Playful Lobby

The Fig Lobby โรงแรมสีจัดจ้านของคนรักงานศิลปะ ที่ทุกห้องดีไซน์จากแนวคิดสมดุลพลังงาน

หลายต่อหลายครั้งที่เรานั่งรถผ่านถนนริมทางรถไฟสายปากน้ำ ย่านคลองเตย แล้วสะดุดตากับตึกที่เต็มไปด้วยสีสันคัลเลอร์ฟูลกับรูปทรงต่างๆ ที่ถูกบรรจงวาด พร้อมรถตุ๊กๆ ที่เพนต์เป็นสีเหมือนม้าลาย ทำให้รู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้คล้ายกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะไม่ใช่น้อย

แต่ถ้าหันไปเห็นป้ายข้างๆ จะรู้ว่าสถานที่แห่งนี้มีชื่อว่า ‘The Fig Lobby’ โรงแรมที่ชุบชีวิตอาคารอพาร์ตเมนต์อันเก่าแก่และทรุดโทรม ให้กลายเป็นโรงแรมสีสันจัดจ้าน และให้ความสำคัญกับงานดีไซน์ในทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่เสาตรงทางเข้าล็อบบี้ที่ดีไซน์ไม่เหมือนกันสักต้น เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่มีรูปทรงแปลกตา ยิ่งถ้าเปิดดูแต่ละห้องก็ให้อารมณ์ที่แตกต่างกัน

นั่นก็เพราะว่า พลอย–ชาลิสา เตียนโพธิทอง ผู้ก่อตั้ง The Fig Lobby ได้ดึงความเชื่อเรื่องพลังงาน feminine energy และ masculine energy ซึ่งเป็นแนวคิดเชิงสมดุลพลังเหมือนกับหยินและหยาง มาใช้ในการดีไซน์ห้องพักต่างๆ หยิบสีสันมาสาดให้ทุกห้องเต็มไปด้วยพลังงานที่พร้อมจะเติมเต็มความสุขและประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับผู้เข้าพัก

คนที่เป็นสายจอยอีเวนต์หรือรักในงานศิลปะ ถึงแม้จะไม่ได้เข้าพักในสถานที่แห่งนี้ ก็สามารถแวะเวียนมาทำกิจกรรมต่างๆ ที่เขาขยันจัดเป็นประจำแทบทุกสัปดาห์ได้เช่นกัน

ในบ่ายแก่ๆ วันธรรมดาวันหนึ่ง เราไม่ได้เป็นทั้งผู้เข้าพักและคนที่มาเข้าร่วมอีเวนต์ แต่รับบทคนอยากรู้อยากเห็นว่าภายในโรงแรมสีจี๊ดจ๊าดบาดใจนี้ พลอยมีแนวคิดในการพลิกตึกเก่าให้มาเป็นโรงแรมที่ดูเก๋าแบบนี้ได้ยังไง

ถ้าพร้อมแล้วมาเดินผ่านประตูบานใหญ่เข้ามาในล็อบบี้ของ The Fig Lobby ผ่านคอลัมน์พักดีคราวนี้กันได้เลย

เมื่อโรงแรมไม่ใช่แค่สถานที่ แต่คือผู้คนและความฝัน

สำหรับใครหลายคน โรงแรมคือสถานที่พักพิงเวลาเดินทางไปท่องเที่ยว หรืออยาก staycation เปลี่ยนที่นอนมาพักผ่อนหย่อนใจในวันอ่อนล้า แต่สำหรับพลอยโรงแรมคือ ‘ผู้คน’ และ ‘ความฝัน’

“ครอบครัวเราทำเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ชื่อร่มโพธิ์แมนชั่น ถ้าขับรถเข้ามาที่ The Fig Lobby จะเห็นแมนชั่นนี้อยู่ใกล้ๆ ทำให้ตั้งแต่เด็กเราชินกับการนั่งอยู่ในล็อบบี้ แล้วเห็นคนเดินผ่านไปผ่านมา รู้สึกว่าโรงแรมทำให้เราได้เจอคนหลากหลายแบบ เจอคนหลายเชื้อชาติ และเราเป็นคนที่ชอบเรื่องกลิ่น เรื่อง sense ทำให้รู้สึกว่าโรงแรมเป็นสถานที่ที่ทำให้เกิดประสบการณ์ไม่เหมือนกันในแต่ละที่ที่ไป”

