KAWS VALUE

6 เช็กลิสต์ที่ทำให้ ‘KAWS:HOLIDAY’ มัดใจผู้คนและสร้างปรากฏการณ์ในทุกที่ที่ไป

ถึงตรงนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘KAWS:HOLIDAY’ โปรเจกต์ระดับโลกของศิลปินแนวกราฟิตี้และสตรีทอาร์ตชื่อดังชาวอเมริกันอย่าง ‘KAWS’ หรือ ‘ไบรอัน ดอนเนลลี’ (Brian Donnelly) ที่มาพร้อมประติมากรรมขนาดยักษ์สุดอลังการอย่าง ‘COMPANION’ คาแร็กเตอร์หัวกะโหลกดวงตากากบาท (X) แต่รูปร่างคล้ายกับตัวการ์ตูนมิกกี้เมาส์ ซึ่งเป็นผลงานระดับไอคอนิกแห่งโลกศิลปะ ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ผ่านการคอลแล็บร่วมกับแบรนด์ดัง อย่าง Nike, Dior และ Uniqlo  

นับตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา โปรเจกต์ KAWS:HOLIDAY ได้พาเจ้า COMPANION ตระเวนไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ บนโลกไปจนถึงนอกโลก เพื่อหาสถานที่สงบพักผ่อน เอนกายหลีกหนีจากความวุ่นวาย เช่น โซล-เกาหลีใต้ (2018), อ่าววิคตอเรีย-ฮ่องกง (2019), ภูเขาไฟฟูจิ-ญี่ปุ่น (2019), ยอกยาการ์ตา-อินโดนีเซีย (2023), เซี่ยงไฮ้-จีน (2024), เลอ บราซูส์-สวิตเซอร์แลนด์ (2024) และล่าสุดปี 2025 กับกรุงเทพฯ ประเทศไทย ที่มาปรากฏตัวอยู่ใจกลางท้องสนามหลวง โดยมีแลนด์มาร์กสำคัญอย่างวัดพระแก้วเป็นฉากหลัง

อย่างไรก็ดี การปรากฏตัวของคาแร็กเตอร์ COMPANION ตัวยักษ์ไม่ได้มีดีแค่ความอลังการหรือความสวยงามตามแบบฉบับงานอาร์ตเท่านั้น แต่หากมองภาพรวมจะเห็นว่า การที่ KAWS:HOLIDAY ยืนระยะความสำเร็จและสร้างคุณค่าให้แก่ทุกที่ที่ไปนั้น มีหลายองค์ประกอบรวมกัน 

ส่งท้ายก่อนที่เจ้า COMPANION จะลาจากประเทศไทยวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ เราขอชวนผู้อ่านวิเคราะห์ 6 เช็กลิสต์ที่ทำให้ KAWS:HOLIDAY มัดใจผู้คนและสร้างปรากฏการณ์ในทุกที่ที่ไปกันแบบชิลล์ๆ เพราะว่านี่คือวัน holiday ของเรา

1. พลังของ COMPANION ไอคอนป๊อปคัลเจอร์และตัวแทนแบรนด์ดิ้งที่คนทั้งโลกจดจำ  

พระเอกและหัวใจหลักของโปรเจกต์ KAWS:HOLIDAY ที่ผู้คนจดจำได้ทันทีคงหนีไม่พ้น COMPANION ที่ไม่ว่าโปรเจกต์จะเคลื่อนย้ายไปที่ไหน หรือจะอยู่ในอิริยาบถนั่งเฉยหรือนอนแผ่ ผู้คนก็จดจำได้ทันทีว่านี่แหละคือ KAWS ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นตัวแทนแค่รูปลักษณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่สะท้อนแนวคิดแบรนด์ดิ้งที่ต้องการให้ผู้คนที่พบเห็น COMPANION ได้ ‘รู้สึก’ ถึงห้วงลึกในจิตใจ ทั้งความเหงา ความอ้างว้าง ความโดดเดี่ยว มากกว่ามองเป็นวัตถุอันสวยงาม  

