You’ll never drink alone

การอำลาของ Jürgen Klopp กับการทำเบียร์รุ่นพิเศษ และแคมเปญเนื้อ 8 ชั้นจากเบอร์เกอร์คิง

Danke, Jürgen.

ถึงไม่ได้เลือกเรียนเอกศิลป์-เยอรมันตอน ม.ปลาย แต่เชื่อว่าแฟนฟุตบอลทั้งหลายในไทยและทั่วโลกน่าจะสามารถแปลความหมายของภาษาเยอรมันประโยคข้างต้นได้ในวันนี้ 

Danke, Jürgen.

ขอบคุณ เจอร์เกน

คืนวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมาตามเวลาของบ้านเรา เจอร์เกน คล็อปป์ ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมนำลิเวอร์พูลลงสนามเป็นนัดสุดท้ายที่แอนฟิลด์ เสียงปรบมือกู่ร้องโห่ดังลั่นไปทั้งสนามเพื่อต้อนรับการเดินลงผืนหญ้าสนามครั้งสุดท้ายในฐานะผู้จัดการทีมที่เป็นที่รักของทุกคน คล็อปป์สวมเสื้อฮู้ดสีแดงที่มีอักษรปักอยู่บนอกว่า Thank you และ Luv ส่วนด้านหลังมีตัวอักษรปักว่า I’ll never walk alone again.

ถึงแม้คล็อปป์จะไม่ใช่นักเตะในสนาม แต่ในแมตช์การแข่งขันเมื่อคืนกลับดูเหมือนว่าสายตาทุกคู่และความสนใจของทุกคนต่างมุ่งตรงไปที่ผู้จัดการทีมสายเลือดเยอรมันผู้นี้แทบทั้งสิ้น 

หากนี่เป็นคอลัมน์กีฬาเราคงจะสาธยายได้อีกยืดยาวว่าเหตุใดเจอร์เกน คล็อปป์ ชายผู้ที่ไม่ได้เกิด ไม่ได้โตที่เมืองลิเวอร์พูล แต่เขากลับกลายเป็นที่รักและเคารพของแฟนบอลที่แอนฟิลด์และนักเตะในทีมได้มากมายขนาดนี้ ฉะนั้นหากสรุปแบบรวบรัด เราจึงขอนิยามความยิ่งใหญ่ของชายคนนี้ที่แอนฟิลด์ว่า เขาเป็นผู้ที่เปลี่ยนคนทั้งหลายที่มีความสงสัยทั้งต่อตัวเองและสโมสรให้เป็นคนที่มีศรัทธา เปลี่ยนความไม่มั่นใจให้กลายเป็นความเชื่อ

เราคงต่างเคยได้ยินว่า “ทุกสิ่งบนโลกล้วนเป็นไปได้เมื่อเรามีความเชื่อ”

หากนักเตะไม่มั่นใจในฝีเท้าของตัวเอง หากเหล่าแฟนบอลของสโมสรไม่เคยมีความคิดว่าทีมจะสามารถคว้าแชมป์สำคัญๆ ของยุโรปได้ หากแฟนบอลต่างถอดใจเดินออกจากสนามก่อนจบเกม 90 นาที หากไม่มีใครสักคนเชื่อว่านี่คือทีมที่ดี นี่คือทีมที่แข็งแกร่ง นี่คือทีมที่อันตรายที่สามารถสร้างโอกาสและปาฏิหาริย์ได้ หากตัวเรายังไม่เชื่อในตัวเรา แล้วสิ่งยิ่งใหญ่ไหนเลยจะเกิดขึ้นกับตัวเราได้

ความยิ่งใหญ่ที่สุดที่เจอร์เกน คล็อปป์ ได้สร้างให้ลิเวอร์พูล จึงเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘ความเชื่อ’ 

เขาทำให้ทีม ชาวสโมสร และแฟนบอลทั้งในเมืองลิเวอร์พูลและทั่วโลกเชื่อว่า ฝีเท้าของนักเตะในทีมไม่ได้แย่ และศักยภาพของทีมนี้สามารถไปได้ไกลระดับแชมป์ในรายการสำคัญๆ คล็อปป์ปลุกวิญญาณความเป็นนักสู้ของคนในทีมและปลุกความเชื่อให้แก่แฟนบอลทุกคน 

