นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับการใช้คุกกี้

บริษัท ทุนดี จำกัด (“บริษัท”) มีความจำเป็นต้องใช้คุกกี้ในการทำงานหลายส่วนของเว็บไซต์เพื่อรับประกันการให้บริการของเว็บไซต์ที่จะอำนวยความสะดวกในการใช้บริการเว็บไซต์ของท่าน โดยบริษัทรับประกันว่าจะใช้คุกกี้เท่าที่จำเป็น และมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎ หมายที่เกี่ยวข้อง และจะไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น เว้นแต่เป็นกรณีการใช้คุกกี้บางประเภทที่อาจดำเนินการโดยผู้ให้บริการภายนอก ทั้งนี้ เมื่อท่านเข้าใช้บริการเว็บไซต์ บริษัทจะถือว่าท่านรับทราบและตกลงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้แล้ว โดยบริษัทสงวนสิทธิ์ในการปรับปรุงนโยบายฉบับนี้ตามแต่ละระยะเวลาที่บริษัทเห็นสมควร โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์นี้... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

Petniture

Petniture เฟอร์นิเจอร์สำหรับสัตว์เลี้ยงของคู่รักอินทีเรียร์ที่อยากให้มะนุดอยู่กับลูก 4 ขาอย่างแฮปปี้

จากภาพเฟอร์นิเจอร์ด้านล่างนี้ ทุกคนคิดว่าฟังก์ชั่นของมันคืออะไรกันบ้าง?

แรกเริ่ม ทั้งคนที่เลี้ยงและไม่ได้เลี้ยงสัตว์​อาจสับสนงุนงงว่าเจ้าเก้าอี้ที่ว่านี้เป็นของเด็กหรือเปล่า หรือมีฟังก์ชั่นเพื่อให้มะนุดทำคอนเทนต์ลงโซเชียลมีเดียเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว KAOI PAW CHAIR เก้าอี้เด็กสำหรับลูกๆ สี่ขา ของ Petniture แบรนด์เฟอร์นิเจอร์เพื่อเจ้าของและสัตว์เลี้ยงนั้นมีฟังก์ชั่นสำคัญมากกว่านั้น

ไม่ว่าจะเรื่องการฝึกพฤติกรรม การบริหารจัดการพื้นที่ ไปจนถึงการป้องกันโรคข้อต่อและทางเดินอาหาร ทั้งหมดนี้ กวาง–ธารวิมล กมลนิธิ และ จั๊ก–วัฒพฤกษ์ ชัยปาริฉัตร์ คู่รักอินทีเรียร์ดีไซน์ผู้ต่อยอดแบรนด์ Petniture จากธุรกิจ CNC ต้องการให้ทั้ง KAOI และเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นของ Petniture ช่วยยกระดับชีวิตของมะนุดและลูกสี่ขา

“หลายคนตั้งคำถามว่ามันต้องขนาดนี้เลยเหรอ แต่เพราะเราเลี้ยงสัตว์มานานกว่า 10 ปี และเราเองก็เป็นอินทีเรียร์ดีไซเนอร์ที่จริงจังเรื่องความสวยงามของบ้าน และความคงทนของเฟอร์นิเจอร์มาก Petniture จึงเกิดขึ้นจากความเข้าใจ pain point ท้ังหมดนั้น” จั๊กอธิบายถึงคอนเซปต์โดยรวมของแบรนด์ให้ฟัง

ความแตกต่างทั้งเรื่องไลน์สินค้าและความพรีเมียมที่ทำให้ราคาขยับขึ้นไปอีกขั้นเมื่อเทียบกับแบรนด์ของใช้สัตว์เลี้ยงในท้องตลาด เราจึงชวนกวางและจั๊กมาเปิดหลัก 5P ไปพร้อมๆ กัน เพื่อไขข้อข้องใจว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ Petniture ต้อง ‘ทำขนาดนี้’

