Stay Cool Every Pool Day
10 ปีของ Aprilpoolday กับการเปิดแฟล็กชิปสโตร์ที่สะท้อนครีเอทีฟไลฟ์สไตล์ของสาวเพลย์ฟูล
แค่ก้าวเข้ามาในแฟล็กชิปสโตร์ของ Aprilpoolday แบรนด์ชุดว่ายน้ำในดวงใจของสาวๆ หลายคน ก็รู้สึกถึงความเพลย์ฟูลและความมีชีวิตชีวาที่บ่งบอกตัวตนและความชอบของ มิญช์–ลีลานันทน์ รณเกียรติ ซึ่งทำแบรนด์ Aprilpoolday มาเป็นระยะเวลา 10 ปีก่อนตัดสินใจเปิดร้านย่านสาทรแบบออฟฟิเชียล
มิญช์รีโนเวตบ้านเก่าโดยจำลองให้มีสระว่ายน้ำอยู่หน้าร้านและตกแต่งบรรยากาศในสไตล์เรโทรแฝงความขี้เล่นด้วยสีแดงสดใส ทุกมุมในร้านเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจทั้งโปสเตอร์และมุมขายของกระจุกกระจิกอย่างสติ๊กเกอร์ มี wall of Inspiration ที่โซนออฟฟิศซึ่งรวมรูปและคำคมที่เล่าเรื่องราวการท่องเที่ยวและความชอบของมิญช์ เบาะและโซฟาสีแดง ห้องลองเสื้อสไตล์โอลด์สคูลสุดป๊อป ห้องน้ำที่ติดภาพมู้ดบอร์ดชุดว่ายน้ำรุ่นต่างๆ ที่ผนังและมีกองหนังสือกับดอกไม้วางอยู่เพื่อให้ความรู้สึกโคซี่เหมือนได้มา therapy มีมุมเคาน์เตอร์บาร์สำหรับซื้อเครื่องดื่มและเปิดดีเจ ไปจนถึงโลโก้ finger crossed และตัวอักษรเพนต์บนผนังที่ลงท้ายว่า No matter how old we get, this spirit of playfulness will always define.
เห็นบรรยากาศร้านแล้วไม่แปลกใจที่มิญช์บอกว่าเธอเป็นคนชอบทำงานคราฟต์ที่ใส่ใจรายละเอียด
ท่ามกลางชุดว่ายน้ำหลากหลายคอลเลกชั่นในร้าน มิญช์บอกว่าโจทย์ในการออกแบบชุดในแต่ละครั้งของเธอนั้นไม่เหมือนกันเลย บางครั้งก็เป็นโจทย์จากฟังก์ชั่น บางครั้งก็ได้แรงบันดาลใจจากการไปเที่ยวหรือทำกิจกรรม แต่สิ่งที่ต้องมีในทุกคอลเลกชั่นคือ ทำออกมาแล้วต้องใหม่และยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน
เมื่อตื่นเต้นกับการทดลองทำสิ่งใหม่เสมอทำให้ทุกวันนี้ Aprilpoolday ไม่ได้มีแค่ชุดว่ายน้ำทั่วไปเท่านั้น แต่ยังออกแบบชุดใส่เล่นสำหรับไปเที่ยว อีกทั้งหลายคอลเลกชั่นก็ยังสามารถใส่ได้ทั้งบนบกและในน้ำอีกด้วย
ชวนเปิดประตูร้านแล้วมานั่งฟังสปิริตและการเติบโตของ Aprilpoolday ไปพร้อมๆ กัน
เห็นคุณเพิ่งจัดนิทรรศการครบรอบ 10 ปีของ Aprilpoolday ที่แฟล็กชิปสโตร์ตอนต้นปี ชื่อ The Untold Story ทำไมถึงตั้งชื่อนี้
ส่วนใหญ่ที่ผ่านมาตลอด 10 ปี เราจะเห็นภาพสุดท้ายของ Aprilpoolday ที่ออกมาสวยงามแล้ว แต่เราไม่ค่อยได้เล่าเรื่องของเราเท่าไหร่ว่ากระบวนการระหว่างทางมันเป็นยังไง เพราะไม่ว่างจากการโฟกัสงานส่วนอื่น ความจริงแล้วก่อนที่แบรนด์จะออกมาเป็นภาพสุดท้ายอย่างที่เห็น มันผ่านการทดลองและเรียนรู้ ใช้แรงบันดาลใจจากความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดที่เราสั่งสมมา ทั้งการท่องเที่ยวที่ได้เรียนรู้วัฒนธรรมหรือการเสพงานศิลปะต่างๆ Aprilpoolday จึงเป็นพื้นที่ในการถ่ายทอดความเป็นตัวเราและสไตล์ที่เราชอบ ผสมผสานสิ่งเก่าและสิ่งใหม่ ออกมาเป็นครีเอทีฟไลฟ์สไตล์และโปรดักต์ที่มีสไตล์ในแบบของแบรนด์
