สำนักงานศิลปะ
Xspace โชว์รูม 7 ชั้นของแบรนด์ WURKON ที่โชว์เฟอร์นิเจอร์สำนักงานพร้อมงานศิลปะ
โชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ที่ดีต้องมีหน้าตาเป็นยังไง
โชว์สินค้าได้ครบถ้วน เห็นภาพการใช้งานจริง สวยงามโชว์รสนิยมของแบรนด์ หรือเดินทางสะดวก เข้าถึงง่าย
ทั้งหมดที่ว่ามา คือคุณสมบัติของโชว์รูมสินค้าแบรนด์ WURKON แบรนด์เฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่เปิดตัวในปี 2015 ด้วยความตั้งใจอยากใช้งานดีไซน์สร้าง new lifestyle of work หรือวิถีการทำงานแบบใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในเมืองไทย
แต่มากไปกว่าคุณสมบัติด้านบน WURKON เพิ่มความสนุกลงไปอีก 1 ข้อ ด้วยการทำโชว์รูมเป็น ‘แกลเลอรีศิลปะ’ ไปในตัวและทำธุรกิจด้านศิลปะอย่างจริงจัง
โชว์รูมของพวกเขาจึงมีชื่อว่า Xspace หรือจุดตัดระหว่างงานดีไซน์กับศิลปะ หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นพื้นที่ตรงกลางระหว่างธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และแกลเลอรี
จากความเชื่อเรื่อง new lifestyle of work พวกเขาสร้าง new style of showroom ขึ้นมาได้ยังไง และทำไมถึงจำเป็นต้องทำ สิริมาดา และ สุทธิลักษณ์ ศุภองค์ประภา กรรมการผู้จัดการและรองกรรมการผู้จัดการของ WURKON พร้อมพาทัวร์โชว์รูมและเล่าให้ฟัง
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/SW-BODY-WEB-W-16.jpg)
Showroom
อาคาร 1
ชั้น 2 โชว์รูมเฟอร์นิเจอร์หมวด Working Office
ชั้น 5 โชว์รูมเฟอร์นิเจอร์
ชั้น 6 โชว์รูมเฟอร์นิเจอร์หมวด Workstation
อาคาร 2
ชั้น 1 แกลเลอรี
ชั้น 2 แกลเลอรี, โชว์รูมเฟอร์นิเจอร์
Show เฟอร์นิเจอร์
นอกจากจะนำเข้าเฟอร์นิเจอร์สำนักงานและพื้นที่สาธารณะอย่างแบรนด์ ACTIU, Andreu World, หรือ Nestnordic แล้ว WURKON ยังมีบริการดีไซน์เซอร์วิส รับงานออกแบบให้องค์กรไทยมาแล้วจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Ogilvy, Google, TCDC จนถึงโรงพยาบาลศิริราช
แต่แม้จะมีครบทั้งสินค้าและบริการ กว่าแบรนด์จะมีโชว์รูมสินค้าของตัวเองก็เป็นช่วงปลายปี 2020 เข้าไปแล้ว นับเป็นช่วงเวลา 5 ปีที่พวกเขาใช้วิธีการขายแบบอาศัยแค็ตตาล็อกสินค้า งานเรนเดอร์สามมิติ และจินตนาการของลูกค้าเป็นหลัก
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/SW-BODY-WEB-W-7.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/SW-BODY-WEB-W-6.jpg)
