ประโยคข้างต้นคือสิ่งที่กิตติเดชบอกกับเรา แน่นอนว่าการทำประมงอย่างยั่งยืนคือสิ่งที่กำลังเดินมาอย่างถูกต้อง แต่การพึ่งพาเพียงอาชีพประมงดูจะเป็นแนวคิดยึดติดจนเกินไป ดังนั้นกิตติเดชจึงนำแนวคิดและไอเดียการทำธุรกิจประมงที่มีความหลากหลาย ยื่นเสนอแก่โครงการ Banpu Champions for Change
แตกต่างจากผู้ผลิตประตูและหน้าต่างรายอื่นที่เน้นทำแคมเปญโฆษณาเพื่อขายความสวยงามและฟังก์ชั่นของสินค้าเท่านั้น TOSTEM อยากสร้างความทรงจำที่ดีกับลูกค้าและถ่ายทอดคุณค่าที่แบรนด์ให้ความสำคัญด้วยการแต่งบทเพลงของแบรนด์โดยเฉพาะชื่อ Open to Love พร้อมออกแบบคอลเลกชั่นที่ระลึก New Year Gift 2025 สุดพิเศษสำหรับแคมเปญนี้
บทเพลง Open to Love เป็นเพลงที่ตั้งใจแต่งสำหรับ TOSTEM โดยบอย–ตรัย ภูมิรัตน เพลงนี้ถ่ายทอดภาพของประตูที่เปิดสู่ความสัมพันธ์อันอบอุ่นภายในครอบครัว โดยใช้สัญลักษณ์ของประตูแทนความหมายของการเปิดใจและสร้างความเชื่อมโยงในมิติที่ลึกซึ้ง ให้เพลงเปรียบเสมือนประตูที่เปิดไปพบความสุข ความอบอุ่น และเป้าหมายในชีวิตที่ทุกคนปรารถนา ฉายภาพพื้นที่ที่เชื่อมโยงความรักและความสัมพันธ์ในครอบครัว สิ่งเหล่านี้เป็นการถ่ายทอดคุณค่าและความรู้สึกที่แบรนด์อยากสื่อสารนอกเหนือจากการเล่าเรื่องผลิตภัณฑ์
เพลง Open to Love – Boy Trai Bhumiratna
นอกจากเพลงความหมายดีๆ แล้ว TOSTEM ยังได้ชวนจี๊ป ภาสินี มาสร้างสรรค์คอลเลกชั่นพิเศษ New Year Gift 2025 โดยมีคอนเซปต์งานออกแบบที่เน้นการกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 4 ได้แก่ การรับรส (taste) การมองเห็น (impression) การฟัง (harmony) การรับกลิ่น (scent) ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นกลยุทธ์ sensory marketing ที่ใช้ประสาทสัมผัสมาทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์ผ่านคอนเซปต์งานออกแบบ โดยผลงานในคอลเลกชั่นนี้มีทั้งหมด 4 ลาย ได้แก่
“เราเชื่อว่าความจริงแล้วหลายโรคที่ผู้ป่วยเป็นจำนวนหลักร้อยล้านคนมันรักษาหรือป้องกันได้ นิตยสาร The Economist บอกว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ทั่วโลกอิจฉาเพราะเป็นประเทศที่มีระบบสาธารณสุขและระบบเฮลท์แคร์ที่ดีที่สุดในโลก
อีกธีมสำคัญที่จะพลาดลงทุนไปไม่ได้ในประเทศไทยที่มีสังคมสูงวัยคือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Silver Age (ผู้สูงวัย) โดยจะมองหานวัตกรรมจากการตั้งต้นคิดว่าจะทำยังไงให้คนแก่ Age Well หรือแก่แบบสุขภาพดีได้ ปิดด้วยหมวดสุดท้ายคือ Smart Hospital หรือโรงพยาบาลอัจฉริยะ เช่นการนำเอานวัตกรรมต่างๆ อย่าง AI มาทำงานร่วมกับโรงพยาบาลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและมอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้คนไข้
Endless Possibilities from Partnership
จากการมีประสบการณ์ในการทำกองทุน VC มาแล้วถึง 7 กองซึ่งลงทุนในธุรกิจหลายอุตสาหกรรม กระทิงบอกว่ากองทุนด้านเฮลท์แคร์มีความท้าทายที่แตกต่างจากการทำกองทุนธุรกิจหมวดอื่นตรงที่การรักษาสุขภาพเป็นสิ่งเกี่ยวพันกับชีวิตผู้คนทำให้ต้องคำนึงถึงหลายสิ่งมากกว่า เช่น เทคโนโลยีต้องผ่านมาตรฐาน FDA (Food and Drug Administration)
หนึ่งในความร่วมมือสำคัญของ Disrupt Health Impact Fund คือการร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช ทำให้เกิดการผสานความเชี่ยวชาญระหว่างโรงพยาบาลระดับแนวหน้าและฝั่งกองทุนที่มีศักยภาพด้านการลงทุนโดยมุ่งส่งเสริมการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง ทั้งนี้สิ่งที่โรงพยาบาลสมิติเวชจะได้ประโยชน์คือการได้ทดสอบเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในโรงพยาบาลรวมถึงโอกาสขยายธุรกิจทางสุขภาพเพิ่มเติม
นอกจากโรงพยาบาลแล้ว กองทุนยังมีพาร์ตเนอร์สำคัญหลายรายทั้งที.แมน บริษัทผลิตยารายใหญ่ของประเทศที่มองหาการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ บริษัท FMCG (fast-moving consumer goods) อื่นๆ รายใหญ่ของประเทศ ไปจนถึงเครือข่ายอาจารย์แพทย์จากหลายมหาวิทยาลัยทั้งในไทยและต่างประเทศ เช่น มหาวิทยาลัยมหิดล ไปจนถึง Harvard Medical School เพื่อให้มั่นใจว่าได้เลือกลงทุนในเทคโนโลยีที่มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือสูง
ยุ้ยยังปิดท้ายว่าเบื้องต้นแผนการลงทุนในขณะนี้มองตั้งแต่การลงทุนในสตาร์ทอัพ Series A และ Series B โดยมองถึงการลงทุนระดับโลกไม่จำกัดแค่เฉพาะในไทย โดยพิจารณาถึง synergy และ return ของธุรกิจในการลงทุน ในระยะแรกตั้งเป้าหมายการลงทุน 10-15 บริษัทในเงินลงทุนตั้งแต่ 5 แสน – 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