สิ่งที่ Aprilpoolday ไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่วันแรกคืออะไร
สปิริตเดิมของแบรนด์ที่คงไว้ตั้งแต่แรก ขอท้าวความไปถึงโลโก้ก่อนว่า ด้วยความที่พี่ที่ทำโลโก้แบรนด์ให้เรา เขารู้จักเราส่วนตัวด้วย ก็เลยตีความหมายของคำว่า Aprilpoolday ออกมาเป็นโลโก้รูปนิ้วไขว้กัน (finger crossed) ตัวนี้ มันมาจากวันเอพริลฟูลเดย์ที่เราชอบโกหกกันตอนเด็กๆ แล้วทำนิ้วไขว้กันแบบนี้เวลาจะแอบอุ๊บอิ๊บกับใคร ถ้าพูดถึง Aprilpoolday เราก็จะนึกถึงตอนเด็กๆ เป็นภาพเด็กสาววิ่งเล่นตามชายหาด เที่ยวแกล้งคนแล้วอุ๊บอิ๊บไว้ข้างหลัง มันคือสปิริตที่เราเป็นคนขี้เล่น
ตอนที่เราอายุ 25 ก็รู้สึกว่าเราเป็นคนแบบนี้แหละ วันนี้พอโตมาจนอายุ 35 แล้ว รู้สึกว่าถึงภายนอกเราจะเปลี่ยนไปเยอะ อาจจะมีเลเยอร์เยอะขึ้นหรือต้องมีความพร็อพเพอร์เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่นิสัยขี้เล่นของเราแบบนั้นก็ยังอยู่ ยิ่งกับคนที่เราสนิทด้วย ลึกๆ เราก็ยังเป็นคนเดิม No matter how old we get สปิริตนั้นของเราก็ยังอยู่เสมอ ซึ่งถ่ายทอดมายังสปิริตและตัวตนของแบรนด์ด้วย แล้วถ้าดูจากตัวเองว่าเป็นคนแบบไหน ลูกค้าของเราก็จะมีคาแรกเตอร์คล้ายกัน คือเป็นคนที่มี young spirit ชอบการท่องเที่ยว รักในการค้นหาสิ่งใหม่ ชอบเสพงานศิลปะ ชอบทดลองและให้คุณค่ากับประสบการณ์ชีวิต มันคือความทรงพลังของงานศิลปะที่ดึงดูดคนคล้ายกันเข้ามา
ศิลปะมีอิทธิพลที่ทรงพลังอย่างไรกับตัวตนและแรงบันดาลใจของคุณ
ที่จริงเบสเราไม่ได้เรียนสายแฟชั่นดีไซน์มาด้วยแต่เป็นสายอาร์ต ชอบ conceptual art ทุกรูปแบบ conceptural art คือศิลปะที่สามารถสื่อสารงานอาร์ตออกมาในรูปแบบไหนก็ได้ ถ้าก่อนที่จะทำชุดว่ายน้ำ คือเราวาดรูปและทำพวก art installation ชอบพวกนิทรรศการที่จัด art experience ไปดูของมือสองที่ตลาดของเก่า ไปเที่ยวงานมิวสิกเฟสติวัล ก็จะได้แรงบันดาลใจจากความอาร์ตทุกอย่างที่เกิดขึ้น เวลาไปเที่ยวมิวเซียมก็จะไปดูงานอาร์ตและดูว่าคอนเซปต์ของเขาคืออะไร เรามองว่าชุดว่ายน้ำคือรูปแบบหนึ่งในการถ่ายทอดงานศิลปะที่รวมไลฟ์สไตล์ของเราเข้าไปด้วย แต่เราก็ต้องไปเรียนรู้ในส่วนที่ใช้เวลาลงมือทำชุดว่ายน้ำจริงด้วย เช่น เนื้อผ้า แพทเทิร์น โดยศึกษาไปพร้อมกันกับทีม
ไลฟ์สไตล์ของคุณทำให้ออกแบบชุดว่ายน้ำที่โดดเด่นไม่เหมือนใครได้ยังไง
คาแรกเตอร์เราเป็นคนที่ชอบใส่อะไรแล้วมีพลัง ใส่แล้วตะโกน ส่วนใหญ่เวลาคิดคอนเซปต์ จะมีไอเดียมาแค่นิดๆ ก่อนแล้วไปบวกกับสิ่งอื่นเพื่อให้เกิดเป็นสิ่งใหม่ ด้วยความที่เราโตมากับวัฒนธรรมตะวันตกแล้วก็มีความชอบในสไตล์เรโทร เราเลยอยากให้ชุดว่ายน้ำมีกลิ่นอายแบบนั้นนิดๆ บางครั้งเราไปเที่ยวแล้วรู้สึกว่าเราต้องการใส่ชุดแบบนี้ ก็เอาแรงบันดาลใจจากทุกอย่างทั้งอาร์ต คัลเจอร์ ประสบการณ์จากการท่องเที่ยวมาผสมกันเป็นไอเดีย