“เมื่อก่อนวิธีการขายของเราคือการส่งเซลส์เข้าไปรับบรีฟที่บริษัท คาแร็กเตอร์ของลูกค้าที่เป็นออฟฟิศเขาจะไม่ค่อยออกมาข้างนอกเพราะเขาต้องดูและตัดสินใจเป็น committee ไม่เหมือนลูกค้าที่เป็นบ้าน ที่เสาร์-อาทิตย์ก็ไปเดินโชว์รูม การขายแบบนี้ทำได้ในระดับหนึ่ง เช่น เขาอยากดูตัวอย่างสินค้าเราก็ยกไปถึงหน้างาน” สิริมาดาย้อนเล่าถึงการทำงานที่ผ่านมา
“แต่เพราะเราเน้นขายงานเป็นโปรเจกต์คือขายเฟอร์นิเจอร์หรือดีไซน์สำหรับทั้งสเปซ พอหยิบเฟอร์นิเจอร์ไปให้ดูแค่หนึ่งตัวเขาก็ไม่เห็นภาพทั้งหมด หรือในดีไซน์มี phone booth สำหรับเข้าไปนั่งทำงาน คุยโทรศัพท์ พอวางในสถานที่ของลูกค้าแล้วดูไม่เข้ากับพื้นที่เขาก็จะนึกไม่ออกว่าเฟอร์นิเจอร์แบบนี้จะช่วยสร้างบรรยากาศยังไง เราก็รู้อยู่ในใจแล้วว่าวิธีขายแบบนี้ไม่ค่อยตอบโจทย์ ถ้าเรามีสเปซของตัวเองเพื่อให้ลูกค้าดูเป็นตัวอย่างเขาจะนึกภาพออก เห็นประโยชน์ และกล้า invest มากขึ้น”
ทางออกดูเรียบง่าย แค่เปิดโชว์รูมก็แก้ปัญหาได้ทันที แต่ที่ทำไม่ได้สักที สิริมาดาบอกว่าเพราะพวกเขา ‘ไม่อยากขึ้นราคา’
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/SW-BODY-WEB-W-3.jpg)
“เราคิดมาหลายปีว่าอยากมีโชว์รูม แต่การโชว์เฟอร์นิเจอร์มันต้องโชว์แบบโล่งๆ ใช้สเปซเยอะซึ่งเราติดเรื่องค่าใช้จ่าย สมมติว่าไปอยู่ตามห้างเราจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเดือนละหลายแสน มันก็จะไปสะท้อนที่ราคาสินค้า ทำให้สินค้าราคาแพงอีก ถ้าเราขายแบบ luxury มากๆ ขายชิ้นหนึ่งแล้วอยู่ได้มันก็จบ แต่เราขายเป็นโปรเจกต์ เราต้องการขายปริมาณเยอะ ดังนั้นต้องเป็นต้นทุนที่ลูกค้าจ่ายไหว ก็เลยเหมือนว่าไม่ลงตัวสักที”
กระทั่งเมื่อแบรนด์เติบโต โกดังเก็บสินค้าในย่านพระขโนงก็เริ่มไม่ตอบโจทย์ ด้วยความที่โกดังเป็นแนวตั้ง มีความสูง 7 ชั้น พื้นที่ใช้สอยเยอะก็จริงแต่ก็แลกมาด้วยการต้องรอลิฟต์โหลดของนาน วันหนึ่งพวกเขาจึงตัดสินใจย้ายโกดังสู่พื้นที่ขนาด 5 ไร่ เหลืออาคารเปล่าทิ้งไว้ให้ใช้งาน
และแล้วพวกเขาก็ได้พื้นที่สำหรับโชว์รูมที่ตามหามานาน
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/SW-BODY-WEB-H-2.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/SW-BODY-WEB-W-11.jpg)
“ตอนนั้นคิดจะทำโชว์รูมแต่ยังนึกไม่ออกว่าจะทำกี่ชั้น เพราะว่าสเปซมันเยอะ ตั้ง 5,000 ตารางเมตร” สิริมาดาเล่า
