Thinking Outside the Lock Box 

Lock Box ตู้รับฝากสัมภาระเจ้าแรกของไทย ที่หวังให้วิถีชีวิตคนเมือง smarter life มากยิ่งขึ้น

เวลาเราเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ เชื่อว่าสิ่งที่ทุกคนโฟกัสเป็นอันดับแรกๆ คือการหารีวิวสถานที่ท่องเที่ยว รีวิวโรงแรม เพื่อทำลิสต์ทำแพลนก่อนออกเดินทางไปท่องโลก 

อีกสิ่งที่เราเห็นตามในโพสต์หรือในกระทู้พันทิปคือการตามหา ‘ตู้ล็อกเกอร์ฝากของ’ เป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ เวลาที่อยากไปเที่ยวต่างเมืองและไม่อยากแบกสัมภาระไปด้วย หรืออยากเดินตัวปลิวแบบไม่ต้องถืออะไร ช้อปปิ้ง เที่ยวเล่นเสร็จแล้วค่อยกลับมาเอา

ถ้าไปเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน หรือบางประเทศในยุโรป ก็แทบจะไม่ต้องเสิร์ชหา เพราะประเทศท่องเที่ยวเหล่านี้มีบริการตู้ล็อกเกอร์ฝากของตามสถานีรถไฟฟ้าสถานีใหญ่ๆ อย่างแน่อน หรือบางประเทศก็มีแทบจะทุกสถานีเสียด้วยซ้ำ

กลับมาที่ประเทศไทยบ้านเรา ประเทศที่จุดหมายปลายทางอันดับท็อปๆ ของโลก มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาปีละ 30-40 ล้านคน มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องทุกปี แต่กลับไม่มีตู้ล็อกเกอร์ฝากของบริการ

“ทำไมเมืองไทยถึงไม่มี” คำถามที่ใครหลายคนคิด และ ‘วิน–อิทธิชัย พูลวรลักษณ์’ ก็สงสัยเช่นนั้น เขาคือผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท ลอคค์ บอกซ์ กรุ๊ป จำกัด เจ้าของ ‘Lock Box’ ผู้ให้บริการตู้ล็อกเกอร์รับฝากสัมภาระอัตโนมัติ 24 ชั่วโมง รายแรกของไทย

ตู้ล็อกเกอร์สีเหลืองสีสันสดใสเตะตาและมองเห็นมาแต่ไกล ที่ตอนนี้ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งสอดแทรกในชีวิตประจำวันของผู้คน ปัจจุบันเปิดให้บริการทั้งหมด 96 สาขาทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล 

Lock Box ของวินไม่ได้จริงจังเฉพาะการทำตู้ล็อกเกอร์ฝากสัมภาระ แต่ในช่วงวัยปีที่ 6-7 นี้ ตู้ล็อกเกอร์ฝากสัมภาระสีเหลืองนี้ยังมีเซอร์วิสใหม่แปลงร่างเป็นตู้รับ-ส่งพัสดุแบบ 24 ชั่วโมงอีกด้วย

ย้อนกลับไป Lock Box ของคุณเกิดขึ้นได้ยังไง

ผมเริ่มธุรกิจนี้อย่างจริงจังเมื่อ 6-7 ปีก่อน เปิดตัวน่าจะช่วงปี 2560 เวลาผมไปเที่ยวรอบโลกจะมีลิสต์ว่าธุรกิจอะไรมี potential บ้าง และธุรกิจอะไรในเมืองไทยยังไม่มี เก็บลิสต์ตั้งแต่ที่เรียนมหาวิทยาลัย พอจบมาผมทำงานสายอสังหาริมทรัพย์มาก่อน และที่บ้านก็อยู่ในวงการนี้อยู่แล้ว ณ วันนั้นก็ลองคุยกับที่บ้านว่าจะให้ผมไปทำเรียลเอสเตท เราจะทำนะ แต่ถ้าไม่ให้ก็ขอออกมาลุยธุรกิจที่ตัวเราอยากทำเอง 

แน่นอนว่าอายุยี่สิบกว่าๆ ในตอนนั้นกับการทำโปรเจกต์หลายพันล้านที่บ้านคงยังไม่ให้แน่ๆ ก็เลยตัดสินใจลุยธุรกิจด้วยตัวเอง

ผมเลือกทำธุรกิจตู้ล็อกเกอร์ที่ผมเห็นศักยภาพ และยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน

พอเป็นธุรกิจที่ในไทยไม่เคยมี ความท้าทายในการปลุกปั้นธุรกิจตู้ล็อกเกอร์ฝากของคืออะไร