ขณะเดียวกันผลงาน COMPANION ยังเป็นหนึ่งใน ‘ไอคอน’ แห่งวัฒนธรรมป๊อปคัลเจอร์และวัฒนธรรมสตรีทอาร์ตที่ผู้คนให้การยอมรับ ดังนั้นไม่ว่ามันจะปรากฏตัวที่ไหนในโปรเจกต์ KAWS:HOLIDAY ผู้คนย่อมให้ความสนใจ และอยากมีส่วนร่วมด้วยสักครั้งในฐานะส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์โมเดิร์นอาร์ต ยกตัวอย่างปี 2022 ที่จัดขึ้น ณ ภูเขาฉางไป๋ซา แม้จะมีอุณหภูมิติดลบ 5 องศาเซลเซียส และอยู่บนพื้นที่เหนือระดับน้ำทะเล 2,750 เมตร ผู้คนก็ยังแห่ดั้นด้นเพื่อไปถ่ายรูปกับเจ้า COMPANION

 2. ปักหมุดในแลนด์มาร์กสำคัญให้คนท้องถิ่นเกิดความรู้สึกร่วม ให้นักท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับวัฒนธรรม

สิ่งที่ KAWS เน้นย้ำเสมอมาถึงปัจจัยสำคัญในการเลือกจัดงาน KAWS:HOLIDAY แต่ละครั้ง คือต้องเป็นมากกว่าสถานที่ที่สวยงามหรือมีทัศนียภาพตระการตา  แต่ต้องเป็นสถานที่ที่เชื่อมโยงคนดูเข้ากับวัฒนธรรมและภูมิทัศน์ท้องถิ่น ซึ่งเป็นคุณค่าในแบบที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน นั่นทำให้เราได้เห็น COMPANION ถูกจัดแสดงบนแลนด์มาร์กสำคัญที่เป็นดังตัวแทนอัตลักษณ์ประจำชาติ 

อย่างภูเขาไฟฟูจิที่ไม่ว่าใครเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นตัวแทนของประเทศญี่ปุ่น, หมู่บ้านเลอ บราซูส์ ในแคว้นโวด์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ‘Audemars Piguet’ ผู้ผลิตนาฬิกาเก่าแก่ระดับโลก และสวนสาธารณะบริสตอล ซึ่งเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ป็อปคัลเจอร์ สถาปัตยกรรมเก่าแก่ ที่ผู้คนเข้าถึงได้เพียงก้าวเท้าเข้ามา 

นอกจากจะเลือกสถานที่สำคัญระดับท้องถิ่น ในปี 2020 KAWS:HOLIDAY ยังทำในสิ่งที่ใครไม่คาดคิดด้วยการพาคาแร็กเตอร์ COMPANION ในมาดนักบินอวกาศทะยานขึ้นเหนือชั้นบรรยากาศโลก บนความสูง 196,296 ฟุต เป็นเวลา 8 ชั่วโมง เพื่อสื่อสารว่าศิลปะนั้นไร้ขีดจำกัด และเพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีที่คาแร็กเตอร์หัวกะโหลกนี้ถือกำเนิด

3. ยกระดับแลนด์มาร์กที่ดังอยู่แล้ว ให้กลายเป็นโอเอซิสแห่งโลกศิลปะ

อีกหนึ่งจุดมุ่งหมายที่ KAWS ทำผ่านการจัดงาน KAWS:HOLIDAY คือการทำงานร่วมกันกับภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับสถานที่ที่ไปให้กลายเป็น ‘โอเอซิส’ แห่งโลกศิลปะ อย่างครั้งล่าสุดที่จัดขึ้น ณ ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ ก็ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), กรุงเทพมหานคร และ Central Embassy เพื่อจัดงานโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม และร่วมโปรโมทงานดังกล่าวภายใต้ร่มอีเวนต์ Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ที่แสดงให้เห็นว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีศักยภาพมากพอต่อการจัดงานแสดงศิลปะระดับโลก 

