13269
April 1, 2022

Leader Reader

20 หนังสือเล่มสำคัญในชีวิต 20 ผู้บริหารและคนในแวดวงธุรกิจ

หนึ่งในทุนสำคัญของชีวิตไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ ผู้บริหาร หรือแม้กระทั่งคนทำงาน คือความรู้ ความคิด ที่ตกผลึกจากการอ่าน

หนังสือบางเล่มอาจส่งต่อวิธีคิดในการบริหารธุรกิจ ในขณะที่หนังสือบางเล่มอาจเปลี่ยนมุมมองต่อการใช้ชีวิตมหาศาล

ในวาระงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเวียนมาจัดอีกหน เราจึงถือโอกาสนี้สอบถาม 20 ผู้บริหารและผู้นำในธุรกิจ ว่าหนังสือเล่มใดมีอิทธิพลสำคัญในชีวิต และหนังสือเล่มนั้นส่งผลต่อวิธีคิดอย่างไร

แม้ผู้บริหารหรือผู้นำองค์กรแต่ละคนจะเวียนวนอยู่ในแวดวงธุรกิจ แต่รายชื่อหนังสือที่แต่ละคนเลือกไม่ได้มีแค่หนังสือในหมวดหมู่ธุรกิจเท่านั้น หากแต่ยังครอบคลุมไปยังหมวดอื่นๆ ด้วย 

อย่างที่บอก เราเชื่อว่าหนังสือคือเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งที่นำมาซึ่งทุนทางด้านความรู้ ความคิด และหนังสือเหล่านี้คือที่มาสำคัญของทุนเหล่านั้น

หนังสือ

กฤษณ์ สกุลพานิช 
บริษัท ดรีม เอกซ์เพรส (เดกซ์) จำกัด
หนังสือ : คู่มือมนุษย์
ผู้เขียน : พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ)

“เราอ่านหนังสือธรรมมะเล่มนี้ซ้ำมากกว่า 5 รอบ ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา มีอิทธิพล ส่งผลต่อแนวทางการทำงานที่สุด

“หลังจากเรียนจบตอนอายุ 21 ปี ก่อนเริ่มทำงานเรามีโอกาสไปบวชที่วัดชลประทานฯ ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ครั้งแรก ไม่เข้าใจอะไรเลย เมื่อผ่านประสบการณ์ทำงาน ตามอายุที่เพิ่มขึ้น แต่ละรอบที่อ่านก็ได้สาระ ความเข้าใจมากขึ้นตามกาลเวลา จนถึงบัดนี้ ก็ยังมีความเชื่อว่า การอ่านในรอบถัดไป จะได้ข้อคิดอะไรเพิ่มเติม แปรผันตรงกับเวลาที่ผ่าน อายุงานที่เพิ่มขึ้น

“หนังสือเล่มนี้ทำให้เข้าใจตนเองมากขึ้น เข้าใจลูกค้า เพื่อนร่วมงาน และพนักงานของเรามากขึ้น ช่วยให้การบริหารงาน การติดต่อกับต่างประเทศราบรื่น ในยามที่ธุรกิจไปได้ดี เราก็ได้รับคำเตือนจากหนังสือไม่ให้หลงระเริงจนเกินไป  ในยามที่ธุรกิจประสบอุปสรรค คู่มือเล่มนี้ก็อธิบายสาเหตุแห่งอุปสรรคและทางแก้ไขได้เป็นอย่างดี”

หนังสือ

ณพกมล อัครพงศ์ไพศาล
ผู้ประกอบการ นักออกแบบ และเจ้าของ ละมุนละไม. คราฟท์สตูดิโอ
หนังสือ : The Little Book of Ikigai : อิคิไก ความหมายของการมีชีวิตอยู่ 
ผู้เขียน : Ken Mogi
ผู้แปล : วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ

“หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับปรัชญาของชาวญี่ปุ่นและการเดินทางแสวงหาคำตอบที่อยู่ไกลแสนไกลผ่านการตั้งคำถามว่าคนเราจะต้องมี ‘อิคิไก’ หรือ ‘เหตุผลของการมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่า’ ไหม และอิคิไกในชีวิตของเราหรือสิ่งที่ทำให้เราแค่อยากตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปทำมันคืออะไร

“เราพยายามหาคำตอบด้วยการทำงานอย่างต่อเนื่อง ทุกๆ วันที่ผ่านไปเรายังคงตั้งคำถามกับการงาน กับอาชีพของเรา เราตื่นเช้ามาทำงานที่มีคุณค่าอะไร มีประโยชน์ต่อโลกและต่อคนรอบข้างไหม แต่ในความจริงแล้วสิ่งที่เราชอบที่สุดในหนังสือเล่มนี้คือการได้รู้ว่างานที่สมบูรณ์แบบเหมือนแผนภาพในหนังสือมันไม่มีอยู่จริง ต่อให้เราได้ทำงานที่รักก็ต้องมีสักวันแหละที่เราเหนื่อย เครียด ท้อ ไม่มีความสุขกับงานขนาดนั้น หนังสือเล่มนี้ช่วยตอบคำถามบางอย่างในใจเรา ทำให้ได้พบความธรรมดาที่สุขสงบในชีวิตมากขึ้น และไม่สับสนเปรียบเทียบกับโลกภายนอกเหมือนก่อน

“ในหนังสือยังพูดถึงแนวคิดโคดาวาริซึ่งอธิบายเป็นภาษาอังกฤษได้ด้วยคำว่า commitment (คำมั่น) และ insistence (คำยืนยัน) โคดาวาริ หมายถึงมาตรฐานส่วนตัวที่ปัจเจกทุ่มเทอุทิศตนให้ มักจะใช้ในความหมายว่าเป็นระดับมืออาชีพที่คนคนหนึ่งยึดถือและมันแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในสิ่งที่เขาทำ เราคิดว่าเป็นหนึ่งในทัศนคติที่นำไปสู่ความใส่ใจเป็นพิเศษกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเกี่ยวโยงและสำคัญต่อการทำธุรกิจของเรามากเพราะมันคือการเริ่มต้นเล็กๆ และลงมือทำไปทีละขั้นๆ สู่ก้าวที่เติบโตขึ้น และบางทีก็ต้องไม่ยอมประนีประนอมกับความฝันด้วยเหมือนกัน

