Masters of Flavors

เมื่อ MAGURO Group คอลแล็บกับเชฟระดับประเทศในซีรีส์มื้ออาหารสุดพิเศษ แทนคำขอบคุณส่งท้ายปี

นอกจากแสงไฟตามท้องถนน ต้นคริสต์มาสตามห้างสรรพสินค้า และเพลง All I want for Christmas is You จาก มารายห์ แครีย์ จะเป็นสัญญาณบอกเราว่าช่วงปลายปีกำลังใกล้เข้ามาแล้ว อีกหนึ่งหมุดหมายที่เป็นธรรมเนียมแจ้งให้เราทราบว่าปฏิทินที่ถูกใช้มาตั้งแต่เดือนมกราฯ กำลังจะจบครบสิ้นปี ก็คืองานอีเวนต์ขอบคุณลูกค้าที่บรรดาธุรกิจร้านค้าต่างๆ พากันจัดแจงขึ้นมามากมายเพื่อเป็นการบอกกล่าวแทนคำขอบคุณที่ช่วยกันสนับสนุนกันมาตลอดทั้งปี

เช่นเดียวกับเครือ MAGURO Group ที่ตั้งใจจัดงานอีเวนต์สุดเอกซ์คลูซีฟเพื่อขอบคุณลูกค้าคนพิเศษ ที่มีคอนเซปต์ที่น่าสนใจแบบสุดๆ เพราะอีเวนต์ขอบคุณคุณลูกค้าที่ว่า MAGURO ไม่ได้จัดเพียงแค่งานเดียวเท่านั้น แต่จัดเป็นแคมเปญซีรีส์ในชื่อ ‘MASTERS OF FLAVORS’

อาจจะเพราะว่า MAGURO Group มีร้านอาหารในเครือหลายร้าน จะจัดงานเพื่อบอกกล่าวแทนคำขอบคุณคุณลูกค้าที่เป็น Top Spender (หรือคุณลูกค้าที่มียอดใช้จ่ายมากที่สุด) ของแบรนด์แต่ละแบรนด์มามัดรวมกันในคราวเดียวอาจจะดูรวบรัดเกินไปสักหน่อย ปี 2023 นี้ MAGURO จึงจัดให้แต่ละร้านอาหารแต่ละแบรนด์ของตัวเองได้ขอบคุณคุณลูกค้าแบบพิเศษเฉพาะตัว ในคอนเซปต์ Give More หรือให้มากกว่าที่ขอ 

ซีรีส์อีเวนต์อาหารขอบคุณลูกค้าของ MAGURO ที่ว่าประกอบไปด้วยอีเวนต์อาหารแสนอบอุ่นและเอกซ์คลูซีฟ 3 อีเวนต์ภายใต้คอนเซปต์ MASTERS OF FLAVORS ที่ MAGURO Group จับมือกับเชฟผู้เป็นมาสเตอร์ที่โดดเด่นและเชื่อมโยงกับร้านอาหารแต่ละร้านในเครือของตนเองได้ 

เริ่มจากอีเวนต์แรก ร้านอาหารปิ้งย่างแบบเกาหลีพรีเมียม Ssamthing together จับมือกับเชฟแบล็ค ภานุภน บุลสุวสุวรรณ เชฟชื่อดังจาก Blackitch Artisan Kitchen ที่เชียงใหม่

เชฟแบล็คเป็นเชฟที่มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการอาหารว่าสามารถเอาวัตถุดิบท้องถิ่นมา ‘เล่าใหม่’ ให้เกิดมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ อีเวนต์อาหารอีเวนต์แรกของร้าน Ssamthing together จึงได้เชฟแบล็คมาตีความวัตถุดิบต่างๆ จากเชียงใหม่และนำมาทำให้เป็นเมนูพิเศษในงาน ทั้งลูกพลับอ่อน มะเขือต้น หรือจะเป็นมะเขือที่มีรสชาติคล้ายบ๊วย และโสมตังกุย

เมนูพิเศษที่เชฟแบล็คเสกสรรขึ้นมา ก็อย่างเช่น น้ำบ๊วยดองเชียงใหม่ผสมมะนาวโซดา, ยำสาหร่ายวากาเมะกับฟักทองบ้านแม่ทาและโอซุน (สลัดต้น), สลัดมันฝรั่งเบคอนสดกับหัวไชโป๊วหวาน, The Golden Yuke (ยุกเกะหมูสามชั้นย่างซอสขมิ้นกับไข่ริวกิวดอง เสิร์ฟพร้อมลูกไหนแดงและพลับอ่อน ทานคู่กับข้าวเกรียบสาหร่ายและข้าวเกรียบกุ้งแห้ง) เป็นต้น

ถัดจากอีเวนต์ปิ้งย่างเกาหลี ก็มาถึงทีของร้านอาหารญี่ปุ่นที่ชื่อเดียวกันกับ MAGURO Group นั่นคือร้าน MAGURO