Product
ตอบโจทย์พฤติกรรม คัสตอมได้ทุกสายพันธุ์

ในตำราการออกแบบพื้นฐาน สินค้าที่ดี คือสินค้าที่แก้ pain point ของผู้ใช้งานได้ Petniture จึงสามารถบอกได้อย่างเต็มปากว่าสินค้าที่คิดค้นขึ้นช่วยให้เด็กๆ สี่ขาแฮปปี้กับชีวิตมากขึ้นจริงๆ 

ที่กล่าวแบบนั้น เพราะแม้เทรนด์สัตว์เลี้ยงที่มาแรงจะทำให้ของใช้สัตว์เลี้ยงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แต่ทั้งคู่มองว่าสินค้าเหล่านั้นก็ยังแก้ pain point ของมะนุด ในเรื่องความสะดวกสบาย ความคงทนถาวรไม่ได้ ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เมื่อสินค้าเหล่านั้นตอบโจทย์สัตว์เลี้ยงได้ไม่ตรงจุด 

“สินค้าชิ้นแรกอย่างชามยกสูง OMAKASE เกิดจากการที่เราหาชามอาหารยกสูงให้บราวนี่ หมาพันธุ์ชิวาว่าอายุ 14 ปี ไม่ได้สักที คือถ้าไม่เตี้ยไปก็สูงไป แล้วก็องศาของชามไม่เข้ากับสรีระของเขา ซึ่งมันอาจส่งผลต่อข้อต่อ อาจทำให้สำลัก กินเร็ว และส่งผลต่อระบบย่อยอาหารของเขาได้

“เราจึงเริ่มจากนำวัสดุที่เราทำธุรกิจ CNC มาลองทำชามให้เขาใช้ก่อน แล้วค่อยๆ ปรับให้สูงขึ้นอีกนิด เอียงอีกหน่อย เพื่อให้รับกับหน้าของเขา” กวางเล่าถึงจุดเริ่มต้นของสินค้าชิ้นที่ทำให้ทั้งคู่เริ่มเห็นความเป็นไปได้ 

ธุรกิจที่ต่อยอดจากธุรกิจเดิมนั้นเหมือนจะง่าย แต่เพราะความต้องการของสัตว์เลี้ยงและคนนั้นแตกต่างกัน การศึกษาพฤติกรรมและความแตกต่างของน้องหมาน้องแมวแต่ละสายพันธุ์จึงเป็นสิ่งที่ทั้งคู่บอกว่าจำเป็น

“พอจะเริ่มขายปุ๊บ เราเพิ่งมานึกได้ว่าหมาไม่ได้มีแค่พันธุ์เดียว เลยต้องศึกษาและออกสินค้าที่ตอบโจทย์ทั้งหมาแมวขนาดเล็กและขนาดกลาง จากนั้นเมื่อวางขายจริงๆ ก็เก็บทุกฟีดแบ็กของลูกค้ามาพัฒนา อย่างตอนแรกเราทำเป็นไซส์ S และ M ก่อน แต่ก็พบว่ายังมีน้องหมาน้องแมวที่ความสูงอยู่กึ่งกลางระหว่างนั้น เลยพัฒนาไซส์ S+ ขึ้นมา 

“และภายหลังก็พัฒนารุ่น ONIGIRI สำหรับหมาไซส์ใหญ่ ที่ไม่ได้เข้าคู่กับชามเซรามิกแบบรุ่น OMAKASE แต่เป็นชามสเตนเลส เพราะน้องหมาไซส์ใหญ่แรงเยอะ ถ้าเขาเล่นหรือวิ่งชนมันอาจจะแตกได้” 

นอกจากจะตอบโจทย์น้องๆ ได้จริงแล้ว การที่ Petniture ทำชามยกสูงนี้ออกมาหลายไซส์จึงถือเป็นการสร้างความแตกต่างให้แบรนด์ และสะท้อนว่าเอกลักษณ์ของ Petniture คือความใส่ใจในรายละเอียด การเข้าใจพฤติกรรมสัตว์เลี้ยง และความต้องการของเจ้าของจริงๆ  

