงเรียนอนุบาลไม่ใช่กิจการที่ได้กำไรเป็นเงินมากมาย แต่เป็นกำไรจากการเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กๆ เติบโตอย่างมีความสุข และกำไรจากการรับพลังงานบริสุทธิ์ของพวกเขาในทุกวัน เลยคิดว่าทุนสำคัญที่ทำให้เรายังอยากทำสิ่งนี้ต่อไปเรื่อยๆ คือความสุขที่เกิดจากการได้ให้”

รวิศ หาญอุตสาหะ
CEO, ศรีจันทร์ 

“ทุนสำคัญทางธุรกิจคือคน ทุนมนุษย์สำคัญที่สุด เพราะทีมที่ดีจะสามารถแก้ปัญหาทางธุรกิจและมองหาโอกาสทางธุรกิจที่ดีได้”

นพนารี พัวรัตนอรุณกร
ดูแลจัดซื้อ การตลาดและการขายออนไลน์ สมใจ, Somjai Selected

“ทุนที่สำคัญของธุรกิจเราคือ Customer trust in brand ที่สร้างมาดีในรุ่นแรกและถูกสานต่อ ในรุ่นต่อๆ มาเหมือนเดิมและไม่หยุดที่จะ carry ต่อไปในอนาคต สิ่งนี้มีค่ามาก และไม่ได้ถูกสร้างมาในเวลาเพียงสั้นๆ แต่มันคือการสั่งสมมาตั้งแรกรุ่นแรก และยังคงรักษาต่อไปจนถึงวันนี้”

หยาดฝน วาทยานนท์
General Manager, โรงพิมพ์สมุยอักษร

“คิดว่าทุนที่สำคัญที่ส่งต่อจากยุคพ่อแม่จนมาถึงการทำงานในยุคเราคือ ความจริงใจ ทั้งกับลูกค้า คู่ค้า พนักงาน พ่อย้ำเสมอว่าเราต้องจริงใจ ซื่อตรง ไม่เอาเปรียบ ถึงจะทำธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

“กับลูกค้า เราให้ราคาที่สมเหตุสมผล ผลิตงานในคุณภาพดี และรับผิดชอบต่อความผิดพลาดเสมอ ขณะเดียวกันก็ปฏิบัติต่อคู่ค้าอย่างมีจรรยาบรรณ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการชำระหนี้เลยสักครั้งตลอดสามสิบปี กับพนักงาน เราดูแลเหมือนครอบครัว ดูแลไปถึงคนในครอบครัวเขาผ่านทางสวัสดิการต่างๆ ก่อนนี้โรงพิมพ์เคยมีช่วงที่จำนวนพนักงานเกินงาน เพราะพ่อรับคนมาด้วยความอยากช่วยเหลือ มองในมุมธุรกิจเราว่าพ่อผิดถนัด แต่มองในมุมความเป็นมนุษย์เราว่าพ่อมีมากกว่าใคร อย่างในช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา เราก็แบให้พนักงานดูเลยว่าเรามีเงินเท่าไหร่ พยายามแค่ไหนในการแบกรับค่าใช้จ่ายเพื่อให้เรายังไปต่อได้ ทุกคนยังมีงานทำ เราถึงยังมีพนักงานที่พร้อมจะให้ใจคืนมา อยู่สู้ด้วยกันแม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ซึ่งเรารู้สึกขอบคุณมาก”

สิทธิศักดิ์ เหลืองอมรเลิศ
กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจสวนน้ำสวนสนุก บริษัทสยามพาร์คบางกอก จำกัด

“ทุนที่สำคัญของเราคือประสบการณ์และความรู้จริงในแต่ละธุรกิจที่เราทำ ประสบการณ์ที่สั่งสมจากการลงมือทำจริงนับสิบๆ ปี กล้าที่จะผิดพลาด ยอมรับและปรับปรุงมัน เราไม่อายที่จะถามและขอความช่วยเหลือจากผู้รู้ ซึ่งผู้รู้ของเรามีตั้งแต่ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อนๆ ลูกค้า หรือแม้แต่ลูกน้องของเราเอง

“ทุนนี้มีส่วนสำคัญมากที่ทำให้เรามีวันนี้ ประสบการณ์ทำให้เรารู้จักใช้โอกาส รวมถึงนำพาให้เราฝ่าวิกฤตมาได้หลายๆ ครั้ง ความมุ่งมั่นของเราทำให้ลูกค้าเชื่อมั่น ไว้ใจเรา เราเต็มที่เสมอ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรเราจะอยู่เผชิญกับมัน”

ปภาวินท์ บรรณสาร
เจ้าของร้านหาไฮ่ (hahi)

“ทุนที่สำคัญสำหรับธุรกิจเราคือ ความไว้ใจ แน่นอนเซอร์วิส pre-order ต้องใช้ความเชื่อใจกันมาก การที่ลูกค้าคนหนึ่งจะโอนเงินให้เราไม่ว่าจะยอดเท่าไหร่ เหมือนเขาซื้อใจเรามาแล้ว ความไว้ใจไม่ใช่แค่เรื่องบริการ แต่มันคือความสัมพันธ์ระหว่างเรากับลูกค้าด้วย เรารู้สึกว่าจุดเริ่มต้นมันเหมือนซื้อของให้เพื่อนพี่น้อง มาจากความไว้ใจ ปากต่อปาก บางคนจากที่เป็นลูกค้าก็เริ่มมาเป็นเพื่อนพี่น้องกัน มันเหมือนเขาไม่ต้องกลัว ยังไงก็มีเราเป็นเพื่อนช่วยหาให้ พอทำด้วยความชอบและใจล้วนๆ มันก็เลยไม่เหมือนทำงานเลย

