Dare to Slowcombo
Slowcombo คอมมิวนิตี้สเปซที่อยากสร้างพื้นที่ให้ผู้มาเยือนรักตัวเอง รักผู้อื่น และรักโลก
ในยุคที่ความวุ่นวายเป็นส่วนหนึ่งเข้ากับสังคม โลกขับเคลื่อนไปข้างหน้า ในขณะที่ผู้คนต้องคอยวิ่งตามให้ทัน เมื่อถึงจุดหนึ่ง ผู้คนจำนวนไม่น้อยเริ่มขวนขวายหาที่พักใจจากอาการเหนื่อยล้าที่สะสมมาเป็นเวลานาน
แล้วที่ไหนเล่าจะเหมาะสมไปกว่าสถานที่ตรงหน้าเราตอนนี้
Slowcombo คือสถานที่ที่เรากำลังกล่าวถึง อาคารที่ตั้งตระหง่านอยู่ในใจกลางสามย่าน ย่านเมืองเก่าที่ห้อมล้อมไปด้วยความเจริญ ซึ่งแลกมากับความวุ่นวายของคนเมืองที่กำลังพยายามใช้ชีวิต แต่ ณ จุดศูนย์กลางแห่งความว้าวุ่น ก็ยังมีคอมมิวนิตี้สเปซแห่งนี้ตั้งอยู่เพื่อรอให้ผู้คนเข้ามาพักใจจากวันที่สาหัส
ผู้ร่วมก่อตั้ง Slowcombo คือ อิ๊บ–คล้ายเดือน สุขะหุต หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Sretsis แบรนด์เสื้อผ้าจากสามพี่น้องที่มีมายาวนาน และ โต๋–นุติ์ นิ่มสมบุญ เจ้าของสตูดิโอออกแบบ slowmotion และผู้ก่อตั้งแบรนด์พัดลมสุดเท่อย่าง บังกะโล
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/BODY-WEB-W-Slowcombo7-1024x683.jpg)
จุดเริ่มต้นในการทำ Slowcombo ของทั้งสองเกิดจากการย่างเท้าเข้าสู่บทบาทคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องแบกรับความเครียดจากทั้งหน้าที่การงานและยังต้องบาลานซ์การดูแลครอบครัวโดยการเป็นตัวอย่างพ่อแม่ที่ดีให้แก่ลูก
“จากเป็นแค่คนที่ทำงานเฉยๆ กลายมาเป็นคุณพ่อ เป็นคุณแม่ เป็นคุณน้า คุณป้า คุณลุง และเป็นหลายๆ สถานะ อิ๊บรู้สึกว่าการที่เราจะแชร์ประสบการณ์ หรือการที่เราพยายามจะวางพื้นฐานที่ดีให้กับลูกมันต้องเกิดที่ตัวเราก่อน ก่อนที่จะสอนลูก”
แม้ว่าทั้งสองจะยังไม่เคยสัมผัสการสร้างคอมมิวนิตี้มาก่อน แต่ทั้งสองก็มีความสุขและสนุกที่จะได้ถ่ายทอดเรื่องราวสุขภาวะที่พวกเขาได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมสนุกๆ ที่คอมมิวนิตี้
“ตอนนี้ Slowcombo กลายเป็นแพสชั่นโปรเจกต์ท่ีเราสนุก เราได้ลองอะไรใหม่ๆ สำหรับพี่โต๋ก็เหมือนกัน มันกลายเป็นว่าเราเอาประสบการณ์หรือทักษะในการทำงานที่เรามีมาประยุกต์กับสิ่งใหม่ในสิ่งที่เราอยากเรียนรู้ แม้ว่าเราจะไม่ได้มาจากอุตสาหกรรม wellness หรือการทำพื้นที่สร้างสรรค์มาก่อน”
หญิงสาวกล่าวอย่างตื่นเต้นก่อนที่บทสนทนาจะค่อยๆ ลงลึกถึงเบื้องหลังสถานที่แห่งนี้
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/BODY-WEB-W-Slowcombo-1024x683.jpg)
สนามฝึกฝนความสุข
ก่อนจะมาเป็นตึก Slowcombo เดิมที่นี่เคยเป็นทั้งโรงหนังสามย่าน สถานที่เรียนของนักศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปัจจุบันได้กลายมาเป็นที่พักใจของใครหลายๆ คน หากว่าเดินเข้ามาภายในอาคารแล้ว จะเห็นได้ว่าโครงสร้างส่วนหนึ่งของอาคารยังคงเค้าโครงเดิมให้เห็นอยู่
“เมื่อเดินเข้ามาในตึก Slowcombo จะเห็นฉากเหล็ก การผูกของเหล็ก ซึ่งเรารู้สึกว่า ยุคนี้เราไม่เห็นอะไรแบบนี้แล้ว เรารู้สึกว่ามันคือความสวยงามที่มาจากภายใน เหมือนกันกับปรัชญาของ Slowcombo ที่อยากให้ทุกคนกลับไปสู่ความสวยงามแบบ raw beauty