หรือในปี 2019 ที่จัดขึ้น ณ อ่าววิกตอเรีย ฮ่องกง KAWS ก็ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวฮ่องกง (Hong Kong Tourism Board) และครีเอทีฟสตูดิโอ AllRightsReserved เพื่อโปรโมตและวางแผนจัดงานในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่มีการจัดงานศิลปะระดับโลกอย่าง Hong Kong Arts Month และ Art Basel Hong Kong เพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ฮาร์เบอร์ซิตี้ ฮ่องกง ว่าเป็นเมืองที่สนับสนุนการจัดงานศิลปะทั้งในอาร์ตแกลเลอรีและพื้นที่สาธารณะในสายตานักท่องเที่ยว 

ปี 2023 ที่จัดขึ้น ณ เมืองยอกยาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ก็ได้รับการสนับสนุนจากจากกระทรวงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของอินโดนีเซีย โดยอนุญาตให้มีการจัดงานขึ้นที่บริเวณวัดปรัมบานัน หนึ่งในสถานที่สำคัญที่ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกกับยูเนสโก

จะเห็นว่าคอนเซปต์การจัดงาน KAWS:HOLIDAY ร่วมกันกับภาครัฐนั้นตรงกับการเป็น ‘creative tourism’ หรือ ‘การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์’ ที่มีเรื่องของศิลปะและวัฒนธรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้ชมไม่เพียงแต่จะได้เสพย์งานอาร์ตเจ๋งๆ แต่ยังได้ศึกษาประวัติศาสตร์ ซึมซับบรรยากาศความเป็นท้องถิ่น และเรียนรู้วิถีชุมชนในแบบที่หาจากไหนไม่ได้อีกด้วย 

4. กระตุ้นเศรษฐกิจให้กับพื้นที่โดยรอบ ทั้งระบบขนส่ง ร้านอาหาร สถานบริการ

จากข้อที่แล้ว นอกจากการปักหมุดของ KAWS:HOLIDAY จะยกระดับพื้นที่นั้นให้เป็นพื้นที่ศิลปะแล้ว ยังสร้างแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจให้กับย่านที่ไปโดยปริยาย 

อย่าง KAWS:HOLIDAY ปี 2018 ที่จัดขึ้น ณ ทะเลสาบซอกชน (Seokchon Lake) ประเทศเกาหลีใต้ บล็อกเกอร์ท้องถิ่นรายหนึ่งจากเว็บไซต์ jeniventures.com ระบุว่า เธอและนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางด้วยรถไฟฟ้านานกว่า 2 ชั่วโมงเพื่อมาลงที่สถานีจัมซิล (Jamsil) เพื่อชม COMPANION ยักษ์นอนแผ่กลางทะเลสาบซอกชน หรือบางรายเลือกอยู่พักต่อเพื่อท่องเที่ยวในโซล ขณะเดียวกันด้วยความที่สถานที่จัดงานอยู่ใกล้กับร้านอาหาร สถานบริการ และห้างสรรพสินค้าใหญ่อย่างล็อตเต้ เวิลด์ มอลล์ (Lotte World Mall) ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาต่างใช้บริการกันคับคั่ง สร้างรายได้สะพัดให้แก่ผู้ประกอบการทั้งรายย่อยและรายใหญ่

เช่นเดียวกับปี 2023 ที่ KAWS:HOLIDAY จัดขึ้นที่วัดปรัมบานัน สำนักข่าวท้องถิ่นอินโดนีเซีย antaranews.com ระบุว่า ตลอด 18 วันที่มีการจัดงานในเดือนสิงหาคม มียอดผู้เข้าเยี่ยมชมโบราณสถานมากขึ้นถึง 107.29% คิดค่าเฉลี่ยผู้เข้าชมต่อวันคือ 9,062 คน พีคสุดอยู่ที่ 18,272 คนต่อวัน และรวมผู้เข้าชมตลอดการจัดงานอยู่ที่ 117,808 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยววัยรุ่น