“มุมที่สำคัญที่สุดของโคดาวาริคือผู้คนจะแสวงหาเป้าหมายของตัวเองที่อยู่เหนือกว่าและไกลกว่าความคาดหวังอย่างสมเหตุสมผลและความต้องการพื้นฐานของตลาด การผลิตสินค้าที่ ‘ก็ดีนะ’ ‘ก็พอได้แหละ’ มันทำให้เราประสบความสำเร็จได้ตามสมควรแต่เราไปถึงจุดนั้นแล้วเราก็จะยิ่งผลักดันคุณภาพให้สูงขึ้น ทะลุเพดานข้อจำกัดไปสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

“เราเชื่อว่าสิ่งนี้แหละคือเหตุผล คือจุดหมาย คือคุณค่าของเราที่ลูกค้าแต่ละคนพร้อมจะจ่ายเงินให้กับระดับคุณภาพหรือคุณค่าที่ไม่เคยคิดจินตนาการถึงมาก่อน”

หนังสือ

ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์
CEO & Co-Founder, Ookbee Company Limited
หนังสือ : Principles
นักเขียน : Ray Dalio

“ผู้เขียน Principles เป็นผู้ก่อตั้งกองทุน Bridgewater Associates หนึ่งในกองทุน hedge fund ที่ใหญ่ที่สุดในโลก  เนื้อหาเล่าประวัติส่วนตัวของผู้เขียนทำให้รู้ว่าเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง รวมไปถึงหลักการชีวิตและหลักการทำงาน

“เช่น การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ไม่ยึดติดกับดักความสำเร็จเดิมแล้วเริ่มลงมือปฏิบัติ หากล้มเหลวให้ระบุปัญหาและไม่ทนกับปัญหา อย่าสับสนระหว่างสาเหตุปัญหากับปัญหาที่แท้จริง จากนั้นวางแผนแก้ไข แล้วจึงลงมือแก้ไขปัญหา ขั้นตอนเหล่านี้ต้องดำเนินไปบนพื้นฐานของความจริง ความโปร่งใส และอ่อนน้อมถ่อมตน

“ส่วนตัวผมจดโน้ต ทำเป้าหมายด้านต่างๆ ของชีวิตอยู่แล้ว หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้ก็ได้หลักคิดใหม่ๆ มาใช้มากมาย การมี Principles ในชีวิต (คล้ายๆ กับการมีอัลกอริทึมที่ดีในการเขียนโปรแกรม) จะช่วยให้คุณตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในการใช้ชีวิตและการทำงานได้ดีในทุกช่วงเวลา ผู้เขียนได้ย้ำว่าทุกคนมีหลักการชีวิตเป็นของตน ให้เริ่มสร้างหลักการชีวิตของตัวเองขึ้นมาและปรับปรุงเรื่อยๆ ตลอดไป”

หนังสือ

ดิฐ แจ้งศิริเจริญ
เจ้าของร้าน Walden Home Cafe
หนังสือ : The Story of the Modern Rebel
ผู้เขียน : วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์

The Story of the Modern Rebel เป็นหนังสือที่พูดถึงประวัติความเป็นมาของนิตยสาร a day เป็นเหมือนกึ่งๆ ชีวประวัติ เรื่องเล่า ปนบทความ บทสัมภาษณ์ของพี่โหน่ง วงศ์ทนง สำหรับเราเรื่องจุดกำเนิดหรือความเป็น a day นั้นน่าสนใจอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นสิ่งที่กินใจเราคือถ้อยคำจากพี่โหน่ง มันได้สร้างแรงบันดาลใจให้เราในฐานะวัยรุ่นคนหนึ่งให้ออกไปใช้ชีวิต ตามหาความฝัน ทำสิ่งที่รัก ซึ่งมาพูดทุกวันนี้เราอาจได้ยินกันจนเลี่ยนแล้วแหละ แต่ ณ ตอนนั้นเราอินกับมันสุดๆ เพราะเราเคยเป็นวัยรุ่นที่คล้ายเป็ดมาก ไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองอยากทำอะไร ประกอบอาชีพอะไร และมันก็มีช่วงนึงที่ไม่มีความสุขเอาเสียเลย จนได้มาอ่านหนังสือเล่มนี้”

“นิตยสาร a day ในยุคนั้นมีอิทธิพลต่อความคิดเราประมาณหนึ่งอยู่แล้ว แต่หนังสือเล่มนี้มันเหมือนสรุปความให้เราเลยว่า ชีวิตเราควรจะต้องเอาไงต่อไป  ข้อคิด คำคมต่างๆ ที่มีอยู่ในเล่ม ทุกวันนี้ยังจำมันได้เกือบหมดเลยนะ ช่วงนั้นใช้มันเป็นเหมือนไบเบิลชีวิตเลย ฟังดูติ่งมั้ย แต่ยอมรับเลยว่าตอนนั้นติ่งมาก (หัวเราะ) และจริงๆ ก็ยังมีหนังสือหลายเล่มที่มีอิทธิพลต่อเราในแต่ละช่วงชีวิต แต่เล่มนี้เข้ามาในจังหวะที่ชีวิตเราต้องการความช่วยเหลือพอดี”