ที่ทำชุดว่ายน้ำเป็นหลักเพราะมันตรงกับไลฟ์สไตล์เรา เราเที่ยวหลายรูปแบบ ไปรีสอร์ท สระว่ายน้ำ เซิร์ฟ ไดร์ฟวิง เราทำได้ไม่ดีซักอย่างนะแต่ชอบลอง ซึ่งเวลาเที่ยวจะมีการใส่ชุดว่ายน้ำหลายรูปแบบมาก เราก็จะเอาชุดเราไปทดลองใส่ในสถานการณ์ต่างๆ ว่ามันเพิ่มอะไรได้อีก
สมมติเราไป beach ก็จะดูว่าที่นี่มีคัลเจอร์ประมาณนี้ เราควรใส่ชุดแบบไหน หรืออย่างผ้ามัดย้อมเป็นผ้าที่ใส่ในประเทศไทยที่อากาศร้อนได้ แต่เราจะคิดมุมกลับว่าถ้าเอาผ้ามัดย้อมไปทำชุดทั่วไปแล้วใส่ที่อังกฤษซึ่งอากาศเย็นกว่านี้ มันจะโอเคมั้ย ใส่แล้วจะแมทช์แบบไหนดีให้เข้ากับ context ของที่นู่น เอาชุดไปมิกซ์แอนด์แมทช์กับชุดว่ายน้ำได้ยังไงอีกบ้าง สิ่งที่เราถนัดคือการมิกซ์แอนด์แมทช์ให้เกิดแบบใหม่และมีคอนเซปต์หลักอย่างหนึ่งก็คือ ต้องเป็นสิ่งใหม่ที่ยังไม่เคยเห็นใครทำหรือไม่มีคนเคยทำมาก่อน เราเลยอยากทำ
เห็นที่ป้ายชุดว่ายน้ำเขียนว่า Wear it Everywhere Not Just in Water!. คุณตั้งใจทำชุดว่ายน้ำที่ใส่มิกซ์แอนด์แมทช์ได้ทั้งบนบกและในน้ำตั้งแต่แรกเลยไหม
ตอนแรกเราคิดแค่จะทำชุดว่ายน้ำ ไม่ได้คิดขนาดนั้น แต่พอเที่ยวบ่อยก็แอบคิดในใจว่าเราจะใส่ไปไหนได้อีก อย่างรุ่น boogie ได้แรงบันดาลใจมาจากตอนที่เราไปพะงันกับกลุ่มเพื่อน การเที่ยวที่พะงันจะเป็นแบบ island hopping คือเราจะไปหาดนี้ก่อน แล้วไปคาเฟ่ต่อ แล้วไปอีกหาด ต่อด้วยกินข้าวและเที่ยวกลางคืนต่อ เลยรู้สึกว่าอยากได้ชุดว่ายน้ำที่ใส่ได้ทั้งวันหนึ่งชุดเลยไม่ต้องเปลี่ยน เพราะเราขี้เกียจถือของ เราก็เลยออกแบบมาให้ใส่หลายแบบ
โจทย์ที่เราอยากทำคือ หนึ่ง ต้องดูไม่ค่อยเป็นชุดว่ายน้ำมาก เพราะถ้าจะใส่บิกินี่ไปนั่งที่ร้านอาหารเลยก็คงรู้สึกแปลก เราก็เลยมาดูทรงชุดก่อน เลือกแพทเทิร์นให้ดูไม่เป็นชุดว่ายน้ำเกินไปเพื่อที่ทีนี้จะไปไหนมาไหนด้วยชุดนี้ก็ดูไม่แปลกและยังลงไปว่ายน้ำได้ แล้วก็เลือกผ้าที่ไม่ได้ดูเป็นชุดว่ายน้ำขนาดนั้น เป็นผ้าที่มี texture แต่ยังคงคุณสมบัติผ้าว่ายน้ำตรงที่มีความยืดหยุ่นและแห้งไว ต้องมีช่องใส่ฟองน้ำ ลองเอาไปว่ายแล้วต้องพอดีตัว
พอหลังๆ ก็เริ่มเป็นคอนเซปต์ที่ชัดเจนว่าใส่ได้ทั้งบนบกและในน้ำและมีชุดแบบนี้ออกมาอีกเรื่อยๆ เราอยากต่อยอดให้เอาไปใส่ในโอกาสอื่นได้ แต่ฟังก์ชั่นพื้นฐานของชุดว่ายน้ำก็ยังต้องอยู่ อย่างน้อยต้องถูกทดลองเอาไปว่ายน้ำก่อน ก็คือต้องว่ายน้ำรอดแน่นอน
คุณถ่ายทอดความเป็นตัวคุณออกมาเป็นลวดลายศิลปะบนชุดว่ายน้ำยังไง
อย่างรุ่น boogie เราก็คิดว่าอยากทำลาย stripe เพราะยังไม่เคยทำ แล้วมันก็น่าสนใจดี ตอนที่คิดไอเดียว่าอยากทำลายนี้ ก็ไม่ได้ดูคนอื่นมานะ เราจะถนัดเรื่องการใช้คู่สีว่าคู่สีไหนเหมาะกับอะไรดี ซึ่งเราก็ลองคิดคู่สีมาเยอะ หลายสิบคู่แล้วก็ฟีดแบ็กส่งไปส่งมากับโรงงาน พัฒนาจนออกมาเป็นสองสีสุดท้ายที่คิดว่าสวยและใหม่ เหมาะกับ Asian skin tone color แล้วพอได้ชุดที่หนึ่ง ก็พัฒนาต่อไปเป็นชุดที่สอง สาม และสี่ ที่ต่อยอดไปเรื่อยๆ