“มันก็เหมือนตึกนี้ที่เราต้องการโปรโมตให้คนกลับเข้าไปสำรวจข้างในตัวเองมากขึ้น เราไม่อยากให้คนมองแค่ความสวยงามที่มาจากด้านนอกอย่างเดียว เราต้องการให้คนเห็นว่าสิ่งไหนที่มันดีต่อใจ หรือช่วยให้เขาพัฒนาข้างในให้มีความสวยงามและมีคุณค่ามากขึ้นได้ ซึ่งโครงสร้างของตึกมันไปได้ดีกับคอนเซปต์ของ Slowcombo ที่ว่า health and well-being ต้องมาจากด้านใน” อิ๊บถ่ายทอดเรื่องราวของตึกให้เราฟัง
“What is one thing you could do to take better care of yourself” หรือ “ทำยังไงให้เราดูแลตัวเองได้ดีขึ้น” คือสิ่งที่อิ๊บคิดขณะที่เธอกำลังวางโครงการทำตึกนี้
ทั้งสองเล่าว่าเป้าหมายในการทำตึกของที่นี่คือการเล่าเรื่องเครียดให้สนุก ไม่น่าเบื่อ ผ่านการเล่าจากภาษาที่ตลกหรือกิจกรรมที่สนุก เช่น อินสตาแกรมโพสต์ ที่บอกเล่าเรื่องราวของดวงจันทร์ที่เคลื่อนย้าย หรือสื่อสาระน่ารู้เรื่องกาย ใจ และการรักษ์โลก กิจกรรม pickleball ที่คนจะได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองและคนอื่นมากขึ้น การดูสีออร่าของตัวเองเพื่อให้รับรู้อารมณ์ของตัวเองมากขึ้น หรือจะเป็นกิจกรรมรักษ์โลกอย่างการทำกระเบื้องจากวัสดุชีวภาพ (biomaterials) จากนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์หลักสูตรนานาชาติ (INDA) จุฬาฯ และสิ่งที่ Slowcombo ให้ความสำคัญมากที่สุดคือต้องรู้จริงและรู้แน่ชัดว่าต้องการที่จะส่งสารแบบไหนไปให้คนที่มาที่นี่
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/348588831_588485930110349_1110140828309663572_n-768x1024.jpeg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/348853787_588485893443686_734351042060972344_n-768x1024.jpeg)
“มันเหมือนหลักพุทธศาสนานั่นแหละ เราต้องมีสติในการใช้ชีวิต แต่เรารู้สึกว่าหลักพุทธศาสนาถ้าเราเอามาพูดกับคนรุ่นใหม่ ไปวัด นุ่งขาว คงจะไม่มีใครอยากมาหาเราที่นี่ เราเลยเอาคำว่า mindfulness มารวมกับ playground เราอยากทำให้ทุกคนมองว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่เขาได้เล่นสนุก ได้ทดลองอะไรใหม่ๆ ที่สร้างความสุขให้กับพวกเขา นี่คือสิ่งที่เราจะพยายามทำให้ได้เพื่อทุกคน” อิ๊บพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น ก่อนจะเล่าถึงแก่นหลักที่ทั้งสองอยากให้คนที่มาที่นี่ได้รับไป
“แก่นหลักๆ ที่ทุกคนจะได้รับจากที่นี่คือ เราอยากให้คนเกิดการรักตัวเอง (self love) รักตัวเองเสร็จก็ต้องรักผู้อื่น (love others) แบ่งสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่น รักผู้อื่นแล้วเราก็ต้องไม่ลืมว่า ทุกอย่างที่เราทำมันคือการรักษ์โลก (love the world) ของเราด้วย เพราะเราก็อยากทิ้งสิ่งดีๆ ให้กับคนรุ่นถัดไป ในขณะที่รุ่นเรายังอยู่ในเมืองอากาศดีได้ เปิดประตู เปิดหน้าต่าง แต่พอถึงรุ่นลูกเราเขาไม่สามารถอยู่ในเมืองได้แล้ว เพราะมีแต่มลพิษ ฝุ่น PM2.5 เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้”
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/BODY-WEB-H-Slowcombo7-683x1024.jpg)
