การบริหารความเสี่ยงของ ‘ไปรษณีย์ไทย’ ในวันที่มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาท้าทายตลอดเวลา

เวลาคนเราจะตัดสินใจเลือกใช้บริการขนส่งพัสดุสักหนึ่งชิ้น เราตัดสินใจด้วยเหตุผลอะไร

ความรวดเร็ว สิ่งของไม่พังเสียหาย ราคาถูก สะดวกสบายคำตอบเหล่านี้น่าจะเป็นเหตุผลแรกๆ ที่ใครๆ ก็นึกถึง

เมื่อมองไปในตลาดขนส่งและโลจิสติกส์มูลค่าแสนล้าน เราเห็นผู้ให้บริการหน้าเก่าหน้าใหม่มากมายที่ต่างแข่งขันกัน เล่นเกมราคา และแก้สารพัด pain point เพื่อสร้างความประทับใจดึงดูดให้ผู้คนมาใช้บริการ 

แต่ดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่ง่าย

ไปรษณีย์ไทย องค์กรอายุ 140 ปี ที่ให้บริการส่งพัสดุคู่ประเทศไทยมาอย่างยาวนาน มีบุคลากรทั้งองค์กรรวมกว่า 40,000 คน ปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงยังไงให้สามารถอยู่ในตลาดการแข่งขันที่ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นตลาดเรดโอเชียน หรือหากเจ็บตัวในเรื่องการทำธุรกิจที่ต้องขาดทุน ก็เอาตัวรอดมาได้

เราจึงชวนคนที่ให้คำตอบได้ดีที่สุด หัวเรือใหญ่อย่าง ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มาเปิดมุมมองทำความเข้าใจ พร้อมเรียนรู้กลยุทธ์การบริหารจัดการความเสี่ยงไปพร้อมๆ กัน

ตอนนี้อะไรคือความท้าทายในตลาดธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ที่หลายคนบอกว่าเป็น ‘ตลาดเรดโอเชียน’ 

ถ้ามองถึงอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ 2-3 ปีที่ผ่านมา มีเรื่องของโควิด-19 เกิดขึ้น ปริมาณการส่งพัสดุมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมาก พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เกิดขึ้นมหาศาล การช้อปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้นมาก แต่สิ่งที่ตามมาคือการติดเชื้อ คนที่ทำงานในอุตสาหกรรมขนส่งโลจิสติกส์ก็มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อเช่นกัน ความท้าทายคือจะทำยังไงให้การบริการเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง

หลังจากที่โควิด-19 เริ่มซาลง สิ่งที่เราเห็นคือกำลังซื้อของผู้คนเริ่มตก คนออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น จับจ่ายใช้สอยแบบออฟไลน์มากขึ้น ส่วนการจับจ่ายผ่านออนไลน์ไม่ได้เพิ่มเท่าไหร่ จะเห็นได้ว่าปริมาณการส่งของไม่ได้เติบโตขึ้นอย่างแต่ก่อน ต้องบอกว่าช่วงที่เติบโต e-Commerce บูมมากๆ มันมีทั้งความเสี่ยงและโอกาส เพราะพออุตสาหกรรมโตมากๆ ก็มีผู้ให้บริการเจ้าใหม่เข้ามาให้บริการมากขึ้นตาม ทำให้ปริมาณขนส่งพัสดุของผู้ให้บริการแต่ละรายไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ละรายที่มีอยู่ในตลาดก็แชร์ตัวเลขปริมาณขนส่งกันไป

เพราะพัสดุสิ่งของที่อยู่ในระบบขนส่งนั้น ต้องเข้าใจว่าเราไม่ได้ทำขึ้นเอง เพราะฉะนั้นวันนี้ลูกค้าอาจจะมาใช้บริการเจ้านึง พรุ่งนี้ก็อาจจะเปลี่ยนใจไปใช้อีกเจ้าก็ได้

อีกเรื่องคือการแข่งขันในตลาด ต้องเข้าใจว่าตลาดขนส่งพัสดุและโลจิสติกส์ไม่ได้มี regulator กำกับดูแลที่ชัดเจน เพราะฉะนั้นความยากคือ เราไม่สามารถควบคุมจำนวนผู้เข้าแข่งขันได้ ผู้เข้าแข่งขันต่างชาติอาจมีความสนใจและเข้ามาเป็นผู้เล่นรายใหม่ในอุตสาหกรรมอีกเรื่อยๆ อันนี้อาจคาดเดายาก แต่ domestic consumption หรือกำลังซื้อของคนไทยมีแค่กว่า 60 ล้านคน ตราบใดที่มีผู้เล่นมากเกินไปก็ทำให้ผู้เล่นในตลาดที่มีอยู่เดิมต้องแชร์สัดส่วนปริมาณการขนส่งชิ้นงาน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ 

แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ ทุกครั้งที่มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาแบบยังไม่มีใครรู้จัก เมื่อไม่มีใครรู้จัก ถามว่าเขาจะทำยังไงให้ผู้คนรู้จัก คำตอบคือ ‘สงครามราคา’ มาในราคาที่แตกต่าง เพราะเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุด พอมาด้วยราคาที่แตกต่าง สงครามราคาจึงเกิดขึ้น ผู้เล่นรายเดิมก็ต้องปรับราคาลง เพื่อที่จะดึงฐานลูกค้า ครองส่วนแบ่งในตลาดเอาไว้ให้ได้

