Wonderfruit 2025
คุยกับพีท ประณิธาน ก่อนไป Wonderfruit ถึงมิติใหม่ทางวัฒนธรรมที่ผสานศิลปะข้ามศาสตร์
หลายคนอาจมีภาพจำว่า Wonderfruit คือเทศกาลดนตรีที่รวมตัวคนเก๋แต่งตัวมีสไตล์มาพบกัน แต่แท้จริงแล้ว จุดเริ่มต้นของงานนี้เกิดจากความเชื่อว่า วัฒนธรรม ศิลปะ และธรรมชาติ สามารถเป็นแรงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงได้
ไม่ว่าจะเป็นการนำธรรมชาติมาผสานกับธรรมะ สร้างสรรค์เสียง เพื่อเล่าเรื่องของ wellness และศาสนา นำพระ ศิลปิน และนักวิจัยมาร่วมงานกัน สร้างคอนเสิร์ตหมอลำที่สนุกและร่วมสมัย ถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นผ่าน chef’s table และสถาปัตยกรรมที่เต็มไปด้วยความหมาย
ในโอกาสครบรอบ 10 ปีของ Wonderfruit ซึ่งจัดขึ้นทุกเดือนธันวาคมที่ชลบุรี พีท–ประณิธาน พรประภา ผู้ก่อตั้ง เล่าว่า นับจากนี้ Wonderfruit จะไม่เป็นเพียงเทศกาลที่เกิดขึ้นปีละครั้งอีกต่อไป แต่จะกลายเป็น ‘แพลตฟอร์มทางวัฒนธรรม’ (Cultural Platform) ที่มีกิจกรรมและโปรเจกต์เกิดขึ้นตลอดทั้งปี โดยถ่ายทอดผ่าน ethos หลักสามแกนคือ Mind, Nature และ Sound
ชวนฟังพีทเล่าถึงกลไกเบื้องหลังการขับเคลื่อนแพลตฟอร์มนี้ ตั้งแต่การพัฒนา The Fields แห่ง Siam Country Club ให้เป็นป่าแห่งการเรียนรู้และพื้นที่ฟื้นฟูธรรมชาติ ไปจนถึงวิสัยทัศน์การสร้างเมืองจำลองที่ทำให้ Wonderfruit แต่ละปีเต็มไปด้วยเวที โรงละคร ป่า หมู่บ้าน และสเปซสร้างสรรค์ที่ขยายขอบเขตจินตนาการอย่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้เฟสติวัลระดับโลกในต่างประเทศ

Dhamma + Music + Art สร้างสรรค์ข้ามศาสตร์สู่พรมแดนใหม่
โปรแกรมและกิจกรรมต่างๆ ของ Wonderfruit ยึดหลักการข้ามศาสตร์อย่างสร้างสรรค์ โปรเจกต์อย่าง Sonic Minds ตั้งใจสร้างเสียงที่สะท้อนสิ่งแวดล้อม ทั้งธรรมชาติ บ้าน อาคาร social space หรือแม้กระทั่งการนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาแปลงเป็นเสียงและสื่อในรูปแบบร่วมสมัย เพื่อสำรวจว่าเสียงส่งผลต่อร่างกายและจิตใจเรายังไง
ความสนุกของเทศกาลคือการไม่จำกัดกรอบว่าอยากร่วมงานกับนักสร้างสรรค์ศาสตร์ไหนเป็นพิเศษ เพราะทุกการร่วมมือมักเกิดจากความสนใจร่วมกันโดยธรรมชาติ เช่น Baan Bardo พื้นที่ซึ่งเป็น theatre จากการร่วมมือของกลุ่มที่อยากทำ meditation retreat ให้ร่วมสมัยขึ้น จึงทำงานร่วมกับสถาปนิกที่ทำงานวิจัยด้านเขาวงกบจากวัดต่างๆ กลายเป็นพื้นที่แห่งการทดลองที่เชื่อมโยงศิลปะกับสมาธิเข้าด้วยกัน
“ประเทศไทยมีวัฒนธรรมเยอะ ทั้งเรื่องศาสนาและ the practice of Buddhism (วิถีปฏิบัติแบบพุทธ) แต่บางครั้งคนรุ่นใหม่อาจรู้สึกว่าเข้าถึงยาก เราเลยอยากหยิบสิ่งเหล่านี้มาเป็นต้นแบบของการสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นหนัง ดนตรี หรือเสียง”
Wonderfruit ยังอยากขยายแนวคิด wellbeing ให้กว้างกว่าสุขภาพเชิงวิทยาศาสตร์ที่จริงจัง ผ่านการสอดแทรกจินตนาการด้วยไอเดียแปลกใหม่อย่าง Music for Rest Rooms ที่ชวนศิลปินและนักวิจัยมาร่วมกันออกแบบเสียงสำหรับห้องน้ำ จากแนวคิดที่ว่า เสียงที่ฟังในห้องน้ำทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้
นอกจากเทศกาลรายปีแล้ว ต่อไปทิศทางของ Wonderfruit จะขยายรูปแบบการเล่าเรื่องผ่านโลกออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น พ็อดแคสต์ The Pineapple Eyes ค่ายเพลง Field Tapes ไปจนถึงหนังสั้นที่พูดถึงหมอลำและคำสอนของพระพุทธเจ้า