นอกจากชามยกสูงแล้ว สินค้าอีกชิ้นที่เป็นที่พูดถึงและยังไม่เคยมีใครวางขายในท้องตลาดคือ KAOI เก้าอี้เด็กสำหรับคุณหนูสี่ขา ที่เราเกริ่นไปและจะมาเฉลยฟังก์ชั่นกันที่ย่อหน้านี้

“เวลาเราทำงาน บราวนี่ก็จะชอบร้องและอยากขึ้นมาอยู่บนตักเราตลอดเวลา ซึ่งบางครั้งมันอันตรายมากเพราะเขาตัวเล็ก และก็อาจถูกเหยียบได้เลย”

ทั้งคู่จึงเริ่มจากทำกล่องนอนตั้งบนชั้นวางของอีกทีหนึ่ง และพบว่าบราวนี่สบายใจขึ้นเพราะได้อยู่ใกล้ชิดกับพ่อแม่ จากนั้นกวางและจั๊กจึงเริ่มพัฒนา KAOI อย่างจริงจัง ซึ่งมีทั้งรุ่นธรรมดา และรุ่นที่วางชามอาหารของน้องๆ ได้ ทั้งยังมีล้อเลื่อนที่เคลื่อนที่อย่างอิสระ แก้ pain point ของรถเข็นที่ต่อให้คุณภาพดีแค่ไหนแต่ก็ไม่สะดวกมากนัก เพราะรถเข็นไม่มีที่วางชามอาหาร พ่อแม่จึงยังต้องคอยป้อนเด็กๆ อยู่ดี

“เจ้าของหลายคนบอกว่าตอนแรกก็งงว่ามันคืออะไร ทำไมฉันต้องให้หมามานั่งตรงนี้ ทั้งที่ก็มีรถเข็นอยู่แล้ว แต่พอเขาได้ลองเอาหมาไปนั่งจริงๆ เขาพบว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องมี เพราะมันสะดวกขึ้นเยอะเลย ที่สำคัญ KAOI ยังฝึกพฤติกรรมเด็กๆ ได้ดี ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่เราไม่คาดคิดเหมือนกัน 

“เด็กๆ หลายคนทานอาหารได้เองโดยไม่ต้องให้พ่อแม่ป้อน เพราะที่ผ่านมาเขาอยากให้เราป้อนเพราะเขานั่งอยู่ข้างล่างและต้องการความสนใจ พอเขาขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกัน เขาก็จะรู้ว่าพ่อแม่ทำอะไรอยู่บ้างเด็กๆ ยังรู้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ได้นั่งบนเก้าอี้ตัวนี้ เขาจะได้กินข้าว หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่เขากินเสร็จเขาถึงจะได้ลงจากเก้าอี้ มันตอบโจทย์ทั้งน้องหมาที่กินเก่งและกินน้อย” กวางเล่าถึงฟีดแบ็กจากการนำ KAOI ไปเป็นสปอนเซอร์ส่วนกลางของงาน Pet Expo ที่ทำให้ทั้งคู่ใจฟู

ความแตกต่างตรงนี้ไม่เพียงตอบโจทย์พ่อแม่ได้เท่านั้น แต่ในอนาคตกวางและจั๊กยังตั้งใจให้ KAOI ไปวางตามร้านอาหารหรือโรงแรมที่เป็น pet-friendly เพราะนอกจากจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้ผู้ประกอบการร้านค้าแล้ว ยังถือเป็นการจัดการพื้นที่ได้ดี สะดวกกับทางเจ้าของหมาแมวเอง และสะดวกกับพนักงานด้วย

 สะดวกใช้ สวยถูกใจมะนุด 

“ชื่อแบรนด์ของเรามาจากคำว่า pet lifestyle and human furniture” จั๊กเริ่มต้นเล่าหัวใจข้อที่สองของการออกแบบสินค้า ก่อนอธิบายต่อว่า