สำหรับตัวไปรษณีย์ไทยเองอะไรคือความเสี่ยงและความท้าทาย

แม้ไปรษณีย์ยังถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดนี้อยู่ มีเครือข่ายไปรษณีย์กว่า 10,000 แห่งที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศไทย รวมถึงศักยภาพเครือข่ายบุรุษไปรษณีย์กว่า 20,000 คน มีจำนวนชิ้นงานปริมาณการขนส่งคิดเป็นราวๆ 50 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเสี่ยงขององค์กรคือเรื่องของภาพลักษณ์ 

ต้องยอมรับว่าไปรษณีย์ไทยเป็นองค์กรเก่าแก่ เพราะปีนี้เป็นปีที่ 140 ที่ได้ให้บริการมา พอเป็นองค์กรที่เก่าแก่ ก็อาจจะมีภาพลักษณ์ที่ไม่ได้ดูทันสมัยมาก เพราะเป็นบริษัทโลจิสติกส์ ขนส่งพัสดุมาตั้งแต่แรกเริ่ม แล้วพัฒนานำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ 

ขณะที่บริษัทขนส่งพัสดุรายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตอนนี้คือบริษัทที่เป็น tech company แล้วมาทำโลจิสติกส์ ไม่ว่าจะเป็นช้อปปี้หรือลาซาด้า เพราะฉะนั้นมันมาคนละทางเรามาตั้งแต่เทคโนโลยียังไม่มี 

ภาพของไปรษณีย์ไทยในมุมมองของผู้คนมันอาจจะไม่ได้ใหม่มาก และไม่ได้ทันสมัย เราเริ่มต้นมาจากการส่งจดหมาย ซึ่งแต่ก่อนไม่ได้มีการขนส่งพัสดุมากมายขนาดนี้ จดหมายอย่างแรกเลยคือราคาถูก และไม่ได้ส่งด่วน แต่พอในวันที่ไปรษณีย์ไทยมีบริการส่งด่วนหรือ EMS ภาพจำของผู้คนอาจจะมองว่า การส่ง EMS ไม่ได้ด่วนมาก ภาพการส่งด่วนของไปรษณีย์เลยถูกมองว่าไม่ได้เร็วเท่ากับผู้เล่นที่เข้ามาในธุรกิจ และมีบริการส่งด่วนอย่างเดียว

รวมถึงเมื่อการส่งจดหมายมีราคาถูก พอมีส่งด่วนขึ้นมาปุ๊บเลยกลายเป็นบริการที่ดูมีราคาแพง ซึ่งจะทำยังไงให้คนลบภาพตรงนี้ออกไปให้ได้

เมื่อกี้คุณพูดถึงเรื่องสงครามราคา ไปรษณีย์ไทยเล่นสงครามราคาด้วยไหม

สงครามราคาไม่ดีกับใครเลย มันเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่มีการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง ผู้ให้บริการทุกรายบาดเจ็บกันหมด ผมมองว่ามันไม่ได้เป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ทำให้เคยชินกับกลไกราคาที่ผิดๆ 

ไปรษณีย์ไทยเองเน้นในเรื่องคุณภาพของการขนส่ง การสร้างประสบการณ์ที่ดี มีบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด คือสิ่งที่ไปรษณีย์ไทยให้ความสำคัญมากที่สุด สร้างคุณค่าที่คุ้มค่าให้กับผู้บริโภค

นั่นคือเงินที่ผู้บริโภคจ่ายต้องแมตช์กับการบริการที่คุ้มค่า เพราะฉะนั้นเราต้องมองว่าเราทำอะไรให้กับผู้บริโภคและลูกค้าได้บ้าง 

ยกตัวอย่างให้ฟังหน่อยได้ไหม

อย่างพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่เติบโตต่อเนื่อง ในวันที่ไลฟ์ขายของพวกเขามีหลายอย่างที่ต้องทำมาก เราในฐานะผู้ให้บริการขนส่งจะทำอย่างไรให้เขาเหล่านั้นมีเวลาเยอะขึ้นในการคุยกับลูกค้า มีเวลาเยอะขึ้นในการไปไลฟ์ขายของ สิ่งที่ไปรษณีย์ทำเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าคือการเพิ่มบริการคลังสินค้า Fulfillment รองรับตั้งแต่การจัดเก็บสินค้า จัดการคำสั่งซื้อ แพ็กสินค้าและจัดส่งสินค้าอย่างครบวงจร

แล้วจุดเด่นที่สำคัญของไปรษณีย์ไทยคืออะไร

ไปรษณีย์ไทยมี trust กับสังคมไทย ไปรษณีย์ไทยรู้จักทุกที่ ไปไหนก็ไปถูกไม่ต้องโทรถามทาง อันนี้คือจุดแข็งของไปรษณีย์ แต่หากลองกลับมาถามว่า ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์นั้นจุดแข็งที่ไปรษณีย์มีไม่ใช่จุดขายที่ผู้บริโภคจะนึกเวลาจะไปใช้บริการ เพราะเวลาเราจะใช้บริการส่วนใหญ่จะนึกถึงความสะดวก หันซ้ายหันขวาแล้วเจอพอดี ดูเรื่องของราคาเป็นยังไง และของที่ส่งไม่เสียหายและถึงเร็ว อันนี้คือ perception ไม่มีใครคิดหรอกว่ามาส่งกับเจ้านี้เพราะ อ่อ คนส่งรู้จักทุกบ้าน

พอจุดแข็งที่มีไม่ใช่จุดขาย แล้วไปรษณีย์ไทยทำยังไง

เราก็ต้องทำจุดแข็งให้เป็นจุดขาย ตั้งแต่วันนี้ไป ไปรษณีย์ไทยจะเป็น the network of sustainable growth เราใช้ความสัมพันธ์ ความน่าเชื่อถือทำอีกหลายงาน หลายเซอร์วิสที่ทำให้ไปรษณีย์สามารถให้บริการกับผู้บริโภคได้ดีขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่

