นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับการใช้คุกกี้

บริษัท ทุนดี จำกัด (“บริษัท”) มีความจำเป็นต้องใช้คุกกี้ในการทำงานหลายส่วนของเว็บไซต์เพื่อรับประกันการให้บริการของเว็บไซต์ที่จะอำนวยความสะดวกในการใช้บริการเว็บไซต์ของท่าน โดยบริษัทรับประกันว่าจะใช้คุกกี้เท่าที่จำเป็น และมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎ หมายที่เกี่ยวข้อง และจะไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น เว้นแต่เป็นกรณีการใช้คุกกี้บางประเภทที่อาจดำเนินการโดยผู้ให้บริการภายนอก ทั้งนี้ เมื่อท่านเข้าใช้บริการเว็บไซต์ บริษัทจะถือว่าท่านรับทราบและตกลงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้แล้ว โดยบริษัทสงวนสิทธิ์ในการปรับปรุงนโยบายฉบับนี้ตามแต่ละระยะเวลาที่บริษัทเห็นสมควร โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์นี้... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

Taste the Success Story of The Balvenie

กลั่นเหตุผลที่ทำให้ The Balvenie เป็นซิงเกิลมอลต์สกอตช์วิสกี้ที่ครองใจคนทั่วโลก

โดยทั่วไป ‘มอลต์’ เป็นที่รู้จักในฐานะอาหารที่มีส่วนผสมของธัญพืชอย่างซีเรียล แต่ในโลกของนักดื่มมักจะนึกถึง ‘ซิงเกิลมอลต์วิสกี้’ เครื่องดื่มสีอำพันสุดคลาสสิก ที่มีคาแร็กเตอร์ชัดเจน ด้วยการหมักและกลั่นมาจากมอลต์ของข้าวบาร์เลย์เท่านั้น และทุกหยดในขวดจะมาจากโรงกลั่นเดียวกัน นำมาผ่านกรรมวิธีอันพิถีพิถัน จนขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มแห่งความคราฟต์

ซึ่งแหล่งผลิตซิงเกิลมอลต์วิสกี้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือสกอตแลนด์ โดยเฉพาะแบรนด์ชื่อดังอย่าง ‘The Balvenie’ ซิงเกิลมอลต์สกอตช์วิสกี้ที่ส่งออกไปทั่วโลก และกวาดรางวัลมาแล้วมากมาย ได้มีโรงกลั่นตั้งอยู่ที่เมืองดัฟฟ์ทาวน์ เขตสเปย์ไซด์ ซึ่งถือเป็น 1 ใน 6 แหล่งผลิตวิสกี้ของสกอตแลนด์ แต่ถ้าย้อนไปเมื่อปี 1892 โรงกลั่นวิสกี้แห่งนี้เคยเป็นปราสาท Balvenie New House ที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18

ก่อนที่วิลเลียม แกรนต์ จะนำประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 20 ปี จากการเคยเป็นผู้จัดการของโรงกลั่น Mortlach Distillery มาก่อตั้งแบรนด์ The Balvenie และเปิดโรงกลั่นเป็นของตนเอง ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 1893 นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการผลิตวิสกี้ส่งออกไปทั่วโลก จนโด่งดังในเรื่องของซิงเกิลมอลต์สกอตช์วิสกี้ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวและให้ความรู้สึกเหมือนได้มาดื่มด่ำกับงานศิลปะชั้นเลิศ

Capital List ตอนนี้จึงขอพาทุกคนมาตีตั๋วไปที่สกอตแลนด์ เพื่อสัมผัสกลิ่นอายของซิงเกิลมอลต์สกอตช์วิสกี้ พร้อมจิบเรื่องราวและเหตุผลที่กลั่นให้ The Balvenie ครองใจคนทั่วโลกได้อย่างอยู่หมัด

1. วัตถุดิบดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

The Balvenie เป็นโรงกลั่นเพียงแห่งเดียวในที่ราบสูงสกอต ที่ยังคงใช้ข้าวบาร์เลย์ที่ปลูกเองเพื่อทำวิสกี้ แต่ก็มีความท้าทายในเรื่องของสภาพอากาศของสกอตแลนด์ที่ยากจะคาดเดา และต้องเพาะข้าวบาร์เลย์มาทำเป็นมอลต์เท่านั้น ห้ามมีข้าวชนิดอื่นมาผสมเด็ดขาด แตกต่างจากมอลต์วิสกี้ทั่วไป ที่สามารถผสมข้าวสาลีและข้าวไรย์ได้ ทำให้ต้องใช้ทีมเกษตรกรมืออาชีพในการหว่านเมล็ด ดูแล และเก็บเกี่ยว

2. ใช้กรรมวิธีดั้งเดิมเติมเสน่ห์ให้น่าค้นหา

หลังเก็บเกี่ยวข้าวบาร์เลย์แล้ว จะนำไปแช่ในน้ำแร่ที่มาจากเนินเขาเหนือโรงกลั่นจนข้าวแตกยอดอ่อน หลังจากนั้นจะเตรียมมอลต์ด้วยวิธีการดั้งเดิมแบบใช้มือ คือให้คนทำมอลต์หมุนข้าวบาร์เลย์ด้วยตนเองจนกว่าข้าวจะกะเทาะออกจากเปลือก ก่อนจะนำไปทำให้แห้งในโรงกลั่น ด้วยการใช้ถ่านหินแอนทราไซต์และพีทที่ควบคุมอุณหภูมิได้อย่างประณีต ซึ่งวิธีนี้เป็นการคงเสน่ห์แบบดั้งเดิมที่ทำให้วิสกี้มีความซับซ้อนน่าค้นหามากยิ่งขึ้น

