แชตถามคำถามคาใจ กับ ไก่–ณฐพล บุญประกอบ ผู้กำกับซีรีส์จาก Netflix เรื่อง ‘สงคราม ส่งด่วน’

ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา หลายคนอาจได้ยินเสียงบิดของรถมอเตอร์ไซค์มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเสียงที่มาจาก ‘สงคราม ส่งด่วน’ ซีรีส์กระแสแรงที่เล่าถึงจุดเริ่มต้นของสตาร์ทอัพหมื่นล้าน และแง่มุมต่างๆ ของธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนในไทย ที่ทำให้หลายคนอินจัดจนอยากลุกไปถอนขนไก่กันเป็นแถว

ด้วยความที่อินเหมือนกัน และหลังจากซีรีส์นี้กลายเป็นปรากฏการณ์สำคัญของแวดวง เราเลยอยากคุยกับ ไก่–ณฐพล บุญประกอบ ผู้กำกับ ถึงบางคำถามคาใจและบางแง่มุมธุรกิจจากซีรีส์เรื่องนี้ ซึ่งทีแรกก็อยากบิดมอเตอร์ไซค์ไปหา แต่ลืมไปว่ายังไม่มีใบขับขี่ เราเลยขอคุยกันผ่านแชตแล้วแคปมาให้ทุกคนอ่านกันในคอลัมน์ Cap. Chat นี้แทนแล้วกัน

Capital : ก่อนจะทำซีรีส์เรื่องนี้ คุณมองธุรกิจนี้ยังไงบ้าง

Nottapon : ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ เป็นแค่ธุรกิจหนึ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวัน เราก็ใช้บริการไปตามสภาพของมัน ไม่ได้รู้สึกถึงการแข่งขันอะไร เพราะในชีวิตเราไม่ได้สนใจเรื่องธุรกิจขนาดนั้น

Capital : อะไรที่ทำให้ตัดสินใจว่าจะต้องเล่าธุรกิจนี้ออกมาเป็นซีรีส์ให้ได้

Nottapon : ทีแรกพี่เก้ง (จิระ มะลิกุล) กับพี่วัน (วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์) เขาไปเจอคลิปสัมภาษณ์ของคนต้นเรื่องมา รู้สึกว่าน่าสนใจก็เลยส่งเราไปสัมภาษณ์เพื่อมาทำซีรีส์ ตอนไปสัมภาษณ์ครั้งแรกเราก็เตรียมตัวดูคลิปไป ก็รู้สึกว่าในคลิปเขาก็สนุกดี CEO หมื่นล้านกับกลยุทธ์การฟาดฟันในสนามธุรกิจ การเป็นเด็กดอย ดูน่าสนใจดี แต่พอไปสัมภาษณ์จริงๆ คือพีคมาก คุยกันรวดเดียว 4 ชั่วโมง สิ่งที่ไม่ได้เล่าในรายการมันเยอะมาก แล้วก็เป็นการเล่าแบบจริงใจสุดๆ ดิบสุดๆ นั่นคือสิ่งที่ประทับใจ มันคือปากคำจาก CEO หมื่นล้านที่เล่าเหมือนเด็กแว้นแถวบ้านเราเลย 

ความรู้สึกที่ชอบอีกอย่างคือ พอคุยกันเสร็จเขาลงมาส่งเราข้างล่าง แล้วบอกว่า “โปรเจกต์นี้ถ้าไม่เกิดก็ไม่เป็นไรนะ กูกับมึงเป็นเพื่อนกัน” แล้วก็ให้ภาพสีน้ำมันมาภาพหนึ่ง เราก็แบบคนคนนี้มันอะไรวะเนี่ย รีบโทรไปบอกพี่เก้งพี่วันว่าคนนี้แม่งพีคสุดๆ ซึ่งก็เป็นความรู้สึกที่เราพยายามจะเก็บเอาไว้ แล้วก็เอามาทำเป็นหนัง

Capital : เส้นแบ่งระหว่างเรื่องจริงเรื่องแต่ง มีอะไรที่ต้องระมัดระวังมั้ย 

Nottapon : เราไม่ได้ทำหนัง based on true story เราไม่ต้องระวังอะไร สิ่งที่เราทำคือ inspired by true story เรียกว่าเป็นแรงบันดาลใจในการเอามาโม้มากกว่า