คืออยากเป็น top-of-mind ของคนรุ่นใหม่

ตอนนี้เรายังไม่ใช่ ชาเลนจ์คือไปรษณีย์ไทยเกิดขึ้นมานาน ณ วันนี้คนรุ่นใหม่บางคนไม่รู้หรอกว่าแสตมป์คืออะไร เพราะเขาไม่ต้องใช้ คนรุ่นใหม่จะมองหาอะไรที่ใหม่ๆ แบรนด์ต่างชาติเข้ามาก็อยากลองใช้ เพราะมีภาพที่คิดว่าน่าจะบริการดี ถามว่าจะทำยังไงให้องค์กรอายุ 140 ปีเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ เพราะฉะนั้นเราก็เลยต้องเข้าใจและรู้ว่าอะไรเกี่ยวข้องกับคนรุ่นใหม่บ้าง อย่างเทรนด์สินทรัพย์ดิจิทัล ไปรษณีย์ไทยเห็นโอกาสในการต่อยอดสินค้าดั้งเดิม คือ ตราไปรษณียากรหรือแสตมป์ ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ด้วยการทำ NFT แสตมป์ 

เราพยายามทำให้คนรุ่นใหม่เข้าถึง และเข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น เพิ่มความสะดวกในการให้บริการ ด้วยการให้บริการส่งพัสดุ 365 วัน ทุกวันนี้เราก็ให้บริการที่ไม่ต่างจากเอกชนเลย

กลยุทธ์ในการบริหารธุรกิจของไปรษณีย์ไทยมีอะไรบ้าง

เราเชื่อในการนำส่งคุณค่า ด้วยราคาที่คุ้มค่า หมายความว่าเราทำอะไรที่มีความคุ้มค่าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กับผู้บริโภค เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเราต้องตามไปตลอด ต้องรู้ว่าคุณค่าอะไรที่เขามองเห็น อะไรคือสิ่งที่เขาต้องการ นี่คือหลักการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมด 

ไปรษณีย์เราส่งของหลากหลายไม่ว่าจะเป็นส่งของใหญ่ ส่งของยาก เราส่งหมด ไปรษณีย์ไทยมีความเชื่อว่าจริงๆ แล้ว บริษัทโลจิสติกส์ที่มีสมรรถนะที่สูงต้องมีการปรับระบบโลจิสติกส์ให้เหมาะสมกับพัสดุนั้นๆ parcel defind logistic ไปรษณีย์ไทยมีการศึกษาในเรื่องนี้ ของที่ส่งกับไปรษณีย์ไทยเลยมีการแตกหักชำรุดที่น้อยมากๆ

แล้วอะไรคือแผนบริหารความเสี่ยงของไปรษณีย์ไทยในการรับมือการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ไปรษณีย์ไทยไม่ได้หยุดแค่ขนส่งและโลจิสติกส์ เรามองว่าขนส่งและโลจิสติกส์เป็นหนึ่งใน value chain การใช้เน็ตเวิร์กของเรา เพราะฉะนั้นการที่เราจะเป็น  the network of sustainable growth หมายความว่ามันจะมีอีกหลายสิ่งอย่างที่เน็ตเวิร์กนี้สามารถทำได้ ด้วยความที่อยู่มานาน รู้จักทุกอย่างดี เรามีดาต้ามหาศาลในการต่อยอดธุรกิจอื่นๆ

เน็ตเวิร์กของเรามีจุดแข็งอยู่ 2-3 อย่าง เราเป็นเน็ตเวิร์กที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย เราเป็นเน็ตเวิร์กที่มีความสม่ำเสมอในการเจอกับคนไทย เราเป็นเน็ตเวิร์กที่เข้าใจคนไทยอย่างลึกซึ้งนั่นคือดาต้าที่เรารู้ เพราะฉะนั้นสองสามอย่างนี้ทำให้เราพร้อมที่จะเปิดให้กับพาร์ตเนอร์หรือใครที่เข้ามามีส่วนร่วมกับเน็ตเวิร์กนี้ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจของเขา เพื่อเป็นช่องทางในการนำส่งผลิตภัณฑ์และบริการไปสู่ผู้บริโภค และเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน

แล้วปีที่ผ่านมาจนถึงปี 2566 นี้ ไปรษณีย์ปรับ และมีอะไรมาเติมเต็มใหม่บ้าง

เรื่องคุณภาพเราทำมาอย่างต่อเนื่อง เราเห็นเทรนด์ในเรื่องของดิจิทัลมากขึ้น จากการส่งเอกสารในรูปแบบกระดาษแบบเดิมๆ ไปรษณีย์ไทยเองมีการออกบริการใหม่ นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเสริมการให้บริการด้านการขนส่งเอกสารสำคัญต่างๆ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือ e-Document  การทำธุรกรรมออนไลน์ต่างๆ ผ่านระบบของไปรษณีย์ไทย เป็นตัวกลางในการรับ-ส่งเอกสารสำคัญผ่าน Digital Mailbox การแจ้งหนี้และรับชำระเงิน e-Payment 

หลายคนถามว่า Digital Mailbox ต่างกับ E-mail อย่างไร Digital Mailbox ของระบบไปรษณีย์ผู้ใช้ทุกคนที่มาต่อเชื่อมใช้บริการไม่ว่าจะจะเป็นองค์กรหรือหน่วยงาน จะผ่านการ register เข้ามาหมด เพราะฉะนั้น source ที่ส่งไปก็จะไม่มี spam ไม่มี junk mail

