Mad Dog
ความบ้าพลังของ Pantang Artwork ผู้อยู่เบื้องหลัง สงคราม ส่งด่วน, อย่ากลับบ้าน, นิทรรศการโดราเอมอน
ชีวิตของ สันติ แซ่ลี กับ แก่ พันธุ์ทาง มีบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายกัน
พระเอกซีรีส์ สงคราม ส่งด่วน เติบโตจากลูกจ้างมาเป็นนักธุรกิจโดยเริ่มนับจากศูนย์ เขาใช้ความทะเยอทะยานผลักดันตัวเองจากเด็กบ้านๆ บนดอยสู่เมืองหลวง
“จริงๆ ตอนทำ สงคราม ส่งด่วน เราโคตรคลั่งเลยนะ เพราะคำในหนังมันทำให้เรารู้สึกว่า ทำไมมันเหมือนชีวิตกูเลยวะ”
แก่ พันธุ์ทางเติบโตมากับบ้านที่เต็มไปด้วยหนี้สิน เขาไม่เคยตั้งใจเรียนหนังสือก่อนจะเข้ามาสู่โลกของการเรียนศิลปะที่ต้องวิ่งหาเงินตั้งแต่ตอนเรียน ความทะเยอทะยานและคอนเนกชั่นพาให้เขาได้ทำงานที่หลากหลาย
“ผมกับเพื่อนเราไม่มีตังค์กัน กลุ่มพวกเราเลยรับจ๊อบไปทำงานกองถ่าย ทำงานเพนต์ งานปั้น ด้วยความที่คนในกลุ่มมีหลายแขนง ทั้งเด็กเพนต์ เด็กปั้น คนที่ถนัดงานคอลลาจ ดูแล้วพวกเราเหมือนหมาพันธุ์ทางเลย” เขาเท้าความถึงชื่อกลุ่ม ชื่อที่กลายมาเป็นนามสกุลที่ทำให้ใครต่อใครรู้จักเขา และกลายเป็นชื่อบริษัทออกแบบงานสร้างของตัวเองในท้ายที่สุด

จากเด็กกองถ่าย มาสู่ผู้กำกับศิลป์และงานออกแบบงานสร้าง วันนี้ Pantang Artwork เป็นที่รู้จักในฐานะบริษัทที่รับงานโปรดักชั่นดีไซน์ที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำโปรดักชั่นที่สมจริง บ้านๆ และไปสุดทาง ดูจากลิสต์อย่างเอ็มวี ธาตุทองซาวด์ ซีรีส์ อย่ากลับบ้าน (2567) และล่าสุดอย่างซีรีส์ สงคราม ส่งด่วน (2568) คุณก็คงจะนึกภาพออก
แต่แก่ พันธุ์ทางไม่ได้ทำธุรกิจด้วยความแค้นแบบสันติ หากจะมีอะไรที่เหมือนกันสักนิด คือแนวคิดการ ‘ถอนขนไก่’ ที่เปรียบเทียบการลงทุนกับสิ่งที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า ในขณะที่สันติมองเรื่องหุ้นและการลงทุนเป็นสำคัญ แก่มองว่างานทุกงานคือภาพจำ คือการสร้างแบรนด์ คือสะพานที่จะต่อยอดไปสู่งานใหม่ๆ ในอนาคต งานบางงานขาดทุน เข้าเนื้อ แต่เขาก็อดเปรี้ยวไว้กินหวาน
ต่อไปนี้คือเรื่องราวของผู้ก่อตั้ง Pantang Artwork ที่บ้าพลังไม่แพ้กับซีรีส์ที่เขาสร้าง

