self-guarantee
Self-health วางแผนทำประกันสุขภาพและประกันอื่นๆ ระดับเริ่มต้น
ช่วงนี้คนไม่สบายเยอะค่ะ ซึ่งตามมาด้วยค่าใช้จ่ายเพื่อการตรวจและรักษาพยาบาลมากมาย มีคำถามจากผู้อ่านว่าด้วยเรื่องการทำประกันสุขภาพและประกันอื่นๆ ที่ไม่ใช่ประกันชีวิต ประกันมีความสำคัญอย่างไร และทำไมเราถึงควรทำประกัน
Wealth Done ตอนที่ผ่านๆ มา เราคุยกันถึงเรื่องการทำให้เงินงอกเงย ซึ่งมีศัพท์ทางการเงินว่า wealth creation คำนี้ยังหมายรวมถึงการนำเงินไปซื้อสินทรัพย์บางอย่าง เกิดเป็นดอกเบี้ยต่างๆ เช่น การซื้อบ้าน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เป็นการทำให้เกิดทรัพย์สินงอกเงย
สิ่งที่สำคัญคือ ทำอย่างไรทรัพย์สินที่เรามีอยู่เหล่านั้นจะไม่เสียไป เรียกว่า wealth protection เป็นเรื่องของการปกป้องสินทรัพย์หรือการทำประกันนั่นเอง
การประกันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร และในสถานการณ์ไหน
สำหรับเหตุการณ์ที่ผลกระทบที่เกิดขึ้นมีน้อยหรือเหตุนั้นเกิดขึ้นบ่อยๆ ประกันจะไม่เข้ามาหรือรับเรื่อง แต่ประกันจะเข้ามามีบทบาทในเรื่องที่ผลกระทบจากเรื่องนั้นใหญ่ และโอกาสที่เกิดขึ้นมีไม่มาก เช่น อุบัติเหตุต่อรถยนต์หรือที่อยู่อาศัย ไม่ว่าเรื่องไฟไหม้หรือการโจรกรรมงัดแงะที่ส่งผลแก่ชีวิต บาดเจ็บทุพพลภาพ เป็นต้น ประกันจะเข้ามามีบทบาทกับเหตุการณ์ในลักษณะนี้
Wealth Done ตอนนี้จะชวนคุยเรื่องศาสตร์ของ wealth protection ว่ามีแบบไหนบ้าง ซึ่งศาสตร์เรื่องการประกันชีวิตเราจะขอแยกเป็นอีกตอนหนึ่งเลย เพราะชีวิตถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของคุณ ทำไมคุณไม่ดูแลสิ่งที่มีค่าที่สุดของคุณก่อน วันนี้เราจะพูดถึงสิ่งที่เป็น non-life เช่น ประกันบ้าน ประกันรถ ประกันวิชาชีพ
เคยได้ยินมั้ยคะ ที่คุณหมอทำงานแล้วมีความเสี่ยงจะถูกฟ้องร้อง หรือวิศวกรไปสร้างตึกแล้วอาจเกิดเหตุการณ์ถล่ม พวกเขาก็จะต้องมีการทำประกันวิชาชีพ อย่างตัวผู้เขียนที่ทำงานในฐานะกรรมการบริษัท ก็ต้องทำประกันวิชาชีพ เพราะถ้าเกิดเหตุอะไรก็แล้วแต่ก็จะมีประกันในเรื่องนี้ไว้
ในส่วนของบุคคลธรรมดาก็จะมี เช่น ประกันสุขภาพ (health insurance) ซึ่งบางคนอาจจะทำประกันสุขภาพรวมไปกับประกันชีวิต สังเกตว่าถ้าเป็นประกัน non-life หรือประกันวินาศภัย จะเป็นการประกันปีละครั้ง ต่ออายุเป็นรายปี สุขภาพก็ประกันรายปีเช่นเดียวกัน เรามักจะพบว่าคนที่อยู่ในช่วงวัยหนุ่มสาวจะมีสุขภาพแข็งแรงจึงไม่ค่อยได้สนใจประกัน