Kingdom of LINE MAN Wongnai

เส้นทาง LINE MAN Wongnai จากติดลบ สู่อาณาจักรอีโคซิสเต็มร้านอาหารไทยที่เยอะที่สุด 

ทุกวันนี้จะกินอาหาร สั่งของ ส่งพัสดุเร่งด่วน กระทั่งโดยสารไปยังสถานที่ต่างๆ เชื่อว่าหลายคนก็น่าจะพึ่งพาแอพฯ เดลิเวอรีกัน ช่างแตกต่างจากช่วงก่อนโควิด-19 ระบาดที่เราแทบนึกไม่ออกว่าบริการเดลิเวอรีจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกคนได้ยังไง ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา

ตลาดนี้จึงกลายเป็น red ocean ที่มีผู้เล่นเข้ามาไม่ขาดสาย ดูคล้ายว่าทำกำไรมหาศาล แต่พูดกันตามตรง ผู้เล่นที่แข็งแกร่งด้านฐานข้อมูล ปรับตัวไว และมีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาตอบโจทย์ลูกค้าต่างหากที่จะพลิกเกมกลับมาทำกำไรได้ และ LINE MAN Wongnai ก็เป็นหนึ่งในผู้เล่นนั้น

ปัจจุบัน LINE MAN Wongnai คือผู้เล่นยักษ์ใหญ่รายเดียวที่บริหารโดยคนไทย และมากกว่าการเป็นบริการเดลิเวอรีเช่นแอพฯ อื่นๆ LINE MAN Wongnai ยังถือเป็นบริษัทที่จริงจังเรื่องการพัฒนาอีโคซิสเต็มร้านอาหารในประเทศไทยมากที่สุดอีกด้วย เพราะหลังจาก Wongnai ควบรวมกับ LINE MAN เมื่อปี 2020 ไม่นานมานี้ ยังก้าวมาเป็นยูนิคอร์นตัวที่ 4 ของไทย ด้วยมูลค่าบริษัทปัจจุบันอยู่ที่ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ซีอีโออย่าง ยอด ชินสุภัคกุล ยังได้เข้าซื้อกิจการสตาร์ทอัพไทยอย่าง FoodStory ที่ร่วมพาร์ตเนอร์กันมาตั้งแต่ปี 2018 เพื่อพัฒนาระบบ POS (Point of Sale)ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มร้านอาหารในประเทศมากกว่าเดิม 

กว่าจะมาถึงจุดนี้ ยอดต้องพาบริษัทก้าวผ่านจุดวิกฤตและปรับตัวมาหลายต่อหลายครั้ง Capital จึงจะพาไปสำรวจอาณาจักร LINE MAN Wongnai ที่พลิกวิกฤตติดลบ สู่อาณาจักรอีโคซิสเต็มร้านอาหารในประเทศไทยที่เยอะที่สุด ทั้งยังเตรียมตัววางแผนเข้า IPO ในอีกไม่กี่ปีนี้ 

1. อดทนฝ่าฟันอุปสรรค

ย้อนกลับไปในปี 2010 ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยยังไม่มีแอพพลิเคชั่น ค้นหาและรีวิวอาหารเหมือนชาวต่างชาติ ยอด ชินสุภัคกุล และเพื่อนอีก 3 คนร่วมกันก่อตั้ง Wongnai เพื่อตอบโจทย์จริตคนไทยที่หลงรักการกินเป็นชีวิตจิตใจ 

แม้ในช่วงแรกความนิยมยังไม่มากพอที่จะสร้างกำไรได้ แต่หลังจากปลุกปั้นจนได้รับเงินลงทุนจากนักลงทุนถึง 2 ครั้ง สถานการณ์บริษัทก็พลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือ 

จากเดิม Wongnai มียอดผู้ใช้งานเพียงหลักแสนก็เติบโตจนมีผู้ใช้งานเป็นหลักล้านคนภายในระยะเวลาไม่นาน ประกอบกับช่วงที่สมาร์ตโฟนกลายเป็นอวัยวะชิ้นที่ 33 Wongnai ก็กลายเป็นเทคสตาร์ทอัพที่เติบโตสูงสุด