1
“เขาให้ทำอะไรเราก็ทำ”
แก่ออกตัวว่า เขาเติบโตมาเหมือนเป็ด
ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย เขาเรียนศิลปะสายงานปั้นแต่ไม่ได้เก่งปั้น สิ่งที่เก่งคืองานออกแบบในคอมพิวเตอร์ได้ หลังเรียนจบเขาลองทำงานหลากหลาย ทั้งงานประติมากรรม งานอีเวนต์ และจับพลัดจับผลูเข้าไปทำงานในกองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง มหาสมุทรและสุสาน (2558) โดยการชักชวนของรุ่นพี่
แก่เริ่มจากการเป็นเด็กวิ่งกอง ยกของ และเป็นช่างปั้นในโรงงาน “เขาให้ทำอะไรเราก็ทำ” ชายหนุ่มบอก “แต่เราดันเป็นคนพูดเก่ง สื่อสารกับคนง่าย จากเด็กวิ่งยกของ เราขึ้นมากลายเป็นคนหน้ากอง ไล่มาเรื่อยๆ ทำทั้งหนังไทยและต่างประเทศ จนได้เป็นอาร์ตไดเรกเตอร์ครั้งแรกกับหนังเรื่อง สี่เส้า Love is (2558) จากนั้นทำละครเรื่อง สุภาพบุรุษจุฑาเทพ (2556)”
แต่ไม่ว่าจะทำงานไหน แก่จะใส่เสื้อพิมพ์โลโก้ ‘พันธุ์ทาง’ ไปทำงานเสมอ ทำให้คนในกองถ่ายรู้จักเขาในชื่อนี้มาตลอด

2
“คนชอบบอกว่าเราบ้าพลัง”
บริษัท Pantang Artwork ก่อตั้งขึ้นเป็นจริงเป็นจังเมื่อ 7 ปีที่แล้ว และสร้างชื่อจากการเป็นอาร์ตไดเรกเตอร์และนักออกแบบโปรดักชั่นให้กับหนัง แสงกระสือ ทำให้แก่คว้ารางวัลจากหลายเวทีรวมถึงรางวัลสุพรรณหงส์ และยิ่งดังขึ้นไปอีกเมื่อได้จับงานมิวสิกวิดีโอ ประเทศกูมี และ ธาตุทองซาวด์
“การทำงานโปรดักชั่นดีไซน์มันคือการสร้างโลกอีกใบขึ้นมา เราอ่านบทบรรทัดสั้นๆ เช่นโจทย์คือจะต้องทำห้องคนที่กำลังจะตายเป็นโรคมะเร็ง เราไม่เคยเป็นมะเร็งมาก่อน จะเสิร์ชในกูเกิลสิ่งที่ได้ก็ทั่วไป เราก็ต้องไปศึกษา ไปถามหมอว่าโลกของคนเป็นมะเร็งมีอะไรบ้าง เครื่องออกซิเจน ห่อยา ใต้เตียงอาจจะมีรูปครอบครัวเขาอยู่ ในบทอาจจะไม่มีบอกว่าเขาทำอาชีพอะไร แต่เราอาจแต่งเติมว่าเขาเคยเป็นนักกีฬาบาสเกตบอล ในห้องเขาจะต้องมีรางวัลไหม เหมือนเรารู้จักเขามากกว่าที่เขารู้จักตัวเอง” แก่พูดถึงเสน่ห์ของงานโปรดักชั่นดีไซน์ที่ทำให้เขาไม่อยากเบนสายไปทำงานอื่น
แก่เล่าต่อว่า ในเมืองไทยมีคนทำงานโปรดักชั่นดีไซน์จริงๆ แค่หลักสิบ แต่ละคนก็มีคาแร็กเตอร์และความถนัดที่ไม่เหมือนกัน หากจะให้เขานิยามงานของ Pantang Artwork คำว่า ‘บ้าพลัง’ อาจฟังดูสมเหตุสมผลที่สุด