“ที่เรารู้สึกดีกว่านั้นคือ เหมือนเราไม่ได้แค่ขายของหรือฝากหิ้วกันไปมา แต่มันเหมือนเราได้ทำความรู้จักคนคนหนึ่งผ่านของที่เขาสั่ง ของที่เขาซื้อ ได้เห็นความชอบ ได้รู้จัก จากที่เป็นแค่ลูกค้า บางครั้งกลายเป็นคนคุ้นเคย บางทีไปซื้อของ เห้ย เสื้อตัวนี้ คนนี้ต้องชอบแน่ๆ หรือของแบบนี้มันเหมาะกับพี่ กับน้องคนนี้มากๆ เราก็เป็นฝ่ายส่งไปแนะนำเขาเองเลยด้วย

“โอเค สุดท้ายมันก็เป็นธุรกิจ ฝากหิ้ว ฝากหาของ มีกำไรเล็กๆ น้อยๆ แต่เราว่าสิ่งที่มันได้มากกว่านั้นคือ การได้เห็นคนนี้ได้ของที่เขาหามานานแล้วเจอก็ดีใจ หรือเราสามารถช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการเซอไพรส์วันเกิดของลูกค้าบางคน เขาได้ของ เราได้หา ก็มีความสุขแล้ว”

วิษณุ วงศ์วีระนนท์ชัย 
ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท เอส.ซี.เอส. ฟุตแวร์ จำกัด

“ทุนที่สำคัญคือการบูรณาการระหว่าง ผลลัพธ์จากความสำเร็จของผู้บริหารที่ก่อตั้งธุรกิจ การเรียนรู้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ การปรับตัวตามสภาวะที่เหมาะสมเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสังคม และสำคัญที่สุดคือ โอกาสที่ได้รับจากครอบครัวในการบริหารงาน จนทำให้ธุรกิจเติบโตมาจนถึงวันนี้”

ณัฐธิดา วงศ์มหาศิริ
Cola Maker, Aircraft Cola

“ทุนที่สำคัญของแอร์คราฟท์โคล่าคือการยอมให้ตัวเองได้เล่นซนบ้าง 

“พอโตมาเราก็ถูกไล่ออกจากความเป็นเด็ก ต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ทำงานทำการ เวลาเล่นซนมันหดหายไป เราวุ่นวายรีบเร่งจนลืมเหลือพื้นที่ให้กับสิ่งที่เราชอบสิ่งที่เราสนใจไปเลย แอร์คราฟท์โคล่า ใช้ทุนจากการทวงพื้นที่เล่นซนในชีวิตตรงนั้นกลับมา มีที่ทางให้กับสิ่งที่เราชอบทำ ทดลองทำอะไรใหม่ๆ ที่คนอื่นอาจจะไม่ต้องเข้าใจก็ได้ ตอนเราบอกเพื่อนว่าเราทำโคล่าแล้วเอาไปให้เพื่อนชิม เพื่อนก็งง แล้วถามซ้ำว่า แกทำอะไรนะ (หัวเราะ) ซึ่งการเล่นซนครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มของธุรกิจโคล่าสดทุกวันนี้ของแอร์คราฟท์ นับว่าเป็นการซนที่ได้เรื่องได้ราวมากอยู่

“การเติบโตของแอร์คราฟท์ก็อาศัยการเตือนตัวเองให้เล่นสนุกและซนอยู่เรื่อยๆ มีโคล่าออริจินอลแล้ว ก็ลองซนทำโคล่าสูตรที่สองกลายเป็นโคล่านัมเบอร์ทู หาทำเจลลี่มิกเซอร์มากินคู่กับโคล่า คิดค้นเกสต์โซดารสชาติใหม่ๆ เล่นแม่บ๊วยลูกบ๊วย (ดองบ๊วย) หมักน้ำส้มสายชูลูกเกด ประกอบร่างสิ่งนู้นสิ่งนั้นไปเรื่อย ล้มลุกคลุกคลานสนุกสนานกับสิ่งมีค่าที่เรียกว่าประสบการณ์”

ศิวลี บูรณสงคราม 
หัวหน้าส่วนงานบริหารแบรนด์และสื่อสารการตลาด AIS

“ทุนที่ใช้ในการทำธุรกิจให้เติบโตคือพลังและความกระหายที่พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่และลงมือทำตลอดเวลา เพราะการที่เราใส่พลังลงไปในทุกงานที่ทำควบคู่ไปกับต้นทุนอื่นๆ รวมถึงความกระหายไม่กลัวที่จะเริ่มทำและคิดสิ่งใหม่ๆ ทำให้เรากล้าสร้างสรรค์ผลงานที่แปลกใหม่ เป็นที่จดจำ และสร้างคุณค่าให้กับองค์กรและผู้คน”