“โลโก้ของแบรนด์เป็นวงกลม 2 วงซ้อนกัน Petniture ก็คืออินเตอร์เซกตรงกลางของทั้ง 2 วงนั้น มันสะท้อนถึงความตั้งใจในการทำแบรนด์ของเราว่าอยากให้ใช้ได้จริงด้วย และวางในบ้านได้อย่างไม่เคอะเขินเหมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์ตัวหนึ่ง”

เมื่อต้องการให้เป็นเฟอร์นิเจอร์ ดีไซน์ของสินค้าทุกชิ้นจึงต้องเรียบง่ายและอยู่ได้ทุกยุคทุกสมัย พูดให้เข้าใจ จั๊กบอกว่าคีย์เวิร์ดในการออกแบบคือ ‘classic never die’  

“ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เราได้รับผลตอบรับดีมากๆ พ่อแม่บอกว่าเอาของเราไปวางตรงไหนของบ้านก็สวย ลูกเขาก็ใช้ชีวิตได้ดีขึ้น เพราะพอเราตีความออกมาว่าเดี๋ยวนี้คนเลี้ยงสัตว์เป็นลูก นอกจากเราจะเทียบฟังก์ชั่นของใช้สัตว์เลี้ยงกับของเด็กแล้ว เรายังจริงจังกับเรื่องดีไซน์” กวางอธิบาย

นอกจากความสวยงามที่สะท้อนผ่านรูปทรงและสีสันที่เรียบง่าย สินค้าทุกชิ้นจะต้องทนทานและสะดวกมะนุด เพราะกวางและจั๊กไม่ได้มองว่า Petniture คือของใช้สัตว์เลี้ยงแต่คือเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องใช้งานได้ยาวนาน 

“pain point ของชามอาหารสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในท้องตลาดคือมักจะไม่ทน เราเลยทำชามยกสูงออกมา 2 วัสดุ คือวัสดุไม้ที่เคลือบมาแล้ว และวัสดุพลาสต์วูดซึ่งเป็นวัสดุทดแทนที่กันน้ำได้มากกว่าเพราะเป็นเกรดเฟอร์นิเจอร์ครัว” กวางบอก

อีกสิ่งสำคัญ สินค้านั้นๆ ต้องอำนวยความสะดวกให้มะนุดได้ด้วย อย่างชามเซรามิกในรุ่น OMAKASE ก็คิดมาแล้วว่าจะต้องเข้าไมโครเวฟได้ เผื่อพ่อแม่ต้องการอุ่นอาหารให้ลูกๆ สินค้าต่างๆ ก็ยังต้องขนส่งได้สะดวกสบาย ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของมะนุดพ่อมะนุดแม่ เช่น เจ้า KAOI ที่มาในรูปแบบ flat pack ซึ่งทั้งสองคนได้รับแรงบันดาลใจจาก IKEA

Price & Promotion
ราคาเหมาะสมและการสื่อสารถึงความตั้งใจ

ชามยกสูง OMAKASE ราคาเริ่มต้นที่ 800-1,300 บาท

ชามยกสูง ONIGIRI ราคาเริ่มต้นที่ 1,600-2,300 บาท

ส่วนเจ้า KOAI สินค้าใหม่ในวงการสัตว์เลี้ยง ขายในสนนราคา 12,000-15,000 บาท

“แบรนด์ของเราใส่ใจเรื่องของคุณภาพการออกแบบมาก กว่าจะออกแบบ กว่าจะทำม็อกอัพ กว่าจะทดลองใช้จริง ทำให้ราคาของเราอาจจะสูงกว่าท้องตลาด แต่ขณะเดียวกันเราก็มีกลุ่มลูกค้าที่เขาเข้าใจและเห็นถึงความแตกต่าง อยากให้ลูกเขาได้ใช้ของดี และอยากให้บ้านเขาสวยงาม