“คาแร็กเตอร์ของออฟฟิศเราจะไม่เหมือนที่อื่น คนชอบบอกว่าเราบ้าพลัง เพราะงานของเรามันค่อนข้างระเบิดพลัง เวลาคนใช้พันธุ์ทางก็จะไม่เคยมีงานง่ายให้เราเลย” แก่เล่า แล้วยกตัวอย่างซีรีส์ อย่ากลับบ้าน ที่พวกเขาสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ทั้งหลังให้เราฟัง
“การเป็นโปรดักชั่นดีไซน์ในบ้านเราต้องมีคาแร็กเตอร์ การมีคาแร็กเตอร์หมายถึงเราต้องมีรสนิยมในทางภาพของเรา เราดันชอบไปรับงานเดือดๆ ดูแล้วมีความเป็นชาวบ้านเยอะ ผมชอบการจำลองชีวิตมนุษย์ให้ดูตื่นเต้น จะชอบใช้คำว่า ‘ยับ’ หรือ ‘ระยำ’ ตลอด หนังที่ถ่ายในคาเฟ่ชิคๆ เราแทบจะไม่ได้รับเลย”
เพราะแบบนี้ Pantang Artwork จึงเป็นบริษัทโปรดักชั่นครบวงจร ที่มีตั้งแต่ทีมอาร์ตไดเรกชั่น ทีมออกแบบ ทีมช่าง ทีมสเตอริโอ และอีกหลายทีมที่รวมอยู่ในออฟฟิศเดียวกัน เพื่อเนรมิตการจำลองชีวิตให้ถึงเครื่องที่สุด

“สิ่งที่ยากคือการทำให้ผู้กำกับและคนเขียนบทเชื่อ ที่ยากที่สุดคือทำยังไงให้นักแสดงเชื่อ อย่างใน สงคราม ส่งด่วน เรามีโกดังที่กำลังจัดงานส่งของ ทำยังไงให้คน 300 คนในนั้นเชื่อว่าตัวเองเป็นพนักงานธันเดอร์ พระเอกเชื่อว่าตัวเองเป็นเจ้าของที่ควบคุมคน 300 คนนี้อยู่ ถ้าเราเอากล่องกระดาษก๊องแก๊ง บรรยากาศรถขนของที่ดูไม่เหมือนของจริง มันก็ลดทอนความเชื่อลงไป นักแสดงเขาอาจจะเล่นไม่ได้”
พันธุ์ทางยังขึ้นชื่อเรื่องการเซตสถานที่ถ่ายทำแบบ 360 องศา เพื่อให้บรรยากาศมวลรวมมอบความรู้สึกสมจริง ทำให้วันถ่ายจริงมักจะเกิดมุมกล้องแบบใหม่ หรือวิธีการแสดงแบบใหม่ขึ้นมา เพราะสถานที่ถ่ายทำเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดสิ่งนั้น


“ทำงานบ้าพลังแบบนี้คุ้มเหรอ” เราถามสิ่งที่อยู่ในใจ
“ในช่วงต้นของพันธุ์ทางไม่คุ้มเลย เราเจ๊งมาเกือบ 3-4 ปีนะ เราเข้าเนื้อ เรารับงานฟรี ถ้าไปดูในเว็บไซต์ เราไม่เคยได้กำไรเลย” แก่ตอบตามตรง ทว่าพวกเขาก็ยังไม่เคยคิดหยุดพักรับงานบ้าพลัง โดยเฉพาะมิวสิกวิดีโอ เพราะพันธุ์ทางมีเหตุผลเบื้องหลัง
“งานที่เราทำ เราใช้คำว่าเราทำงานศิลปะนะ ไม่ใช่ทำงานกองถ่าย การทำงานศิลปะหมายความว่า ในการทำเอ็มวีตัวหนึ่งเราแทบจะไม่มีกำไรเลย มักจะเข้าเนื้อ แต่ทำไมเราถึงรับเยอะมาก เพราะเอ็มวีถ่ายทำแค่ 1 วัน ผ่านไป 7 วันออนแอร์แล้ว มันเป็นการตลาดที่ง่ายและเร็วที่สุด
“เราทำเอ็มวีบางตัวเสียเงินเพิ่ม 50,000 บาทแต่คนรู้จักเรามากขึ้น คนกดไลก์เป็นแสน คนมาสัมภาษณ์เราอีก 10 กว่าช่อง เอ็มวีเหล่านี้ทำให้คนจ้างงานสายอื่นเข้ามาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นอีเวนต์ งานออร์แกไนซ์ ซึ่งนี่มันคือหนทางในการทำการตลาดของเรา”