3. ทีมงานมากฝีมือคือสิ่งที่ขาดไม่ได้

ด้วยความที่ The Balvenie เน้นความพิถีพิถันในทุกกระบวนการ แม้แต่วัสดุที่ใช้ยังต้องมาจากช่างฝีมือที่มีประสบการณ์ ตั้งแต่ช่างทำถังไม้จะสร้างถังด้วยมือ ซึ่งเป็นทักษะที่ต้องใช้เวลาฝึกฝนมากกว่า 4 ปี ส่วนหม้อกลั่นทองแดงจะได้รับการถูกดูแลโดยช่างเฉพาะตัวให้สมบูรณ์อยู่เสมอ เพื่อมาใช้ในการกลั่นและสร้างสรรค์วิสกี้ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร

4. มี malt master ดูแลการผลิตวิสกี้ทุกขวด

เพื่อรักษาคุณภาพและรสชาติให้สมดุลตามสไตล์ The Balvenie ทำให้ตั้งแต่เริ่มกลั่นวิสกี้ขวดแรกมาจนถึงปัจจุบัน ก็จะมี ‘David C. Stewart’ เป็น malt master ที่ดูแลการผลิตอยากใกล้ชิด จนได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จักรวรรดิบริติช จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และในปี 2023 ได้รับการยกย่องให้เป็นทูตกิตติมศักดิ์และปรมาจารย์ด้านวิสกี้ ก่อนจะส่งไม้ต่อให้ลูกศิษย์ฝีมือดีของเขาอย่าง Kelsey McKechnie เข้ามาเป็น malt master คนต่อไป

5. วิสกี้มีความลึกซึ้งและซับซ้อนด้วยการบ่มแบบ cask finishes

ในปัจจุบันการบ่มวิสกี้แบบ ‘cask finishes’ เป็นเทคนิคที่ถูกใช้อย่างแพร่หลาย แต่ต้นกำเนิดมาจากในปี 1983 ที่ David C. Stewart ได้เป็นผู้คิดค้นวิธีการบ่มวิสกี้แบบ cask finishes เป็นคนแรก โดยเป็นการบ่มวิสกี้ในถังหนึ่งเป็นเวลาหลายปี จากนั้นในช่วง 3 เดือนสุดท้ายจะทำการย้ายวิสกี้ไปบ่มในอีกถังหนึ่งที่ทำมาจากวัสดุที่แตกต่างกัน เพื่อเพิ่มเลเยอร์ให้วิสกี้มีความลึกซึ้งและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เกิดขึ้นจากวิธีการบ่มแบบนี้เท่านั้น

6. รังสรรค์วิสกี้ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้เสพงานศิลปะ

The Balvenie ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตซิงเกิลมอลต์สกอตช์วิสกี้ แต่เป็นเหมือน ‘ผู้สร้างงานศิลปะที่น่าหลงใหล’ เพราะในแต่ละรุ่นจะมีซิกเนเจอร์ที่แตกต่างกันออกไป ตามวิธีการคราฟต์กลิ่นและรสชาติ การเลือกถังมาบ่ม ไปจนถึงการกลั่นด้วยความประณีต

อย่างล่าสุดในปี 2023 ได้เปิดตัว ‘The Balvenie 60 Year Old’ เพื่อเฉลิมฉลอง 6 ทศวรรษที่ David C. Stewart เป็น malt master ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์การผลิตวิสกี้ โดยใช้เวลาบ่มยาวนานถึง 60 ปี จากถังบ่มเดียวที่บรรจุในปี 1962 จึงให้กลิ่นที่หอมเหมือนอยู่ในฤดูใบไม้ร่วง

และงานศิลปะในรูปแบบวิสกี้ขวดนี้ ยังบอกเล่าเส้นทางอันแสนวิเศษของ David C. Stewart ด้วยขวดวิสกี้ที่ทำจากคริสตัลเป่าด้วยมือ บรรจุอยู่ในกล่องดีไซน์พิเศษถึงห้าชั้น ในแต่ละชั้นก็จะสลักเรื่องราวที่บอกเล่าเส้นทางการทำงานตลอด 60 ปีของเขา ทำให้รุ่นนี้เป็นวิสกี้ที่เก่าแก่และหายากที่สุดเท่าที่แบรนด์เคยมีมา จึงมีเพียง 71 ขวดทั่วโลก และในไทยมีเพียง 1 ขวดเท่านั้น

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวและเหตุผลที่บ่มให้ The Balvenie กลั่นออกมาเป็นซิงเกิลมอลต์สกอตช์วิสกี้เบอร์ต้นๆ ของโลก ที่ครองใจผู้คนมาได้อย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน

Writer

นักเขียนที่อยากเปลี่ยนเรื่องธุรกิจให้เป็นเรื่องสนุก และมีแมวกับกาแฟช่วยฮีลใจในทุกวัน

Illustrator

บรรณาธิการศิลปกรรม Email: y.pongtorn@gmail.com

You Might Also Like