เจอเยอะมากเลยนะ ถ้ามองไปที่ญี่ปุ่น เกาหลี หรือพวกประเทศในยุโรป ธูรกิจล็อกเกอร์ที่มีอยู่ตามสถานีรถไฟส่วนใหญ่เจ้าของสถานที่หรือแลนด์ลอร์ดเป็นคนทำเอง เป็นโอเปอเรเตอร์เองหมดนะ แต่ในไทยกลายเป็นว่า Lock Box เป็นเอกชนรายแรกที่ทำบริการตู้ล็อกเกอร์ให้กับทุกฝ่าย

ธุรกิจตู้ล็อกเกอร์คนอยากทำเยอะมากนะ แต่ติดตรงที่ว่าแลนด์ลอร์ดหลายคนไม่เห็นด้วย ประเทศไทยผมว่าค่อนข้างซูเปอร์คอนเซอร์เวทีฟมากๆ คำถามที่เจอบ่อยคือเรื่องของความปลอดภัย 

ตอนแรกที่เริ่มทำ ผมทำ pilot ก่อน เอาตู้แรกไปตั้งที่สถานีมักกะสัน เอาตู้ไปตั้งเลยแบบไม่ทำการตลาดใดๆ ปรากฏว่า cash flow มันก็พอไหว ก็เลยทำดู 2-3 เดือนก็รู้ว่าพอทำได้ธุรกิจนี้ไปได้แน่ๆ  จากนั้นเริ่มคิดการใหญ่ไปคุยกับรถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้าหลายๆ แห่ง ไปคุยกับหลายๆ ฝ่าย ใช้เวลานานมาก 

‘แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่าเขาจะไม่ใส่ระเบิดเข้ามา เราจะมั่นใจได้ยังว่าจะไม่มียาเสพติด’  ผมเจอคำถามเหล่านี้บ่อยมาก และต้องอธิบายอยู่นานต้องเอาข้อมูลเปรียบเทียบของหลายๆ ประเทศมากางให้ดูว่าแต่ละประเทศมีระบบแบบไหน ซึ่งบางประเทศเอาจริงๆ ก็ไม่ได้มีระบบอะไรมากมายนัก แต่ของ Lock Box มีระบบรักษาความปลอดภัยที่มั่นใจได้

ตอนนี้ยังเจอคำถามเหล่านี้อยู่ไหม

ตอนนี้ไม่เจอแล้ว เหมือน Lock Box พิสูจน์ให้แลนด์ลอร์ดเข้าใจและเห็นแล้ว นี่คือสิ่งที่เป็น handle แรกที่ผมกับทีมแก้ได้ 

ระบบของคุณทำงานยังไง

หลายคนที่เคยเห็นครั้งแรกกลัวความยุ่งยากในการใช้ ตอนแรกเริ่มผมเลยมีคอนเซปต์คือ safe and easy ปลอดภัยและใช้ง่ายไม่กี่ขั้นตอน ส่วนเรื่องความปลอดภัยที่ Lock Box ให้ความสำคัญมากที่สุด Lock Box มีระบบที่สามารถให้ความมั่นใจในการใช้งานทั้งผูกเบอร์โทรศัพท์ ระบบลายนิ้วมือ มีกล้องวงจรปิด แบบขึ้นคลาวด์หมดตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำธุรกิจ สามารถเก็บบันทึกภาพได้ 60 วัน มีระบบคอลล์เซนเตอร์ 24 ชั่วโมง ซึ่งถ้าใครที่เคยใช้บริการในช่วงแรกแล้วโทรหาคอลล์เซนเตอร์ผมเป็นคนรับสายเองทั้งหมด 

หรือกรณีฝากสัมภาระแล้วไม่สามารถเปิดตู้ได้ Lock Box คืนเงินชดเชยให้กับลูกค้าภายใน 15 นาที นั่นเป็นสิ่งที่เป็นมาตรฐานของ Lock Box ซึ่งตั้งแต่เปิดบริการมาเคยเจอเออร์เรอร์น้อยมากๆ

เราเห็นตู้ล็อกเกอร์ของคุณไปตั้งอยู่ตามตึกสำนักงานด้วย คุณเลือกโลเคชั่นยังไง

หลายคนอาจมองว่าธุรกิจล็อกเกอร์ต้องโฟกัสแต่ลูกค้าต่างชาติ แต่จริงๆ แล้วลูกค้าของ Lock Box คือทุกคน เป็น everyday product ที่ทุกคนใช้ได้ ยกตัวอย่างคนที่ไปวิ่งตามสวนสาธารณะ ก่อนไปวิ่งเขาก็มาฝากของกับเรา พอวิ่งเสร็จก็กลับมาเอา หรืออย่างการเดินช้อปปิ้งที่อยากเดินตัวปลิว ไม่อยากถือของเยอะก็สามารถมาใช้บริการของเราได้