“เราทำรีเสิร์ชว่าคนทำธุรกิจหรือคนที่อยากใช้เฟอร์นิเจอร์เขาอยากได้อะไร เลยได้รู้ว่าสิ่งที่เมืองไทยยังไม่ค่อยมีในขณะที่ต่างประเทศมีแล้วคือการโชว์เฟอร์นิเจอร์ตาม work mode หรือการทำงานรูปแบบต่างๆ เราเลยใช้สิ่งนี้เป็นคอนเซปต์ตั้งใจจัดดิสเพลย์เพื่อโชว์ว่าการทำงานแต่ละประเภทเหมาะกับเฟอร์นิเจอร์แบบไหน”
แต่ละชั้นของโกดังจึงถูกปรับเปลี่ยนเป็นโชว์รูมหมวดต่างๆ เริ่มจากชั้นล่างสุดที่เป็นโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์หมวด hospitality จากแบรนด์ ACTIU และ Andreu World, ชั้น 2 เป็นโชว์รูมแนว Working Office, ชั้น 5 เป็นแมสโชว์รูม เน้นโชว์สินค้าเป็นชิ้นๆ เช่น เก้าอี้ทำงาน โซฟา ส่วนชั้น 6 แสดง workstation แบบต่างๆ
โชว์เฟอร์นิเจอร์แล้ว ขั้นถัดไป พวกเขาเริ่มเลือกงานศิลปะมาตกแต่ง แต่กลับได้แกลเลอรีเป็นธุรกิจใหม่อย่างที่เห็น
Show รูป
“ตอนจัดโชว์รูมเราต้องหางานศิลปะมาโชว์คู่กัน พอมีงานศิลปะพื้นที่มันก็ได้อารมณ์ ได้ความสวยงามขึ้นมาอีกแบบ จุดประกายให้คิดว่างานศิลปะกับเฟอร์นิเจอร์ไปด้วยกันได้” สิริมาดาเท้าความก่อนสุทธิลักษณ์จะเสริมเรื่องศิลปะที่ WURKON พูดถึงมาตลอด
“คอนเทนต์ในโซเชียลมีเดียของเราพูดถึงคุณค่าของงานดีไซน์อยู่แล้ว ไปสัมภาษณ์ดีไซเนอร์ ศิลปะ มากมายเลย เพราะเราขายของที่เน้น design value เราต้องตอบคำถามว่าทำไมโต๊ะบางตัวราคา 2,000 แต่ตัวนี้ที่เราขายราคา 20,000 ซึ่งดีไซน์และงานศิลปะมันคาบเกี่ยว cross path กันอยู่แล้ว บางทีศิลปินกับดีไซเนอร์ก็เป็นคนคนเดียวกัน
“พอถึงจุดที่ทำโชว์รูม เราเลยมีไอเดียขึ้นมาอัตโนมัติเลยว่าเราอยากจะผสมอาร์ตเข้าไปด้วย”
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/SW-BODY-WEB-W-17.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/SW-BODY-WEB-W-18.jpg)
โชว์รูมก็เพิ่งเปิด แกลเลอรีก็เพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรก ทั้งคู่จึงนิยามการดิสเพลย์สินค้าในช่วงแรกว่าเป็นการทดลอง โดยเฉพาะการออกแบบสัดส่วนการโชว์เฟอร์นิเจอร์และงานศิลปะให้ลงตัว
“บางคนคอมเมนต์มาว่าเวลาเอางานศิลปะกับงานเฟอร์นิเจอร์มาอยู่ด้วยกันเขาไม่รู้ว่าเราจะขายอะไร อะไรคือไฮไลต์ หรือเราได้เรียนรู้ว่าคนที่มาเดินแกลเลอรีเขาต้องการบรรยากาศแบบหนึ่ง ส่วนคนที่มาชมโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์เขาก็ต้องการอีกบรรยากาศหนึ่ง”
โดยภาพรวม โชว์รูมของพวกเขาจึงเป็น Xspace ของศิลปะและดีไซน์จริงๆ โดยพื้นที่บางส่วนยกให้เป็นแกลเลอรีแสดงงานศิลปะเพียงอย่างเดียว บางส่วนเน้นโชว์เฟอร์นิเจอร์เป็นพระเอก และมีพื้นที่อย่างโถงชั้น 1 ของอาคารหลัก และชั้น 2 ของอาคาร 2 ที่แสดงงานศิลปะควบคู่กับเก้าอี้ที่คิวเรตมาให้ส่งเสริมกัน