ยังมีการรับรองการลงลายมือชื่อแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถยืนยันความเป็นตัวตนได้หรือจะเป็นการประทับรับรองเวลาอิเล็กทรอนิกส์ให้เอกสารสำคัญการันตีตัวจริง ผ่านระบบ  e-Timestamp ที่ได้มาตรฐานและมีผลทางกฎหมาย 

มีการเปิดตัวบริการบางอย่างออกไปแล้ว และกำลังจะเปิดตัวบริการใหม่ให้ได้ใช้เร็วๆ นี้อย่าง Digital Post ID ที่เป็นการปรับเปลี่ยนการระบุข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ให้เป็นที่อยู่ดิจิทัล QR Code โดยใช้รหัสไปรษณีย์ 5 หลัก มาแปลงเป็นพิกัดที่ตั้งบนพื้นผิวโลกในประเทศไทย มีหลักการทำงานเดียวกันกับระบบ GPS ซึ่งจะทำให้ระบุที่อยู่ได้แม่นยำกว่าเดิม เจนเนอเรทออกมาเป็น QR Code ได้เลย

เมื่อไม่ต้องจ่าหน้าเป็นตัวหนังสือ ก็จะทำให้ช่วยปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลได้ ป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้การขนส่งมีประสิทธิภาพ แม่นยำมากขึ้น

และจะมีบริการที่ตอบโจทย์พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์มากขึ้น ไปรษณีย์ไทยมองตัวเองคือ Channel ที่จะทำให้ร้านค้าขยายตลาดได้ดีขึ้นด้วยดาต้าที่เรามี 

นอกจากแผนการบริหารธุรกิจแล้ว เราบริหารบุคคลากรจำนวนมากในองค์กรอย่างไร

ไปรษณีย์ไทยเป็นรัฐวิสาหกิจ ข้อดีคือการ trun over ของบุคคลากรไม่เยอะ ทุกคนรู้จักพื้นที่ คนที่เข้ามาทำงานมองเรื่องของความมั่นคง อาจจะทำให้เด็กรุ่นใหม่ตอนนี้ไม่ได้สนใจกับงานที่มองว่าไม่ค่อยมีอะไรตื่นเต้นมาก เลยทำให้การดึงดูดคนรุ่นใหม่เลยมีความชาเลนจ์นิดหน่อย

การขับเคลื่อนองค์กรไซส์ขนาดนี้ไม่ได้ง่าย และด้วยความที่เราเข้ามาใหม่ มาอยู่เป็นเฮดสูงสุดในการบริหารบุคคลากรกว่า 40,000 คน  แน่นอนว่าคนในองค์กรยังไม่ได้รู้จักเรามาก สิ่งที่เราต้องทำคือการมีเป้าหมาย นโยบายที่ชัดเจน สื่อสารกับบุคคลากรให้ตรงกัน เราสื่อสารด้วยความจริงใจ ทำอย่างนี้ด้วยเหตุผลนี้ ทำแบบนั้น ด้วยเหตุผลนั้น

คนเรามีหลากหลายเป็นเรื่องปกติ แต่ในแง่ของความชัดเจน และตรงไปตรงมาเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะถ้าองค์กรไม่ให้ความเชื่อใจกับพนักงานการทำงานก็คงจะเป็นไปได้ยาก เราลงไปดูหน้างาน ดูปัญหาและแก้ไขให้ เป็นสิ่งที่เราทำอย่างต่อเนื่อง 

หนึ่งในนโยบายที่ไปรษณีย์ใช้กับการบริการลูกค้าคือมาตรการ Zero Complain ไม่ได้หมายความว่าลูกค้าทุกคนจะต้องแฮปปี้กับเรา แต่เวลาลูกค้ามีปัญหาอะไร เราจะต้องแก้ไขให้เร็ว แล้วการคอมเพลนจะไม่มี และไม่ใช่ใช้เฉพาะกับลูกค้า แต่มาตรการ  Zero Complain ยังใช้ภายในองค์กรด้วย ทุกคนต้องตื่นตัว ไม่มีการโทษใครทั้งสิ้น แต่เราต้องรู้ปัญหาและแก้ไขปัญหาให้หมดไป เราไม่เคยกลัวปัญหา แต่เรากลัวมากที่สุดคือปัญหาซ้ำซากที่ไม่ได้แก้ไข

นอกเหนือจากนี้ไปรณีย์ไทยมีการปรับทีมตามความสามารถที่ถนัด ในแต่ละหน่วยงานเราเน้นการกระจายอำนาจที่ให้แต่ละหน่วยงานกล้าที่จะตัดสินใจเองด้วย

กำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 ในการขึ้นมาเป็นหัวเรือใหญ่ของไปรษณีย์ไทย ยังมีความท้าทายเหมือนเดิมไหม

ผมว่ามันท้าทายขึ้นเรื่อยๆ เพราะทุกวันนี้ในอุตสาหกรรมไม่มี  Boundery  มีแต่คำว่า  Customer Centric  ที่จะเห็นการก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ๆ การสปินออฟธุรกิจใหม่ของไปรษณีย์ไทยมากขึ้น

Modernform เฟอร์นิเจอร์แบรนด์ไทยที่เติมเต็มความสุขในทุกช่วงเวลาของชีวิต 

หากพูดถึงเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ไทยที่คุณภาพเทียบเท่าระดับสากลคุณจะนึกถึงแบรนด์ไหน

แน่นอนว่า Modernform แบรนด์ที่ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์มากว่า 40 ปีต้องเป็นหนึ่งในชื่อที่หลายคนนึกถึง 