ณ ที่นี่ คุณต้องกล้า
“ความไม่กล้าเป็นจุดบอดของคน” โต๋บอกกับเราในช่วงหนึ่งของการสนทนาถึงวิธีคิดเบื้องหลังในการออกแบบกิจกกรรม
“เหมือนการเล่นเครื่องเล่น ถ้าคุณไม่กล้าเล่น คุณก็ไม่ได้ความสนุกใช่เปล่า เหมือนกันกับที่นี่ ถ้าไม่กล้าไปเข้ากิจกรรม ไม่กล้าลอง ก็จะไม่ได้ประสบการณ์ความสนุกแน่นอน เพราะฉะนั้นสุขภาวะที่ดีจะเกิดได้ก็ต้องกล้าที่จะเปิดโลกให้กับตัวเอง”
เมื่อเดินเข้ามาข้างในจะพบกับป้ายบอกชั้นของตึก ที่มีด้วยกันทั้งหมด 3 ชั้น ชั้น 1 ‘Eat Wisely’ เต็มไปด้วยของกินที่คัดสรรความอร่อยและดีต่อสุขภาพ ชั้น 2 ‘Live Slowly’ จะได้เจอกับกิจกรรมในห้อง Energy Space ที่พร้อมมอบความสนุกและการตื่นรู้ (awakening) ให้กับทุกคน ชั้น 3 ‘Move Creatively’ เป็น active space ที่มีโซน pickleball รอให้คุณได้มาเหวี่ยงความเหนื่อยล้าออกจากตัว
โต๋บอกว่าทุกอย่างที่นี่ต้องใช้ความกล้า
กล้ากิน กล้าลอง กล้าทำ
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/BODY-WEB-W-Slowcombo19-1024x683.jpg)
ชั้น 1 เริ่มการสำรวจ
เมื่อเดินเข้ามาในตึก นอกจากกลิ่นอายของความขลัง ผู้ที่มาเยี่ยมชมก็จะได้กลิ่นอาหารหอมๆ ที่มาจากครัวต่างๆ ภายในตึก โดยร้านอาหารที่ตั้งในตึกนี้ถูกเลือกแล้วเลือกอีกจากทีมงาน Slowcombo เพื่อให้คนที่มาได้ทานอาหารสุขภาพทางเลือก ที่ได้ทั้งสุขภาพบาลานซ์ไปกับความสดอร่อย ซึ่งความน่าสนใจของร้านไม่ใช่แค่ความอร่อยหรือความสุขภาพดี แต่ทุกร้านยังบรรจุไปด้วยเรื่องราวที่รอถ่ายทอดผ่านอาหารมื้อนั้นๆ ที่ถูกส่งผ่านมาถึงมือคุณ
เช่น ‘ครัวแม่คำนวณ’ ที่คำนวณแคลฯ ให้คนกินเรียบร้อยไม่ต้องกังวลว่าแคลฯ มื้อนั้นๆ จะเกินจากที่ตั้งไว้หรือไม่ หรือ ‘GOOD CHĀ’ ที่คัดสรรชาคุณภาพดีส่งตรงมาจากประเทศญี่ปุ่น มีชาให้เลือกหลากหลายเหมาะสำหรับสายรักชาและชาววีแกน เพราะใช้นมข้าวโอ๊ตและนมถั่วเหลืองแทนการใช้นมวัว หรือร้านน้ำปั่นสมูตตี้จาก ‘Self.’ ที่มีผักผลไม้หลากหลายใน 1 แก้ว มาพร้อมกับแพ็กเกจน่ารักๆ และคุณประโยชน์ที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละแก้ว สำหรับใครที่เบื่ออาหารไทยอยากลองอาหารต่างประเทศ ‘Son of Saigon’ ก็พร้อมที่จะเสิร์ฟอาหารเวียดนามต้นตำรับ หรือถ้าวันไหนรู้สึกระบบลำไส้มีปัญหาก็ไม่ต้องห่วง เพราะมี ‘The Green Geek’ ร้านที่พร้อมจัดเสิร์ฟคอมบูชะให้แก่กระเพาะ
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/BODY-WEB-W-Slowcombo16-1024x683.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/BODY-WEB-H-Slowcombo22-683x1024.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/BODY-WEB-H-Slowcombo24-683x1024.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/BODY-WEB-H-Slowcombo23-683x1024.jpg)
อีกส่วนที่ภูมิใจนำเสนอของที่นี่คือ ‘Co-Cafe’ ที่มาพร้อมกับคอนเซปต์แปลกใหม่ตามแบบฉบับ Slowcombo ที่นี่เปิดโอกาสให้ผู้ขายรายใหม่ที่อยากลองมีหน้าร้านเป็นของตัวเองได้มาเช่าที่ในระยะเวลา 3-4 เดือน แถมอุปกรณ์แต่งร้านให้ครบครัน โดยร้านล่าสุดที่มาตั้งคือร้าน ‘Roti Dood’ ที่มาพร้อมกับเมนูโรตีที่หลากหลาย จุดเด่นของร้านนี้คือ น้ำมันที่ใช้ในการทอดโรตีเป็นน้ำมันมะพร้าว