ข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่า การมาของ KAWS:HOLIDAY นอกจากจะสร้างโอกาส สร้างรายได้ให้แก่ท้องถิ่นแล้ว ยังมีอีกผลพลอยได้คือช่วยให้การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้รับความสนใจยิ่งขึ้น ทั้งยังสร้างความตระหนักรู้แก่คนรุ่นใหม่ถึงการมีอยู่ของสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การทำนุบำรุง

5. คอลแล็บกับ local brand ผลิตของสะสมสะท้อนถึงอัตลักษณ์ท้องถิ่น

สิ่งที่ทำให้คนนึกถึงเมื่อกล่าวถึง KAWS คงหนีไม่พ้นของสะสมสุดลิมิเต็ด โดยเฉพาะฟิกเกอร์หรือเสื้อผ้าที่เป็นคาแร็กเตอร์เจ้า COMPANION ที่ผู้คนยอมต่อคิวตั้งแต่รุ่งสางให้ได้มาครอบครอง แต่ในเมื่อเป็นโปรเจกต์ KAWS:HOLIDAY ทั้งทีย่อมต้องมีอะไรที่พิเศษกว่านั้น เราจึงได้เห็น KAWS จับมือกับบรรดา local brand ผลิตของสะสมสุดแรร์ในรูปแบบต่างๆ ที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ความเป็นท้องถิ่น เช่น 

ปี 2018 ที่ร่วมกับบริษัท Lotte ผลิตหมอนลอยน้ำและของเล่นอาบน้ำ เพื่อให้เข้ากับเจ้า COMPANION ที่ลอยแช่น้ำกลางทะเลสาบซอกชน 

ปี 2019 ที่ร่วมกับแบรนด์ Fire-King ผลิตคอลเลกชั่นแก้วเซรามิกสีฟ้าและชมพู บนแก้วสกรีนลวดลายภูเขาไฟฟูจิที่มีดวงตากากบาทของเจ้า COMPANION 

ปี 2024 ที่ร่วมกับแบรนด์ Audemars Piguet ผลิตนาฬิกา Royal Oak Concept Tourbillon ‘Companion’ ที่มาในรูปทรงแปดเหลี่ยมซิกเนเจอร์ ตัวสายรัดข้อมือทำจากหนังวัว และภายในหน้าปัดมี COMPANION ปรากฏอยู่ในรูปแบบ 3 มิติ โดยผลิตออกมาเพียง 250 เรือนเท่านั้น

ปี 2024 ที่จัดขึ้น ณ แม่น้ำหวงผู่ เมืองเซี่ยงไฮ้ มีการคอลแล็บร่วมกับ AllRightsReserved และร้าน Jing An Kerry Centre เพื่อผลิต ‘ขนมไหว้พระจันทร์’ ไส้คัสตาร์ด โดยที่ลวดลายกล่องเป็นเจ้า COMPANION นอนกอดพระจันทร์ และฟิกเกอร์ COMPANION ที่เรืองแสงได้ นอกเหนือจากนั้นยังคอลแล็บร่วมกับแบรนด์ sacai ผลิตเสื้อยืดลายมิติเต็ด ที่มีวางจำหน่ายเฉพาะที่ช็อป sacai สาขา Plaza 66 เมืองเซี่ยงไฮ้

หรือในปี 2025 ที่จัดขึ้น ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย ที่ชวนแบรนด์ขวัญใจชาวต่างชาติอย่าง ‘หงส์ไทย’ ผลิตยาดมกระปุกเขียวที่บนฉลากมีหน้าเจ้า COMPANION, ‘ยาอมแก้ไอตราตะขาบ’ ที่มีทั้งซองยาอมลายลิมิเต็ดและเสื้อยืดยาอมแก้ไอตราตะขาบที่ตรงกลางมีประติมากรรม COMPANION ตรงท้องสนามหลวงนั่งอยู่ รวมถึงเสื้อซัมเมอร์เชิ้ตและกระเป๋าผ้าแคนวาสที่ผลิตร่วมกับแบรนด์สตรีทอาร์ตสุดแนวอย่าง HUMAN MADE 