มันคือเรื่องแต่งที่เราคุยแล้วว่าเราขอเอาส่วนหนึ่งของชีวิตคุณมาปู้ยี่ปู้ยำ เราอยากทำให้มันสนุกโดยหยิบเอาชิ้นส่วนที่มันสนุกและเวิร์กจากคนต้นเรื่องมาเป็นตัวตั้ง โชคดีที่สิ่งที่เราสนใจในชีวิตเขามันมีโครง ต้น กลาง จบ อยู่ประมาณหนึ่ง

แล้วเราก็ใส่ไข่เข้าไประหว่างทาง แต่ไข่ที่เราใส่เข้าไปมันจะไม่หลุดไปจากภาพใหญ่อยู่แล้ว มันไม่ใช่แบบไปปล้นธนาคารแล้วเอาเงินมาทำธุรกิจ อันนั้นมันก็โม้ไป ความยากอย่างหนึ่งคือมันโม้ก็จริง แต่มันต้องโม้อยู่บนเส้นความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้นได้ ถ้าหลุดเส้นนี้ไปมันจะไม่เวิร์ก คนจะไม่เชื่อ แล้วมันจะพัง ความ inspired by true story มันก็มีขอบเขตของมันอยู่ แต่จะไม่เท่า based on true story ที่มันจะต้องเคารพเรื่องจริงของชีวิตมากกว่านี้ ซึ่งเราไม่ได้ทำสิ่งนั้น

Capital : ถึงจะบอกว่าเป็นซีรีส์ inspired by true story แต่ถ้ามีคนคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด คุณรู้สึกยังไง

Nottapon : ไม่ได้รู้สึกอะไร ก็ไม่แปลกที่คนจะเข้าใจผิดได้ แต่ถ้าเรามีโอกาสพูด ก็จะพยายามอธิบายความแตกต่างระหว่าง based on true story ที่ยึดโยงกับข้อเท็จจริง กับ inspired by true story ที่เหมือนการได้ฟังเรื่องสนุกๆ แล้วเราเอามาแต่งเติมใส่ไข่ต่อเองมากกว่า

Capital : อะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดของการทำซีรีส์เรื่องนี้

Nottapon : ยากหมดเลย ไม่รู้จะเริ่มจากอะไร 555

เราเขียนบทอยู่สองปี โคตรนาน ความยากคือการที่ต้องมาเติมเต็มความเป็นเรื่องแต่งลงไปในเรื่องจริงที่เรามีอยู่แล้ว แคสติ้งก็ยาก ตัวหลักสามคนนี่จะเอาใครมาเล่นวะ โปรดักชั่นทีแรกก็คิดไม่ออกว่าถ่ายยังไง 

เหมือนเราเข้าโรงเรียนเลย มีพี่เก้งพี่วันช่วยนำ เราเข้ามาเพื่อเรียน เพราะเราคิดไม่ออกเลยว่ามันต้องทำยังไง ทำได้แค่ดันไปข้างหน้า มองระยะสั้นอย่างเดียว วันนี้ต้องทำอะไรวะ วันนี้จะรอดมั้ยวะ ใช้คำว่าหนีตายทุกวัน

Capital : การเป็นผู้กำกับสารคดีมาก่อน ช่วยในการทำซีรีส์เรื่องนี้ยังไงบ้าง

Nottapon : จริงๆ มันเริ่มตั้งแต่วันแรกที่เราได้ไปสัมภาษณ์ พี่วันบอกว่าที่เขาชวนเราเพราะเราน่าจะเอาเรื่องเล่าออกมาจากคนต้นเรื่องได้ดี เพราะสกิลการฟังของเราอาจจะช่วยในสิ่งนี้ได้