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/SW-BODY-WEB-H-5.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/SW-BODY-WEB-H-6.jpg)
คำว่าแกลเลอรีของพวกเขาไม่เพียงเป็นคำเรียกพื้นที่จัดแสดงแต่ยังเป็นธุรกิจที่ทำอย่างจริงจัง ทั้งมีนิทรรศการหมุนเวียนไม่ขาดและเป็นตัวกลางขายงานศิลปะให้นักสะสมและผู้ที่สนใจ
ที่สนุกคือนอกจากจัดแสดงเก้าอี้ร่วมกับงานศิลปะ พวกเขายังพยายามทำให้ธุรกิจทั้งสองส่งเสริมกัน ด้วยการหยิบงานศิลปะที่เคยจัดแสดงในนิทรรศการไปดิสเพลย์ต่อท่ามกลางเฟอร์นิเจอร์ในโชว์รูม
“เราเป็นซีเรียสอาร์ตแกลเลอรีนะ” สุทธิลักษณ์ยืนยัน “เราเป็น commercial gallery ขายงาน จัดนิทรรศการ พยายามส่งเสริมวงการศิลปะไทย บางทีศิลปินใช้เวลาสร้างงานตั้งนานแต่ได้โชว์ในนิทรรศการแค่ช่วงสั้นๆ เราอยากให้เขามีเวลาจัดแสดงเพิ่มอีกนิด ดังนั้นแทนที่จะเก็บงานศิลปะเข้าห้องเก็บของเราก็เอาไปโชว์ในโซนอื่น คนที่มาดูนิทรรศการแล้วอยากดูงานศิลปะเพิ่มก็ขึ้นไปดูต่อข้างบนได้”
“เราอยากให้มันยั่งยืน” สิริมาดาเสริม “การทำธุรกิจแกลเลอรีให้ไปต่อได้มันต้องเกิดการขาย เราจึงต้องคิดระบบ คิดกลยุทธ์ว่าทำยังไงให้งานของศิลปินขายได้ มีรายได้อย่างต่อเนื่องไม่ใช่โชว์ครั้งเดียวจบ เราเพิ่มทราฟิกให้คนเห็นงานศิลปะ จากบางคนไม่เคยดูศิลปะเลยจะมาซื้อเฟอร์นิเจอร์ก็เริ่มรู้จักศิลปะไปด้วย”
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/SW-BODY-WEB-H-3.jpg)
Show ความเป็นไปได้
ด้วยระบบขยายเวลาแสดงงาน แถมยังนำไปจัดแสดงร่วมกับเฟอร์นิเจอร์ ทำให้ลูกค้าเห็นภาพการจัดแสดงในพื้นที่ชนิดต่างๆ ไม่แปลกที่ศิลปินจะติดต่อมาแสดงงานกับ Xspace เป็นจำนวนมาก ทำให้พวกเขาเห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของธุรกิจมากมาย รวมถึงเห็นลูกค้าที่หลากหลายขึ้นด้วย
“งานดีไซน์กับงานศิลปะมันเฉียดกันไปมา แต่ถามว่าทาร์เก็ตเป็นคนคนเดียวกันไหม ไม่ใช่” สุทธิลักษณ์กล่าว
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/SW-BODY-WEB-H-.jpg)
“ตอนเริ่มต้นเราอยากให้ทาร์เก็ตของเฟอร์นิเจอร์กับงานศิลปะเป็นคนคนเดียวกัน เช่น ดีไซเนอร์ที่ออกแบบโครงการอพาร์ตเมนต์หรือคอนโด แต่ทำไปทำมาทาร์เก็ตของงานศิลปะกับงานเฟอร์นิเจอร์เป็นคนละคนเพราะในกระบวนการออกแบบภายใน เฟอร์นิเจอร์อาจอยู่ในสเตจแรกๆ แต่งานศิลปะอาจอยู่ในสเตจท้ายๆ เลย แต่เราก็ยังมีหวัง พยายามทำการตลาดให้ดีไซเนอร์รู้ว่าถ้าอยากจะหางานศิลปะให้มาที่ Xspace” สิริมาดาอธิบาย