แต่งานเลี้ยงที่หรูหราสวยงามแค่ไหน สุดท้ายย่อมมีวันเลิกรา

วันที่ 26 มกราคม 2024 คือวันที่ชาวสโมสรและนักเตะในทีมต่างช็อกไปตามๆ กัน เพราะเป็นวันที่คล็อปป์ประกาศว่าเขาจะไม่ต่อสัญญาคุมทีมให้กับลิเวอร์พูลแล้วในฤดูกาลหน้า

ว่าถึงเรื่องราวความยิ่งใหญ่ของคล็อปป์ที่คุมลิเวอร์พูลมากว่า 8 ปีครึ่ง และสถิติการคุมทีมให้ชนะกว่า 60% จากทุกรายการที่เขาคุมทีมลงแข่ง ที่สำคัญคือคล็อปป์ได้พาทีมคว้าแชมป์เกือบครบแทบทุกรายการที่ลงเตะ

ปี 2019 เขาพาลิเวอร์พูลคว้า Champions League ซึ่งเป็นถ้วยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในระดับสโมสรยุโรป ก่อนจะต่อยอดไปคว้าแชมป์ Club World Cup และ UEFA Super Cup

ในปี 2020 เขาพาหงส์แดงคว้าแชมป์ Premier League มาครองได้สำเร็จหลังจากสโมสรไม่เคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุดมากว่า 30 ปี

ในปี 2022 เขาพาทีมเครื่องจักรสีแดงเป็นแชมป์ FA Cup และ League Cup ในปีเดียวกัน

ก่อนที่ปี 2024 เขาจะพาทีมคว้าแชมป์ League Cup เป็นการทิ้งทวน

สิ่งที่คล็อปป์ทำนั้นเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ทั้งในมุมความศรัทธาที่เขาสร้างขึ้น รวมถึงความสำเร็จที่นำมาสู่สโมสร ดังนั้นการจากลาของคล็อปป์กับลิเวอร์พูลจึงถือเป็นอีเวนต์ที่สำคัญและทุกคนต่างให้ความสนใจ 

ที่น่าสนใจคือมีแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มหลายแบรนด์ต่างเห็นความสำคัญในการทำการตลาดจากการลาทีมลิเวอร์พูลของคล็อปป์ในครั้งนี้ เกิดเป็นแคมเปญที่ทั้งน่าสนุกและน่าสนใจหลายแคมเปญที่เราอยากเอามาเล่า

เริ่มกันที่เคสของ ERDINGER Weißbräu และ Carlsberg

Carlsberg คือบริษัทผลิตเบียร์สัญชาติเดนมาร์กผู้ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนสโมสรลิเวอร์พูลมาตั้งแต่ปี 1992 นับจนถึงปีนี้ก็ 32 ปี แล้ว ถือเป็นการสนับสนุนที่เหนียวแน่นมั่นคงและยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ ว่าถึงความสำคัญของเจอร์เกน คล็อปป์ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงและปลูกฝังดีเอ็นเอบางอย่างให้แก่ชาวสโมสรลิเวอร์พูล Carlsberg ในฐานะแบรนด์สปอนเซอร์เครื่องดื่มของสโมสรจึงจับมือกับแบรนด์เบียร์สัญชาติเยอรมันอย่าง ERDINGER Weißbräu ที่จ้างคล็อปป์เป็นแอมบาสซาเดอร์มาตั้งแต่ปี 2019 จึงจับมือร่วมกันผลิตเบียร์รุ่นลิมิเต็ดเพื่อเป็นสัญลักษณ์การจากลาลิเวอร์พูลในครั้งนี้ของคล็อปป์ โดยเบียร์รุ่นนี้มีชื่อที่เห็นแล้วรู้ทันทีว่าทำเพื่อเขา