นั่นทำให้พลอยมีความฝันอยากเปิดโรงแรมเป็นของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์เรียนด้านการโรงแรมและเป็นที่ปรึกษาให้กับโรงแรมหลายแห่ง จึงตัดสินใจรีโนเวตตึกเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์หลังเก่าของครอบครัวมาเนรมิตเป็นโรงแรมสีสันจัดจ้านแห่งนี้

“โครงห้องเราใช้โครงเดิม พื้นที่ของห้องก็ขนาดเท่าเดิม ยกเว้นห้องสวีตที่เราทุบสองห้องให้เชื่อมกัน พื้นก็ใช้เป็นพื้นเดิม ยกเว้นชั้นหนึ่งที่เราทำล็อบบี้ใหม่ เพราะเรารู้สึกว่าเรื่อง sustainability และเรื่องรีไซเคิลค่อนข้างสำคัญสำหรับการทำธุรกิจในตอนนี้ เราเลยไม่ได้อยากสร้างอะไรขึ้นมาใหม่ แต่อยากคืนชีวิตให้กับวัสดุเดิมได้ถูกกลับมาใช้งานอีกครั้ง”

แม้แต่ระเบียงห้องเธอก็คงระเบียงแบบเดิมไว้ ซึ่งข้อดีของตึกเก่าคือการมีระเบียงที่กว้างขวาง มาผสมผสานกับการเพิ่มดีไซน์หน้าต่างตรงระเบียงให้ทุกห้องไม่เหมือนกัน เพราะอยากให้เป็นเหมือนโปสต์การ์ด ที่แต่ละห้องมองออกไปจะเห็นเสน่ห์ของชุมชนที่รายล้อมรอบตึกแตกต่างกัน

พลอยยังเลือกใช้ไฟ LED เพื่อประหยัดพลังงาน ตรงทางเดินไม่ติดไฟและไม่ติดแอร์ แต่มีบานกระจกที่รับแสงและรับลมจากธรรมชาติได้อย่างดี มีการแยกขยะ และลดการใช้พลาสติกให้น้อยที่สุด เพื่อให้โรงแรมเป็นมิตรกับโลกมากที่สุด

จากสีสันย่านคลองเตย สู่การสร้าง fluid space

จุดเด่นแรกที่ใครเข้ามาก็ต้องสะดุดตาคือสีสันของตัวตึก พลอยได้แรงบันดาลจากตอนยืนบนดาดฟ้าของโรงแรม แล้วมองลงมาเห็นสีของบ้านเรือนที่เป็นสังกะสีแตกต่างกัน จึงอยากสะท้อนให้ผู้คนเห็นคลองเตยในมุมที่มีสีสันมากยิ่งขึ้น

“แต่ก่อนอาจจะมีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคลองเตย ทำให้ถูกมองว่าเป็นชุมชนแออัด คนเลยไม่ค่อยมาย่านนี้ แต่ในฐานะคนที่เติบโตในย่านคลองเตย เรารู้สึกว่าพื้นที่แห่งนี้มีความเป็นคอมมิวนิตี้หรือชุมชนชัดมาก เป็นสถานที่ที่ผู้คนรักกัน และพร้อมช่วยเหลือกันตลอดเวลา”

พลอยจึงไม่อยากจำกัดว่า The Fig Lobby เป็นแค่โรงแรม แต่อยากให้เป็น fluid space ที่จัดนิทรรศการก็ได้ จัดอีเวนต์ก็ได้ จัดโยคะก็ได้ คือจัดกิจกรรมอะไรก็ได้ที่มี value มากพอที่จะทำให้เกิดการสร้างคอมมิวนิตี้

“เราแบ่งกิจกรรมเป็นสองอย่าง คืออาร์ตสเปซที่มีสตูดิโอปั้นเซรามิก มีสปา และมีไอซ์บาธอยู่บนดาดฟ้า อีกส่วนคือมีพาร์ตเนอร์มาเช่าสถานที่จัดอีเวนต์ต่างๆ ในวันเสาร์-อาทิตย์ เราพยายามให้มีกิจกรรมที่หลากหลาย เพราะว่าแขกแต่ละคนเข้ามาก็มีความชอบไม่เหมือนกัน อยากให้เขารู้สึกว่าเข้ามาอยู่ที่นี่แล้วมีกิจกรรมให้ทำได้ทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องออกไปข้างนอกก็ได้ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านแล้วได้ทำกิจกรรม”