หรือถ้าเป็นพนักงานบริษัทก็จะมีประกันสังคม หรือแม้แต่มีสวัสดิการทำประกันสุขภาพกลุ่มเป็นต้น แต่ถ้าใครมีความสามารถเพียงพอ เรากำลังพูดถึงการซื้อประกันสุขภาพเอง ซึ่งขอแนะนำให้เลือกประกันที่เลือกสิ่งที่พรีเมียมได้มากกว่าเช่น ถ้าคุณอยากทำฟันแบบพิเศษ จัดฟัน หรือสุขภาพอื่นๆ ซึ่งมีหลายบริษัทที่เสนอแพ็กเกจประกันสุขภาพลักษณะนี้ ยิ่งไปกว่านั้น การทำประกันยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีก
จริงๆ แล้ว การซื้อประกันสำหรับเราถือเป็น ‘ฮู้’ หรือยันต์ป้องกันภัย เราซื้อประกันเพราะเราไม่อยากให้เกิดเหตุร้ายกับเรา สังเกตมั้ยคะ มันเป็น Murphy’s law ชัดๆ Anything that can go wrong, will go wrong. พอเกิดเหตุที่ไรประกันขาดทุกที
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราอยากให้เกิดที่สุด คือเราไม่ได้ต้องการให้เกิดเหตุร้าย ด้วยการจ่ายเงินสักเพียงนิดหน่อย หรือแม้แต่ประกันการเดินทางเวลาไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ไม่จำเป็นต้องเกิดอุบัติเหตุ ถ้าเครื่องบินดีเลย์หรือกระเป๋าเดินทางหายเขาก็จ่ายเงิน ยิ่งเดินทางไปในประเทศที่เราพูดภาษาเขาไม่ได้ มีเพื่อนคนหนึ่งไปเกิดเหตุที่เมืองชนบทเล็กๆ ในญี่ปุ่น โชคดีที่เขามีประกัน พอเขาโทรหาประกันเขาก็สามารถหาคนที่พูดภาษาญี่ปุ่นมาช่วยสื่อสารและประสานหารถพากลับเข้าโตเกียวได้เลย
เมื่อเทียบราคาที่ต้องจ่ายแล้วจริงๆ มันน้อยมากเลยนะ สมมติประกันการเดินทางที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล 5 ล้านบาทสำหรับทริป 14 วัน ค่าเบี้ยอาจจะแค่ 800 บาท แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาสมมติขาหักระหว่างเดินทาง ประกันก็จ่ายค่ารักษาทุกอย่าง
ดังนั้นการทำประกันก็เหมือนมีเบาะรองนั่ง หรือมีตาข่ายกันตก ถือเป็นการใช้ชีวิตแบบไม่ประมาท ขอบอกเลยว่าถ้าคุณเข้าใจกลไกเรื่องนี้ คุณจะรู้ว่าเรื่องนี้เป็นประโยชน์ต่อตัวเรามากๆ โดยเฉพาะกับสิ่งที่สำคัญและมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิต เช่น บ้านที่อยู่ รถที่ขับ วันนี้เราทำประกันหรือยัง
บางคนบอกว่าเสียดายเงินที่จ่ายค่าเบี้ยประกันเวลาที่ไม่เกิดเหตุร้ายอะไรขึ้นมา