“หนังสือเล่มนี้มันไม่ใช่หนังสือฮาวทูหรือไลฟ์โค้ชนะ แต่สำหรับเรามันทำหน้าที่คล้ายๆ แบบนั้นเลย นอกจากคำพูดต่างๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เรามากๆ แล้วมันยังมีวิธีการ หลักคิด บทเรียน อะไรบางอย่างให้เราไปใช้ในชีวิต ซึ่งหลักๆ ก็เกี่ยวกับเรื่องของการค้นหาตัวเอง ทำตามความฝันประมาณนั้นนั่นเหละ หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบ เราเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีการมองโลกนี้ไปเลย มันจุดไฟให้เราในหลายๆ ด้าน จนเราค่อยๆ หาตัวเอง ลองผิดลองถูกจนได้มาทำงานในสายงานที่เราชอบต่อไปจนถึงปัจจุบันก็เพราะหนังสือเล่มนี้เลย”

หนังสือ

ธนพงษ์ จิราพาณิชกุล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ TANACHIRA
หนังสือ : The Ride of a Lifetime 
ผู้เขียน : Robert Iger

The Ride of a Lifetime เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับชีวิตการทำงานตลอด 15 ปี ของ Robert Iger กับการเป็น CEO ที่ Walt Disney Company 

“หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมเห็นถึงความชัดเจนในแผนกลยุทธ์ระยะยาวที่ Iger เชื่อ และเป็น 15 ปีแห่งการวางแผนการเจริญเติบโตของ Disney ที่ส่งผลสำคัญให้องค์กรมีความต่อเนื่องและยั่งยืน ยังไม่รวมไปถึงการขยายอาณาจักรของ Disney ผ่านการควบรวมต่างๆ อย่างน่าอัศจรรย์ อีกทั้งยังเห็นการผ่านช่วงที่ยากลำบากมาอย่างมีระบบ ทั้งหมดเป็นแรงบันดาลใจให้ผมสร้างกลุ่มบริษัท ธนจิรา ให้ก้าวหน้าและยั่งยืนต่อไป”

หนังสือ

ธนา เธียรอัจฉริยะ
ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เชิงธุรกิจ (ABC)
หนังสือ : หลายชีวิต
ผู้เขียน : ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช

“หนังสือเรื่อง หลายชีวิต เป็นหนังสือที่มีอิทธิพลต่อวิธีคิดและวิธีเขียนของผมมาก เป็นเรื่องสั้นของแต่ละชีวิตที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช แต่งไว้ หลายชีวิตเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับคนหลากหลายเพศ วัย อาชีพ มาลงเรือลำเดียวกัน มีปลายทางเดียวกัน มีกรรมที่ต่างกันแต่ต้องมาจบชีวิตพร้อมกัน เดิมเป็นการท้าดวลระหว่างกลุ่มนักเขียนที่ได้แรงบันดาลใจจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่มีคนเสียชีวิตจำนวนมากว่าต่างคนต่างมีกรรมไม่เหมือนกัน แต่ทำไมถึงมาจบชีวิตเหมือนกัน แต่พออาจารย์คึกฤทธิ์เขียน ‘เจ้าลอย’ เป็นตอนแรก ทุกคนก็ยอมแพ้หมดจนอาจารย์ต้องเขียนต่อจนจบ

 “เจ้าลอย หลวงพ่อเสม พรรณี ละม่อม ท่านชายเล็ก ผล โนรี ลินจง จั่น ทองโปรย หมอแสง เป็นตัวละครที่โลดแล่นอยู่ในหนังสือ แต่ละบทแต่ละตอนมีความสนุก เหมือนตัวละครมีชีวิตจริงๆ รวมถึงข้อคิดที่ชวนให้เด็กๆ อย่างผมในตอนนั้นคิดถึงเรื่องกรรม เรื่องที่มาที่ไปของชีวิตในรูปแบบที่ต่างๆ กัน อย่างที่ไม่เคยมองในมุมต่างๆ แบบนั้นมาก่อน 

“ตอนที่อ่านสมัยเด็กๆ ก็อ่านด้วยความสนุกเพลิดเพลิน พอโตหน่อยก็ได้ตระหนักถึงชีวิตและชะตาของมนุษย์ ระยะหลังที่เริ่มเขียนหนังสือ พอมาอ่านอีกก็ได้ทั้งความลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ บวกกับอัจฉริยภาพของอาจารย์หม่อมด้านการเขียนที่เหมือนกับเข้าไป ‘นั่งอยู่ในใจคน’ เขียนคนไหนก็เหมือนเป็นคนนั้น และก็ได้แอบครูพักลักจำเอาวิธีการเล่าเรื่องและการเขียนในระดับสูงสุดคืนสู่สามัญมาแอบปรับใช้กับงานเขียนของตัวเองได้นิดๆ หน่อยๆ อีกด้วย 

“เวลาใครถามว่าอยากแนะนำหนังสือเล่มไหนผมจะนึกถึง หลายชีวิต เป็นเล่มแรกเสมอ”

หนังสือ

บุญคลี ปลั่งศิริ
ที่ปรึกษาอิสระ
หนังสือ : The Centerless Corporation : A New Model for Transforming Your Organization for Growth and Prosperity
ผู้เขียน : Bruce A. Pasternack และ Albert J. Viscio

The Centerless Corporation เป็นหนังสือที่พิมพ์ในปี 1998 พูดถึงเรื่องการปรับโครงสร้างองค์กร จากข้อมูลในหนังสือ บริษัทในอเมริกาช่วงปี 1980 โดยเฉพาะบริษัทที่เป็น global company มักจะมี headquarter หรือศูนย์กลางขององค์กรที่อุ้ยอ้ายและบริหารในเชิงของการควบคุม สั่งการ ทำให้ต้นทุนขององค์กรส่วนกลางสูงมากและขาดความคล่องตัวในการบริหารจัดการบริษัทลูกๆ หนังสือเล่มนี้จึงเสนอแนวคิดการปรับองค์กรให้ไร้ศูนย์กลาง ทำให้บทบาทของ headquater มีขนาดเล็ก และเปลี่ยนบทบาทจากการบริหารจัดการมาเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทในเครือ

“หนังสือเล่มนี้พูดถึงบทบาทสำคัญของศูนย์กลาง 2-3 เรื่อง เรื่องแรกคือเรื่องของคน เรื่องที่สองเป็นเรื่องความรู้ ซึ่งพัฒนาจากบิ๊กดาต้าเป็นข้อมูล และถูกนำมาวิเคราะห์เป็น knowledge ผมนำมาออกแบบรายงานเรียกว่า performance report ของบริษัทลูกๆ ให้บริษัทแม่นำ knowledge จากรีพอร์ตนี้ไปใช้ในการทำงานได้ และส่วนที่สามคือเรื่อง coherent หรือความสอดคล้องของวิธีทำงาน ของสไตล์ ของวัฒนธรรมองค์กรที่ไปด้วยกัน

“ผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก็เลยเอามาใช้ปรับโครงสร้างบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่นในช่วงปี 1999-2000 ทำให้บริษัทชิน คอร์ปอเรชั่นเป็น holding company ที่มีขนาดเล็กลง

“ผมเชื่อว่าเมื่อเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ แนวคิดของหนังสือเล่มนี้จะยังปรับใช้กับปัจจุบันได้ เทียบกับวันนี้ผมว่าแนวคิดมันคล้าย blockchain technology มาก นั่นคือการกระจายอำนาจ การ distribute แบบไม่มีศูนย์ 

“เรื่องนี้ฝังลึกในใจของผมอยู่เสมอ ผมเชื่อในการกระจายศูนย์มากกว่ารวมศูนย์อยู่แล้ว พอผมเจอหนังสือเล่มนี้มันตอบโจทย์ว่าเราทำมากกว่าการกระจายศูนย์ได้นะ คือ centerless ทุกอย่างให้อยู่ในระนาบเดียวกันทั้งหมด ทุกคนต้องสร้างคุณค่าให้แก่กันและกัน บริษัทแม่เองต้องตอบคำถามให้ได้ว่าเราสามารถเพิ่มคุณค่าให้บริษัทลูกยังไงมากกว่าจะไปควบคุมบริษัทลูกยังไง”

หนังสือ

บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านการสร้างโอกาสทางการตลาด กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด
หนังสือ : The Infinite Game 
ผู้เขียน : Simon Sinek 

“หนังสือเล่มนี้ว่าด้วยแนวคิดของการทำธุรกิจ  เป็นเหมือนการเล่นเกมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ต้องเล่นเพื่อชนะ แต่เล่นเพื่อให้อยู่ในเกมได้นานที่สุด เพื่อรับมือกับโลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา 

“เมื่อก่อนเราเป็นคนที่สู้เต็มที่ สู้หมดหน้าตัก ตายเป็นตายอะไรแบบนี้เลย แต่พอมาเจอ The Infinite Game มันพูดถึงการต่อสู้อีกแบบ ว่าด้วยมายด์เซตของการสู้แบบโลกใหม่ ไม่ได้สู้เพื่อชนะแต่สู้เพื่อยืนคนสุดท้ายในเกมนี้

“เรารู้สึกดีใจมากที่ได้รู้จักหนังสือเล่มนี้ก่อนโควิด ได้ถอดบทเรียนจากหนังสือเล่มนี้ไปเล่าให้ลูกน้องฟัง เรารู้สึกว่ามันน่าจะเป็นอาวุธอันนึงเลยนะที่ทำให้เรายังยืนอยู่ได้ท่ามกลางโควิดที่เต็มไปด้วยปัญหาแบบนี้”

หนังสือ

ปิยพัทธ์ ปฏิโภคสุทธิ์ 
Experience Designer & Partner, Glow Story
หนังสือ : Predictably Irrational 
ผู้เขียน : Dan Ariely
ผู้แปล : พูนลาภ อุทัยเลิศอรุณ

Predictably Irrational เล่าเรื่องพฤติกรรมของมนุษย์ที่ไม่มีเหตุผลแต่คาดเดาได้ผ่านการทดลองและเคสสนุกๆ แตะกลิ่นอายความรู้ของศาสตร์จิตวิทยาการรู้คิด (Cognitive Psychology) เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม (Behavioral Economics) และการตัดสินใจ (Decision-Making) และเมื่อเราเข้าใจว่าพฤติกรรมที่ไม่มีเหตุผลของมนุษย์มีความเป็นมายังไง เราก็สามารถใช้ความเข้าใจนั้นมาออกแบบพฤติกรรมมนุษย์ที่เราอยากให้เป็นได้

“คนเขียนคือ Dan Ariely เขาไม่ได้มาจากสายเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมโดยตรงแต่สอนด้านธุรกิจ เช่น เรื่อง bias decision-making หรือการตัดสินใจในการจัดการที่ส่วนใหญ่แล้วจะผิดพลาด ไม่ได้ตัดสินใจตามความเป็นจริงหรือ best interest ของภาพรวมแต่ถูก bias ด้วยอะไรบางอย่าง

“เคสที่เขายกตัวอย่างเยอะและสนุกมาก เช่น สมมติเราจะแจกของ ทำยังไงให้ของถูกแจกไวขึ้น หนังสือบอกว่าปกติเวลาแจกของเราจะบอกว่าหยิบไปได้เลย แต่สิ่งที่ทำให้แจกได้ไวขึ้นคือการใส่ราคาถูกๆ เช่น 1 บาท เพราะพอเป็นของฟรีจะมีคนที่รู้สึกเกรงใจที่จะได้ไป แต่ถ้าใส่ราคาที่ต่ำมากๆ เขาจะรู้สึกว่ามันถูกมากๆ เลย คุ้มค่าที่จะจ่ายและได้สิ่งนี้กลับมา มันไปอยู่ในกล่องความคิดอีกกล่อง

“หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มแรกที่เราอ่านเกี่ยวกับศาสตร์แบบนี้เลยทำให้ว้าวมากๆ เรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนแนวคิดเรื่องการออกแบบของตัวเองเลย เราโตมาจากสายงานออกแบบประสบการณ์ ออกแบบละครเวที ออกแบบคอนเสิร์ต และต่อยอดมาสู่สาย UX พอได้เจอสิ่งนี้เหมือนเรายิ่งอินเข้าไปใหญ่ ได้เปิดกะโหลก เอาความรู้มารวมกับสิ่งที่ทำอยู่ คือใช้ bias เทคนิคต่างๆ มาสร้างงานออกแบบ เริ่มต้นจากการคิดว่าอยากให้เขามีพฤติกรรมหรือมายด์เซตแบบไหนแล้วใช้งานออกแบบสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา

“นิยาม ‘งานออกแบบที่ดี’ ของเราจากสมัยก่อนที่หมายถึงงานสวย เท่ สื่อสารได้ ก็เปลี่ยนเป็นงานออกแบบที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมหรือวิธีคิดของคน นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในภาพใหญ่กลายเป็นแก่นของงานแคมเปญที่ Glow Story ทำทุกวันนี้”

หนังสือ

พิมสิริ ทองร่มโพธิ์ 
Marketing Director บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
หนังสือ : ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ
ผู้เขียน : หนุ่มเมืองจันท์  

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ เป็นหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจรวมถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เล่าเรื่องยากให้เราเข้าใจ ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตเรา อย่างแรกเปลี่ยนให้เราได้อ่านหนังสือของหนุ่มเมืองจันท์ผู้ที่เราขอเรียกว่าพ่อตุ้ม เพราะให้แรงบันดาลใจ ให้โอกาส กับชีวิตเราเยอะมาก

“อย่างที่สองเปลี่ยนให้เราได้เริ่มฝึกเขียน และวิธีการเขียนของหนุ่มเมืองจันท์ ที่เขียนเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย คือแรงบันดาลใจของเรา ที่สำคัญมีพลังบวกอยู่ในตัวอักษรเสมอ

“อย่างที่สามเปลี่ยนให้เราได้มีโอกาสเป็นพิธีกรรายการฟาสต์ฟู้ดธุรกิจทางช่อง Workpoint กับหนุ่มเมืองจันท์ และได้มีโอกาสสัมภาษณ์ พูดคุย กับคนมากมาย ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ในชีวิต

“อย่างสุดท้ายเปลี่ยนให้เรามีมุมมองในการใช้ชีวิตและการทำงาน ที่กว้างขึ้น เพราะแต่ก่อนเราอาจรู้สึกว่าเคสเรายากแล้ว หนักแล้ว แต่จริงๆ มีเคสของคนอีกมากมายให้เราเรียนรู้ตลอด 

“สำหรับเรา ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ คือโอกาสที่เราได้เรียนรู้จากเรื่องราวของคนหรือเคสธุรกิจ ผ่านตัวอักษรในเวอร์ชั่นที่อ่านง่าย สไตล์หนุ่มเมืองจันท์ ทุกวันนี้ ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ ก็ทำให้เราต้องเปลี่ยนการจัดชั้นวางหนังสือตลอด เพราะมีฟาสต์ฟู้ดธุรกิจเล่มใหม่มาให้อ่านตลอด”

เฟื่องลดา (สรานี สงวนเรือง)
CEO บริษัท ฟลอริช ดิจิทัล จำกัด
หนังสือ : Leadership and Self-Deception : วิธีพาตัวเองออกจากกล่องใบเล็ก 
ผู้เขียน : The Arbinger Institute
ผู้แปล : ตวงทอง สรประเสริฐ

เราเริ่มอ่านหนังสือเล่มนี้ตอนประมาณช่วงปี 2017 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มทำบริษัท วิธีพาตัวเองออกจากกล่องใบเล็ก เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับการดูแลคน เพราะหลายครั้งมนุษย์ที่ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น มีอำนาจมากขึ้น อยู่กับตัวเองมากไป ก็เลยอาจทำมองคนคนนึงตามตำแหน่ง และก็อาจลืมไปว่าทุกๆ คนก็มีความเป็นมนุษย์เหมือนกัน มีความฝัน มีความหวัง มีความกลัวเหมือนกัน แต่จริงๆ ไม่ว่าตำแหน่งไหนก็มีความเป็นมนุษย์เหมือนกัน”

บุษบา ดาวเรือง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) 
หนังสือ : หนังสือเกมปริศนา

“เราไม่ค่อยได้เรียนรู้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันจากการอ่านหนังสือแต่ชอบเรียนรู้จากสิ่งรอบตัว จากการได้พูดคุยหรือทำงาน learning by doing สมัยวัยรุ่นเรามีโอกาสได้ทำงานกับ ดร.เทียม โชควัฒนา ซึ่งเป็นนายห้างสหพัฒน์ เราก็จดจำคำที่นายห้างสอนผ่านคุณไพบูลย์ (ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม) จนถึงทุกวันนี้ก็ไม่ลืม เช่น 4 คำง่ายๆ ‘เร็ว ช้า หนัก เบา’ ที่ยังใช้ได้ไม่มีที่สิ้นสุด ทุกวันนี้กับทุกปัญหาที่เจอเราจะคิดว่าเราจะจัดการมันด้วยสเตปไหน ควรเร็วหรือควรช้า ควรหนักหรือควรเบา 

“แม้กระทั่งเวลาทำงานคอนเสิร์ต คนดูก็เป็นตำราเรียนเล่มใหญ่ให้เราอ่าน อ่านว่าคนดูงานของเราแล้วรู้สึกยังไง ดูคอนเสิร์ตของเราแล้วรู้สึกยังไง ฟังเพลงของเราแล้วรู้สึกยังไง ฉะนั้นสิ่งที่เราได้เรียนรู้มันมาจากการทำงาน จากเพื่อนร่วมงาน หรือกระทั่งคนที่เป็นลูกน้องเรา