Living Culture คืนความลึกและไม่เฝือให้ศิลปะ
ในแง่ศิลปะ พีทไม่ได้มองศิลปะในเทศกาลเป็นแค่ decorative art เพื่อความสุนทรีเท่านั้น แต่มองศิลปะเป็น discipline หรือ practice (วิถีปฏิบัติ) ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรม
“ผมว่า art เป็น culture เหมือนกันนะ แต่พอใช้คำนี้แบบสิ้นเปลือง มันก็เหมือนคำว่า sustainability ที่พอใช้กันเยอะๆ ศรัทธามันก็หายไป” ในอดีต คนไทยมักเข้าใจว่าศิลปะเป็นเพียงภาพวาด แต่วันนี้จะเห็นได้ว่ารูปแบบของศิลปะหลากหลายขึ้น จะเห็นได้จาก Wonderfruit ที่มีทั้ง installation, interactive art, performative art รวมถึง art of food และ music
“เราก็เลยสนใจ cultural platform ซึ่งคล้ายกับการทำสถาบันศิลปะ เพื่อจะหาวิธีเอาหลายศาสตร์มารวมกัน และคิดว่าจะทำยังไงให้คนเข้าถึงศิลปะได้ง่ายขึ้น เพราะบางครั้งศิลปะก็เข้าถึงยาก พอมันเกี่ยวข้องกับเงินหรือสเตตัสก็ทำให้ศิลปะดูน่าเบื่อไป เพราะเมื่อคนไม่ได้แตะต้องศิลปะ มันก็อยู่แค่ในสังคมกลุ่มเล็ก ๆ ผมไปดูพวกเทศกาลศิลปะ Biennale ก็ได้ไอเดียว่ารูปแบบงานแบบนี้น่าสนใจ แต่สำหรับคนไทยก็อาจยังเป็นเรื่องใหม่อยู่บ้าง”

Ancestral Forest ป่าแห่งภูมิปัญญาที่สอนเรา
พีทเล่าว่า พื้นที่กว่า 500 ไร่ของ The Fields ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้เป็นพื้นที่มีชีวิตที่ไม่เพียงเต็มไปด้วยงานศิลปะและสถาปัตยกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจ แต่ยังตั้งใจให้เป็นแหล่งเรียนรู้ว่ามนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน
ตั้งแต่ปีแรก Wonderfruit วางแนวทาง Zero Landfill 100% และระบบรีไซเคิลครบทุกขั้นตอน พร้อมทำ carbon offset (การชดเชยคาร์บอน) ผ่านการปลูกป่าในโครงการ Ancestral Forest ที่เริ่มต้นจากการศึกษาพันธุ์ไม้กว่า 70 ชนิด และปลูกต้นไม้ไปแล้วเกือบ 30,000 ต้น รวมถึงป่ายางนา 3,000 ต้น และสร้างหมู่บ้านสมุนไพร (Medicinal Plant Village) เพื่อตั้งใจให้เป็นป่าแห่งการเรียนรู้