อีเวนต์นี้ MAGURO เองคาดว่าน่าจะคิดหนักว่าจะเลือกใครมาเป็นเชฟตัวแทนที่จะเสิร์ฟความพิเศษนี้ให้กับคุณลูกค้า และผลก็ปรากฏออกมาว่า เชฟที่จะมาเสิร์ฟความญี่ปุ่นในอีเวนต์นี้ก็คือ เชฟชิน หรือ ชินจิ อิโนะอุเอะ ผู้ก่อตั้งร้านราเมงชื่อดังของประเทศไทย NO NAME NOODLE

เป็นที่รู้กันดีว่าร้าน NO NAME NOODLE เป็นหนึ่งในร้านราเมงที่จองคิวยากที่สุดในประเทศไทยเพราะแต่ละวันๆ ร้าน NO NAME NOODLE เสิร์ฟราเมงเพียงแค่ 30 ที่เท่านั้น หรือว่าง่ายๆ ก็คือ เป็นร้านราเมงที่ทำราเมงขายเพียงแค่วันละ 30 ชาม

ที่ต้องขายแค่วันละ 30 ชามก็เพราะว่าวัตถุดิบที่เขานำมาใช้ทำนั้นหายากและส่วนใหญ่ต้องนำเข้ามาจากญี่ปุ่น จึงทำให้จำนวนการผลิตราเมงในแต่ละวันไม่สามารถทำได้มากตามจำนวนความต้องการของลูกค้า 

ด้วยความฮอตของ NO NAME NOODLE และด้วยความประณีตของเชฟชินในการทำราเมงแต่ละถ้วยแต่ละชาม MAGURO จึงร่วมมือกับเชฟชินจัดอีเวนต์ขอบคุณลูกค้าคนพิเศษเป็นอีเวนต์ที่ 2 ของซีรีย์การขอบคุณลูกค้าครั้งนี้ภายใต้คอนเซปต์ Ramen Rhapsody

เริ่มต้นมื้ออาหารพิเศษนี้ ทาง MAGURO เสิร์ฟวาฟุบุตะเมชิ (Wafu Buta Meshi) หรือเรียกง่ายๆ ก็คือ ข้าวหน้าหมูชาชูสไตล์ญีปุ่น ราดซอสโฮมเมดรสกลมกล่อม พร้อมความหอมนุ่มจากข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์โคชิ ฮิคาริ (Koshi Hikari) ที่นุ่มนวลและเม็ดขาวเป็นมันเงา ส่วนตัวเราคิดว่าความนุ่มของข้าวและความนุ่มของหมูชาชูที่เสิร์ฟมามันกำลังพอดีกันในเนื้อสัมผัส และชามที่เสิร์ฟมาก็เป็นขนาดที่กำลังเรียกน้ำย่อยให้เราเป็นอย่างดี

ถัดมาที่เมนคอร์สหลักของอีเวนต์อาหารครั้งนี้คือ ไคเซนสึเคเมน (Kaisen Tsukemen) เมนูโซบะ นู้ดเดิล สูตรเฉพาะของร้าน NO NAME NOODLE ซึ่งเชฟทําเส้นสดด้วยตัวเอง ราดด้วยคอมบุ ดาชิ (Kombu Dashi) กินกับซุปซึเคโชยุ ที่ผสมผสานรสชาติของซุปซึเค โชยุ 4 ประเภทเข้าด้วยกัน พร้อมกับ ซุปหอยเชลล์โฮตาเตะและหอยตลับโอซาริ เสริมรสชาติความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับ MAGURO ให้กับเมนูโซบะนู้ดเดิล ด้วยซาซิมิสดๆ จากร้าน ถึง 6 ชนิด ไข่หอยเม่นอูนิ (Uni), โอโทโระ (Otoro), อากามิ (Akami), แซลมอน (Salmon), หอยเชลล์ (Hotate) ไข่ปลาแซลมอน ทานคู่กับโชยุและวาซาบิ

เราคิดว่าหากจะอธิบายว่าเมนคอร์สนี้ดียังไงให้รวบรัด คงต้องอธิบายแบบกระชับว่า มันคือความลงตัวของน้ำซุปที่เชฟชินปรุงอย่างกลมกล่อมกับเส้นนูดเดิลที่ทำมาเป็นอย่างดี ซึ่งมีความเหนียวอยู่ในทีแต่ก็ไม่เหนียวมากจนเกินไป ยิ่งบวกกับวัตถุดิบที่เป็นปลาสดๆ และหอยเชลล์ ไข่หอยเม่นจาก MAGURO ยิ่งทำให้ ไคเซนสึเคเมน ชามนี้คือ สึเคเมน (ราเมงแบบจุ่ม) น่าจะใกล้คำว่าเพอร์เฟกต์ที่สุดตั้งแต่ที่เราเคยกินมา

ปิดท้ายความพิเศษของอีเวนต์นี้ด้วยไอศครีมยูซุที่มีกลิ่นหอมของส้มยูซุและให้ทั้งรสชาติเปรี้ยวอมหวานในคราวเดียวกัน ถือเป็นการปิดมื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบ

อีเวนต์สุดท้ายของซีรีย์นี้คือ อีเวนต์จาก Hitori Shabu ร้านชาบูพรีเมียมภายใต้เครือ MAGURO Group ที่จับมือกับเชฟแรนดี้ ชัยชัช นพประภา เชฟคนดังจากร้าน Fillets