“หนังสือในดวงใจของเราจริงๆ คือปริศนาอักษรไขว้ เกมลับสมอง ซูโดกุ ที่มันอยู่กับตัวเราตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปไหนถ้ามีเวลาว่างเราต้องเล่น ตั้งแต่ตอนเรียนที่ธรรมศาสตร์เขาจะมีหนังสือพิมพ์หลายๆ ฉบับวางไว้ให้นักศึกษาอ่าน เราจะมุ่งไปเอา Bangkok Post แล้วก็เปิดหน้าที่มี crossword ก่อน ถึงขั้นที่เราไปทำงานต่างจังหวัด เล่นจนหมดเล่มแล้วก็ต้องลบให้มันไม่มีรอยดินสอจะได้เล่นใหม่ หนักกว่านั้นเราต้องออกแบบเกมเอง แต่พอออกแบบเสร็จก็เพิ่งรู้ว่าไม่เวิร์กเพราะเรารู้คำตอบอยู่แล้ว เป็นเอามาก (หัวเราะ)

“แต่ก่อนที่บ้านของเราจะเต็มไปด้วยหนังสือแบบนี้วางเป็นตั้งๆ กระทั่งวันหนึ่งมันเริ่มเต็มบ้านลูกก็เลยโหลดแอพพลิเคชั่นเกมลับสมองไว้ให้ในไอแพด เรารู้สึกว่าข้อดีคือมันเป็นที่พักของเราเวลาที่ทำงานมาเหนื่อยๆ ส่วนที่น่าจะมีผลต่อการทำงานคือมันทำให้เราเป็นคนที่สนุกกับการคิดอยู่ตลอดเวลาเพราะงานของเราคือการคิด เกมเหล่านี้มันทำให้เราเอ็นจอยกับการได้คิดนู่นคิดนี่ คิดไม่หยุด ถ้ามันจะเพาะนิสัยสักอย่างขึ้นมาได้เราว่ามันคือการสนุกกับการคิดนี่แหละ”

มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแห่ง Sea (ประเทศไทย)
หนังสือ : Only the Paranoid Survive
ผู้เขียน : Andrew Grove

Only the Paranoid Survive เป็นหนังสือเกี่ยวกับการเห็นความสำคัญของการปรับตัวให้ทันกับจังหวะการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันหรือจุดวิกฤตต่างๆ ที่เรียกว่าจุดหักเห (inflection point)

“หนังสือเล่มนี้ฝึกนิสัยให้เราเป็นคนตื่นตัวและช่างสังเกตกับเรื่องต่างๆ ทำให้เป็นคนสนใจรายละเอียด และคาดการณ์สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมเตรียมตัวให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เสมอ”

ศุภจี สุธรรมพันธุ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ดุสิตธานี 
หนังสือ : Who Moved My Cheese? 
ผู้เขียน : Spencer Johnson

Who Moved My Cheese? ว่าด้วยเรื่องราวของสนิฟฟ์ สเคอร์รี่ หนูสองตัว กับเฮม และฮอว์ กับการตามหาชีส ซึ่งทั้ง 4 เปรียบเสมือนคาแร็กเตอร์ของคน 4 แบบด้วยกัน เป็นหนังสือที่ทำให้เราเข้าใจคาแร็กเตอร์ของคนแต่ละคน และทำให้เราเข้าใจว่ามันไม่มีอะไรที่หยุดนิ่ง เราต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เอามาปรับใช้กับเรื่องการทำงานได้”

สโรจ เลาหศิริ
Head of Marketing Transformation and Marketing Strategy, Bluebik Group
หนังสือ : The 22 Immutable Laws of Marketing : 22 กฎเหล็กที่นักการตลาดปฏิเสธไม่ได้
ผู้เขียน : Al Ries, Jack Trout
ผู้แปล : วิษณุเทพ เทวัญ

“กฎของการตลาด 22 ข้อที่เป็นการตกผลึกมาแล้วของนักการตลาดชั้นครูสมัยก่อน อย่าง Al Ries และ Jack Trout ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎของการเป็นผู้นำ กฎของการรับรู้ กฎของคำเฉพาะตัว กฎของการเผชิญหน้า เป็นต้น ทั้งหมดล้วนเป็นผลึกความคิดการตลาดที่อมตะ และกลับสู่แก่นของการตลาดจริงๆ ที่เป็นฐานที่แข็งแรงในการต่อยอดไปเรื่องอื่นๆ ที่ร่วมสมัยขึ้น

“หนังสือเล่มนี้พิมพ์มาตั้งแต่ปี 1993 และผมได้อ่านครั้งแรกตอนปี 2006 จนถึงปัจจุบันนี้ ทุกอย่างในเล่มนี้ยังใช้ได้อยู่และเป็นครูการตลาดคนแรกที่เชปวิธีคิดของผมให้มีพื้นฐานการตลาดที่แน่นมาจนถึงทุกวันนี้

“ถึงแม้ว่าหลายๆ เคสอาจจะต้องอัพเดตเพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนไปเยอะ แต่แก่นของกฎยังประยุกต์ได้ ถ้าจะซื้อแนะนำให้ซื้อฉบับล่าสุดจะทันยุคที่สุด”

สิทธิศักดิ์ เหลืองอมรเลิศ 
กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจสวนน้ำสวนสนุก บริษัทสยามพาร์คบางกอก จำกัด
หนังสือ : โคตรโกง
ผู้เขียน : หลิวยง 
ผู้แปล : ใบไผ่เขียว

โคตรโกง เป็นหนังสือแนวปรัชญาของจีน เล่าเรื่องและแสดงให้เห็นทั้งด้านบวกและลบจากมุมมองที่หลากหลายของแต่ละบุคคลในแต่ละสถานการณ์ที่เกิดขึ้น”