2. มองการณ์ไกล และพร้อมปรับตัวตามสถานการณ์

ทักษะของการพร้อมเปลี่ยนแปลงคงเป็นทักษะของสตาร์ทอัพอยู่แล้ว แต่ผู้นำทัพอย่างยอดก็สะท้อนทักษะที่ว่าผ่านการปรับเปลี่ยนองค์กรไปตามสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

เดิมที่เป็นแค่แอพลิเคชั่นบริการค้นหาและรีวิวร้านอาหารเท่านั้น ยอดก็เริ่มขยับขยายมาทำสื่อเกี่ยวกับการรีวิวหลากหลายแบบ เช่น Wongnai Beauty, Wongnai Travel, Wongnai Cooking รวมไปถึงสื่อด้านธุรกิจและไอทีอย่าง Brand Inside และ Blognone 

กระทั่งในปี 2016 เป็นอีกครั้งที่ผู้นำอย่างยอดมองเห็นช่องทางธุรกิจใหม่ อย่างฟู้ดเดลิเวอรีที่เติบโตขึ้นมหาศาลในต่างประเทศอีกทั้งยังสอดคล้องไปกับชีวิตผู้คนได้อย่างไร้รอยต่อ Wongnai จึงไม่ได้เป็นเพียงแอพฯ หรือเว็บไซต์ค้นหาและรีวิวร้านอาหารอีกต่อไป แต่ยังพาร์ตเนอร์กับ LINE MAN เพื่อให้ผู้คนสั่งอาหารกับ LINE MAN ได้ด้วย!

3. ฐานข้อมูลแน่นจากการควบรวม LINE MAN Wongnai

หลังจากพาร์ตเนอร์กับ LINE MAN นาน 4 ปี ในปี 2020 ทั้ง 2 บริษัทก็ควบรวมเป็น LINE MAN Wongnai ด้วยเงินลงทุน 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากบริษัท BRV Capital Management 

ทำให้ LINE MAN Wongnai เป็นผู้นำแพลตฟอร์ม On-Demand และข้อมูลร้านอาหารของไทยโดยทันที ยิ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะฐานข้อมูลร้านอาหารเพื่อใช้ในการพัฒนาธุรกิจมหาศาล รวมถึงฐานผู้ใช้งาน LINE ในไทยกว่า 47 ล้านคนทั่วประเทศ

นอกจากนั้น ระบบยังเชื่อมโยงถึงกันได้ เรียกว่าเป็นการเชื่อมต่ออีโคซิสเต็มระหว่างลูกค้าและร้านอาหารเข้าไว้ด้วยกันผ่านเทคโนโลยี ที่พร้อมนำไปใช้ต่อยอดพัฒนาการจัดการร้านให้แข็งแรงและยั่งยืน  

4. สร้างอีโคซิสเต็มขององค์กรและร้านอาหารได้ครบวงจรและมีประสิทธิภาพ

หลังจากควบรวมเป็น LINE MAN Wongnai ได้ 3 ปี ประจวบกับสถานการณ์ตลาดธุรกิจอาหารนั้นกลับมาเติบโตตามสถานการณ์การโควิด-19 ที่คลี่คลาย

ผู้นำทัพที่จำเป็นต้องมีทักษะการมองการณ์ไกลอย่างยอดจึงตัดสินใจเข้าซื้อ FoodStory สตาร์ทอัพไทยที่พาร์ตเนอร์พัฒนา Wongnai POS ตั้งแต่ปี 2018 เพื่อขยายศักยภาพให้กับระบบ POS หรือระบบการจัดการร้านอาหารที่มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือร้านอาหารได้จริง ทำให้ LINE MAN Wongnai เป็นบริษัทที่มี Restaurant Ecosystem ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในไทย 

“การเข้าซื้อกิจการ FoodStory คือ การรวมทรัพยากรของผู้พัฒนาระบบจัดการร้านอาหารที่ทำงานใกล้ชิดกับร้านอาหารทั่วประเทศมานานกว่า 11 ปีเข้ากับแพลตฟอร์มที่มีข้อมูลร้านอาหารมากที่สุดในไทย ตอนนี้เราจึงถือเป็นอันดับ 1 ในตลาด POS สำหรับร้านอาหาร 