“ร้านที่เราเลือกมาก็ตามคอนเซปต์ของที่นี่ อร่อย เข้าใจง่าย ทุกคนมีความสุข ร้านอาหารที่เลือกมาอร่อยแน่ๆ แต่ว่าการทำร้านอาหารหน้าร้านมันมีขั้นตอนหลายอย่างมากกว่าการขายในออนไลน์ เราทำเพราะอยากให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้เติบโต คนที่มาสมัครส่วนใหญ่ถ้าไม่เอาก็คือไม่เอาเลย เพราะร้านที่จะมาขายที่ Slowcombo ได้ต้องตรงกับคอนเซปต์ที่วางไว้ คืออาหารต้องอร่อย กระบวนการทำอาหารต้องตอบโจทย์ความยั่งยืนและเป็นอาหารทางเลือกสุขภาพให้แก่ผู้บริโภค ส่วนคนที่สนใจเขาก็เอาเลย คือเขาอยากลองว่าถ้ามีหน้าร้านจริงๆ แล้วมันจะเจออะไรบ้าง ซึ่งผมว่ามันก็เป็นบทเรียนสำหรับเราและเขา เขาได้มีโอกาส ส่วนเราก็ได้เห็นว่าเขาสามารถเติบโตไปได้แค่ไหน” โต๋บอกถึงขั้นตอนในการเลือกร้าน
นอกจากนี้ Slowcombo ยังมีแพลนที่จะนำอาหารที่เหลือเข้าร่วมโครงการกับมูลนิธิรักษ์อาหาร (SOS Thailand) เพื่อไปแจกจ่ายให้กับผู้ที่ต้องการ และลดขยะอาหารที่ถูกสร้างขึ้นในแต่ละวัน ซึ่งตรงกับคอนเซปต์ของที่นี่ คือ รักตัวเอง รักผู้อื่น และรักษ์โลก
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/BODY-WEB-H-Slowcombo27-683x1024.jpg)
ชั้น 2 ก้าวผ่านความกลัว
กิจกรรมของชั้น 2 มีหลากหลายกิจกรรมให้เลือกสรรทั้งร้านค้า ร้านดอกไม้ และพื้นที่ทำกิจกรรมประจำสัปดาห์สุดพิเศษสไตล์ Slowcombo แต่ทุกกิจกรรมที่นี่ต้องใช้ความกล้า แน่นอนว่าทุกคนมีนิยามความกล้าที่แตกต่างกัน แต่สำหรับที่นี่ความกล้าคือการกล้าที่จะได้ลองทำกิจกรรมใหม่ๆ ที่อาจจะยังไม่เคยได้ลองทำ โดยไม่ให้ความกลัวมาเป็นอุปสรรคในการลองทำอะไรที่ต่างจากสิ่งที่เคยทำในชีวิตประจำวัน
ชั้นสองจึงสร้างมาเพื่อให้คนที่มา Slowcombo ได้ก้าวผ่านความกลัวในการลองทำกิจกรรมที่แปลกใหม่ และปลดปล่อยความรู้สึกที่อยู่ข้างในออกมาผ่านกิจกรรมที่ทาง Slowcombo เตรียมไว้ให้
เมื่อก้าวบันไดขึ้นไปบนชั้น 2 ด้านหน้าจะเป็นร้าน ‘Regrow’ ร้านข้าวของเครื่องใช้จิปาถะที่สร้างขึ้นมาสำหรับคนที่อยากจะรักษ์โลกและรักในดีไซน์ มีทั้งปิ่นโตพับได้ ไขผึ้งห่ออาหาร และยังมี refill station ที่สามารถนำขวดหรือบรรจุภัณฑ์มาเติมสบู่ แชมพู ยาสระผม เป็นต้น โดยแนวคิดของร้านนี้เกิดขึ้นมาจากแนวคิดการมีสุขภาวะที่ดีของอิ๊บ
“เมื่อเราจะซื้ออะไรก็ตาม เราต้องคิดว่าของสิ่งนี้สามารถอยู่กับเราได้นานหรือเปล่า มันไม่ใช่แค่อยากซื้อแล้วซื้อ แต่ว่ามันคิดไปจนถึงว่าของสิ่งนี้จะไปอยู่ตรงไหนต่อ ซึ่งก็เหมือนกันกับตึกนี้ สิ่งสำคัญที่เราอยากให้คนได้จากตึกนี้คือ ของที่ทุกคนซื้อไปจากที่ร้าน Regrow จะสามารถอยู่กับเขาไปได้ยาวๆ”
ถ้าหากเรามองไปทางด้านซ้าย เราก็จะเจอเข้ากับร้านดอกไม้ ‘Malibarn’ ที่รอให้ทุกคนได้เข้าไปชื่นชมกับดอกไม้ออร์แกนิกจากชุมชนในจังหวัดเชียงใหม่ และมีกิจกรรมจัดดอกไม้เพื่อให้ได้ใช้เวลากับตัวเอง แต่กิจกรรมของชั้น 2 ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะชั้นนี้ยังมีห้อง Energy Space ที่มีกิจกรรมประจำสัปดาห์สำหรับคนที่อยากมาใช้เวลากับตัวเอง ทำให้ตัวเองตื่นรู้จากบางสิ่งที่หลงลืมอยู่ในจิตใจส่วนลึก