อย่างรุ่นนี้เราเลือกใช้เทคนิคการปรินต์แบบโรตารีปรินต์เพราะ Aprilpoolday ชอบทำงานคราฟต์ ถ้าสังเกตภาพวาดบนชุดว่ายน้ำของเราจะไม่ค่อยเป็นลายเส้นดิจิตอล แต่จะวาดมือลงกระดาษ เอาไปแสกน แล้วก็ค่อยเอาไปทำลายผ้า ความเป็น Aprilpoolday คืองานคราฟต์ ทั้งชุด อาร์ตเวิร์กและมีเดียที่ออกมา
แล้วคุณถ่ายทอดความคราฟต์ผ่านอาร์ตเวิร์กและมีเดียยังไง
เราทรีทภาพถ่ายแฟชั่นชุดว่ายน้ำเป็นการนำเสนอศิลปะในอีกรูปแบบหนึ่ง ส่วนใหญ่เราทำงานกับช่างภาพที่ไม่ได้เป็นช่างภาพแฟชั่นโดยตรงแต่จะเป็นอาร์ตติส ซึ่งอาร์ตติสก็จะมีไอเดีย มุมมองและคัลเจอร์ของเขา ก็ต้องเปิดพื้นที่ให้เขาเยอะๆ ในการคิด จะคุยกันคร่าวๆ ว่าคอนเซปต์ชุดเป็นประมาณไหน จูนให้มองภาพตรงกัน แล้วก็ปล่อยให้เขาทำงานเองเลย พอช่างภาพมาจากหลากหลายชาติ มุมมองที่ได้ก็จะแปลกใหม่ตามไปด้วย แต่ถ้าบางครั้งที่คนถ่ายไม่ได้เป็นอาร์ตติสแต่เป็นช่างภาพที่เน้นถ่ายรูปเลย คอนเซปต์ก็อาจจะมาจากเราเยอะหน่อย แล้วแต่ว่าเราทำงานกับใคร
คอลเลกชั่นมาสเตอร์พีซของ Aprilpoolday ในปีนี้ที่แบรนด์โตแล้วแตกต่างจากคอลเลกชั่นแรกสุดยังไงบ้าง
Forever เป็นคอลเลกชั่นครบรอบ 10 ปีของแบรนด์ที่พัฒนามาจากคอลเลกชั่นแรกชื่อ Volleyball และ Tennis รุ่นขอบขาว ไอเดียของคอลเลกชั่นนี้คือเราอยากบอกว่าตอนนี้เราโตขึ้นมา 10 ปีแล้ว จากเมื่อตอนที่เราอายุ 25 แล้วเคยมีรุ่นที่เป็น timeless piece ของเราเมื่อตอนนั้น แต่วันนี้เราโตขึ้นมากๆ แล้วและเราอยากที่จะนำกลิ่นอายของคอลเลกชั่นแรกกลับมาเป็นเราในเวอร์ชั่นที่โตขึ้น
พอเรามีความรู้ในการทำชุดว่ายน้ำที่สั่งสมมาตลอด 10 ปี เราก็เรียนรู้เทคนิคมากมาย เรารู้ว่าข้อเสียของชุดรุ่นแรกคืออะไร แล้วก็เอามาเพิ่มเทคนิคต่างๆ ที่แอดวานซ์ขึ้นมากๆ ใช้ผ้าที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ซัพพอร์ตทั้งคนอกเล็กและอกใหญ่จากที่รุ่นแรกอาจจะไม่ซัพพอร์ตคนที่อกใหญ่มากๆ รุ่นนี้เราใช้เทคนิค scallop ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทำยากมาก พัฒนาอยู่ประมาณ 3 เดือน เพราะมันเป็นเทคนิคโอกูร์ตูร์แบบฝรั่งเศสสมัยก่อน พัฒนาเทคนิคการเย็บผ้ามาอีกหลายเวอร์ชั่นให้คนใส่แล้วหุ่นสวย ใช้เทคนิค closet ที่ช่วยดึงให้เอวเล็กเท่าไหร่ก็ได้คล้ายเทคนิคในการทำเสื้อผ้าแนวโอกูตูร์
ที่ผ่านมาคุณปิ๊งไอเดียชุดว่ายน้ำที่ไม่ซ้ำใครแบบไหนบ้างและปิ๊งไอเดียเหล่านั้นได้ยังไง
เราจะคิดไว้ในหัวตอนดีไซน์เลยว่านอกจากว่ายน้ำจะใส่ไปไหนได้อีก แล้วก็คิดต่อยอด on top จากความรู้เดิมที่มีไปเรื่อยๆ โดยชุดหนึ่งก็ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน อย่างตอนที่ทำ Smoggie เพราะยังไม่มีใครทำเทคนิคสม็อกกับชุดว่ายน้ำ หรือชุดว่ายน้ำทรงเสื้อโปโลก็ทำตอนปีที่ 5 ของแบรนด์ ตอนที่ยังไม่มีใครทำชุดว่ายน้ำทรงนี้ เราคิดถึงสปอร์ตคลับตอนเช้าก็เลยอยากลองทำเทคนิคโปโลดู มันก็ทำไม่ได้ง่าย เพราะชุดว่ายน้ำมันต้องเป็นผ้ายืด ต้องทดลองเทคนิคเยอะว่าจะทำยังไงให้ออกมาเนี้ยบ จะอัดผ้ากราวน์หรือจะต่อผ้าดี เป็นต้น