“หลายคนพอมาจับแล้วก็พูดเลยว่า ของเราไม่เหมือนที่ไหนเลย ไม้มันดีมาก อะไรแบบนี้ แต่ในความเป็นจริง ไม้เราอาจจะเหมือนคนอื่นก็ได้นะ เพียงแต่เราใส่ใจในทุกๆ ขั้นตอน โดยเฉพาะเวลาขัดไม้ เราจะขัดถึง 5-6 ขั้นตอน” จั๊กอธิบาย 

แม้กลุ่มลูกค้าของแบรนด์จะแข็งแรงก็จริง แต่ด้วยสัดส่วนในตลาดที่ยังน้อย ทั้งลูกค้ายังเลือกซื้อ Petniture ในฐานะของใช้สัตว์เลี้ยง ขณะที่จั๊กและกวางมองว่า Petniture เป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานได้ยาวนานมากกว่า งานยากจึงคือการสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจถึงความแตกต่างของแบรนด์

“เราเน้นการทำคอนเทนต์ที่ทำให้ลูกค้ารับรู้ถึงเบื้องหลังการออกแบบ การทำสินค้าให้ได้คุณภาพ และการใช้งานที่ยาวนาน เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าราคาของเราสมเหตุสมผลและลูกค้าจับต้องได้ในคุณภาพที่แตกต่าง” กวางเสริม

แต่นอกจากคอนเทนต์สื่อสารความตั้งใจ หลายครั้ง Petniture ก็มีราคาโปรโมชั่นเมื่อวางขายตามงานสัตว์เลี้ยงต่างๆ เพื่อเชิญชวนให้ลูกค้าได้เปิดใจทดลองใช้สินค้าสัตว์เลี้ยงคุณภาพดี เพราะแม้กวางจะมองว่าการลดแลกแจกแถมไม่สำคัญสำหรับแบรนด์มากนัก แต่ก็มีผลในการขยายตลาดเช่นกัน 

“สิ่งสำคัญคือการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานให้มีความแตกต่าง แปลกใหม่ และเหมาะสมกับราคามากที่สุด” กวางอธิบายถึงแนวคิดเบื้องหลัง

Place
พื้นที่ที่เหมาะสมกับ position ของแบรนด์

ปัจจุบัน Petniture วางขายในช่องทางออนไลน์เป็นหลัก และวางขายในช่องทางออฟไลน์ตามพรีเมียมเพ็ตช็อป เกร็ดน่ารักๆ ที่ทั้งคู่เล่าให้ฟังคือก่อนจะตกลงวางขายที่ไหน ทั้งจั๊กและกวางจะแอบไปส่องร้านนั้นๆ ก่อนว่าขายสินค้าแบบไหนบ้าง สินค้าที่มีเหมาะกับแบรนด์แค่ไหน และลูกค้าของร้านคือใคร 

“ที่ต้องดูละเอียดและเลือกพรีเมียมเพ็ตช็อป เพราะถ้าเราไปวางขายตามเพ็ตช็อปทั่วไปที่มีสินค้าหลากหลาย ตั้งแต่ราคาหลักสิบถึงหลักร้อย แต่ของเรามันหลักร้อยถึงหลักพัน แบรนด์ของเรามันอาจจะไม่เหมาะกับพื้นที่ตรงนั้น” กวางอธิบาย 

นอกจากเพ็ตช็อปต่างๆ แล้ว ทั้งคู่ยังพา Petniture ไปออกงานเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เช่น ตลาดสัตว์เลี้ยงตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ อย่างเซ็นทรัลอีสต์วิลล์ที่เป็นห้าง pet-friendly หรือเอ็มควอเทียร์ที่มีกลุ่มลูกค้าตรงกับแบรนด์ หรือจะเป็นงาน Pet Expo ที่จั๊กเอ่ยว่าเป็นงานที่ให้บทเรียนกับการทำแบรนด์หลายข้อ โดยเฉพาะการจัดบูทที่ต้องสวยงามน่าทำความรู้จัก