โดยปกตินักกินสายโอมากาเสะคงจะคุ้นหูกับชื่อร้าน Fillets กันเป็นอย่างดี เนื่องด้วยร้านนี้น่าจะเป็นร้านโอมากาเสะร้านดังเจ้าแรกๆ ในประเทศไทย แถมยังคงยืนระยะอยู่ในสนามแห่งโอมากาเสะได้นานจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นเมื่อ Hitori Shabu จับมือกับ Fillets คอนเซปต์ของการเสิร์ฟชาบูในคราวนี้จึงออกมาในรูปแบบ ‘ชาบูกาเสะ’ หรือการเสิร์ฟชาบูแบบโอมากาเสะนั่นเอง

เริ่มต้นด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยคำแรกที่เป็นฟองเต้าหู้เนื้อเนียนนุ่มท็อปด้วยไข่หอยเม่นและไข่ปลาคาเวียร์บวกกับรสของวาซาบินิดๆ ทำให้อาหารเรียกน้ำย่อยคำนี้มีทั้งความนุ่มละมุนและความสดของไข่หอยเม่นอยู่ในทีแต่ก็ตัดเลี่ยนได้อย่างดีด้วยวาซาบิแบบเบาๆ

คำที่สองที่เชฟแรนดี้จัดให้กับแขกที่มาในงานคือ ปลาที่นำไป dry-aged จนแห้งพอดีทั้งตัวแล้วนำมาแล่เป็นชิ้นพอดีคำจากนั้นนำไปลวกแบบพอสุกและนำไปห่อกับผักเสิร์ฟคู่มากับน้ำจิ้มที่ผสมออกมาเป็นอย่างดี จากนั้นไปกันที่คำที่สามนั่นคือข้าวห่อสาหร่ายที่มีเนื้อวากิว A5 ผัดซอสซ่อนอยู่ข้างในแถมท็อปด้วยไข่ดองซีอิ๊วญี่ปุ่นที่ใช้ซีอิ๊วที่ถูกหมักมานานถึง 4 ปีในการดอง

อาหารคำต่อไปก่อนถึงเมนคอร์ส คืออาหารที่มองผิวเผินด้านบนจะเห็นเป็นเพียงเนื้อ A5 ธรรมดาๆ แต่อันที่จริงด้านล่างจะเป็นเส้นโซเมนที่ห่อตัวอย่างดีซ่อนตัวอยู่ภายใต้เนื้อวัว A5

ทีนี้ก็มาถึงไฮไลต์ของอีเวนต์ในคราวนี้ นั่นคือเนื้อวัว 3 ชนิดที่วางเรียงมาในถาดไม้ไผ่อย่างดี เพราะนี่คือ Hitori Shabu ก็ต้องกินเนื้อแบบชาบู นั่นคือ ต้องเอาเนื้อลงไปจิ้มจุ่มในหม้อน้ำซุปชาบูให้สุกแบบกำลังพอดี จากนั้นก็กินตามอัธยาศัย แล้วแต่ว่าคุณจะกินมันแบบนั้นเลยไม่จิ้มอะไรทั้งสิ้น หรือจะกินแบบไทยสไตล์ คือใส่เครื่องปรุงทั้งพริก กระเทียม ต้นหอม ลงไปในโชยุ

ถัดจากเนื้อวัวชั้นดีก็ต้องเป็นการทำข้าวต้ม ที่ให้คุณลูกค้าที่ได้รับเชิญมาในงานอีเวนต์นี้นำข้าวลงไปต้มในหม้อชาบูที่คุณเพิ่งลวกเนื้อเมื่อสักครู่ จากนั้นก็แล้วแต่ความสามารถในการทำกับข้าวของคุณว่าอยากจะใส่ไข่ตามลงไปหรือไม่ หรืออยากเพียงแค่กินข้าวต้มกับน้ำซุปชาบูอร่อยๆ ก็ตามใจ

ปิดท้ายกันที่ไฮไลต์สำคัญของมื้อนี้ นั่นคือไอศครีมซอฟต์เสิร์ฟนมฮออกไกโดและเค้กไข่ไร้แป้ง ที่เนื้อสัมผัสของทั้งเค้กไข่และไอศครีมนุ่มละมุนแบบสุดๆ ปิดท้ายซีรีย์นี้ด้วยความอ่อนโยนและอิ่มท้องกันไปตามๆ กัน

เราเชื่อว่าใครที่มีโอกาสลิ้มรสและสัมผัสประสบการณ์ในซีรีส์ MASTERS OF FLAVORS น่าจะเห็นตรงกันว่า เมนูเหล่านี้น่าจะมีขายจริงในร้าน เพราะมันพิเศษเกินกว่าจะเก็บไว้เพียงในความทรงจำ

Writer

อาจารย์ผู้สอนวิชา Introduction to World Cuisine ในมหาวิทยาลัย หญิงสาวผู้หลงรักอาหาร และโฮสต์รายการพอดแคสต์ชื่อ 'Bon Appétit ธุรกิจรอบครัว'

You Might Also Like