ถ้าย้อนกลับไปถึงออริจินอลคอลเลกชั่นรุ่นแรกที่มี 2 ดีไซน์คือ Volleyball กับ Tennis ตอนนั้นเราไปมิวเซียมที่เล่าประวัติของชุดว่ายน้ำแล้วพบว่าชุดว่ายน้ำรุ่นแรกๆ ของโลกจะมีขอบขาว เพราะตอนนั้นยางยืดเพิ่งถูกพัฒนาขึ้นมา เลยต้องใส่ยางยืดรอบๆ ตรงขอบชุดเพื่อให้ชุดพอดีตัว แต่ตัวผ้าจริงๆ ยังไม่มีความยืดหยุ่น ก็เลยเป็นแรงบันดาลใจในการทำชุดที่มีขอบขาว
พอออกแบบชุดว่ายน้ำเสร็จ ต้องคำนึงถึงอะไรอีก
สุดท้ายคือราคาที่เข้าถึงได้ เราไม่รู้ว่าคนอื่นมองว่าแบรนด์เราแพงหรือเปล่า แต่เรารู้ว่าสำหรับชุดว่ายน้ำแบบนี้ที่ผ่านการพัฒนามาเยอะและใช้วัสดุดี ถ้าไปขายที่ยุโรปก็ราคา 7-8 พัน เพราะต้นทุนมันสูงมาก
เราพยายามทำราคาที่เข้าถึงได้สำหรับคนไทยที่สุดแล้ว
ตั้งแต่ทำแบรนด์มา ลูกค้าในตลาดชุดว่ายน้ำมีความชอบเปลี่ยนไปยังไงบ้าง
ตอนที่เราเริ่มทำคนไทยยังไม่นิยมใส่แฟชั่นชุดว่ายน้ำไปทะเลด้วยซ้ำ ยังใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นกันอยู่เลย เพราะตอนนั้นยังไม่ค่อยมีใครทำแบรนด์ชุดว่ายน้ำเลย ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ที่อยู่ในห้างอย่าง Speedo, Roxy, Quicksilver แล้วก็จะมีแบรนด์จากจีนที่ราคาถูกไม่กี่แบรนด์ แต่มันไม่มีแบรนด์ตรงกลาง
ส่วนเราชอบสไตล์ความเป็นเรโทรแต่ก็ไม่สามารถใส่ชุดว่ายน้ำของเมืองนอกได้ เพราะว่า sizing หรือ body type มันไม่เหมือนกัน
แต่มาทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปจากวันนั้นมาก สำหรับประเทศไทย คนกล้าใส่ชุดว่ายน้ำเซ็กซี่ขึ้นมากและใส่หลากหลายรูปแบบมากขึ้น แต่ที่ต่างประเทศอย่างเกาหลีก็ยังมีความอนุรักษ์นิยมกว่าไทยมาก คนเกาหลียังชอบใส่แบบ lowcut และยังไม่ชอบเซ็กซี่มากนัก คนจีนก็ยังชอบแบบเรียบร้อยกันอยู่มาก
แล้วตลอด 10 ปีที่ผ่านมา แบรนด์เติบโตขึ้นยังไงบ้าง
Aprilpoolday เป็นแบรนด์ที่ดึงคนที่มีความชอบและความสนใจคล้ายกันเข้ามาทำให้แบรนด์โตแบบออร์แกนิก ด้วยความที่เราเป็นคนไม่กลัวในการลองสิ่งใหม่และลงมือทำจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ โดยที่ไม่คิดว่าจะต้องประสบความสำเร็จใหญ่โตรึเปล่า จากที่เคยมีกลุ่มลูกค้า niche แค่ไม่กี่คนที่ชอบ มันก็โตขึ้นเรื่อยๆ แบบออแกร์นิก ทำให้คนหลายประเทศมารวมอยู่ในคอมมูนิตี้เราได้โดยที่ไม่ได้ทำการโปรโมทเยอะ ตอนนี้ลูกค้าเรามีทั้งคนไทย เกาหลี ไต้หวัน จีน รวมทั้งประเทศอื่นๆ จากหลากหลายชนชาติ และยังวางขายที่ selected shop หลายประเทศ สำหรับซัมเมอร์นี้ช่องทางออฟไลน์มีขายที่เกาหลี เช่น Minjie Showroom, Playce.market, ร้านป๊อปอัพที่ Itaewon และ Marowe Okinawa ที่ญี่ปุ่น