เพื่อนเราคนหนึ่งซื้อประกันตอนคลอดลูกคนแรกแบบคุ้มครองสูงสุด ถ้าเด็กเกิดมาแล้วมีอาการผิดปกติที่ต้องรักษา ประกันจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด เขายอมจ่ายค่าเบี้ยในราคาที่สูง ปรากฏลูกคนแรกแข็งแรงดีมาก พอจะคลอดคนที่สองเกิดประมาท ตั้งใจจะซื้อประกันอยู่แล้วแต่ดันเจ็บท้องคลอดออกมาก่อน เขาก็คิดว่าไม่เป็นอะไร หลังคลอดลูกคนที่สอง เด็กออกมาไม่สบายตลอด เพื่อนเราก็เสียใจจนทุกวันนี้ยังคิดตลอดว่าถ้าซื้อประกันไว้แต่แรก ลูกคนที่สองต้องออกมาแข็งแรงเหมือนคนแรกแน่นอน
คนเราไม่รู้อนาคตแต่การทำประกันก็ช่วยได้ อย่างน้อยถ้าอนาคตไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง คุณจะไม่ได้รับผลกระทบมากจนเกินไป เราต้องการแค่นี้แหละ เรารู้ว่าอาจจะมีโอกาสวิ่งหกล้ม แต่อย่าให้ชนกับพื้นที่เป็นซีเมนต์ตลอด อย่างน้อยหกล้มไปเจอพื้นยางบ้าง ล้มแล้วคุณก็จะยังลุกได้ แต่ถ้าคุณไม่ได้ทำประกันไว้เลย เช่น บางธุรกิจโรงงานไฟไหม้ ถ้าคุณไม่ทำประกันไว้คุณไม่เหลืออะไรเลยแถมยังมีภาระหนี้อีก การทำประกันก็เพื่อลดความร้ายแรงของเรื่องราวลง
พูดถึงเรื่องนี้ผู้เขียนขอแวะเข้าเรื่องศาสนา อย่างเรานับถือศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธจะบอกว่า มนุษย์เกิดมาเพื่อใช้กรรม และกรรมนั้นจะไม่ย่อยสลายหายไป เปรียบกรรมเป็นเกลือ น้ำในแก้วเป็นความดี ไม่มีทางที่เกลือจะออกจากแก้วน้ำใบนี้ได้ สิ่งที่ทำได้คือเติมน้ำลงไปเพื่อให้น้ำแก้วนั้นไม่เค็มเกินไป การซื้อประกันก็เหมือนการทำให้น้ำแก้วนี้ทานได้เท่านั้นเอง
เราเชื่อว่า ใครๆ ก็คงอยากลองใช้ชีวิตแบบที่ได้เจอเรื่องที่ไม่คาดหวังบ้าง ซึ่งถ้าเป็นเรื่องที่ดีเราไม่กลัว สิ่งที่ไม่คาดหวังแต่เป็นเรื่องที่ไม่ดีต่างหากที่เรากลัว ขอเพียงแค่เราเจอมันแล้วไม่รุนแรง จนเกินรับไหวก็คงจะดีมาก
ทั้งหมดคือการวางแผนชีวิตที่เราอยากให้ทุกคนได้ลองนำไปใช้ ส่วนเรื่องประกันชีวิตที่ต้องแยกออกมา เพราะการประกันชีวิตเกี่ยวข้องกับการวางแผนที่ลึกซึ้ง และหลายครั้งเราก็ได้รู้ว่าการมอบกรมธรรม์ประกันชีวิตให้กับใครนั้นไม่เกี่ยวกับทายาท ไม่เกี่ยวกับมรดกใดๆ คุณมีสิทธิจะมอบกรมธรรม์ให้ใครก็ได้ ทั้งนี้ผู้รับผลประโยชน์จะไม่ต้องข้องเกี่ยวกับหนี้สินใดๆ ที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น ซึ่งจะขอเก็บไว้เล่าใน Wealth Done ตอนต่อๆ ไป
WEALTH DONE คอลัมน์ที่อยากผลักดันให้คนหันมาวางแผนการเงิน หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องการเงินการลงทุนที่เกิดขึ้นรอบตัวและสงสัยใคร่รู้เป็นพิเศษ ส่งมาบอกพวกเราได้ที่ [email protected] หรือทุกช่องทางโซเชียลมีเดียของ Capital แล้วรออ่านคำตอบพร้อมกันทุกวันพฤหัสบดีเว้นวันพฤหัสบดี ที่ capitalread.co