กิจกรรมที่เลือกจัดภายในโรงแรมแห่งนี้ไม่ใช่กิจกรรมอะไรก็ได้ แต่พลอยบอกว่าต้องอยู่ภายในเส้นที่ว่าเป็นกิจกรรมที่มี value และเวลาเธอจะเลือกพาร์ตเนอร์ให้มาจัดอีเวนต์ต้องเป็นคนที่มี vision หรือวิสัยทัศน์ใกล้เคียงกัน คือคนที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการสร้างคอมมิวนิตี้ ศิลปะ ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อทำให้ The Fig Lobby เป็นสถานที่ที่คนมา reflect ความคิดของตัวเองได้

โรงแรมแห่งนี้จึงมีลูกค้าหลักกว่า 90% เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รองลงมาคือคนไทยที่ชอบมา staycation แขกเหล่านั้นมีความสนใจใกล้เคียงกัน คือชอบงานศิลปะ หลงรักในงานดีไซน์ อยากอยู่ในสถานที่มีบรรยากาศสนุกสนาน และเอนจอยกับงานอีเวนต์ เพราะที่นี่ขยันจัดงานอีเวนต์แทบตลอดเวลา

โรงแรมที่ไม่ได้สบายที่สุด แต่ได้ประสบการณ์แปลกใหม่ที่สุด

ชื่อ The Fig Lobby มาจากเรื่องเล่าของอดัมกับอีฟ มนุษย์คู่แรกของโลก ที่เชื่อว่าถือกำเนิดมาพร้อมผลไม้แรกของโลกอย่าง Fig หรือมะเดื่อฝรั่ง เปรียบกับโรงแรมนี้ก็เป็นโรงแรมแห่งแรกของเธอเช่นกัน 

ส่วนคำว่าล็อบบี้ ก็มาจากที่เธอรู้สึกว่าล็อบบี้เป็นสถานที่มหัศจรรย์ มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ บางคนอาจจะนัดเจอเพื่อนเก่า ได้มาเจอเพื่อนใหม่ ทำให้พลอยเปรียบล็อบบี้เป็นเหมือนกับพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์หรือ sacred place

ด้วยเหตุผลนี้เราจึงไม่แปลกใจว่าทันทีที่เดินพ้นประตูเข้ามาในล็อบบี้ ถึงให้ความรู้สึกแฟนตาซีเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกของศิลปะ ที่มีเสาขนาดใหญ่เรียงรายทั้ง 2 ฝั่ง หน้าตาของแต่ละเสาก็ไม่เหมือนกันสักต้น แม้แต่เฟอร์นิเจอร์ยังมีรูปทรงแปลกตาไม่ใช่น้อย

“เราคิดว่าดีไซน์ของแต่ละอันจะให้ experience ใหม่ อย่างเวลาเรานั่งเก้าอี้รูปปาก พอไปนั่งก็จะเป็นอีกฟีลหนึ่งที่ไม่ใช่เก้าอี้ธรรมดา อยากให้ลูกค้าเข้ามาแล้วรู้สึกสนุกที่ได้ลอง แม้แต่ในห้องนอนถ้าเป็นห้องสวีตเราก็จะเลือกใช้เป็นเตียงทรงกลม บางห้องก็จะมีโต๊ะที่เตี้ยกว่าปกติหน่อย มีทีวีที่วางอยู่ที่พื้น เพื่อให้ลูกค้าได้ลองทำอะไรใหม่ๆ

“คอนเซปต์ของที่นี่จึงไม่ใช่โรงแรมที่แขกเข้าพักแล้วสบายที่สุด แต่เรามั่นใจว่าเขาจะได้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่กลับไปมากที่สุด”

ก่อนที่จะไปชมห้องพักต่างๆ พลอยพาเราเข้าไปดูห้องน้ำในโซนล็อบบี้ที่ทำให้เราเซอร์ไพรส์ไม่ใช่น้อย เพราะห้องน้ำแห่งนี้เป็น unisex ที่เข้าได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ไอเดียนี้มาจากตอนที่เธอไปอ่านเจอในบทความหนึ่งว่าที่ต่างประเทศมีห้องน้ำ unisex ค่อนข้างเยอะ แม้แต่ตามโรงเรียนก็มี เพราะสถานที่ที่เด็กถูกบูลลี่มากที่สุดก็คือห้องน้ำ เด็กบางคนอาจจะยังไม่ชัดเจนในตัวตนของตัวเอง ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกว่าเข้าจะเข้าห้องน้ำผู้หญิงหรือผู้ชาย