“ร้านอาหารกว่า 55,000 ร้านทั่วประเทศที่เลือกใช้ Wongnai POS และ FoodStory POS คิดเป็นสัดส่วน 40% ของตลาดนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้สร้างมูลค่าการซื้อขายรวม (GMV) กว่า 180,000 ล้านบาท และจัดการออร์เดอร์ร้านอาหารไปแล้วรวมกว่า 636 ล้านออร์เดอร์ ซึ่งช่วยลดปริมาณการใช้กระดาษไปถึง 323 ตัน เป็นสิ่งสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้านฐานข้อมูลและประสิทธิภาพของเรา ซึ่งน่าจะเหนือกว่าคู่แข่งแน่นอน” ยอดอธิบาย

แม้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ายอดร้านค้าผู้ใช้งานจะเพิ่มขึ้นจากเดิมเท่าไหร่ หลังจากเข้าซื้อ FoodStory แต่ก็คาดการณ์ได้ว่าการกระจายทีมให้ครอบคลุม 77 จังหวัด รวมถึงการมีฐานข้อมูลที่แน่นกว่าเจ้าไหนๆ จะทำให้ Wongnai POS ครองส่วนตลาด POS ได้มากกว่าเดิม 

5. ไม่หยุดคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้ประสบการณ์ร้านอาหารในไทยสมบูณ์

หนึ่งในสิ่งที่ LINE MAN Wongnai ให้ความสำคัญเสมอมา คือการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาแก้ปัญหาให้คนไทยอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ Pin For Me ที่ให้ผู้รับของปักโลเคชั่นได้เอง ฟีเจอร์​ LINE MAN Party ที่สั่งอาหารแบบกลุ่มได้ 

แน่นอนว่าเมื่อเข้าซื้อกิจการ FoodStory แล้ว LINE MAN Wongnai ย่อมไม่ทำให้ธุรกิจร้านอาหารผิดหวัง เพราะหลังจากควบรวม ยอดตั้งเป้าว่าจะต้องพัฒนาฟีเจอร์ในระบบ POS ให้ได้มากกว่าเดิม ทั้งที่แต่เดิม FoodStory ก็ได้พัฒนาไว้มากถึง 500 ฟีเจอร์แล้วก็ตาม นอกจากนั้น ยอดยังตั้งเป้าพัฒนา POS ให้ตอบโจทย์ร้านอาหารทุกรูปแบบ ทั้งร้านขนาดเล็ก ร้านอาหารจานเดียว คาเฟ่ ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่ง ไปจนกระทั่งร้านบุฟเฟต์ที่มีหลายสาขา 

ถ้าจะยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ ว่าการควบรวมครั้งนี้ช่วยให้ร้านอาหารในไทยบริหารจัดการร้านได้ดียิ่งขึ้นยังไง คงต้องยกตัวอย่างฟีเจอร์ที่เพิ่งเปิดตัวไปอย่าง Mobile Order ที่เปิดให้ลูกค้าสามารถสั่งออร์เดอร์เองผ่านคิวอาร์โค้ด จากนั้นออร์เดอร์ก็จะเด้งเข้าไปในครัวโดยที่พนักงานไม่ต้องคอยจดออร์เดอร์ 

นอกจากช่วยลดความผิดพลาดในการสั่งออร์เดอร์ ลดต้นทุนในการจัดทำเล่มเมนู ลดจำนวนพนักงานและลดปริมาณงานลง แต่เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ โดยจ่ายเพียงขั้นต่ำ 20 บาทต่อวัน ระบบที่ว่ายังช่วยวิเคราะห์การบริหารจัดการต้นทุน ออร์เดอร์ที่ได้รับความนิยม ไปจนถึงวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจได้ด้วย

“การควบรวมบริษัทที่เมดอินไทยแลนด์เข้าด้วยกันครั้งนี้ก็เพื่อพัฒนาให้เราเราอยากจะเป็น Operating System ให้ร้านอาหารไทย ช่วยให้เขาลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และเติบโตได้อย่างยั่งยืน” ยอดอธิบาย

ไม่แปลกใจ หาก LINE MAN Wongnai จะเดินทางมาถึงทุกวันนี้ วันที่กลายเป็นอาณาจักรอีโคซิสเต็มร้านอาหารในไทยที่บริหารโดยคนไทย เพื่อคนไทยจริงๆ

อ้างอิง

Writer

กองบรรณาธิการไลฟ์สไตล์ที่มีแมวเป็นแรงผลักดันในการทำงาน

Illustrator

แล้วแต่จะคิด ชีวิตคนละแบบ

You Might Also Like