ล็อกเกอร์เก็บของเป็นธุรกิจออฟไลน์ มันต้องเดินไปใช้ เดินไปหา เพราะฉะนั้นการเลือกโลเคชั่นจะไม่ใช่แค่ตามสถานีรถไฟฟ้าอย่างเดียว ถ้าไปตามสถานีรถไฟฟ้าอย่างเดียวอย่างมากราวๆ 100 สาขาก็หมดแล้ว เพราะฉะนั้นเรามองหาโลเคชั่นที่มีดีมานด์หลากหลายทั้งอาคารสำนักงาน ออฟฟิศ ห้างสรรพสินค้า สนามบิน

คนอยากใช้ต้องได้ใช้ ผมอยากทำให้ Lock Box เป็นโปรดักต์ที่ทุกคนรู้จัก และรู้ว่ามีอยู่ที่ไหนบ้าง เหมือนที่ทุกคนรู้ว่าตามซอกซอย ตามอาคารต่างๆ มีร้านสะดวกซื้อให้บริการอยู่ตรงไหนบ้าง แบบนั้นเลย

แล้วสิ่งที่ยากในการทำธุรกิจคืออะไร

ผมว่าเป็นเรื่องของการ educate เปลี่ยนพฤติกรรมคนให้มาใช้งาน เพราะตอนแรกๆ คนอาจจะไม่ค่อยกล้ามาใช้ คิดว่าราคาแพง ซึ่งเรามีการรีเสิร์ชหาอัตราค่าบริการที่เหมาะสมกับคนไทยและให้กลับมาใช้ซ้ำได้เรื่อยๆ เรื่องราคาตั้งแต่ Lock Box  เปิดให้บริการมาแทบจะไม่ได้ขึ้นราคาเลย

ตอนนี้ราคาค่าบริการมีแบบไหนบ้าง 

บริการฝากสัมภาระของ Lock Box เริ่มต้นที่ 30 บาท/ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดของตู้ และมีให้เลือกฝากสัมภาระแบบรายวัน และรายชั่วโมง ที่เมื่อฝากมากกว่า 6 ชั่วโมงขึ้นไประบบจะเจเนอเรตให้เลยว่าฝากแบบไหนคุ้มกว่า 

แต่ละโลเคชั่นไซส์ของตู้สัมภาระก็จะแตกต่างออกไปตามพฤติกรรมของคนในย่านนั้นๆ อย่างเช่นตามสำนักงานก็จะเป็นตู้ที่มีช่องฝากของขนาดเล็กมากกว่าขนาดใหญ่ หรือหากเป็นตามแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวก็จะมีไซส์ตู้ขนาดใหญ่ที่ใส่กระเป๋าเดินทางมากกว่า

อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จและความเชื่อของ Lock Box ที่ยืนระยะอยู่ได้

เอาจริงๆ อุตสาหกรรมนี้ไม่ง่าย มันไม่ใช่แค่การไปสั่งตู้มาตั้งแล้วจบไป ต้องลงทุน infrastructure เยอะมาก สิ่งสำคัญอยู่ที่ระบบหลังบ้านที่จะต้องทำยังไงให้ลูกค้าประทับใจ 

ซึ่งสะท้อนมาที่ความเชื่อในการทำธุรกิจของ Lock Box ที่ผมเชื่อว่าต้องมีความบ้า ความกล้าในระดับนึงเลย เพราะ Lock Box ต้องการทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน อยากทำอะไรสนุกๆ และดีขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นแต่ละช่วงเวลา goal จะไม่เหมือนกันเลย จะเปลี่ยนทุกๆ 2 ปี แต่เป้าหมายใหญ่ที่ครอบไว้คือ อยากรวบรวมคนที่สนุกไปกับการทำธุรกิจ และบิลด์แบรนด์ให้ใหญ่เท่าที่ทำได้

เฟสแรก อย่างที่บอกผมมองตัวเองป็นแค่ safe and easy ณ วันนั้นคือการพรูฟธุรกิจทำให้ Lock Box เกิดขึ้นก่อนแล้วไม่หายไป เพราะ ณ ตอนนั้นผมทำคนเดียว ถ้าใครโทรมาตอนนั้นผมยังรับโทรศัพท์เองกับมือ คอลเซนเตอร์เป็นคนรับสาย เฟซบุ๊ก ไอจี ผมเป็นคนตอบทั้งหมดในช่วงปีแรก 