“เราอยากทำโรงแรมให้เป็น safe space ที่ทุกคนเข้ามาแล้วรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ เป็นเหมือนพื้นที่ปลอดภัยให้กับพวกเขา แม้แต่ห้องน้ำก็เป็นอีกที่หนึ่งที่เขาเข้ามาแล้วไม่จำเป็นต้องคิดว่าจะเข้าห้องน้ำผู้หญิงหรือผู้ชาย เขาสามารถเลือกเข้าห้องน้ำแบบ unisex ได้”

ดึงเอเนอร์จี้และสีสัน มาดีไซน์ห้องพักที่ให้อารมณ์แตกต่างกัน

ภายในโรงแรมสูง 5 ชั้นแห่งนี้พลอยบอกว่ามีห้องพักถึง 68 ห้อง แบ่งเป็นไทป์ Standard, Deluxe แล้วก็ Suite ถึงแม้ไทป์ห้องจะมีแบ่งแยกเหมือนกับโรงแรมอื่นๆ แต่สิ่งที่แตกต่างคือดีไซน์ห้องแต่ละประเภทถูกออกแบบตามพลังงานที่มีอยู่ในทั้งเพศหญิงและเพศชาย และถ่ายทอดพลังงานนั้นผ่านสีสันที่แตกต่างกัน

“เราเป็นคนเชื่อเรื่องพลังงาน ขนาดตอนอาบน้ำยังมีสบู่ 10 กว่ากลิ่นไว้เลือกใช้ในแต่ละมู้ด แล้วแต่ว่าวันนั้นอยากอาบน้ำกลิ่นไหน อาจเพราะเราเป็นคนใช้ emotional กับการคิดแต่ละอย่าง และเป็นคนเชื่อเรื่อง emotional energy หรือพลังงานทางอารมณ์ เลยทำห้องแบ่งตามเอเนอร์จี้เพื่อให้แขกเลือกพักตามมู้ดของเขา หากวันไหนพลังงานเปลี่ยนก็สามารถเปลี่ยนห้องได้ เช่น มาพัก 6 วัน 3 วันอาจจะอยู่ห้องนี้ อีก 3 วันย้ายไปอยู่อีกห้องหนึ่งก็ได้

“แต่ละพลังงานก็เลือกใช้สีไม่เหมือนกัน เพราะเราคิดว่าสีเป็นสิ่งที่มีพลังงานในตัวมัน และทำให้เกิดความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป ลองจินตนาการว่าถ้าทุกอย่างบนโลกเป็นสีขาว-ดำ กับถ้าทุกอย่างบนโลกมีสีสัน ความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็ไม่เหมือนกัน เราถึงเป็นคนที่ชอบในเรื่องของสีสันมากๆ”

พลอยพาเราเดินชมไฮไลต์ของโรงแรมแห่งนี้คือห้อง feminine energy หรืออีกชื่อคือห้องหยิน เป็นพลังงานด้านอารมณ์ที่มีความอ่อนโยน ความลึกซึ้ง ความเข้าใจ และเปิดใจรับฟัง เธอเลือกใช้สีที่ดูเบา แต่ยังมีความหวานคล้ายลูกกวาด เหมาะกับสาวๆ หรือเพศไหนก็ตามที่มี feminine energy อยู่ในตัวเอง

ส่วนห้อง masculine energy หรืออีกชื่อคือห้องหยาง เหมาะกับคนที่มีพลังงานความเป็นผู้นำ ชอบการคิดวิเคราะห์ มีเหตุมีผล มีความมุ่งมั่น สีในห้องนี้จะเป็นโทนเข้มที่ดูดิบกว่าห้องหยิน และเลือกใช้วัสดุในห้องเป็นหนัง ให้ความรู้สึกสุขุมและเข้มขรึม