3
“หลักเกณฑ์การรับงานของผมคืออารมณ์ล้วนๆ”
หนัง ละคร ซีรีส์ โฆษณา มิวสิกวิดีโอ นิทรรศการ งานศิลปะที่ตั้งในห้าง บ้านคน พิพิธภัณฑ์ งานตกแต่งร้านอาหารไปจนถึงสวนสนุก
ทั้งหมดนี้ Pantang Artwork ออกแบบมาทั้งหมดแล้ว
แก่อธิบายว่า เขาแบ่งงานของพันธุ์ทางออกเป็น 2 ประเภทหลัก คืองานส่วนตัวที่ชาวพันธุ์ทางอยากทำกันเอง ไม่ว่าจะเป็นทำเสื้อหรืออาร์ตทอยขาย อีกประเภทคืองานลูกค้าที่มีโจทย์มาให้ ซึ่งแตกต่างออกไปในแต่ละโปรเจกต์
“เราทำงานศิลปะ เพราะฉะนั้น หลักเกณฑ์การรับงานของผมคืออารมณ์ล้วนๆ เลย เราไม่ได้คิดว่าเราต้องรับงานเท่าไหร่ถึงจะอยู่ได้ แต่เรารับเพราะความอยากทำ พอเกณฑ์เป็นแบบนี้ งานที่เรารับเลยมักจะออกมามีคุณภาพ ทำให้อัตราการจ้างสูง”