ถ้ามาถามวันนี้ว่าความท้าทายในตอนนั้นคืออะไร คำตอบน่าจะเป็นแค่หาคนมาทำงานกับ Lock Box ให้ได้ก่อนก็เจ๋งแล้ว

เฟสสอง คือช่วงที่ Lock Box ต้องขยายอย่างมีเสถียรภาพคือโฟกัส EBITDA และ bottom line จะเห็นว่าบางช่วง Lock Box ขยายเร็ว บางช่วงขยายช้า ค่อนข้างคอนเซอร์เวทีฟ และ sustainable

ตอนนี้ถึงเฟส 3 ช่วงที่เปลี่ยนและบู๊แบบ aggressive ขยายธุรกิจและจับมือกับพาร์ตเนอร์ใหม่ๆ พร้อมเติบโตไปเรื่อยๆ

เหมือนไม่กี่เดือนก่อนเราเห็นบริการใหม่จาก Lock Box

ใช่ครับ Lock Box เพิ่งจับมือพาร์ตเนอร์ กับ สบายเทคโนโลยี บริษัทเทคฯ ที่ทำธุรกิจตู้เติมเงินอัตโนมัติ ทำตู้เวนดิ้งแมชชีน เปิดตัวบริการใหม่ที่ชื่อว่า ‘PUDO’ Pick up & Drop Off Service เป็นบริการรับ-ส่งครบในตู้เดียว เพิ่มทางเลือกให้ทุกคนรับ-ส่งพัสดุ ผ่านตู้ล็อกเกอร์ Lock Box แบบครบวงจร

จุดเด่นที่ต่างจากบริการรับ-ส่งจากเจ้าอื่นคือสามารถมาส่งพัสดุได้ 24 ชั่วโมง และราคาที่ถูกกว่าเริ่มต้นในราคา 18 บาท มีให้เลือกใช้บริการรับ-ส่ง 3 แบบคือ ส่งจากตู้ล็อกเกอร์ต้นทางไปยังตู้ล็อกเกอร์ปลายทาง, ส่งจากตู้ล็อกเกอร์ต้นทางไปที่บ้านผู้รับ และส่งจากที่บ้านไปยังตู้ล็อกเกอร์ปลายทาง ที่จะตอบโจทย์ผู้ใช้บริการทุกคน

แล้วคุณมองเห็นอะไร เพราะในธุรกิจขนส่งพัสดุ e-Commerce ค่อนข้างมีการแข่งขันที่รุนแรง

แน่นอนว่าเกมในธุรกิจขนส่งพัสดุ e-Commerce เป็นเกมที่ยาก แต่ตอนนี้คือโอกาสที่ดีที่จะมาลุย e-Commerce ในช่วงที่ตลาดค่อนข้างนิ่ง ผ่านยุคทุ่มตลาดและเผาเงินแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงเริ่มแตกขยายไลน์มายังธุรกิจนี้ 

และผมเองเห็นช่องว่างในการเติบโต Lock Box จะ ride the wave ไปกับกระแสที่กำลังมานี้ Lock Box มีนินจาแวนให้บริการแล้ว และกำลังไปจับมือกับขนส่งหลายๆ เจ้า ที่จะได้เห็นเปิดตัวเร็วนี้ๆ 

Lock Box กับ สบายเทคโนโลยีจะเอาจุดแกร่งของตัวเองมาผนวกกันสร้าง ecosystem ให้แก่กัน และจะขยายบริการให้เป็น 1,000 สาขาในปีนี้

ซึ่ง e-Commerce คือตัวสตาร์ท ตอนนี้ Lock Box มีรายได้จากตู้ล็อกเกอร์ โฆษณา e-Commerce แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ยังสามารถต่อยอดบริการพิเศษออกมาได้อีกเยอะมาก ที่อาจจะยังบอกในเวลานี้ไม่ได้ แต่น่าจะได้เห็นเร็วๆ นี้

เพราะคุณไม่ได้อยากเป็นแค่ผู้ให้บริการล็อกเกอร์อย่างเดียว

ใช่ จากวิชั่นเราจะเป็น smarter life ที่สอดรับวิถีชีวิตคนเมืองมากยิ่งขึ้น และ Lock Box จะไม่ได้เป็นแค่ผู้ให้บริการตู้ล็อกเกอร์แค่ของประเทศไทย แต่เราจะเป็น regional player 

You Might Also Like