แก่นของกฎของยานเต้จะประมาณว่า “คุณจะต้องไม่มีความเชื่อว่าคุณเด่นหรือล้ำเลิศกว่าคนอื่น” (Scandinavians love being equal in everything from what we do in our work to how we like to live in our homes. Nobody is to have too much more – or less – than everyone else. Definition of jante law from scandikitchen.co.uk)
กฎของยานเต้มีสิบข้อ คือ
1. You’re not to think you are anything special.
2. You’re not to think you are as good as we are.
3. You’re not to think you are smarter than we are.
4. You’re not to convince yourself that you are better than we are.
5. You’re not to think you know more than we do.
6. You’re not to think you are more important than we are.
7. You’re not to think you are good at anything.
8. You’re not to laugh at us.
9. You’re not to think anyone cares about you.
10. You’re not to think you can teach us anything.
happiness study ที่ University of London ศึกษาไว้บอกชัดเจนว่า “Lower expectations make it more likely that an outcome will exceed those expectations and have a positive impact on happiness” กฎของยานเต้ที่มีอิทธิพลต่อสังคมสแกนดิเนเวียนั้นมีส่วนในเรื่องนี้จริงๆ
แต่ทุกเรื่องมักจะมีข้อดีและข้อเสีย คุณซิคเว่เคยวิจารณ์กฎของยานเต้ว่า ที่นอร์เวย์นั้นหลายคนก็มีความรู้สึกว่าความเชื่อในกฎนี้ทำลายความคิดสร้างสรรค์ และถ้าใครมีฝันใหญ่ๆ อยากประสบความสำเร็จมากๆ บ้างทำไมจะทำไม่ได้ คนแบบ Elon Musk หรือ Steve Jobs ก็จะมีได้ยากถ้าทุกคนใช้กฎของยานเต้กันหมด เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องถกเถียงกันมากในหมู่ปัญญาชนของนอร์เวย์มาตลอด
Ava แอพพลิเคชั่นที่ช่วยสร้างแคปชั่นให้คนหูหนวกอ่านขณะที่พูดคุยกับผู้อื่น ทั้งยังสามารถจำแนกได้ว่าใครพูด ผ่านแท็กและสีของแคปชั่น
ยังไม่นับรวมองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนคนหูหนวกทำธุรกิจโดยตรง เช่น Deaf Business Academy ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการหูหนวกได้เรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจด้วยคอร์สคุณภาพและเฉพาะเจาะจง
จากผลสำรวจปี 2017 มีคนหูหนวกในอเมริกาได้ทำงานมากกว่าครึ่ง เกิดธุรกิจที่คนหูหนวกเป็นเจ้าของมากกว่า 1,000 ธุรกิจในอเมริกา แน่นอนว่ามีธุรกิจของคนหูหนวกที่ประสบความสำเร็จมากมายในทุกวงการ เช่น Mozzeria ร้านอาหารดังในซานฟรานซิสโก, By Mara แบรนด์เสื้อผ้าในนิวยอร์ก รวมถึงวงการไลฟ์โค้ช คราฟต์เบียร์ ไปจนถึงวงการดนตรี
ตรงหน้าคือเคาน์เตอร์ที่มีเทียนหอมในถ้วยเหล็กสีเทาเข้มวางเรียงราย ซ้ายมือคือเครื่องพิมพ์ดีดและจดหมายจัดวางคล้ายเป็น installation art และลึกเข้าไปอีกคือมิติของงานออกแบบและการปรุงกลิ่นที่รอให้เราเข้าไปค้นพบ
ยกตัวอย่างกลิ่นขายดีอันดับหนึ่งของร้านอย่าง The Fog House ก็โดดเด่นด้วยหมู่มวลดอกไม้ที่เรารู้จักกันดีอย่าง Lily, Camomile, California Rose ก่อนลงท้ายอย่างหนักแน่นด้วย Patchouli หรือกลิ่น False Awakenings ก็เรียกความสดชื่นด้วย Menthol หรือมินต์ที่ซ่อนความหวานปนเขียวจาก Juniper Berry, Basil และ Geranium Bourbon ไว้อย่างลงตัว
ณพกมล อัครพงศ์ไพศาล ผู้ประกอบการ นักออกแบบ และเจ้าของ ละมุนละไม. คราฟท์สตูดิโอ หนังสือ : The Little Book of Ikigai : อิคิไก ความหมายของการมีชีวิตอยู่ ผู้เขียน : Ken Mogi ผู้แปล : วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ
ดิฐ แจ้งศิริเจริญ เจ้าของร้าน Walden Home Cafe หนังสือ : The Story of the Modern Rebel ผู้เขียน : วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์