“ช่วงที่ผมเรียนมหาวิทยาลัยปี 1-2 และทำงานที่สวนสยามไปด้วย ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วทำให้เกิดแนวคิดว่าจะทำอะไรต้องคิดให้รอบด้านทั้งด้านบวกและลบ  และต้องใช้มุมมองของบุคคลที่สามในการเข้ามาพิจารณาด้วย ผมนำมาใช้ทั้งกับตัวเองและทีมงาน ว่าก่อนที่จะสรุปและลงมือทำในเรื่องอะไรจะพยายามคิดในหลายๆ ด้าน และคิดเผื่อในหลายๆ สถานการณ์ และเมื่อทำงานกับทีม เวลาประชุมกัน หลายๆ ครั้งจะพบว่าเรายังคิดกันไม่รอบคอบ หรือ ติดอยู่กับแนวคิดที่เราตั้งธงไว้ บางครั้งผมถามจี้ไปในประเด็นที่พวกเขาหลงลืมหรือคิดไม่ถึง บางคนก็ไม่เข้าใจคิดว่าผมไม่ซื้อไอเดียเขา แต่จริงๆ แล้วผมต้องการให้เกิดความคิดที่รอบคอบมากขึ้น ผมนำสิ่งนี้มาย้ำเตือนตัวเองตลอดเวลาจนทุกวันนี้ โดยนำประสบการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นมาช่วยกลั่นกรองด้วยอีกชั้นหนึ่ง”

สุนาถ ธนสารอักษร
CEO, Rabbit’s Tale
หนังสือ : คนพลิกแบรนด์ แบรนด์พลิกคน 
ผู้เขียน : ธนา เธียรอัจฉริยะ 

“เรื่องของ พี่โจ้–ธนา เธียรอัจฉริยะ ได้เล่าบทเรียนการสร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ กับการปั้นแบรนด์ Happy ให้เกิดขึ้นและกลายเป็นแบรนด์โทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินที่แข่งขันกับคนที่ตัวใหญ่กว่าได้อย่างฉลาด มีพลัง และมีหัวใจ

“สองสิ่งที่ได้จากหนังสือเล่มนี้คือ หนึ่ง–องค์กรเปลี่ยนแปลงได้ด้วยผู้นำ จากการเข้ามาของ ซิกเว่ เบรคเก้ และ วิชัย เบญจรงคกุล ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายใน dtac และพลิกฟื้นธุรกิจให้มีชีวิตอย่างมีกลยุทธ์ พร้อมเสริมกำลังใจในการต่อสู้ให้กับทีมงานทุกคนด้วยความเป็นมนุษย์

“สอง–การเป็นมวยรองก็สามารถเขย่าสังเวียนได้ ถ้ามีใจสู้และใช้ความคิดสร้างสรรค์ ในเวลานั้นบริษัทผมก็เป็นมวยรองเช่นกัน ทรัพยากรมีน้อยกว่าทุกด้าน แต่ถ้าเราสู้อย่างฉลาดและมีสปิริต ก็จะสามารถชกกับรุ่นใหญ่ได้ และหลายครั้งก็ชนะได้เสียด้วย ทุกครั้งที่ท้อถอย ผมจะกลับมาอ่านหนังสือเล่มนี้และได้รับพลังงานดีๆ ให้สู้ต่อได้เสมอ”

สุวภา เจริญยิ่ง
อุปนายกสมาคมนักวางแผนทางการเงินไทย
หนังสือ : เจ้าชายน้อย
ผู้เขียน : Antoine de Saint-Exupéry
ผู้แปล : อำพรรณ โอตระกูล

“หนังสือเล่มนี้มีวลีหนึ่งที่สั่นสะเทือนคือ ‘เราจะมองเห็นแจ่มชัดด้วยหัวใจเท่านั้น สิ่งสำคัญนั้นไม่อาจเห็นได้ด้วยดวงตา’ เป็นหนังสือที่อ่านในแต่ละช่วงชีวิตมันเหมือนเราได้เรียนรู้คนละเรื่อง เราอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่สิบขวบ ตอนเด็กๆ อ่านก็เหมือนเป็นหนังสือมีรูปวาดน่ารักอยู่ในหนังสือ จำได้อย่างเดียวคือ รูปหมวกที่เป็นรูปงูเหลือมกินช้าง

เจ้าชายน้อย เป็นเรื่องราวของนักบินคนนึงซึ่งเครื่องบินไปตกในทะเลทราย ระหว่างแก้เครื่องบินก็ไปเจอเด็กผู้ชายคนนึงคือเจ้าชายน้อย เมื่อเติบโตขึ้นทุกเรื่องที่เราพบในชีวิตจริงมันถูกแฝงอยู่ในเรื่องที่เจ้าชายน้อยเดินทางไปตามดวงดาวต่างๆ

“นอกจากรูปจะสวยแล้ว มีสิ่งหนึ่งที่เราค้นพบคือ เรื่องนี้มันไร้กาลเวลา ไม่มีล้าสมัย และเป็นเรื่องที่กลับมาอ่านแต่ละช่วงอายุก็จับประเด็นที่แตกต่างอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นเรื่องความสัมพันธ์ของคนสองคน ที่ทั้งต่างวัย ต่างกันทุกๆ อย่าง แต่กลับมีความรักและผูกพันผ่านการเล่าเรื่อง เป็นเรื่องที่ซาบซึ้งมาก 

“เราอ่านแล้วสะท้อนทุกเรื่องกับตัวเอง อย่างคนบางคนที่ทำแต่งานไม่ดูแลตัวเองเลย คนที่มุ่งแต่จุดไฟตลอดเวลาโดยไม่เคยถามว่าสิ่งที่เขาทำคนอื่นต้องการไหม เรื่องที่บอกว่า สิ่งสำคัญนั้นไม่อาจเห็นได้ด้วยดวงตา เรื่องมิตรภาพ เรื่องของความที่เราไม่ด่วนไปตัดสินคนอื่น ในเมื่อเราไม่ชอบให้คนตัดสินเรา เราก็ไม่ควรตัดสินคนอื่น แล้วก็มองสิ่งรอบตัวอย่างเข้าใจ

“เรื่องนึงที่ลึกซึ้งมากกับโลกและชีวิต คือบางทีมันไม่มีผิดไม่มีถูกนะ มันเป็นเรื่องของช่วงเวลาและเหตุผลของแต่ละคน ถ้าเรามองเรื่องนี้แบบเข้าใจเราก็จะเรียนรู้ที่จะเข้าใจคนอื่นได้ดียิ่งขึ้น”