สินค้าเหล่านี้นอกจากจะจำหน่าย ณ สถานที่จัดงาน ยังมีวางจำหน่ายแบบออนกราวด์ที่ร้าน SIWILAI Store ชั้น 2 ศูนย์การค้า Central Embassy ซึ่งแปลงโฉมเป็นป๊อปอัพ คาเฟ่ ที่วางจำหน่ายเครื่องดื่มสูตรพิเศษและขนมที่เข้ากับธีมงาน KAWS:HOLIDAY THAILAND  

6. เล่นโยคะ แคมป์ปิ้ง ปรุงยาดม ฯลฯ หลากกิจกรรมเวิร์กช็อปให้ผู้ที่มาได้เยียวยาจิตใจ

ข้อสุดท้ายที่ทำให้ KAWS:HOLIDAY ดึงดูดผู้คนในทุกที่ที่ไป คือการมีกิจกรรมเวิร์กช็อปให้ผู้เข้าร่วมได้เอนกายพักผ่อนอยู่กับความสงบ ตามคอนเซ็ปต์วันฮอลิเดย์ เช่นที่จัดขึ้น ณ ภูเขาไฟฟูจิ ได้เปิดลงทะเบียนให้ผู้เข้าร่วมมากางเต็นท์ค้างคืนชมประติมากรรม COMPANION แบบจับฉลากจำนวนจำกัด 2,000 คน

ณ อ่าววิกตอเรีย ฮ่องกง มีการสอนเล่นโยคะ ที่อุทยาน Tamar Park และล่าสุดที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรม Thai Wellness & Workshop ที่มีการสอนปรุงยาดมกลิ่นซิกเนเจอร์ของตัวเอง รวมไปถึงกิจกรรมนวดแผนโบราณตามตำรับฤาษีดัดตน 

แม้กิจกรรมเวิร์กช็อปของ KAWS:HOLIDAY จะไม่ได้ถูกจัดขึ้นทุกครั้งและเพิ่งมาจัดบ่อยขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทว่าแต่ละครั้งที่จัดมักเป็นเวิร์กช็อปให้เข้าถึงผู้คนได้ง่ายที่สุด และทำให้ผู้คนได้ผ่อนคลายกับบรรยากาศสถานที่จัดงานมากที่สุด จึงน่าลุ้นว่าในครั้งต่อๆ ไปจะมีกิจกรรมเวิร์กช็อปแบบไหนให้ได้ร่วมฮีลใจอีก

ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดที่ว่ามานี้เอง ทำให้ KAWS:HOLIDAY เป็นมากกว่านิทรรศการศิลปะ ที่ยังเป็นสิ่งที่ช่วยอุดช่องว่างและสร้างคุณค่าให้กับวงการศิลปะ ซึ่งไม่จำเป็นต้องอยู่แค่ในแกลเลอรีอาร์ต พิพิธภัณฑ์ หรือต้องเป็นผลงานประดับข้างฝาเท่านั้น เพราะสุนทรียศาสตร์แห่งโลกศิลปะมีขอบเขตที่กว้างใหญ่ไม่รู้จบ รวมถึงศิลปะคือเครื่องมือที่ทำให้มนุษย์พบกับ ‘ความสงบ’ และ ‘เข้าใจ’ ตนเองมากขึ้น

อ้างอิง 

Writer

นักเขียนผู้หลงใหลโลกของฟุตบอล สนีกเกอร์ และกันพลา

Illustrator

แล้วแต่จะคิด ชีวิตคนละแบบ

You Might Also Like