อย่างไรก็ตาม ในทุกๆ งาน แก่ย้ำว่าสิ่งที่มีเหมือนกันคือความคิดสร้างสรรค์ ความมีวินัย และความซื่อสัตย์ “ครีเอทีฟช่วยให้งานพิเศษขึ้น วินัยคือการผลิตให้ตรงตามเวลา ซื่อสัตย์คือเราไม่โกงลูกค้า แค่นั้นเลย พันธุ์ทางอยู่มาได้เพราะเราไม่เคยโกงลูกค้าเลย”
ถึงตรงนี้ เราขอให้แก่ยกตัวอย่างงานที่น่าสนใจและเล่าความท้าทายในขั้นตอนเบื้องหลังให้เราฟัง เขาเริ่มจากซีรีส์เรื่องล่าสุดที่ดังเป็นพลุแตก
สงคราม ส่งด่วน (2568)
“เราทำหนังมาทั้งชีวิต แต่ผู้กำกับเขาเลือกเราเพราะเอ็มวี ธาตุทองซาวด์ เขาบอกว่าเรานำเสนอรูปแบบชีวิตมนุษย์ที่น่าสนใจ รู้สึกว่าเราทำเด็กแว้นได้สมจริง
“ความสนุกในการออกแบบให้ สงคราม ส่งด่วน คือเรานำเสนอความจริงที่ realistic แล้วทำให้มันพิเศษ โจทย์คือสถานการณ์ความวุ่นวายของการส่งของของบริษัทสตาร์ทอัพประเทศไทยที่เติบโตภายใน 6 เดือน เราเลยมานั่งคิดว่า ถ้าเรามีพัสดุเข้ามาในบ้าน 3,000 กล่องใน 1 วัน บ้านเราจะรกแค่ไหน แล้วทีมบัญชี ทีมจัดการ ทีมคอมพิวเตอร์ จะวุ่นวายแค่ไหนเมื่อพวกเขาทำงานกันเกือบตาย ไม่ได้กลับบ้านเลย
“เราจำลองภาพเหล่านั้นขึ้นมาโดยหาข้อมูลอย่างแท้จริงและเรียนรู้ชีวิต เช่น พนักงานที่ทำงานคอมพิวเตอร์เขาชอบต้นไม้ แต่จะชอบต้นไม้แบบไหน ก็อาจจะชอบต้นไม้ที่ไปเดินตลาดนัดหน้าโรงงานแล้วซื้อมา หรือไม่ก็สั่งออนไลน์ เพราะฉะนั้นต้องเป็นต้นไม้ที่ต้นไม่ใหญ่มาก จำพวกกระบองเพชร
“หรือการมีโต๊ะปิงปองในเรื่อง พี่เก้ง (จิระ มะลิกุล) เป็นคนให้ไอเดียนี้ เขาบอกว่าในห้องที่คนแทบจะไม่ได้เดินออกจากห้องเลย เขาจะหาความสนุกจากอะไร กีฬาที่สามารถเล่นในห้องได้ เป็นโต๊ะปิงปองไหม ผมเลยทำให้โต๊ะปิงปองเป็นทั้งโต๊ะทำงาน โต๊ะกินข้าว โต๊ะวางแผน และโต๊ะปิงปอง”
อย่ากลับบ้าน (2567)
“งานแรกที่เราได้ออกแบบไอเดีย และเราสร้างเองในเวลาที่โคตรจำกัด สิ่งที่ยากที่สุดคือผู้กำกับเขาเขียนบทจากมุมมองของสถาปนิก เพราะเขาจบสถาปนิกมา เขาเขียนบทจากการวาดแปลนบ้าน และเราต้องสร้างทุกอย่างในสมองเขาออกมาให้เขาเชื่อ โดยที่เป็นมันยังเป็นงานเราด้วย
“เขาเป็นเนิร์ดที่ชอบวิทยาศาสตร์ เราก็เป็นอาร์ตทิสต์ พอมาเจอกันเราก็ต้องเอาโครงสร้าง เอาขนบในประวัติศาสตร์ของบ้านแนวชิโน-ยูโรเปียน (Sino-European Architecture) ไปยืนยันกับเขา ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่เคยมองไว้แต่แรก บ้านใน อย่ากลับบ้าน เป็นบ้านที่มีความผสมผสานทางวัฒนธรรม
“ในขณะที่เขาอาจจะใส่ easter egg บางอย่างลงไปเพราะความเนิร์ด แต่ถ้าเขาไม่บอกก็คงไม่เข้าใจ เช่น นาฬิกาในบ้านที่เป็นค่าพาย ซึ่งตรงกับวันเกิดไอน์สไตน์ และตรงกับวันคณิตศาสตร์โลก”
นิทรรศการ 100% Doraemon & Friends Tour in Thailand
“บริษัทโดราเอมอนเขามีรูปแบบการเซตนิทรรศการที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ เราต้องทำแบบขึ้นมาเองเพื่อให้ตรงกับแปลนประเทศไทย และยังเคารพความเป็นนิทรรศการเดิมของญี่ปุ่น
“หุ่นบางส่วนถูกส่งมาจากญี่ปุ่นแต่เรามาติดตั้งที่ไทย และต้องมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เพราะฉะนั้น จะมีภาพพี่ม่อนอยู่กับพื้นออกไปไม่ได้เด็ดขาด หรือสีฟ้าของพี่ม่อนที่ใช้ในงาน เราก็ต้องปรินต์สีฟ้าเฉดต่างๆ ส่งไปให้เขาเทียบ สิ่งที่ยากคือทั่วโลกตีสีฟ้าไม่เท่ากัน เราจึงขอเทสต์สีฟ้ากับโรงงานมากกว่า 15 โรงงานได้ ญี่ปุ่นเขาใส่ใจในกระบวนการทุกอย่าง”