“เราบอกกับน้องที่ทำการตลาดว่าทุกๆ เรื่องเราต้องดึงดูดลูกค้าเหมือนการจีบคนคนหนึ่ง ก่อนที่เราจะคบหาหรือคุยกับใคร ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรามองจากรูปลักษณ์ภายนอกก่อน ดังนั้นเราต้องจัดบูทให้สวย น่าเดินเข้า มันเหมือนเป็น first impression ที่จะทำให้ลูกค้าอยากรู้จักเรา

“พอเขาสนใจ เราถึงจะแนะนำต่อได้ว่าเป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์สัตว์เลี้ยง สินค้าเรามีอะไรบ้าง ฟังก์ชั่นของมันคืออะไร เราต่างจากคนอื่นยังไง ตรงนี้มันเป็นสเตปการจีบแล้ว สุดท้ายถ้าจีบติดลูกค้าก็ยินดีจะซื้อ”

ทุกครั้งที่มีงานเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง กวางและจั๊กยังลงสนามด้วยตนเอง เพื่อทำความรู้จักลูกค้า รับฟีดแบ็ก รวมถึงเติมไฟในการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพราะเทรนด์สัตว์เลี้ยงที่กำลังมาแรงนี้ก็เปลี่ยนแปลงไวเช่นกัน

Professional
ความมืออาชีพที่สำคัญกับการสร้างความไว้วางใจ

“เราเน้นความเป็นมืออาชีพ” จั๊กตอบทันทีเมื่อเราถามถึง P ที่ 5 ที่ทั้งคู่คิดว่าสำคัญ  

“ความเป็นมืออาชีพหรือ professional คือเราต้องทำยังไงก็ได้ให้ลูกค้าเชื่อในแบรนด์ของเรา ตั้งแต่ขั้นตอนการศึกษาพฤติกรรมของน้องๆ แต่ละสายพันธุ์ ไปจนถึงการออกแบบ การทดลองใช้ เพราะเราจะไม่ปล่อยสินค้าที่ยังไม่ผ่านการทดลองออกขายเด็ดขาด เราคิดว่ามันคือความรับผิดชอบและความมืออาชีพที่เราต้องมี”

แม้ปัจจุบัน Petniture จะยังไม่ได้กลายเป็นธุรกิจหลักได้ แต่จั๊กและกวางก็ภูมิใจกับการสร้างแบรนด์นี้ขึ้นมา ทั้งที่วันแรกที่ผลิตคนรอบข้างไม่เข้าใจ

“ถามว่าขายดีมากๆ ถึงขนาดเป็นธุรกิจหลักได้ไหม เราเพิ่งเริ่มได้หนึ่งปีมันเลยอาจจะยังเป็นธุรกิจที่ตอบสนองความชอบของเรามากกว่า แต่มันเป็นธุรกิจที่ทำให้เราแฮปปี้ เพราะทุกครั้งที่เราไปออกร้าน ได้เจอน้องหมาน้องแมว ได้เห็นว่าเขาใช้แล้วมันดียังไง หรือลูกค้าแฮปปี้แค่ไหน เราก็มีความสุขตาม” จั๊กบอก

“เราเริ่มต้นจากชามยกสูง เราไม่ได้คิดว่าเราจะขยายมาได้ขนาดนี้ ไม่ได้คิดว่ามันจะมีทางไปด้วยซ้ำ แต่พอได้ไปอยู่ในคอมมิวนิตี้สัตว์เลี้ยง เข้าไปคลุกคลีกับน้องๆ หลายประเภทมากขึ้น ทำให้เราอยากพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่จะยกระดับชีวิตสัตว์เลี้ยง และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่เลี้ยงสัตว์เป็นลูก” กวางเสริม

ในอนาคต กวางและจั๊กยังตั้งใจพา Petniture ไปสร้างความสุขให้ลูกๆ สี่ขาของมะนุดทั่วโลก การสร้างแบรนด์ให้แข็งแรง ขนส่งสะดวกจึงเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทั้งคู่หวังว่าภาพฝันนั้นจะกลายเป็นจริง

You Might Also Like