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/Slowcombo_Energyspace-1024x768.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/0J0A1569-1024x683.jpg)
“กิจกรรมต่างๆ จะขึ้นอยู่กับธีมของแต่ละเดือน หรือปฏิทินจันทรคติ เพราะที่นี่เราเชื่อในพลังพระจันทร์ เขาพูดว่าพระจันทร์สามารถทำให้เกิดน้ำขึ้น-น้ำลงได้ ในขณะที่ร่างกายมนุษย์มีน้ำถึง 70% ทำไมพระจันทร์ถึงจะไม่ส่งผลกับร่างกายมนุษย์”
ความน่าสนใจของห้องนี้คือ ภายในห้องออกแบบให้เหมือนกับว่าคุณได้หลบหนีจากโลกภายนอกไปสู่อีกที่หนึ่ง ห้องนี้ถูกตกแต่งโดยชารีฟ ลอนา และทีมออกแบบภายในจาก Studio Act of Kindness กิจกรรมในห้องมีทั้ง sound healing กิจกรรมอาบคลื่นเสียงผ่านขันหิมาลัย หรือคริสตัลโบวล์ พิธีดื่มคาเคาศักดิ์สิทธ์อย่าง cacao ceremony มีสติด้วยการเต้นผ่านกิจกรรม Sircle หรือทำกิจกรรมกับครอบครัวผ่าน family yoga
และที่สำคัญไม่ต้องกลัวว่ากิจกรรมจะมีแต่ภาษาอังกฤษ เพราะที่นี่กิจกรรมทุกอย่างมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมโอบกอดทุกเชื้อชาติ เพราะความต้องการของที่นี่คืออยากให้สุขภาวะที่ดีเข้าถึงคนไทยได้มากขึ้น
“วันนั้นมีคนไทยคนหนึ่งมาเข้ากิจกรรม sound healing แล้วเขาบอกว่า ‘ดีมากเลยที่นี่มีภาษาไทยด้วย’ เพราะว่าตอนที่เขาไปที่อื่น เขาไม่กล้าเข้าไปร่วมกิจกรรมหรือไม่กล้าที่จะพูด แต่เมื่อได้มาลองทำกิจกรรมที่นี่เขารู้สึกกล้าและรู้สึกสบายใจมากขึ้น” อิ๊บเล่าถึงหนึ่งในเสียงตอบรับของคนที่มาทำกิจกรรมในห้อง Energy Space
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/BODY-WEB-W-Slowcombo22-1024x683.jpg)
ชั้นที่ 3 ชั้นเรียกเหงื่อ
“หลังจากเรานั่งทำงานมาทั้งวัน ถ้าได้ออกกำลังกายเราคงจะรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น เราเลยอยากให้คนได้มีช่วงเวลาที่เขารู้สึกดีกับตัวเองเมื่อมาที่นี่เท่านั้นเอง” โต๋เล่าที่มาของกิจกรรมบนชั้น 3
เมื่อเดินขึ้นมาที่ชั้นนี้จะเห็นสนาม pickleball กีฬาที่ผสมผสานกีฬา 2 ชนิดระหว่างปิงปองและแบดมินตัน ซึ่งถูกคิดค้นโดยครอบครัวหนึ่ง เพื่อหาอะไรทำยามว่างในช่วงฤดูร้อน
จุดที่ยืนอยู่ ณ ตอนนี้เรียกว่า Active Space
“ถ้าถามว่ากิจกรรมอะไรที่เหมาะกับที่นี่คงเป็นกิจกรรมที่มีความง่าย อย่าง pickleball ก็คือมันง่ายต่อทุกคน หลังเลิกงานไม่ต้องมีอุปกรณ์มา หรือว่าไม่ต้องมีทักษะ เหมือนกับการตีปิงปอง ไม่ต้องมีสกิลมาก่อน ทุกคนมาคลายเครียด มาผ่อนคลายกับเพื่อน มาหัวเราะกันที่คอร์ต แค่นี้เขาก็กลับบ้านอย่างอารมณ์ดีแล้ว
“ความท้าทายของที่นี่คือทุกคนต้องกล้า เรามีกิจกรรมเยอะมากและมีประโยชน์ด้วย แต่ความท้าทายของที่นี่คือ คุณจะกล้ามาลองทำกิจกรรมเหล่านี้ที่เรามีหรือเปล่า”
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/351112844_282055784283386_7159632785967674907_n-819x1024.jpeg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/351120661_6275866219169953_342797963819184451_n-819x1024.jpeg)