พอมีลูกค้าหลายประเทศมากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงของ Aprilpoolday คืออะไร
พอลูกค้ากว้างขึ้น มุมมองของเราก็กว้างขึ้น จากวันที่เราเคยมีเพื่อน มีลูกค้าอยู่ไม่กี่คนที่ชวนกันคุยในกลุ่มเล็กๆ ว่าลองทำแบบนั้นแบบนี้สิ พอลูกค้ากว้างขึ้น เราก็ได้ฟีดแบ็กเยอะขึ้นว่าคนแต่ละประเทศชอบแบบไหน มันคือสปิริตของแบรนด์ด้วยที่อยากรู้ว่าคนแต่ละประเทศคิดยังไงและทำให้มีฐานข้อมูลเพิ่มขึ้น ได้เอามาช่วยกันพัฒนาโปรดักต์แล้วก็ได้พัฒนาความเข้าใจของคนที่ใส่ชุดว่ายน้ำในสไตล์แบบนี้มากขึ้นด้วย
ดาต้าจากฐานข้อมูลที่ว่าช่วยให้ออกแบบชุดว่ายน้ำได้ถูกใจคนยังไง
ทำให้ได้ชุดว่ายน้ำที่ใส่ออกมาแล้วสวยจริงบนตัวคน เราอาจจะไม่ได้พูดออกไปชัดเจนเพราะในรูปถ่ายจะเห็นนางแบบตัวเล็กเยอะ แต่ความจริงแล้วเราทดลองแบบแต่ละไซส์กับทุกหุ่น เพื่อให้มั่นใจว่าคนเอเชียส่วนใหญ่จะใส่แล้วสวยจริงๆ แล้วเราจะเก็บข้อมูลตารางสัดส่วนของแต่ละคนไว้ว่าใส่ชุดไซส์ไหนแล้วออกมาเป็นยังไง ถ้าคนนี้มีขนาดรอบอกเท่านี้ บราคัพเท่านี้ อันเดอร์บราเท่านี้ ใส่ออกมาแล้วจะออกมาเป็นยังไง โอเคไหมทั้งด้านความสวยและฟีลลิ่งของคนใส่
ตอนแรกที่เรามีความรู้ผิวเผินในการทำชุดว่ายน้ำ เราก็จะคิดว่าคนเอเชียมีหุ่นคล้ายกัน แต่ความจริงแล้ว ในรายละเอียดจะไม่เหมือนกัน การสะสมดาต้าที่เยอะมากทำให้เรามีคลังข้อมูลสำคัญสำหรับนำไปใช้ เวลาพัฒนาโปรดักต์ เราก็จะคิดตามฐานข้อมูลที่กว้างขึ้นเหล่านี้ เอาข้อมูลสำคัญทุกอย่างออกมาใช้ในการออกแบบชุด ทั้งในเรื่อง body type, sizing, culture ในการใส่ชุดว่ายน้ำของแต่ละประเทศที่เป็นลูกค้าเรา พอทำไปเรื่อยๆ เราจะรู้ว่าถ้าเป็นชุดแบบนี้ คนไต้หวันต้องใส่ไม่ได้แน่เลย แล้วก็ดูว่าคนหุ่นหลายแบบมาใส่แล้วสวยไหม คนตัวสั้นหรือตัวยาวใส่แล้วจะเป็นยังไง ไม่ใช่ใส่ออกมาแล้วต้องไปรีทัชรูป
อย่างกางเกง biker short ถ้าทำแพทเทิร์นไม่ดีมันจะเข้าเป้า แต่อันนี้เป็นแพทเทิร์นที่ทดลองมาแล้วว่าใส่แล้วมันจะไม่เข้าเป้า เรารีเสิร์ชว่าความยาวเท่าไหร่ที่ใส่แล้วสวย หุ่นคนไทยจะสวยที่ความสั้นเท่านี้ ก็เลยเลือกความสั้นเท่านี้
อนาคตอยากขยายการขายไปนอกแถบเอเชียไหม
เราก็มีแผนที่อยากขยายออกไปต่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย เพราะเราชอบท่องเที่ยวและชอบรู้จักคนใหม่ๆ ตามเนเจอร์ของเราและแบรนด์แต่ด้วยความที่ body type ที่เราถนัดคือคนเอเชีย ถ้าเราจะกระโดดไปตลาดยุโรปก็ต้องใช้เวลาพัฒนาอีกพอสมควร เพราะมันคือ completely different story ถึงแม้จะเป็นการใส่ชุดว่ายน้ำเหมือนกัน แต่หุ่นและคัลเจอร์ก็ต่างกันหลายอย่างมากๆ เลยอาจจะจับกลุ่มเอเชียนเป็นหลักก่อน ความจริงตอนนี้ลูกค้าเรามีมาจากทั่วโลกนะ แต่จะเป็นคนเอเชียที่อยู่ในแต่ละประเทศอย่างอเมริกาหรือยุโรปที่สั่งเข้ามา
จะเห็นว่าเวลา Aprilpoolday ออกคอลเลกชั่นใหม่มักปังตลอด มีอะไรที่เคยลองทำแล้วไม่เวิร์กบ้างไหม