เบื้องหลังการเป็นผู้นำด้านเฟอร์นิเจอร์คือความตั้งใจในการสร้างสรรค์สินค้ามีดีไซน์และนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์ ฟังก์ชั่น และความยั่งยืน เป็นจุดแข็งของแบรนด์ไทยที่รู้จริงเรื่องอินไซต์ของลูกค้า เพื่อสร้างความแตกต่างในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น ควบคู่ไปกับบริการออกแบบบิลต์อินที่ปรับแต่งได้ตามไลฟ์สไตล์เฉพาะแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้โมเดอร์นฟอร์มโดดเด่นและครองใจลูกค้ามากมายในประเทศไทย

ก้าวสำคัญของแบรนด์หลังจากมีการรีแบรนด์ดิ้งในปี 2020 คือโมเดอร์นฟอร์มมุ่งเน้นธุรกิจรีเทลมากขึ้น เพราะอยากให้แบรนด์ใกล้ชิดกับลูกค้า สังเกตได้จากการปักหมุดเปิดสาขาใหม่ใจกลางเมือง

วิธีคิดของแบรนด์ไม่ได้มองเฟอร์นิเจอร์เป็นแค่ของตกแต่งบ้าน แต่มองเป็นการออกแบบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของลูกค้า ให้ตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชั่นและความสวยงาม ด้วยการออกคอลเลกชั่นใหม่ที่เข้าใจเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน 

วันนี้เราขอพามาพูดคุยเบื้องหลังของโชว์รูมทั้ง 5 สาขาและวิธีคิดการทำรีเทลกับ มนัสวี อุดมมงคล ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายการตลาดและการขายปลีกของโมเดอร์นฟอร์ม ที่โมเดอร์นฟอร์ม ศรีนครินทร์ สาขาที่ใหญ่และมีสินค้าครบถ้วนที่สุด

Be Meticulous For Functionality

โมเดอร์นฟอร์มเป็นทั้งผู้ผลิตและจำหน่าย
เฟอร์นิเจอร์ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

เพราะโมเดอร์นฟอร์มไม่ได้เป็นแค่ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ แต่ทำครบทุกอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ทำให้เข้าใจและออกแบบพัฒนาสินค้าต่างๆได้ตรงกับความต้องการของลูกค้า โมเดอร์นฟอร์มให้ความสำคัญตั้งแต่การรีเสิร์ชความต้องการของลูกค้า เทรนด์การอยู่อาศัย ไลฟ์สไตล์ต่างๆที่ปรับไปตามยุคสมัย ไปจนถึงการหาวัสดุต่างๆที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ขั้นตอนการดีไซน์ต่างๆไม่ใช่เรื่องง่ายๆอีกต่อไป

กว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์สักชิ้น หลังจากที่ผลิตเสร็จ โมเดอร์นฟอร์มนำสินค้าเข้าสู่กระบวนการ Modernform Testing Lab เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้สินค้าที่มีคุณภาพดีไปไว้ที่บ้านอย่างแน่นอน และด้วยความแตกต่างตรงนี้ เลยทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในสินค้า และเป็นการการันตีคุณภาพของแบรนด์ไปในตัว

การเดินทางของโมเดอร์นฟอร์มมาจนถึงวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องปรับตัวเร็วตามไม่แพ้กัน สิ่งหนึ่งที่แบรนด์ตั้งใจมอบให้กับลูกค้า นั่นก็คือ เมื่อลูกค้าเดินเข้ามาหา ต้องไม่ทำให้ลูกค้าผิดหวัง และต้องนำเสนอสินค้าและบริการที่ช่วยทำให้ชีวิตลูกค้าดีขึ้น มุ่งมั่นเติมเต็มความสุขในการใช้ชีวิตของลูกค้า ทั้งการใช้ชีวิตในบ้าน หรือในออฟฟิศ เพื่อแสดงจุดยืนว่าแบรนด์เป็น Lifestyle Solution ที่ตอบโจทย์ทั้ง Working & Living ให้กับลูกค้าได้จริงๆ เพราะในโลกทุกวันนี้ เรื่องของการทำงานและการอยู่อาศัย เป็นเรื่องที่แยกออกจากกันไม่ได้ มันเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตที่เป็นเทรนด์ของทุกวันนี้ไปแล้ว

ด้วยความมุ่งมั่นและประสบการณ์ของโมเดอร์นฟอร์มตลอดการเดินทาง ทำให้วันนี้…โมเดอร์นฟอร์มสามารถให้บริการลูกค้าได้แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งภายใน การเลือกของตกแต่ง การเลือกใช้สินค้า หรือการออกแบบสินค้าบิลต์อิน ที่เน้นฟังก์ชั่นที่ตรงตามไลฟ์ไตล์ ควบคู่ไปกับดีไซน์ที่ตอบโจทย์ความเป็นตัวเอง 

และสิ่งหนึ่งที่ทำให้ลูกค้ามั่นใจในสินค้าและการบริการของโมเดอร์นฟอร์ม ก็เป็นเพราะมีทีมติดตั้งที่เป็นของตัวเอง และยังมีการรับประกันสินค้าให้กับลูกค้านานถึง 3 ปี 

Store Expansion To Reach And Connect With You

ก้าวสำคัญของโมเดอร์นฟอร์มในวันนี้คือการเปลี่ยนโฟกัสจากเดิมที่เน้นกลุ่มลูกค้า B2C มากขึ้น ด้วยการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจและการมีส่วนร่วมกับสินค้าให้กับลูกค้า ในวันนี้โมเดอร์นฟอร์มขยายโชว์รูมครอบคลุมทั้งในพื้นที่ใจกลางเมืองและชานเมืองหลากหลายโลเคชั่นเพื่อเข้าถึงลูกค้าหลากหลาย