โอบรับประสบการณ์ใหม่
“ที่นี่แตกต่างจากที่อื่น เพราะเราไม่ได้มองว่าที่นี่เป็นร่มที่มีแต่เรื่อง meditate และ sound healing เรายังมีการผสมผสานไปกับงานอาร์ต งานทอล์ก งานสนุกๆ บวกกับสอดแทรกเรื่องสุขภาวะที่ดี เหมือนเป็นการ combo กิจกรรมให้บาลานซ์กัน” นี่เป็นอีกหนึ่งนิยามของตึก Slowcombo หรือ mindfulness playground พื้นที่ที่สร้างขึ้นมาสำหรับทุกคน
กิจกรรมที่ Slowcombo ไม่ได้หมดแค่ที่กล่าวมาข้างต้น แต่ที่นี่ยังมีกิจกรรมที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปในแต่ละเดือน
“ความสนุกของที่นี่อีกอย่างคือ การที่คนติดต่อเราเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อที่จะเช่าสเปซ ทั้งคนที่รู้และคนที่ไม่รู้คอนเซปต์เราก็ต้องดูว่าเขาอยากทำนิทรรศการอะไร และคอนเซปต์ของนิทรรศการนั้นคืออะไร ตรงกับคอนเซปต์ของที่ Slowcombo ไหม” โต๋เล่าถึงเสียงตอบรับ
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/BODY-WEB-W-Slowcombo23-1024x683.jpg)
กิจกรรมต่างๆ เกิดจากแนวคิดที่อยากโอบกอดผู้เข้าชมทุกวัย ให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการมาทำกิจกรรมที่ตัวเองสนใจ แน่นอนว่าทุกกิจกรรมมีความน่าสนใจแตกต่างกันไป แล้วแต่ว่าใครจะชอบกิจกรรมแบบไหน ทำให้ที่นี่ต้องมีกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อที่จะสามารถรองรับความต้องการที่แตกต่างของทุกคนได้
“กลุ่มเป้าหมายหลักของที่นี่มีตั้งแต่นักศึกษามหาวิทยาลัย (college student), วัยทำงาน (young professional) และนักเก็บเกี่ยวประสบการณ์ (world explorer) ซึ่งในสามกลุ่มนี้เราไม่ได้มองว่าเราอยากเจาะกลุ่มวัยใดวัยหนึ่งอย่างเดียว แต่เราอยากทำให้ทุกคนมองว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่ทุกคนได้เล่นสนุก ได้ทดลองอะไรใหม่ๆ และสร้างความสุขให้กับพวกเขา นี่คือสิ่งที่เราจะพยายามทำ”
Slowcombo เป็นแพสชั่นโปรเจกต์ แต่อีกแง่หนึ่งในโลกของทุนนิยมที่ทุกอย่างถูกขับเคลื่อนด้วยเงิน การจะประสบความสำเร็จต้องเกิดจากการวางแผนทางธุรกิจอย่างรอบคอบ
“เราอยากจะสร้างให้ที่นี่เป็นพื้นที่ที่สามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองได้ แต่ต้องเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างคุณค่าให้กับคนได้เช่นเดียวกัน เราไม่ได้อยากผลิตอาหารที่ขายแล้วรายได้ดี แต่เป็นอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ หรือผลิตของใช้ที่มันจะกลายเป็นขยะในอนาคต นั่นไม่ใช่เป้าหมายของที่นี่”
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/BODY-WEB-W-Slowcombo6-1024x683.jpg)