จะบอกว่าความจริง 90% ของสิ่งที่เราทำมันก็ไม่ได้เวิร์กนะ ที่เห็นอยู่คือ tips of the iceberg ก่อนจะออกสินค้าเราทำมาประมาณร้อยแบบ ที่แขวนอยู่ซึ่งไม่ได้ขายจริงตั้งเยอะแยะ เราฟิลเตอร์เยอะมากกว่าจะออกมาเป็นตัวสุดท้าย ขนาดเหลือ 10% ที่เรามั่นใจว่าเวิร์ก ก็มีออกมาแล้วไม่เวิร์ก มันก็เป็นไปได้ แต่เพราะเราโคตรมั่นใจว่าโปรดักต์เราดี เราผ่านการลองมาเยอะมากเป็นเป็นร้อยคนและใส่เองอีก 5 ก่อนออกมา ดังนั้นถ้ามันไม่เวิร์กแสดงว่าต้องมีเหตุผลอื่น เช่น สื่อสารได้ไม่ดี ขายไม่ตรงจุดที่อาจจะต้องไปแก้
เวลาฟีดแบ็กออกมาไม่เวิร์กอย่างที่คิด คุณทำยังไงต่อ
เราต้องฟิลเตอร์ว่าฟีดแบ็กไหนควรนำไปใช้ต่อ ตอนที่เริ่มทำเสื้อยืดเพราะเราคิดว่าถึงเสื้อยืดจะมีในตลาดเยอะมากก็จริง แต่เราไม่เคยใส่เลยเพราะแพทเทิร์นไม่สวย เราเลยเริ่มทดลองว่าคนแบบไหนใส่เสื้อยืดแล้วสวย ซึ่งได้คำตอบว่ามันไม่มีสูตรสำเร็จ เพราะหุ่นแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนไหล่กว้าง หรือเสื้อบางตัวเราใส่สวยแต่คนอื่นใส่ไม่สวย เขาอาจเหมาะกับอีกทรงไปเลยมากกว่า
เคยได้ฟีดแบ็กว่าเสื้อยืดของเราแพงเกินคุณภาพ ซึ่งเรารู้ว่าไม่จริงเพราะเราเลือกผ้าคัตตอนคุณภาพดีที่มีราคาแต่มันจะมีแฟกเตอร์หลายอย่าง เช่น รูปถ่ายที่ถ่ายออกมาได้ไม่ดี หรืออาจสื่อสารได้ไม่ดี หรือแวบแรกบางคนเห็นผ้าบางก็จะรู้สึกว่าถูก ซึ่งที่จริงเราใช้ผ้าบางที่ทน ระบายอากาศดี ใส่สบาย ในขณะเดียวกันถ้าอะไรทีีทำแล้วฟีดแบ็กไม่ดีจริง เราก็ต้องรู้ตัวว่าไม่ดีจริง แล้วเอากลับมาปรับปรุง
ย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้วตอนที่ Aprilpoolday แจ้งเกิดทางออนไลน์ เคล็ดลับในการแจ้งเกิดคืออะไร
แม้ Aprilpoolday จะโตมากับช่องทางออนไลน์ แต่ความจริงเราเป็นคนที่ไม่เคยซื้อของออนไลน์เลย จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ซื้อ ด้วยความที่เป็นคนพิถีพิถัน ไม่ได้ซื้อของแพงแต่อยากไปลองว่าเราใส่สวยหรือเปล่าเพราะบางทีนางแบบใส่สวยแต่เราไม่ได้หุ่นแบบนั้น เราเลยรู้ว่าอันนี้คือ pain ของเรา ดังนั้นเวลาขายออนไลน์เราเลยเน้นบริการเพื่ออุดช่องโหว่ของการที่ไม่ได้ลอง เทรนแอดมินให้อธิบายได้อย่างละเอียดว่าถ้าลูกค้าสัดส่วนเท่านี้ ใส่ไซส์นี้ออกมาแล้วจะมั่นใจได้ เราก็เลยถนัดกับการขายออนไลน์โดยที่ตัวเองไม่ซื้อของออนไลน์เลย
การเป็นแบรนด์ดังที่โตแบบออร์แกนิกทำให้คุณขายชุดว่ายน้ำง่ายขึ้นยังไง
จะมีร้าน selected shop จากต่างประเทศที่อยากได้ชุดว่ายน้ำของเราไปวางขายแล้วเข้าหาเราเอง เขาตามแบรนด์เรามานานแล้วจากช่องทางออนไลน์ รู้ว่าสไตล์เราเป็นยังไง ก็เลยไม่ต้องแนะนำมาก แต่เราก็มีเข้าหาร้านอื่นๆ เองอยู่เหมือนกันที่เราต้องอธิบายให้เขาเห็นชัดเจนว่าจุดเด่นและยูนีคพ้อยท์ของเราคืออะไร
ที่ผ่านมาการขายออนไลน์กับออฟไลน์ผ่าน selected shop งานแฟร์ และป็อปอัพช็อปแตกต่างกันยังไง