อีกอย่างคือพอเราทำสารคดีแล้ว เราจะยึดติดกับความ realistic มาก คือเราจะไม่ค่อยชอบถ่ายกับ green screen หรือทำ CG เยอะๆ ทำอะไรก็ต้องจริงเพราะเราต้องเชื่อก่อน แบบพร็อปนี้คืออะไร หนังสือที่อ่านคือเรื่องอะไร บ้านที่อยู่เป็นยังไง มันจะช่วยในการเล่าเรื่องยังไงได้บ้าง มันก็เลยต้อง realistic มาก เราอาจจะยึดติดกับสิ่งนี้มากๆ ด้วยแหละ ติดจากการทำสารคดีมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นภาระคนทำงานหรือเปล่า 555

Capital : การทำซีรีส์เรื่องนี้เราต้องเรียนรู้เรื่องธุรกิจมากน้อยแค่ไหน

Nottapon : เวลาเราไปรีเสิร์ชที่บริษัทขนส่ง เขาจะบอกว่าทีมเรารู้เยอะจนไปเปิดขนส่งเองได้แล้ว เพราะเราจำเป็นต้องรู้แหละว่าลอจิกของธุรกิจนี้คืออะไร องค์ประกอบของธุรกิจนี้มันต้องมีอะไรบ้าง เรื่องดีไซน์ต้องเป็นแบบไหน หรือบทที่พูดมันต้องเมคเซนส์ มันก็เป็นเรื่องเบสิกของหนังทุกเรื่อง ถ้าจะทำเกี่ยวกับวิชาชีพอะไรมันก็ต้องรู้ถึงจะเล่าออกมาได้ ไม่งั้นคนดูก็จับได้แหละว่ามันผิวเผิน

Capital : เคล็ดลับธุรกิจ 1 อย่างที่คุณได้รู้หลังจากทำซีรีส์เรื่องนี้

Nottapon : คนเรามีเวลาเท่ากัน เราก็ต้องเลือกเป้าหมายให้ดีว่าเราจะถอนขนไก่หรือถอนขนนกกระจอก หรือถ้าเราไม่ยอมแพ้เราก็จะไม่มีวันแพ้ จริงๆ ก็ยกบทพูดในซีรีส์มาพูดได้หมดเลย 555

Capital : หลังทำซีรีส์เรื่องนี้จบ มุมมองต่อธุรกิจนี้ของคุณเปลี่ยนไปจากช่วงก่อนทำยังไงบ้าง

Nottapon : ก็เข้าใจมันมากขึ้นนะ เข้าใจกลไก เข้าใจสถานการณ์ของตลาดขนส่ง แล้วก็รู้ต้นสายปลายเหตุในความเป็นไปของมันมากขึ้น 

อีกอย่างที่ได้รู้คือพวกเคสต่างๆ แบบส่งวันละแสนชิ้นต้องเจออะไรบ้างวะ เป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในซีรีส์แต่ก็สนุกดี เอาไปสร้างได้อีก 2-3 เรื่องเลย

Capital : ชีวิตช่วงนี้ อะไรคือเรื่องด่วนที่สุดสำหรับคุณ

Nottapon : ช่วงนี้ออกกองซีรีส์อยู่ ซึ่งเกือบเสร็จแล้วเพราะต้องถ่ายให้ทันแพลนที่วางไว้ อันนี้คือด่วนสุด

Capital : หากต้องเลือกของเพื่อส่งด่วนให้สันติหนึ่งชิ้น คุณอยากส่งอะไรให้เขา 

Nottapon : ส่งคุกกี้ไปให้กินแล้วกัน จะได้คิดถึงบ้าน

Cap. Chat คือคอลัมน์ใหม่เอี่ยมของ Capital ที่ตั้งใจส่งข้อความไปพูดคุยไถ่ถามกับผู้คนในแวดวงต่างๆ ถึงประเด็นที่น่าสนใจหรือบางคำถามคาใจของพวกเรา แล้วแคปข้อความเหล่านั้นมาส่งต่อให้ผู้อ่านได้รับรู้ไปด้วยกัน

Writer

อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นก็เลยลงสมัครวิ่งมาราธอนที่ญี่ปุ่นไป แล้วมาคิดได้ทีหลังว่าไปญี่ปุ่นเฉยๆ แบบไม่ต้องวิ่งก็ได้นี่

Illustrator

บรรณาธิการศิลปกรรม Email: [email protected]

You Might Also Like