“เราต้องการให้คอนเซปต์ที่เราสร้างมาสามารถต่อยอดไปเป็นธุรกิจได้ในตัวของมันเอง เช่น บนชั้น 2 เรามี ‘Slowcombo give and receive tree’ เป็นกิจกรรมภายใต้คอนเซปต์ love yourself และ love others โดยจะให้คนที่มาเขียนการ์ดแห่งคำมั่น (affirmation card) แล้วแขวนการ์ดนั้นให้คนอื่นได้มาหยิบไป โดยให้นึกว่าถ้าเขาอยากจะส่งความรู้สึกที่ดีให้คนอื่นเขาจะเขียนอะไรลงไป จากนั้นก็ให้เขาไปเลือกคำที่เหมาะกับเขาในวันนั้นนำกลับบ้านไป ในส่วนของไอเดียหรือกรอบแนวคิดของต้นไม้ต้นนี้สามารถนำไปต่อยอดเป็นต้นแบบธุรกิจ (business model) ที่คนอื่นสามารถมาซื้อไอเดียและนำไปทำต่อได้ คือทุกคอนเซปต์ของที่นี่ อิ๊บอยากให้มันสามารถต่อยอดไปเป็นผลิตผลอื่นๆ ได้ แต่ว่าในทุกผลิตผลที่ออกมาจากที่นี่ต้องสามารถตอบโจทย์ 3 คีย์เวิร์ดของเรา คือ รักตัวเอง รักผู้อื่น และรักษ์โลก
“อย่างน้อยตอนนี้เราได้เล่าคอนเซปต์นี้ออกไปร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่าคอนเซปต์เราคืออะไร แล้วเราก็ค่อยๆ ได้กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ จุดแรกเราก็โอเคนะค่อยๆ ไป แต่ถ้าถามว่ามันสำเร็จหรือยัง ตึกนี้ก็ยังไม่ได้สำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ เราก็ไม่ได้มีผู้เช่าร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าผู้เช่าเต็มก็ไม่ได้หมายความว่าตึกนี้เสร็จแล้วนะ เรายังต้องมีการสร้างแบรนด์ กิจกรรม การกำหนดปฏิทินรายปี ที่จะทำให้ที่นี่ยังคงคอนเซปต์ ความเป็น mindfulness playground ที่เราตั้งใจไว้ให้ได้” อิ๊บเล่าถึงภาพรวมของ Slowcombo ณ ปัจจุบัน และแผนการในอนาคต
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/BODY-WEB-H-Slowcombo15-683x1024.jpg)
สุขภาวะที่ดีควรง่ายต่อการเข้าถึง
ความเป็น Slowcombo ไม่ได้อยู่แค่ตึกใจกลางสามย่าน แต่ Slowcombo ยังรับทำสื่อที่ทำให้คนตระหนักถึงสุขภาวะที่ดีให้แก่บริษัทอื่นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการทำวิดีโอกับบริษัทอื่นสอนเรื่องการหายใจ หรืองานในปีหน้าที่ให้พื้นที่ Ctrl+R Collective ในช่วงเทศกาล Bangkok Design Week
Slowcombo เชื่อว่าคอนเซปต์สุขภาพกายใจที่ดี ไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่แค่ที่ Slowcombo แต่พวกเขาต้องการทำให้พื้นที่ตรงนี้มีน้ำหนักมากพอที่จะต่อยอดเพื่อไปร่วมงานกับที่อื่นๆ ได้
“เราไม่ได้มองว่าสเปซเราจะจบแค่ทำธุรกิจในสเปซของเรา แต่คอนเซปต์ของ mindfulness ของเรา เราสามารถไปช่วยบริษัทที่เขาต้องการสร้างสุขภาวะที่ดีในคอมมิวนิตี้ด้วยตัวเองได้ เราอาจจะไปช่วยต่อยอดให้เขา”
แม้ว่าทั้งอิ๊บและโต๋ต่างยังใหม่กับวงการคอมมิวนิตี้สเปซ พวกเขาและทีมจึงวางแผนอย่างดีเพื่อที่จะทำให้คอมมิวนิตี้นี้เติบโตไปในทิศทางที่พวกเขาต้องการ นั่นคือการเล่าเรื่องให้สนุกแต่ยังต้อง ‘รู้จริง’
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/BODY-WEB-W-Slowcombo3-1024x683.jpg)
“เรามีที่ปรึกษาหลากหลายที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ เพื่อให้เราเป็นตัวจริง การได้มาทำงานที่นี่ ทำให้เจอที่ปรึกษาหลายทาง หลากหลายศาสตร์ ที่ปรึกษาระบบ ที่ปรึกษาสถาปนิก ที่ปรึกษาระบบไฟ เราก็ต้องมีที่ปรึกษา ที่ปรึกษาค่อนข้างสำคัญ”
ตัวอย่างหนึ่งคือการที่ทีม Slowcombo มีที่ปรึกษาคนไทยใน UN ที่ร่วมดูแลโครงการ Sustainable Development Goal 17 มาช่วยให้คำปรึกษาเรื่องความยั่งยืน