นอกจากห้องที่แบ่งตามพลังงานที่มีในตัวบุคคลแล้ว ยังมีห้องที่สะท้อนความรู้สึกต่างๆ อย่างห้องที่พลอยรู้สึก playful หรือให้พลังงานสนุกสนานที่สุด แถมยังเป็นห้องที่คู่รักเลือกมาพักมากที่สุด คือห้อง The Red Room ที่ฉาบไปด้วยสีแดงเป็นอันฉูดฉาด แต่ก็ให้ความรู้สึกทรงพลังและแอบเซ็กซี่ไม่ใช่น้อย

รวมถึงมีห้อง Shade of Orange ห้องพักโทนสีส้ม ให้อารมณ์ขี้เล่นแสนซน และห้อง Fig Jungle ที่ใช้โทนสีเขียวสบายตา ให้ความรู้สึกเหมือนมาพักอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ

“เรามีห้องหนึ่งที่ยกให้ศิลปินเป็นคนรังสรรค์ผลงานทั้งหมดในห้องนั้น โดยก่อนที่โรงแรมจะเปิดเราติดต่อศิลปินเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเน้นศิลปินไทย เพราะเราอยากให้มีผลงานศิลปะในโรงแรมและอยากนำเสนอเรื่อง local experience ตอนนั้นเราไม่มีแบบอะไรให้เลย โรงแรมก็ยังสร้างไม่เสร็จ

“แต่ศิลปินที่ชื่อว่า Tua Pen Not เป็นคนแรกที่บอกว่าจะมาร่วมงานด้วย เราประทับใจมากที่ได้เขามาช่วย เลยให้ออกแบบห้องที่ชื่อว่า Tau Pen Not’s Apartment คอนเซปต์ของห้องเล่าถึงคนที่มาพักโรงแรมนี้มีหลากหลายเชื้อชาติ ภาพวาดต่างๆ ในห้องนั้นและหลายภาพในล็อบบี้เขาก็เป็นคนวาดหมด”

พลอยยังชี้ให้เราดูบางภาพในล็อบบี้ เป็นฝีมือของผู้เข้าพักชาวญี่ปุ่นที่มาพักใน The Fig Lobby แล้วเกิดแรงบันดาลใจ จึงวาดภาพเหล่านั้นระหว่างเข้าพักที่นี่ และพาเดินไปยังชั้นลอยระหว่างชั้น 1 ที่เชื่อมขึ้นไปชั้น 2 เพื่อชมนิทรรศการของศิลปินต่างๆ ที่มาจัดแสดงผลงานและมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนผลงานทุกๆ 3 เดือน เพื่อให้แขกได้มาชมงานศิลปะหรือซื้อกลับไปได้เช่นกัน เปรียบเสมือนโรงแรมแห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะขนาดย่อมก็ว่าได้ 

สิ่งที่สัมผัสได้ในโรงแรมแห่งนี้คีย์หลักคือ ‘การสร้างประสบการณ์ให้แตกต่าง’ ตั้งแต่สีสันของตัวตึก เจาะลึกถึงแนวคิดในการเลือกใช้สี เลือกหยิบเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่ง และให้คนเข้ามาดื่มด่ำกับผลงานศิลปะและงานอีเวนต์ต่างๆ ไม่ได้เพื่อดึงดูดให้แขกมาเข้าพักเท่านั้น แต่ยังเน้นไปที่การสร้างคอมมิวนิตี้ให้แน่นแฟ้น

ถึงแม้วันนี้เธอจะทำตามความฝันสำเร็จหนึ่งก้าว คือการมีโรงแรมเป็นของตัวเอง แต่พลอยก็ยังอยากให้ Fig แตกหน่อออกผลกลายเป็นโรงแรมแห่งอื่นๆ ต่อไป และเธอยังกระซิบปิดท้ายว่าในอนาคตเราอาจจะเห็นโรงแรมตระกูลผลไม้ เช่น The Coconut Lobby หรือ The Orange Lobby ไปสร้างสีสันและเติมความสดใสอยู่ใกล้ๆ บ้านของพวกคุณก็เป็นได้

Writer

นักเขียนที่อยากเปลี่ยนเรื่องธุรกิจให้เป็นเรื่องสนุก และมีแมวกับกาแฟช่วยฮีลใจในทุกวัน

Photographer

ช่างภาพที่สนุกกับการแต่งตัว อยู่กับเสียงเพลง และหลงรักในความทรงจำ Ig : mocfirst

You Might Also Like