The Believer Brew

อย่างที่บอกไว้ว่าสิ่งสำคัญที่คล็อปป์ได้ปลูกสร้างให้กับสโมสรนี้คือความเชื่อ ดังนั้นการจากไปของคล็อปป์จึงถูกนำมาบ่มให้เป็นเครื่องดื่มที่กินได้อย่าง ‘เบียร์’ และให้ชื่อรุ่นว่า The Believer Brew หรือถ้าจะให้แปล ดิฉันคงแปลชื่อเบียร์รุ่นนี้ว่า เบียร์ของคนที่มีความเชื่อ

เบียร์รุ่นนี้จะถูกผลิตออกมาที่ 491 ขวด แต่ละขวดจะมีการพิมพ์เลขนัมเบอร์ไว้ที่ขวดไล่เรียงไปตั้งแต่ขวดที่ 1-491 และแต่ละขวดก็จะระบุตามลำดับแมตช์ที่คล็อปป์คุมทีมลิเวอร์พูลไปพบกับทีมคู่แข่ง เช่น 

ขวดที่ 206 คือ แมตช์ที่ 206 ของคล็อปป์ในฐานะผู้จัดการทีมที่คุมทีมลิเวอร์พูลชนะบาร์เซโลนา (4-0) ในปี 2019 

ขวดที่ 264 คือ แมตช์ที่ 264 ของคล็อปป์ในฐานะผู้จัดการทีมที่คุมทีมลิเวอร์พูลชนะเชลซี (5-3) ในปี 2020

การจับมือกันของแบรนด์เครื่องดื่ม 2 แบรนด์เป็นปรากฏการณ์ที่เราไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยๆ นัก จึงนับว่าเป็นการคอลแล็บกันที่หาดูได้ยากจริงๆ และถ้าไม่ใช่โอกาสที่พิเศษและสำคัญ เราคงไม่มีโอกาสได้เห็นความร่วมมือของแบรนด์ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันแบบนี้แน่ๆ

The Believer Brew จะเป็นการผสมเบียร์ของทั้งสองแบรนด์คือ ERDINGER Weißbräu และ Carlsberg โดยเบียร์รุ่นนี้จะใช้มอลต์ 50% จาก ERDINGER และมอลต์ 50% จาก Carlsberg และจะมีการใช้บาร์เลย์สีแดงผสมเข้าไปเพื่อให้เบียร์ออกมาเป็นสีแดงสีเดียวกับสีประจำสโมสรลิเวอร์พูล

เบียร์ The Believer Brew ทั้ง 491 ขวดนี้เป็นเบียร์ที่ผลิตออกมาแบบจำกัดและไม่มีการวางขายโดยทั่วไป แต่จะขายด้วยการประมูล โดยการประมูลจะถูกจัดการโดย Graham Budd Auction และการประมูลได้เริ่มไปแล้วตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา และจะสิ้นสุดลงวันที่ 30 พฤษภาคม โดยการกดประมูลแต่ละครั้ง เบียร์ขวดที่ถูกประมูลจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นครั้งละ 5 ปอนด์ (ประมาณ 230 บาท)

นอกจากแบรนด์เครื่องดื่มแล้ว แบรนด์อาหารฟาสต์ฟู้ดที่แอ็กทีฟสุดๆ ในวงการโฆษณาและโลกออนไลน์อย่างเบอร์เกอร์คิงก็ขอมีซีนกับการอำลาลิเวอร์พูลของเจอร์เกน คล็อปป์ ในครั้งนี้ด้วย

แคมเปญนี้ของเบอร์เกอร์คิงนั้นแสนเรียบง่าย (แต่ก็ยังไว้ลายความแสบสันตามฉบับเบอร์เกอร์คิง) 

เริ่มจากบัญชีที่ชื่อ BurgerKingUK ในแพลตฟอร์ม X ออกมาโพสต์แนะนำเมนูใหม่ของเบอร์เกอร์คิงที่มีชื่อว่า The Klopper ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2024 ซึ่งแน่นอนว่าชื่อ The Klopper เป็นการเอาคำสองคำมาผสมกัน นั่นคือคำว่า Klop ที่ย่อให้สั้นมาจากนามสกุลของเจอร์เกน คล็อปป์ และ Whopper เมนูซิกเนเจอร์ของเบอร์เกอร์คิง 