4
“เราวัดกันที่พนักงานทุกคนมีกิน”
เมื่อนึกถึงการออกแบบงานสร้าง หลายคนอาจมองว่า สายตาเรื่องการออกแบบและมุมมองเรื่องศิลปะเป็นสิ่งสำคัญ แต่แก่ก็บอกว่าสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือวิธีการบริหารเงินสำหรับงานสร้าง
“สมมติหนังเรื่องหนึ่งมี 10 ซีน แต่เราอาจจะออกแบบให้ 3 โลเคชั่นเป็นซีนที่มีการลงทุนเต็มๆ เป็นซีนที่ดูแล้วต้อง ‘รู้สึก’ แต่อีก 7 โลเคชั่นอาจจะใช้การไปถ่ายทำในสถานที่จริง โดยไม่ต้องเสียเงินเซตอัพมาก นั่นคือวิธีการลงทุนและวิธีที่ทำให้หนังพิเศษขึ้นมา เราเป็นผู้บริหารที่บางครั้งก็ไม่รู้ว่าได้เงินเข้าออฟฟิศมาเท่าไหร่ รู้แต่ว่าในงานนั้นๆ จะใช้เงินกี่บาท สิ่งที่เราต้องทำคือทำเงินนั้นให้คุ้มค่าที่สุด”
ถ้าสันติมีเสี่ยวหยูที่คอยดูเรื่องรายรับ-รายจ่ายของบริษัทให้ แก่ก็มีแฟนที่คอยเป็นผ้าเบรกให้พันธุ์ทางอยู่ในลู่ทาง นั่นคือเคล็ดลับที่ทำให้พันธุ์ทางไปต่อได้เสมอ
“ทุกวันนี้วัดความสำเร็จของงานที่จุดไหน ลูกค้าแฮปปี้หรือเปล่า หรืออย่างอื่น” เราถาม

“บางคนอาจจะวัดกันที่ฟีดแบ็กคอนเทนต์ แต่เราวัดกันที่พนักงานทุกคนมีกิน คนอาจจะตกใจถ้าได้รู้ว่าพันธุ์ทางเป็นบริษัทโปรดักชั่นที่ให้ค่าแรงสมน้ำสมเนื้อ มีสวัสดิการ และมีการหลับนอนที่ปกติ เราทำงานกัน 8 โมงถึง 5 โมงเย็น คุณต้องแมเนจในช่วงเวลาให้ได้ จริงๆ เราเพิ่งปรับมาได้ 4-5 ปี เพราะเราเคยไปทำกับกองถ่ายต่างประเทศ กับเน็ตฟลิกซ์ที่มีกำหนดเวลาว่าต้องทำงานภายใน 12 ชั่วโมงเท่านั้น ต้องมีการพักผ่อนให้ครบรอบของมัน
“ทุกวันนี้หลายคนยังมองว่าวงการบันเทิงคือคนทำงานฟรีแลนซ์ เราไม่มีสวัสดิการเลย ภาพที่เราอยากเห็นคือเราอยากให้มีสวัสดิการที่เป็นธรรมกับงานที่เราตั้งใจ เราเป็นอุตสาหกรรมที่จ่ายภาษีให้ชาติเยอะมากแต่กลับยังไม่มีสวัสดิการที่แท้จริง
“เราเคยเห็นข่าวบุคลากรของชาติเราตายเพราะงาน เคยเห็นช่างไฟตกลงมาจากหลังคาเพราะเขาไม่ได้นอนมา 3 วัน เราอยากให้เกิดภาพการทำงานใน 12 ชั่วโมง ไม่ใช่ 16 ชั่วโมง เราต้องการรัฐสวัสดิการอย่างแท้จริง ต้องการกฎหมายอย่างแท้จริงได้แล้ว นั่นคือภาพฝันของเรากับวงการบันเทิง”

3 คำแนะนำสำหรับการทำงานออกแบบงานสร้าง
โดยแก่ พันธุ์ทาง
- มีความคิดสร้างสรรค์
- มีความซื่อสัตย์
- มีวินัย
“3 ข้อนี้ใช้ได้ยันตาย ถ้าเรามี 3 ข้อนี้ อุตสาหกรรมก็ไปต่อได้แล้ว”