ฐานลูกค้าไม่เหมือนกัน เราจะรู้ว่าบางชุดขายทางออนไลน์ดี แต่บางชุดขายออฟไลน์จะดีกว่า บางรูปมีภาพที่เด่นมาก คนเห็นแล้วชอบ แต่บางชุดจะดูเบสิก เพลนๆ แต่ถ้าได้ลองถึงจะรู้ว่าใส่ออกมาแล้วหุ่นสวยมาก แพทเทิร์นดีมาก ซัพพอร์ททั้งคนอกเล็กและอกใหญ่ ด้านข้างตัวก็ทำคัตติ้งเป็นผ้าอีกหนึ่งชิ้นเพื่อให้เอวดูเล็ก ซับในแทนที่จะใส่แบบธรรมดา ก็จะใส่เป็นสเตย์ เพื่อใส่แล้วจะเก็บหุ่นได้เป๊ะ พอใส่ออกมาแล้วสวยมาก แค่มันอาจจะดูไม่ได้พิเศษอะไรในรูป คนออนไลน์กับออฟไลน์ก็จะเห็นต่างกันและเวลาไปป๊อปอัพ มันก็มีความสนุกเพิ่มขึ้นมาตรงที่เราได้ออกแบบประสบการณ์ทั้งเพลงและบรรยากาศ
แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณเสต็ปอัพมาเปิดร้านแฟล็กชิปสโตร์ในปีนี้
ที่ผ่านมาไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยเพราะว่าเราสนใจแต่เรื่องดีไซน์และการเปิดร้านทำให้งานเยอะ ตอนแรกเราเคยอยู่ออฟฟิศเก่าที่เล็กกว่านี้ เป็นห้องหนึ่งห้องซึ่งลูกค้าต่างชาติจะชอบแวะมาหา พอเขารู้จักแบรนด์เราอยู่แล้ว เวลามาไทย เขาก็รู้สึกว่าต้องมาหาเราที่นี่ เราก็นั่งทำงานแล้วก็หยุดไปรับลูกค้า ช่วงแรกๆ ก็งงนะว่าทำไมมีลูกค้ามาหาที่ออฟฟิศทีละคนสองคน สักพักพอแบรนด์โตขึ้น เราก็คิดว่าการที่ออฟฟิศอยู่ที่เดียวกับที่ลองชุดทำให้ทำงานไม่ได้ก็เลยย้ายมาที่นี่ ตอนแรกก็มีที่ให้ลูกค้าขึ้นมาลองชุดที่ชั้นสองก่อนซึ่งเป็นชั้นของออฟฟิศและเตรียมทำหน้าร้านข้างล่าง
อย่างที่เล่าไปว่าเราคือคนที่สร้างสิ่งใหม่บนสิ่งเก่า โครงบ้านนี้เป็นโครงเก่าอยู่แล้ว เราก็ทุบบางส่วนแล้วสร้างสิ่งใหม่ที่มีความคอนทราสต์ลงไปบนสิ่งเก่า พอคนมาที่นี่ก็จะได้ประสบการณ์ของ Aprilpoolday ที่มากกว่าแค่โปรดักต์ ทั้งเพลง พนักงาน แมวที่เราเลี้ยงก็เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ เวลาคนมาก็จะถ่ายรูปกับแมวตลอด ตอนกลางคืนก็มีมุมเล็กๆ ที่ทำเป็นบาร์และดีเจ ทำเป็นคอมมูนิตี้ของคนรักศิลปะ
ทุกวันนี้ความท้าทายในการทำ Aprilpoolday คืออะไร
จริงๆ ทุกวันมันมีความท้าทายใหม่ ตื่นเช้ามาก็เจอเรื่องใหม่ เพราะว่าเราทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้ย่ำอยู่กับที่ พอเปิดหน้าร้านก็เจอปัญหาใหม่ พอแบรนด์ขยายใหญ่ขึ้น ก็มีลูกค้าแปลกใหม่เข้ามา หรือสต็อกเพิ่มขึ้น ก็เจอปัญหาใหม่ มันก็มีปัญหาใหม่มาทุกวันนั่นแหละ
ซึ่งพอแบรนด์โตขึ้น มันก็อยู่นอกเหนือประสบการณ์ชีวิตที่เรามี สิ่งที่เราทำคือปรึกษาคนที่เขามีประสบการณ์มาก่อนเรา เช่น คนที่เก่งธุรกิจ ผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน เพื่อนที่มีประสบการณ์ด้านอื่นที่เก่งกว่าเรา แล้วก็เอาข้อมูลจากเขามาเพื่อนำมาปรับใช้ ก็ต้องรีเฟรชชิ่งตัวเองอยู่เรื่อยๆ และต้องไปเที่ยวหาแรงบันดาลใจเรื่อยๆ เพราะ Aprilpoolday ไม่ได้เป็นธุรกิจที่ทำชุดว่ายน้ำเพราะเทรนด์ชุดว่ายน้ำกำลังมา เราทำเพราะมีแพสชั่นในการทำธุรกิจในทุกๆ วัน