“ในขณะที่บาลานซ์ ลองผิด ลองถูก เราต้องมีจุดมุ่งหมายว่าเราทำไปทำไม มันอาจจะนานกว่าคนอื่น เราอาจจะไปแบบลองผิดลองถูก แต่ว่าเราจะไปแบบมีจุดมุ่งหมาย”
ความฝันนึงของ Slowcombo ในวันหน้าคือการได้ขยับขยายไปเปิดที่จังหวัดอื่นในประเทศไทย เพราะพวกเขามีความเชื่อว่าสุขภาวะที่ดีควรง่ายต่อการเข้าถึง
“เราอยากลองไปเปิดที่เมืองอื่น อยากไปอยู่ภูเก็ต หรืออยากไปอยู่เชียงใหม่ อยากไปแถบอีสาน อุบลฯ ขอนแก่น เรารู้สึกว่าถ้าคอนเซปต์นี้มันสำเร็จ มันไม่จำเป็นจะต้องอยู่แค่ที่กรุงเทพฯ มันสร้างคอมมิวนิตี้แบบนี้ที่อื่นได้ ด้วยคอนเซปต์แบบนี้ คอนเซปต์มันง่ายมากเลย เรื่องการรับประทาน เรื่องออกกำลังกาย เรื่องใจ เรื่องสุขภาพ เรารู้สึกว่านั่นถือว่าเป็นจุดที่สำเร็จของ Slowcombo เพราะว่ามันสามารถกลายไปเป็นธุรกิจต้นแบบ ที่สร้างคอมมิวนิตี้ที่ทำให้คนมีสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้”
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/BODY-WEB-W-Slowcombo11-1024x683.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/BODY-WEB-W-Slowcombo10-1024x683.jpg)
ปรัชญา ณ Slowcombo
คนที่ได้มาเยี่ยมชม Slowcombo เมื่อกลับออกไปจากที่นี่คงต้องได้อะไรสักอย่างกลับไป ไม่ว่าจะเป็นสุขภาวะที่ดีจากการกิน ความสนุกและความสงบจากกิจกรรม หรือจะเป็นการได้หันมารักตัวเอง รักผู้อื่น และรักษ์โลก
นี่เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ทั้งสองต้องการให้คนที่มาได้รับกลับไป แต่ในฐานะเจ้าของพื้นที่ สถานที่แห่งนี้ได้ให้อะไรแก่พวกเขาเช่นกัน
“เราเอาประสบการณ์ที่ได้มาบาลานซ์ในการทำงาน มันทำให้งานเราสนุกขึ้น เหมือนเราก็ได้ใช้วิชาที่เราทำให้คนอื่น มาทำให้ตัวเองมีความสุขขึ้น
“ถ้าเป็นในงานประจำที่ตัวเองทำ เราก็พยายามจะใช้ความรู้ด้านความยั่งยืน คือเราก็บอกลูกค้าไปด้วยว่ามันมีอย่างนี้นะ หาวิธีลดต้นทุนสิ่งแวดล้อมในการผลิตแพ็กเกจจิ้งโดยที่มันไม่ต้องวุ่นวาย ทั้งๆ ที่แต่ก่อนไม่ใช่คนแบบนี้นะ แต่ก่อนยิ่งเยอะ ยิ่งดี ต้องเว่อร์วัง มีห่อแล้วยังมีห่ออีก”
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/BODY-WEB-W-Slowcombo5-1024x683.jpg)
ในส่วนของอิ๊บที่อยู่กับวงการแฟชั่นมาอย่างยาวนาน การปลุกปั้นคอมมิวนิตี้แห่งนี้ทำให้เธอได้กลับมาอยู่กับตัวเองอีกครั้ง
“เราทำงานทุกวันในเรื่องของสิ่งด้านนอก เสื้อผ้ามันคือด้านนอกอย่างเดียว มันคือการทำให้คนเห็นภาพลักษณ์ข้างนอกของเรา แต่การทำงานที่นี่ทำให้เราได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง มีเวลามาเข้าโยคะเพราะว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่เราที่นี่ ไปเข้าคลาสอื่นๆ เสร็จก็ต้องมากินอาหารอันนี้ มันก็กลับสู่ด้านในมากขึ้น
“เพราะฉะนั้นการได้ทำงานตรงนี้ก็เลยกลายเป็นสิ่งที่สนุก ได้ผ่อนคลาย เพราะเราได้มาให้เวลากับตัวเองในการพัฒนาข้างในของตัวเอง นี่คือสิ่งที่สถานที่แห่งนี้ให้เรา”
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2023/09/BODY-WEB-W-Slowcombo20-1024x683.jpg)