ดังนั้นเมื่อ Klopp + Whopper = Klopper

นอกจากจะโพสต์ชื่อเมนูใหม่ The Klopper แล้ว เบอร์เกอร์คิงยังเขียนคำบรรยายอีกว่า 

“8 tiers for 8 trophies”

แปลเป็นไทยก็คือ เนื้อ 8 ชิ้น สำหรับ 8 ถ้วยรางวัล

จากสถิติการคุมทีมลิเวอร์พูลของคล็อปป์ทั้ง 8 ปีครึ่ง เขาสามารถพาทีมคว้าโทรฟี่มาแล้ว 8 ถ้วย (แชมป์ Premier League 1 ครั้ง, แชมป์ Champions League 1 ครั้ง, แชมป์ UEFA Super Cup 1 ครั้ง, แชมป์ Club World Cup 1 ครั้ง, แชมป์ FA Cup 1 ครั้ง, แชมป์ League Cup 2 ครั้ง และแชมป์ Community Shield 1 ครั้ง) เลยดูเหมือนกับว่าคล็อปป์จะมีความสัมพันธ์กับเลข 8 เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงเป็นที่มาของเนื้อ 8 ชิ้นในเบอร์เกอร์ The Klopper ของเบอร์เกอร์คิงประเทศอังกฤษ

แต่ด้วยความขี้เล่นและบุคลิกชอบหยอกเอินแกล้งแซวของเบอร์เกอร์คิง จึงมีคนจำนวนไม่น้อยไปคอมเมนต์ถามเบอร์เกอร์คิงว่า 

“อันนี้ขายจริงหรือแค่อำเล่นเนี่ย?”

และทางเบอร์เกอร์คิงก็ไม่ทำให้เราผิดหวังออกมาตอบแฟนๆ ที่สนใจอยากกิน The Klopper ว่า ถ้ามีใครสนใจจะซื้อเบอร์เกอร์ที่มีเนื้อ 8 ชิ้น ทำไมเราจะไม่ขายเล่า!

สรุปก็คือขายจริงนั่นเอง

จากการจากลาของเจอร์เกน คล็อปป์ ผูกโยงไปถึงเรื่องที่แบรนด์อาหารและเครื่องดื่มหยิบยกเอาสถานการณ์นี้ไปทำการตลาดให้เป็นที่จดจำและพูดถึงในโลกออนไลน์ได้อย่างกว้างขวางจากฐานแฟนบอลลิเวอร์พูลที่มีอยู่ทั่วโลก นับเป็นก้าวที่ทั้งแนบเนียนและน่าสนใจ แถมยังมีกิมมิกที่น่าสนุกของการทำการตลาดในโลกธุรกิจอาหาร

การทำแคมเปญพิเศษของ ERDINGER Weißbräu, Carlsberg และ Burger King คงถือเป็นการคอนเฟิร์มถึงความยิ่งใหญ่และความเป็นที่รักของคล็อปป์ต่อแฟนบอลลิเวอร์พูลทั้งโลกได้อีกหนึ่งเสียง และเหมือนกับจะเป็นการเน้นย้ำให้คล็อปป์มั่นใจในคำที่สกรีนอยู่ที่ด้านหลังเสื้อที่เขาใส่ลงสนามในแมตช์สุดท้ายที่คุมทีมว่า

I’ll never walk alone again.

ฉันจะไม่เดินอย่างเดียวดายอีกต่อไป

การทำให้แบรนด์อาหารและเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ของโลก 3 แบรนด์ออกมาทำแคมเปญอำลาส่งผู้จัดการทีมออกจากทีมได้แบบนี้น่าจะเป็นการคอนเฟิร์มให้คล็อปป์รู้ว่า ไม่ว่าคล็อปป์จะตัดสินใจยังไง ไม่ว่าคุณจะไปอยู่ที่ไหน 

You’ll never walk alone.

อ้างอิง

Writer

อาจารย์ผู้สอนวิชา Introduction to World Cuisine ในมหาวิทยาลัย หญิงสาวผู้หลงรักอาหาร และโฮสต์รายการพอดแคสต์ชื่อ 'Bon Appétit ธุรกิจรอบครัว'

You Might Also Like