“The Story of the Modern Rebel เป็นหนังสือที่พูดถึงประวัติความเป็นมาของนิตยสาร a day เป็นเหมือนกึ่งๆ ชีวประวัติ เรื่องเล่า ปนบทความ บทสัมภาษณ์ของพี่โหน่ง วงศ์ทนง สำหรับเราเรื่องจุดกำเนิดหรือความเป็น a day นั้นน่าสนใจอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นสิ่งที่กินใจเราคือถ้อยคำจากพี่โหน่ง มันได้สร้างแรงบันดาลใจให้เราในฐานะวัยรุ่นคนหนึ่งให้ออกไปใช้ชีวิต ตามหาความฝัน ทำสิ่งที่รัก ซึ่งมาพูดทุกวันนี้เราอาจได้ยินกันจนเลี่ยนแล้วแหละ แต่ ณ ตอนนั้นเราอินกับมันสุดๆ เพราะเราเคยเป็นวัยรุ่นที่คล้ายเป็ดมาก ไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองอยากทำอะไร ประกอบอาชีพอะไร และมันก็มีช่วงนึงที่ไม่มีความสุขเอาเสียเลย จนได้มาอ่านหนังสือเล่มนี้”
“นิตยสาร a day ในยุคนั้นมีอิทธิพลต่อความคิดเราประมาณหนึ่งอยู่แล้ว แต่หนังสือเล่มนี้มันเหมือนสรุปความให้เราเลยว่า ชีวิตเราควรจะต้องเอาไงต่อไป ข้อคิด คำคมต่างๆ ที่มีอยู่ในเล่ม ทุกวันนี้ยังจำมันได้เกือบหมดเลยนะ ช่วงนั้นใช้มันเป็นเหมือนไบเบิลชีวิตเลย ฟังดูติ่งมั้ย แต่ยอมรับเลยว่าตอนนั้นติ่งมาก (หัวเราะ) และจริงๆ ก็ยังมีหนังสือหลายเล่มที่มีอิทธิพลต่อเราในแต่ละช่วงชีวิต แต่เล่มนี้เข้ามาในจังหวะที่ชีวิตเราต้องการความช่วยเหลือพอดี”
ธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ TANACHIRA หนังสือ : The Ride of a Lifetime ผู้เขียน : Robert Iger
“The Ride of a Lifetime เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับชีวิตการทำงานตลอด 15 ปี ของ Robert Iger กับการเป็น CEO ที่ Walt Disney Company
“หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมเห็นถึงความชัดเจนในแผนกลยุทธ์ระยะยาวที่ Iger เชื่อ และเป็น 15 ปีแห่งการวางแผนการเจริญเติบโตของ Disney ที่ส่งผลสำคัญให้องค์กรมีความต่อเนื่องและยั่งยืน ยังไม่รวมไปถึงการขยายอาณาจักรของ Disney ผ่านการควบรวมต่างๆ อย่างน่าอัศจรรย์ อีกทั้งยังเห็นการผ่านช่วงที่ยากลำบากมาอย่างมีระบบ ทั้งหมดเป็นแรงบันดาลใจให้ผมสร้างกลุ่มบริษัท ธนจิรา ให้ก้าวหน้าและยั่งยืนต่อไป”
บุญคลี ปลั่งศิริ ที่ปรึกษาอิสระ หนังสือ : The Centerless Corporation : A New Model for Transforming Your Organization for Growth and Prosperity ผู้เขียน : Bruce A. Pasternack และ Albert J. Viscio
“The Centerless Corporation เป็นหนังสือที่พิมพ์ในปี 1998 พูดถึงเรื่องการปรับโครงสร้างองค์กร จากข้อมูลในหนังสือ บริษัทในอเมริกาช่วงปี 1980 โดยเฉพาะบริษัทที่เป็น global company มักจะมี headquarter หรือศูนย์กลางขององค์กรที่อุ้ยอ้ายและบริหารในเชิงของการควบคุม สั่งการ ทำให้ต้นทุนขององค์กรส่วนกลางสูงมากและขาดความคล่องตัวในการบริหารจัดการบริษัทลูกๆ หนังสือเล่มนี้จึงเสนอแนวคิดการปรับองค์กรให้ไร้ศูนย์กลาง ทำให้บทบาทของ headquater มีขนาดเล็ก และเปลี่ยนบทบาทจากการบริหารจัดการมาเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทในเครือ
ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ดุสิตธานี หนังสือ : Who Moved My Cheese? ผู้เขียน : Spencer Johnson
“Who Moved My Cheese? ว่าด้วยเรื่องราวของสนิฟฟ์ สเคอร์รี่ หนูสองตัว กับเฮม และฮอว์ กับการตามหาชีส ซึ่งทั้ง 4 เปรียบเสมือนคาแร็กเตอร์ของคน 4 แบบด้วยกัน เป็นหนังสือที่ทำให้เราเข้าใจคาแร็กเตอร์ของคนแต่ละคน และทำให้เราเข้าใจว่ามันไม่มีอะไรที่หยุดนิ่ง เราต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เอามาปรับใช้กับเรื่องการทำงานได้”
สโรจ เลาหศิริ Head of Marketing Transformation and Marketing Strategy, Bluebik Group หนังสือ : The 22 Immutable Laws of Marketing : 22 กฎเหล็กที่นักการตลาดปฏิเสธไม่ได้ ผู้เขียน : Al Ries, Jack Trout ผู้แปล : วิษณุเทพ เทวัญ
“กฎของการตลาด 22 ข้อที่เป็นการตกผลึกมาแล้วของนักการตลาดชั้นครูสมัยก่อน อย่าง Al Ries และ Jack Trout ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎของการเป็นผู้นำ กฎของการรับรู้ กฎของคำเฉพาะตัว กฎของการเผชิญหน้า เป็นต้น ทั้งหมดล้วนเป็นผลึกความคิดการตลาดที่อมตะ และกลับสู่แก่นของการตลาดจริงๆ ที่เป็นฐานที่แข็งแรงในการต่อยอดไปเรื่องอื่นๆ ที่ร่วมสมัยขึ้น