สาขาหลักที่ใหญ่ที่สุดก็คือ โมเดอร์นฟอร์ม ศรีนครินทร์ โชว์รูม 4 ชั้นในพื้นที่กว่า 4,000 ตารางเมตร “เป็นสาขาที่มีหมวดสินค้าครบครัน เป็นโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก” ความพิเศษของสาขานี้คือมีสินค้าหลากหลายและสร้างแรงบันดาลใจในการตกแต่งบ้าน 

อีกสาขาที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้คนทั่วไปเข้าถึงง่ายมากขึ้นคือ Modernform Forty 9 ที่ย่านสุขุมวิท 49 เป็นไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้ที่เปลี่ยนบ้านเก่าให้เป็น House of Fulfilled Living 

“มันมาจากโจทย์ที่ว่าเราจะทำยังไงให้มีโชว์รูมที่คนเข้ามาแล้วสร้างแรงบันดาลใจให้เขาได้ เราเลยเน้นจัดบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ Home Living ตามไลฟ์สไตล์คนเมือง ซึ่งเป็นความตั้งใจของเราที่อยากให้มีการหมุนเวียนสินค้าที่สาขานี้บ่อยๆ  เพื่อให้มีความสดใหม่ตลอดเวลา โลเคชั่นตรงนี้ยังเป็นทางผ่านของย่านคอนโดและที่อยู่อาศัยทั้งอโศก อ่อนนุช พระโขนง ที่มีการเติบโตสูง”  

นอกจากเน้นคัดเลือกของตกแต่งที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะแล้ว สาขานี้ยังเพิ่มความสนุกด้วยคาเฟ่ Kaizen Coffee, K+ ร้านอาหารไฟน์ไดน์นิงสไตล์ Italian-Japanese ชื่อดัง และ Wall Paint โดยศิลปินนักวาดภาพประกอบชาวไทย

มนัสวียังเล่าถึงคอนเซปต์ของสาขาอื่น ที่แม้จะมีหมวดสินค้าคล้ายกัน แต่รูปแบบการนำเสนอและประสบการณ์ที่อยากให้ลูกค้าได้รับในโชว์รูมแต่ละแห่งนั้นไม่เหมือนกัน 

สาขา Crystal Design Center เป็นสแตนด์อโลน 2 ชั้นที่อยากตอบโจทย์ดีไซเนอร์ มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านและสำนักงาน มีความพิเศษที่โซน Steelcase Flagship Store และโซน Furniture Fitting & Architectural Hardware ที่ตอบโจทย์สายอินทีเรีย

สำหรับสาขาเพลินจิตมีเป้าหมายเป็นกลุ่มคนทำงานและชาวคอนโดที่มองหาเฟอร์นิเจอร์มัลติฟังก์ชั่นทั้งโฮมและออฟฟิศ ด้วยความที่โลเคชั่นที่นี่อยู่ใจกลางเมือง ตรงทางลง BTS เพลินจิต เดินทางได้สะดวกมากๆ โมเดอร์นฟอร์มเลยมองว่าเฟอร์นิเจอร์ที่นี่ต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่ในเมือง   

และสาขาล่าสุดคือราชพฤกษ์ ที่ออกแบบตกแต่งทันสมัย เข้าถึงกลุ่มลูกค้าโซนกรุงเทพฯ ตะวันตก แถบราชพฤกษ์ นครปฐม พุทธมณฑลทุกสาย รวมไปถึงสมุทรสาครและสมุทรสงคราม

ข้อคิดในการทำรีเทลที่มุ่งเน้นคือการกระจายช่องทางการเข้าถึงประสบการณ์ของแบรนด์หลากหลายช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งออนไลน์ในสมัยนี้ ไม่มีไม่ได้จริงๆ เพราะเป็นช่องทางที่เข้าถึงได้ง่าย ไม่จำกัดเวลา

Customer Life Fulfillment Is Our Priority

“หมดยุคของคำว่า One Design Fits All อีกต่อไป” เพราะคนสมัยนี้ชอบอะไรที่เป็นแบบฉบับของตัวเอง เรื่องนี้เป็นสิ่งที่โมเดอร์นฟอร์มให้ความสำคัญในการพัฒนาสินค้า และสร้างประสบการณ์ต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจ ทำให้แบรนด์ยึดหลักคิดที่ว่า Customer Centric

โมเดอร์นฟอร์มไม่ใช่แค่ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ แต่ขายประสบการณ์ในการใช้ชีวิต และนำเสนอไอเดียการตกแต่งบ้าน ที่สะท้อนความเป็น Living Experience ในการใช้ชีวิต มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ทุกรูปแบบ ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์บ้าน เฟอร์นิเจอร์ครัว Walk-in Closet เฟอร์นิเจอร์เพื่อสุขภาพ และเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน รวมไปจนถึงของตกแต่งต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มให้การอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

Custom เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่โมเดอร์นฟอร์มตั้งใจให้ลูกค้าได้สินค้าที่ตรงกับความต้องการของตัวเอง เปลี่ยนบทบาทให้ลูกค้าได้เป็นดีไซเนอร์ ได้ออกแบบเฟอร์นิเจอร์ของตัวเอง นอกจากได้รูปแบบที่ชอบแล้ว ก็ยังได้สนุกกับการจับมิกซ์แอนด์แมทช์ไปด้วยในตัว มีทั้ง Custom Sofa ที่จับเลือกได้ทั้งรูปแบบ วัสดุหุ้ม สีขา ขนาด ไปจนถึงความนุ่มของที่นั่ง ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ในการใช้งาน หรือ Custom Dining Table ที่ให้ลูกค้าเลือกโต๊ะรับประทานอาหาร ที่ช้อปปิ้งพาร์ตต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุ รูปแบบท้อป รูปแบบขา และขนาด ให้ลงตัวกับพื้นที่และสมาชิกภายในบ้าน สิ่งนี้แหละ เป็นอีกหนึ่งจุดเด่น ที่ทำให้แบรนด์ไทยอย่างโมเดอร์นฟอร์มแตกต่างไปจากแบรนด์นำเข้าหลายๆแบรนด์