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ที่ผ่านมาทั้งคู่ก็เห็นว่ามีคนซื้อทั้งงานดีไซน์และศิลปะติดมือไปพร้อมกันไม่ใช่น้อย ยังไม่นับว่าที่ผ่านมาเป็นช่วงโควิดที่ทำให้พวกเขามองไม่เห็นดีมานด์ที่แท้จริง ส่วนศิลปินเอง หลายคนก็ชอบที่ได้โชว์งานพร้อมเฟอร์นิเจอร์ ดังนั้นสำหรับสิริมาดาและสุทธิลักษณ์ อนาคตยังเต็มไปด้วยโอกาสให้คว้า และพวกเขาก็พร้อมจะปรับตัวเสมอ ไม่ต่างจากปรัชญาในการออกแบบของ WURKON อย่างที่สุทธิลักษณ์เล่า
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/SW-BODY-WEB-W-15-1.jpg)
“เราทำงานเกี่ยวกับพื้นที่ ถ้าเราเห็นสเปซที่ไม่เวิร์กเราจะปรับเปลี่ยนมัน กระทั่งออฟฟิศของเราเองก็ปรับอยู่ตลอดเวลา เช่น ทีมนี้ทำไมทำงานด้วยกันแล้วไม่เวิร์ก มันขึ้นอยู่กับวิธีการนั่งทำงานด้วย การนั่งเป็นทีม นั่งหันหลังชน หันหน้าชน หรือนั่งแยกกันผลงานก็ออกมาไม่เหมือนกัน สิ่งที่ไม่เวิร์กมันอาจไม่เวิร์กเพราะไทม์มิ่งด้วย เวลาผ่านไปมีแผนกเพิ่ม มีคนเพิ่ม สเปซก็ต้องปรับ
“หัวใจของโชว์รูมจึงคือ flexibility เราทำให้มันเกลี้ยงที่สุดเพื่อการปรับเปลี่ยน มีโปรเจกต์ใหม่ๆ เข้ามาก็โชว์ได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ seasonal หรืองานอาร์ต สมมติศิลปินอยากได้พื้นที่ทำอะไรใหม่ๆ แต่แกลเลอรีอื่นมีพื้นที่ไม่พอ ตึกนี้มีพื้นที่ 5,000 ตารางเมตรเราก็ยืดหยุ่นให้เขาทำงานได้ นี่คือข้อดีของการที่โชว์รูมไม่อยู่ในห้างหรือใจกลางเมือง และสมัยนี้เราคิดว่าคนที่อยากดูเฟอร์นิเจอร์หรืองานศิลปะเขาตั้งใจมาดูงานแบบเฉพาะเจาะจงอยู่แล้ว ที่นี่ก็เดินทางไม่ลำบากมากดังนั้นเขาตั้งใจมาที่นี่ที่เดียวได้”
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/SW-BODY-WEB-W-10.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/SW-BODY-WEB-W-14.jpg)
สำหรับในอนาคตอันใกล้ Xspace วางแผนว่าจะพาธุรกิจแกลเลอรีไปให้ไกลกว่านี้ ไม่ว่าจะด้วยการพางานศิลปินไทยออกสู่สายตานานาชาติมากขึ้น หรือการแสดงงานร่วมกับแกลเลอรีในต่างประเทศ แชร์ดาต้าเบสระหว่างกันเพื่อพัฒนาวงการศิลปะไทย
ส่วนอนาคตอันไกลจะเป็นยังไง ด้วยหัวใจคือการปรับเปลี่ยน สิริมาดาทิ้งท้ายว่า WURKON ยังมีรูปฟอร์มใหม่ได้อีกไม่รู้จบ
“การทำธุรกิจทำให้เราอยู่เฉยๆ ไม่ได้อยู่แล้ว เหมือนกับวันนี้ที่เราเจอธุรกิจใหม่ซึ่งเหมาะกับสเปซของเรามากๆ ในอนาคตหากเราเจออะไรใหม่ๆ อีกจะให้เราปรับเชิงธุรกิจอีกครั้งยังได้เลย”