อัจฉรา บุรารักษ์
ผู้ก่อตั้งบริษัท ไอเบอร์รี่ โฮมเมด จำกัด
หนังสือ : ความจริงไม่ได้มีหนึ่งเดียว
ผู้เขียน : นิ้วกลม

“หนังสือเล่มนี้ช่วยเปิดมุมมองให้เราเห็นหลายๆ perspective​ ทำให้เกิดความเข้าใจ​โลกในมุมที่หลากหลาย​ ไม่ด่วนตัดสิน​อะไรจากมุมมอง​เดิมๆ ที่เคยชิน มี empathy ต่อกันมากขึ้น

“การมองชีวิตได้หลากหลายมุมช่วยเรื่องความคิดสร้างสรรค์ การเห็นอกเห็นใจ และทำให้เข้าใจผู้อื่นมากขึ้น สื่อสารกับผู้คนได้ดีขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ช่วยเรื่องการทำงานของปลาได้ เรื่องธรรมดาๆ แต่เรากลับเห็นอะไรที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม”

อัจฉรา พัฒนาไพศาล
General manager, Shoes Republic  
หนังสือ : 生き方 (Ikikata) 
ผู้เขียน :  ​​อินาโมริ คาซุโอะ (Inamori kazuo)

“ถ้าใครติดตามการบริหารสไตล์ญี่ปุ่นมาบ้าง คงเคยได้ยินชื่อเสียงของท่าน Inamori kazuo หลายคนตั้งสมญาว่าท่านเป็น ‘เทพแห่งการบริหารที่ยังมีชีวิตอยู่’ ท่านคือผู้ก่อตั้งบริษัท Kyocera, KDDI และผู้พลิกฟื้นชีวิตให้กับสายการบิน JAL ในเวลาอันสั้น ปัจจุบันท่านอายุ 90 ปี ภายใต้แนวคิดหลักในการบริหารของท่านที่เล่าผ่านหนังสือ ทุกเล่มควรค่าแก่การอ่านมาก แต่ละเล่มจะลงรายละเอียดในแต่ละเรื่องต่างกันไป ที่อยากพูดถึงนั้นมี 2 เล่มค่ะ”

“เล่มแรกมีชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า 生き方 (Ikikata) หมายถึง วิถีแห่งการดำรงชีวิต เป็นหนังสือเล่มเริ่มต้นที่จะพาไปทำความเข้าใจกับแนวคิดของท่าน ชื่ออังกฤษก็คือ A Compass to Fulfillment ซึ่งก็เป็นเหมือนเข็มทิศสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิตจริงๆ (ชื่อไทยคือ ‘ช้าให้ชนะ’ โดยสำนักพิมพ์วีเลิร์น) ส่วนอีกเล่มชื่อ 燃える闘魂 (Moeru Toukon) แปลตรงๆ ว่า วิญญาณนักสู้ที่ลุกโชน ชื่อไทยโดยสำนักพิมพ์สุขภาพใจชื่อว่า ‘ถอยก็ตาย วิกฤติยังไงก็ต้องสู้’ จริงๆ เล่มนี้ออกมาตั้งแต่ 2013 แต่คิดว่าก็ยังเหมาะกับสถานการณ์ยากลำบากในช่วงนี้ที่ผู้ประกอบการทุกคนต้องเจอ”

“อ่านชื่อหนังสือแล้วอาจจะนึกไปถึงการบริหารแบบเอาตัวรอดในยามวิกฤต แต่จริงๆ ทั้งสองเล่มนี้ เนื้อหาเกี่ยวเนื่องและคลาสสิกกว่านั้นมาก  และไม่ว่าจะเป็นช่วงวิกฤตหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่น่าจะประทับไว้ในใจ เพราะจุดใหญ่ใจความไม่ใช่แค่เรื่องการเอาตัวรอดสั้นๆ แต่อยู่ที่การบริหารอย่างไรที่ทำให้มันยั่งยืนยาวๆ มากกว่า นอกจากจะพูดถึงวิญญาณนักสู้แล้ว จิตวิญญาณแบบญี่ปุ่นก็มาเต็ม 

“นอกจากนี้เราประทับใจหลักการบริหารที่เหมือนจะซับซ้อน แต่ท่านกลับนำทางอย่างลึกซึ้งทว่าเรียบง่าย โดยเฉพาะปรัชญาการทำงานที่ท่านเน้นย้ำหลายรอบมากๆ ว่าเกณฑ์การตัดสินใจในการบริหารใดๆ ให้กลับมาตอบคำถามที่ว่า 人間として、正しく生きること ได้เลือกทำสิ่งที่ถูกต้องในฐานะมนุษย์แล้วหรือยัง?”

“ในบางทีที่เราสับสนว่าจะตัดสินใจแบบไหนดี หรือความอยากได้อยากมีเอ่อล้น ในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว และโหยหาความสำเร็จแบบชั่วพริบตา หนังสือของท่าน​​อินาโมริ คือตัวช่วยที่มากระตุกเตือนให้เราระลึกเสมอว่าความสำเร็จมีได้หลากหลายวิธี และมีหลากหลายนิยาม โดยเฉพาะความสำเร็จที่อาจจะไม่รวดเร็ว แต่ยั่งยืนและมีประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วย

“นอกจากจะใช้เป็นแนวทางการบริหารแล้วทั้ง 2 เล่มนี้ ยังหยิบมาอ่านเวลาเหนื่อย หมดไฟ ไฟตก เพราะอ่านแล้วไฟจะลุกโชนอีกเหมือนชื่อหนังสือเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบการทุกๆ ท่าน ถ้ามีเวลาลองหยิบมาอ่านดู คิดว่าน่าจะได้อะไร ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งค่ะ”

Tagged:

Illustrator

บรรณาธิการศิลปกรรม Email: [email protected]

You Might Also Like