“ผมเชื่อว่ามันต้องทำสองอย่างพร้อมกัน คือทั้งอนุรักษ์และฟื้นฟู นั่นคือเหตุผลที่เราชอบปลูกป่ามาก และอยากทำให้ป่าเป็นจุดเรียนรู้ ไม่ใช่แค่ป่าที่คนเข้าไปไม่ได้ แต่คนต้องสนุกกับมันได้ ต้องเรียนรู้จากมัน ต้องมีอาหารจากป่า ป่าต้องเป็นยาที่มาบำบัดเรา”
หมู่บ้านสมุนไพรจึงเกิดจากการตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และการอยากอนุรักษ์ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยโบราณ “พอมองไปที่ระบบโรงพยาบาลของบ้านเรา เราเดินตามฝรั่งมากไปนิด เป็นอะไรก็กินยา ฉีดวัคซีน เราเลยอยากเป็นกระบอกเสียงให้คนลองกลับมาศึกษา มาลองดูว่าวิธีอื่น ๆ มันมีอยู่จริง ทำให้เรื่องพวกนี้ดูสนุก เด็กๆ เข้าถึงง่าย”

‘เมืองจำลอง’ ที่สอนว่าโลกไม่ได้มีแค่ขาวหรือดำ
การพัฒนา The Fields เปรียบเสมือนการสร้าง ‘เมืองจำลอง’ ที่สะท้อนภาพจริงของประเทศ ทำให้เห็นทั้งสิ่งที่มี และสิ่งที่ยังขาดซึ่งควรได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม
แม้ตลอดสิบปีที่ผ่านมาที่ทำเทศกาล เทรนด์เรื่อง wellness และ sustainability จะเป็นกระแสเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่สำหรับ Wonderfruit แล้ว แก่นของสิ่งที่ทำไม่เคยขึ้นอยู่กับเทรนด์ “ผมว่า Wonderfruit ไม่ได้คิดเรื่องเทรนด์ขนาดนั้นนะ ถ้าเราพูดถึงความยั่งยืนจริง ๆ มันต้องยั่งยืนหลายอย่าง ทั้งจิตใจ ร่างกาย สังคม และสิ่งที่เราสัมผัส ซึ่งจริงๆ แล้วสิ่งพวกนี้ไม่ควรเป็นเทรนด์ด้วยซ้ำ มันควรเป็นสิ่งที่เรารู้สึกและคิดอยู่แล้ว แต่เราก็ต้องเข้าใจเทรนด์เพื่อสื่อสารให้เข้าถึงคนได้มากขึ้น”




เมื่อพูดถึงแง่คิดจากการบริหาร ecosystem management ของเทศกาล พีทสรุปไว้ชัดเจนว่า “สิ่งที่เรียนรู้ชัดเจนที่สุดคือ เราสร้างหมู่บ้านเองได้ก็จริง แต่ถ้าพยายามอยู่ด้วยตัวเองโดยไม่เชื่อมกับอะไรเลย มันไม่มีทางอยู่ได้ เพราะในความเป็นจริง การเชื่อมกับสังคมและโลกมันสำคัญมาก บ้านเราก็มีหลายภาคส่วน อย่างภาครัฐก็แตกย่อยออกไปอีกเยอะมาก
“มันต้องสร้างสมดุลให้ได้สำหรับทุกส่วน ไม่งั้นจะไม่เกิดความยั่งยืนจริง ๆ และไปค้านกับอะไรบางอย่างตลอด ซึ่งอันนี้ก็เป็นสิ่งที่เรายังเรียนรู้อยู่ แต่สิ่งที่ดีคือมันทำให้เราเข้าใจประเทศ เข้าใจสังคมมากขึ้น บางทีคนเราชอบมองคนอื่นเป็นขาวหรือดำ คือดีกับไม่ดี แล้วด่ากัน แต่พอเข้าใจลึกๆ แล้ว มันไม่ใช่แบบนั้น มันไม่ได้ขาวหรือดำขนาดนั้น ผมว่ามันคือการเข้าใจว่า โลกข้างในเราเชื่อมโยงกับโลกข้างนอกอยู่ตลอด”
หากใครอยากเดินทางไปฟังดนตรีจากศิลปินระดับโลก สัมผัสศิลปะและสถาปัตยกรรม ทานอาหารอร่อยๆ เพื่อเปิดโลกทางวัฒนธรรม เทศกาล Wonderfruit 2025 ที่จัดขึ้นตลอด 5 วันในวันที่ 11-15 ธันวาคมนี้ก็เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ และหากใครอยากเดินทางเพื่อเชื่อมโยงกับโลกภายใน Wonderfruit ก็ทำให้การฮีลใจและดูแลสุขภาพกลายเป็นเรื่องสนุกเช่นกัน