สิ่งหนึ่งที่ได้รับการตอบรับดีหลังจากโมเดอร์นฟอร์มเปิดตัว Custom Sofa ก็คือการออกแบบที่ใส่ใจและเข้าใจลูกค้าที่เลี้ยงสัตว์ โมเดอร์นฟอร์มเปิดตัววัสดุหุ้ม Pet-friendly ผ้าที่ทนต่อรอยขีดข่วน และสามารถทำความสะอาดได้ง่ายๆด้วยน้ำเปล่า ทำพื้นที่ของน้อง ให้นั่งอยู่ใกล้ๆกับเจ้าของบนโซฟาเดียวกัน และกลุ่มสินค้าที่เน้นไปที่กลุ่มคนรักสุขภาพ ก็เป็นพวกกลุ่ม Non-toxic Sofa มีทั้งหนังแท้ที่ปราศจากสารโครเมียมในกระบวนการผลิต และวัสดุ Anti Dust Mite วัสดุสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้

ในเรื่องการให้บริการลูกค้า โมเดอร์นฟอร์มก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน แบรนด์ไม่เคยมองว่าตำแหน่งเซลล์คือคนขาย แต่มองเป็น Lifestyle Consultant ที่ต้องจับสังเกตความต้องการและให้คำปรึกษาลูกค้าได้ ต้องวิเคราะห์จากการพูดคุยกับลูกค้าแล้วจึงออกแบบ หรือนำเสนอสินค้า ด้วยการเข้าใจถึงพฤติกรรมการใช้งาน รายละเอียดต่างๆ ไปจนถึงความชอบ ที่เชื่อมโยงไปถึงไลฟ์สไตล์ เพื่อนำเสนอให้ตรงใจลูกค้ามากที่สุด 

ฟีดแบ็กจาก Customer Voice เป็นสิ่งที่โมเดอร์นฟอร์มก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน โมเดอร์นฟอร์มคอยมอนิเตอร์พฤติกรรม การสอบถามสินค้า การ Walk Flow ของลูกค้า เพราะมีผลต่อการวางดิสเพลย์สินค้า ทำให้รู้ว่าลูกค้ามีพฤติกรรมอย่างไร ชอบแบบไหน เพราะอะไร ทำให้แบรนด์เรียนรู้ลูกค้าไปพร้อมกับการปรับเปลี่ยนแผนในแต่ละวัน แถมแต่ละโลเคชั่นก็มีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป เพราะกลุ่มลูกค้าไม่เหมือนกันด้วย

Your Style of Luxury

“บิลต์อินของเรา บอกได้เลยว่าคุณภาพเทียบเท่ากับ Import Brand” 

จุดแข็งอีกอย่างของโมเดอร์นฟอร์มคือเฟอร์นิเจอร์บิลต์อินที่เน้นความหรูหราทันสมัย ใส่ใจในรายละเอียด ใช้ฟิตติ้งต่างๆที่นำเข้าจากต่างประเทศ จะเห็นได้เลยว่าทั้งความเนี้ยบและโมเดิร์น

ความหรูหรานี้เป็นเพราะโมเดอร์นฟอร์มเป็นผู้นำเข้าวัสดุอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ภายใต้แบรนด์ Modernform HDP ทำให้มีจุดแข็งเทียบเท่าแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ต่างประเทศ วัสดุต่างๆที่คัดสรร เน้นทั้งความสวยงาม ฟังก์ชั่น และสะท้อนรสนิยมของลูกค้า 

อย่างเช่น โต๊ะหินอ่อน (Marble Dining) เป็นสินค้า Top Five ของโมเดอร์นฟอร์ม “โต๊ะหินอ่อนของแบรนด์อื่นจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ของแบรนด์ยาวที่สุดคือ 3 เมตร ความพิเศษก็คือ ลูกค้าเดินเลือกแผ่นหินที่ชอบได้ด้วยตัวเอง หินแต่ละแผ่นไม่เหมือนกัน มีเอกลักษณ์เฉพาะ เรานำเข้ามาจากอิตาลี”

“เรายังเป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ไทยที่ใช้สีพ่นขัดเงา พ่นหลายรอบจนกลายเป็นสี Glossy เป็นกระบวนการที่ผสมผสานระหว่างเครื่องจักรกับมนุษย์แบบ Human-made ที่ใช้ความชำนาญ พิถีพิถันในการผลิต ทำไม่ง่ายและต้องใช้เวลาเยอะพอสมควร” 

  การมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเองทำให้มีจุดแข็งทั้งการออกแบบสินค้าและผลิตสินค้า ที่สามารถปรับแต่งได้หมด ซึ่งมนัสวีบอกว่าสิ่งสำคัญในการนำเสนองานบิลต์อินที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี 

Modern Design & Innovation Leader

อีกหนึ่งจุดแข็งของแบรนด์ที่คนพูดถึงกันมาก ก็คงหนีไม่พ้นกลุ่มสินค้าออฟฟิศสำนักงาน ที่ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำในประเทศเลือกใช้สินค้าของ Modernform มากมาย โมเดอร์นฟอร์มยังเป็น Authorized Dealer เจ้าเดียวในประเทศไทยของแบรนด์ Steelcase แบรนด์เฟอร์นิเจอร์สำนักงานจากประเทศสหรัฐอเมริกา และก็ยังเป็นตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์ Itoki แบรนด์เฟอร์นิเจอร์สำนักงานจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นในประเทศไทยอีกด้วย 

ช่วงจุดพีคของการเติบโตในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพคือช่วงโควิด ที่สินค้ากลุ่ม Ergonomic Chair และโต๊ะปรับระดับ ได้รับการตอบรับที่ดีมาก เก้าอี้ของ Modernform และ Steelcase ติด 1 ใน 3 อันดับในโลกออนไลน์ที่คนพูดถึงกันมากที่สุด

ไลฟ์สไตล์ต่างๆในปัจจุบันนี้มีผลกับการออกแบบสินค้า โมเดอร์นฟอร์มเริ่มต้นพัฒนาเพื่อต่อยอดหลากหลายกลุ่มสินค้า ไม่ว่าจะเป็น Gaming Set เป็นตลาดที่กำลังเติบโต Lady’s Executive Set ชุดทำงานของผู้บริหารหญิง ที่ไทยติด Top 3 ที่มีจำนวนผู้บริหารหญิงเยอะที่สุดในโลก หรือการเตรียมรับมือกับกลุ่ม Segment ใหม่ๆที่กำลังเกิดขึ้น อย่าง Sheconomy หรือ DINK ที่คนส่วนใหญ่เน้นการอยู่คนเดียว หรือการอยู่กันแบบมีคู่ โดยที่ไม่มีลูก ซึ่งการใช้ชีวิตแบบใหม่ๆเหล่านี้ ล้วนส่งผลกับการอยู่อาศัยและการเลือกเฟอร์นิเจอร์ด้วยเหมือนกัน 

โมเดอร์นฟอร์มเข้มแข็งในหมวดเฟอร์นิเจอร์สำนักงานมากๆ เพราะขายเข้าองค์กรใหญ่ๆมากมาย ด้วยคุณภาพ ความทนทานและเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ รวมถึงมีการบอกต่อให้เพื่อนหรือคนรู้จักใช้กันอย่างต่อเนื่อง โมเดอร์นฟอร์มยังคงมุ่งมั่นในจุดแข็งเพื่อให้แบรนด์เป็น Top of Mind Brand อยู่เสมอ ด้วยกลุ่มสินค้าที่มีหลากหลาย ตอบโจทย์คนทำงานทุกประเภท หลากหลายสเกล ทั้งออฟฟิศขนาดเล็ก (SMEs) ไปจนถึงออฟฟิศแบบองค์กรใหญ่ หรือแบบโฮมออฟฟิศ และยังมีบริการให้คำปรึกษาเรื่องการออกแบบพื้นที่สำนักงาน ทั้งการจัดพื้นที่แบบ Activity-based Working จัดเลย์เอ้าท์ เลือกรูปแบบเฟอร์นิเจอร์ให้ตรงกับการใช้งานและ Culture ของแต่ละออฟฟิศ ภายใต้งบประมาณที่กำหนดได้เอง

Thailand’s Leading Furniture Company

“ชื่อแบรนด์ที่มีคำว่าโมเดอร์นทำให้เราต้องอัพเดตตัวเองให้อินเทรนด์และไม่เชยอยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นผู้นำด้าน Working & Living Solution อย่างที่เป็นอยู่ต่อไปเรื่อยๆ” เป็นความเชื่อมโยงระหว่างชื่อแบรนด์และการปรับตัวของโมเดอร์นฟอร์มที่ผ่านมา

โมเดอร์นฟอร์มได้รับรางวัลถึง 19 รางวัลการออกแบบระดับโลก ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ด้วยการการันตีระดับโลกมากมาย ทั้ง Red Dot Design Award ประเทศเยอรมนี, Good Design Awards สหรัฐอเมริกา, Golden Pin Design Award ไต้หวัน, Sky Design Awards ญี่ปุ่น, DNA Paris Design Awards ฝรั่งเศส, European Product Design Award ฮังการี, iF Design Award เยอรมนี, SIT Furniture Design Award สวิตเซอร์แลนด์ และ Design Excellence Award (DEmark)

โมเดอร์นฟอร์มเป็นบริษัทไทย ที่มีวิธีคิดแบบอินเตอร์ ด้วย Mindset ที่ว่า One Step Ahead เลยทำให้แบรนด์เติบโตมาตลอดกว่า 40 ปี

มุมมอง วิธีคิด และวิธีการทำงานของโมเดอร์นฟอร์มใช้การรวบรวมข้อมูลจากหลายศาสตร์ ทั้งเทรนด์โลก การวิเคราะห์ของนักการตลาด ไอเดียของดีไซเนอร์ อินไซต์จากการพูดคุยกับลูกค้า ผสานมุมมองต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อให้เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นตอบโจทย์ตลาดให้ได้มากที่สุด

Key Learning From Modernform  
1. Be Meticulous For Functionality สินค้าและบริการหลากหลายที่ตอบโจทย์ด้านฟังก์ชั่นและครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ 
2. Store Expansion To Reach And Connect With You การขยายโชว์รูมเพื่อมีส่วนร่วมและเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น
3. Customer Life Fulfillment Is Our Priority การออกแบบเฟอร์นิเจอร์ให้เติมเต็มไลฟ์สไตล์และตรงความต้องการของลูกค้า 
4. Your Style of Luxury ใช้จุดแข็งด้านการนำเข้าวัสดุจากต่างประเทศทำให้มีเอกลักษณ์ที่ความหรูหรา 
5. Modern Design & Innovation Leader การใช้แบรนด์ชั้นนำที่การันตีคุณภาพ 
6. Thailand’s Leading Furniture Company การเป็นผู้นำที่โมเดอร์นอยู่เสมอด้วยวิธีคิดแบบอินเตอร์