ปรากฏการณ์หลัง ‘Twitter’ รีแบรนด์เป็น ‘X’ เมื่อนกสีฟ้ากลายพันธุ์สู่ Super App
ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ผู้ใช้ทวิตเตอร์ส่วนใหญ่คงได้เห็นการมาถึงของเครื่องหมาย X สีดำที่มุมบนซ้ายของหน้าจอ แทนที่นกสีฟ้าตัวเล็กๆ ที่คุ้นเคย สร้างความประหลาดใจให้ผู้ใช้หลายสิบล้านคนอย่างมาก กับการรีแบรนด์ที่ไม่มีใครรู้มาก่อน
ที่ผ่านมาเราอาจคุ้นเคยกับการรีแบรนด์ที่เน้นการเปลี่ยนโลโก้ เปลี่ยน CI ต่างๆ เพื่อเพิ่มความสดใหม่ให้องค์กร โดยมากมักจะไม่เปลี่ยนชื่อแบรนด์ด้วยเหตุผลทางกฎหมาย และการจดจำของผู้บริโภค แต่สำหรับ Twitter ภายใต้การนำของ อีลอน มัสก์ ได้พลิกโฉม Twitter ไปอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งชื่อแบรนด์
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/08/shutterstock_2346595161-1024x683.jpg)
จุดเริ่มต้นการปฏิวัติ
นับตั้งแต่ที่อีลอน มัสก์ เข้ามาเป็นหัวเรือใหญ่ของทวิตเตอร์ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงมหาศาล
เริ่มตั้งแต่การปลดพนักงานจำนวนมาก การปรับวัฒนธรรมองค์กร การยืนยันตัวตนแบบชำระเงิน การเปลี่ยนรูปแบบรายได้ หรือแม้แต่กำหนดให้มีเฉพาะ Dark Mode ทุกย่างก้าวล้วนเป็นประเด็นที่ได้รับการพูดถึงและวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุดอีลอน มัสก์ ได้สร้างความฮือฮาอีกครั้ง ด้วยการรีแบรนด์ทวิตเตอร์ครั้งใหญ่
ต้องบอกว่าทวิตเตอร์ไม่ใช่แบรนด์เดียวที่ตัดสินใจเปลี่ยนทั้งชื่อและโลโก้ ก่อนหน้านี้เฟซบุ๊กก็เปลี่ยนชื่อเป็น Meta หรือ HBO ที่เปลี่ยนเป็น Max บางแบรนด์ก็ประสบความสำเร็จ บางแบรนด์ผลลัพธ์ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด
หนึ่งในตัวอย่างของการรีแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จคือ Dunkin’ แบรนด์โดนัทที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1950 ที่เดิมทีใช้ชื่อว่า Dunkin’ Donuts และมีการตัดคำว่า Donuts ออกจากชื่อแบรนด์และโลโก้ เพื่อการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลายขึ้น หนึ่งในการการันตีความสำเร็จของ Dunkin อยู่ที่การตอบสนองของลูกค้า ที่สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ซึ่งการรีแบรนด์ของ Dunkin’ ได้ขยายไปสู่ฐานลูกค้าใหม่ๆ โดยยังคงไว้ซึ่งความผูกพันที่แบรนด์มีต่อลูกค้าเดิม
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/08/shutterstock_2336648591-768x1024.jpg)
กลายพันธุ์ สู่ SuperApp
กลับมาที่ทวิตเตอร์ หลายคนมองว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง เนื่องจากเป็นการรีแบรนด์โดยไม่ปรึกษาหรือบอกล่วงหน้า ซึ่งอาจเป็นการทำโดยไม่มีแผนชัดเจน อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเสียงต่อต้านออกมาเป็นระยะ อีลอน มัสก์ ก็ไม่มีท่าทีว่าจะคล้อยตามแต่อย่างใด
โฆษกของ X ให้ข้อมูลว่า X ถือเป็นตัวแทนของคนยุคใหม่ ที่ต้องการการสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัด ทั้งรูปแบบเสียง วิดีโอ ข้อความ และการชำระเงิน เพื่อก้าวสู่การเป็น Super App หรือ Everyday App ด้านอีลอน มัสก์ ได้ตอกย้ำเป้าหมายในการยกเครื่องรีแบรนด์ครั้งนี้ว่า ต้องการให้ X เป็นแอปฯ ที่คล้ายกับ WeChat ของจีน และเป็นแอพฯ ที่ไม่มีแอพฯ ไหนในสหรัฐฯ เทียบเท่าได้
เมื่อความตั้งใจของอีลอน มัสก์ ต้องการให้ X มีบริการทางการเงิน จึงส่งผลต่อโลกคริปโตฯ ด้วย ทำให้ราคา Cogecoin (DOGE) ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 0.077 ดอลลาร์สหรัฐ (2.65 บาท) เนื่องจากนักลงทุนคริปโตฯ พร้อมกันซื้อโดยหวังว่า X จะทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ
เมื่อ X ทำได้มากกว่าการสื่อสาร จึงมีการตั้งข้อสงสัยว่า ผู้ใช้งานจะสับสนหรือไม่ และถ้ามีผู้ใช้งานน้อยลงเรื่อยๆ จะทำยังไง ถ้าดูจากกรณีศึกษาของ Tesla จะพบว่ามีการทำโฆษณาค่อนข้างน้อย เนื่องจากตามความเชื่อของอีลอน มัสก์ ที่บอกว่า สินค้าที่ดีไม่จำเป็นต้องโฆษณาเยอะ หากแอพฯ มีคุณภาพมากพอ ตอบสนองผู้ใช้งานได้ดี ผู้ใช้งานก็ไม่หายไปไหน
Xนี้มีที่มา
การรีแบรนด์ครั้งนี้ ทำให้ผู้ใช้ทวิตเตอร์ทั่วโลกขนหัวลุกไปตามๆ กัน จากโลโก้นกสีฟ้าที่คุ้นเคย เปลี่ยนเป็น ‘X’ ที่มีความมินิมอลมากขึ้น คำเฉพาะต่างๆ ที่เกี่ยวกับการทวิตจะยังใช้อยู่ไหม ต้องขอแสดงความเสียใจต่อแฟนๆ ของทวิตเตอร์ด้วย เนื่องจากทาง X กล่าวว่า ต่อจากนี้ทวิตเตอร์จะถูกเรียกว่า X และข้อมูลอื่นๆ ในเว็บไซต์ก็ถูกแทนที่ด้วย X ทั้งหมด จาก Twitter Blue เปลี่ยนเป็น X Blue และ Twitter Help Center เปลี่ยนเป็น X Help Center จริงๆ แล้ว หลังจากที่อีลอน มัสก์เข้าซื้อกิจการของทวิตเตอร์เมื่อปีที่แล้ว เขาได้ก่อตั้งบริษัทใหม่ในชื่อ X Corp ตั้งแต่ปี 1999 สำหรับการทำธุรกรรมต่างๆ (ปัจจุบันคือ Paypal)
จะเห็นว่า X อยู่ในทุกส่วนของอีลอน มัสก์ตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งบริษัท SpaceX รถยนต์ไฟฟ้า Tesla SUV รุ่น X.AI หรือแม้แต่ชื่อของลูกชายเขา X Æ A-12 อ่านออกเสียงว่า X Ash A Twelve ปัจจุบัน X ได้เปลี่ยนปุ่ม ‘Tweet’ เป็น ‘Post’ และการ ‘Retweet’ เปลี่ยนเป็น ‘Repost’ เรียบร้อยแล้ว
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/08/HERO-BANNER-Recap-Twitter-1024x576.jpg)
จะเป็นยังไง ถ้าไม่สามารถสลัดชื่อ Twitter ออกจากสมองได้
แน่นอนว่าไม่มีใครเปลี่ยนได้ทันที กว่าจะพูดว่า X ได้ติดปากแทนคำว่าทวิตเตอร์ต้องใช้เวลาพอสมควร และการที่ผู้ใช้ยังติดปากเรียกว่าทวิตเตอร์ ก็เป็นข้อดีที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้ใช้ว่าผูกพันกันมากแค่ไหน หน้าที่ของอีลอน มัสก์ ต่อจากนี้คือ ต้องสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง X กับผู้ใช้งานให้ได้
ดูเหมือนนักการตลาดหลายคนจะมองว่าการรีแบรนด์ครั้งนี้ว่าไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก Mike Proulx นักวิเคราะห์จาก Forrester กล่าวว่า เป็นการเสี่ยงอย่างยิ่งที่เอาความชอบตัวเองมาควบคุมธุรกิจ และคู่แข่งก็เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ อีลอน มัสก์ ได้ลบล้างชื่อเสียงของแบรนด์ (ทวิตเตอร์) ที่มีมาตลอด 17 ปี และมีมูลค่าแบรนด์สูงถึง 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แม้การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน ทว่า X ก็ทุบสถิติใหม่ด้วยการมียอดผู้ใช้งาน 540 ล้านคนต่อเดือน นับเป็นสถิติสูงสุดเท่าที่เคยทำมา ในท้ายที่สุด การรีแบรนด์ของทวิตเตอร์สู่ X เป็นการประกาศที่ชัดเจนที่สุดว่านี่ไม่ใช่โซเชียลเน็ตเวิร์กแบบเดิมอีกต่อไป แต่เป็น Super App ที่พร้อมให้บริการรอบด้าน
สำหรับหน่วยงานหรือองค์กรทั่วโลกที่ใช้นกสีฟ้า คงถึงเวลาต้องเปลี่ยนเป็น X แล้ว การรีแบรนด์ครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณว่ายุคสมัยของทวิตเตอร์ได้สิ้นสุดลง ผู้ใช้งานอย่างเราคงทำได้แค่คิดถึงวันเก่าๆ และมูฟออนสู่ X ในรูปแบบ Super App
อ้างอิง
- nytimes.com/2023/08/03/technology/twitter-x-tweets-elon-musk.html
- theverge.com/2023/7/27/23810140/elon-musk-twitter-x-dark-mode-only
- marketingweek.com/twitter-rebrand-x-mistake
- cnbc.com/2023/07/24/elon-musk-risks-more-damage-to-twitter-business-after-name-change-to-x.html