นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับการใช้คุกกี้

บริษัท ทุนดี จำกัด (“บริษัท”) มีความจำเป็นต้องใช้คุกกี้ในการทำงานหลายส่วนของเว็บไซต์เพื่อรับประกันการให้บริการของเว็บไซต์ที่จะอำนวยความสะดวกในการใช้บริการเว็บไซต์ของท่าน โดยบริษัทรับประกันว่าจะใช้คุกกี้เท่าที่จำเป็น และมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎ หมายที่เกี่ยวข้อง และจะไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น เว้นแต่เป็นกรณีการใช้คุกกี้บางประเภทที่อาจดำเนินการโดยผู้ให้บริการภายนอก ทั้งนี้ เมื่อท่านเข้าใช้บริการเว็บไซต์ บริษัทจะถือว่าท่านรับทราบและตกลงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้แล้ว โดยบริษัทสงวนสิทธิ์ในการปรับปรุงนโยบายฉบับนี้ตามแต่ละระยะเวลาที่บริษัทเห็นสมควร โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์นี้... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

Fun Fact of Chinese new year

9 Fun Fact เปิดจักรวาลตรุษจีน 67

“ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ เป็นที่รู้กันว่า เทศกาลตรุษจีนกลับมาอีกครั้ง นี่เป็นวาระแห่งการเฉลิมฉลองปีใหม่ของชาวจีนและผู้มีเชื้อสายทั่วโลก ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์

สิ่งที่น่าสนใจคือความเคลื่อนไหวของธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทศกาล ซึ่งราคาสินค้าและทิศทางการใช้จ่ายของผู้คนในปีนี้แตกต่างจากปีก่อน ทั้งกลุ่มเครื่องเซ่นไหว้หลักอย่างเนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ รวมถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค

วันนี้ Capital จะพาทุกคนไปสำรวจข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับตรุษจีนปีนี้ 

1. ตรุษจีนปีนี้คาดเงินสะพัด 49,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10% 

หอการค้าไทยได้สำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายผู้บริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีนในปี 2567 พบว่าปีนี้ตรุษจีนมีเงินสะพัดกว่า 49,000 ล้านบาท สูงขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ถือว่าเป็นการเพิ่มสูงสุดในรอบ 11 ปีนับตั้งแต่ปี 2556

และหากถามว่าฟื้นตัวเท่ากับช่วงก่อนโควิดหรือยัง คำตอบคือ ยังไม่เท่า และยังห่างไกลอยู่พอสมควร เนื่องจากก่อนมีโควิดเม็ดเงินการใช้จ่ายตรุษจีนอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจหลายสำนักมองว่า เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร รวมถึงราคาสินค้าต่างๆ ที่แพงขึ้น ก็มีผลต่อการจับจ่ายใช้สอย และผู้คนยังต้องใช้เงินอย่างระมัดระวัง ซึ่งอาจต้องรอดูในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ว่าจะสดใสเหมือนที่คาดไว้หรือไม่

จากข้อมูลดังกล่าว สอดคล้องกับข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่มองว่า บรรยากาศการใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้จะดีขึ้นกว่าปีก่อน แต่ก็เป็นการดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งอาจเติบโตได้ราว 1.5% นอกจากปีนี้จะเป็นปีมังกรไม้ที่เกิดขึ้นไม่บ่อย อีกหนึ่งแรงกระตุ้นที่ทำให้ผู้คนยอมควักเงินในกระเป๋ามาจากมาตรการลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt) โดยเฉพาะการจับจ่ายสินค้าในกลุ่มของใช้ภายในบ้าน เครื่องเซ่นไหว้และอาหารสำเร็จรูป

2. คนส่วนใหญ่ 57.2% ยังคงไหว้บรรพบุรุษ

เดิมทีเทศกาลตรุษจีนถูกขับเคลื่อนโดยคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่ได้รับความเชื่อมาจากบรรพบุรุษ ที่มักเคร่งเครียดกับการปฏิบัติตามธรรมเนียม ให้ความสำคัญกับการซื้อของไหว้ ทำทุกขั้นตอนอย่างเป็นแบบแผน 

แต่ปัจจุบันธรรมเนียมเหล่านี้ได้ถูกส่งต่อไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งบางบ้านอาจจัดแบบเล็กๆ ตามความสะดวก หรือบางบ้านอาจไม่ไหว้เลยก็มี สำหรับปีนี้มีผลสำรวจบอกว่า คนรุ่นใหม่ทั่วประเทศกว่า 57.2% ยังคงไหว้บรรพบุรุษ และที่เหลือ 42.8% ไม่ไหว้แล้ว ซึ่งช่องว่างของฝั่งไหว้และไม่ไหว้ห่างกันนิดเดียว คงต้องรอดูว่าในปีต่อๆ ไปฝั่งไหนจะแซงหน้า

3. งบซื้อของเซ่นไหว้ประมาณ 5,000 บาท

สำหรับการวางแผนใช้จ่ายช่วงตรุษจีน 1 ครั้ง ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ราวๆ 5,000 บาท ที่ประกอบด้วยหมู ไก่ เป็ด ปลา ผลไม้ ขนม กระดาษไหว้เจ้า เครื่องแต่งกาย รวมถึงของแก้ชงต่างๆ ถือเป็นยอดค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 40.4%

โดยจริงๆ แล้วปีนี้ผู้คนยังซื้อของเหมือนเดิม ได้ของเท่าเดิม เพียงแต่ราคาสินค้าแพงขึ้น ทำให้ต้องจ่ายมากขึ้นกว่าเดิม

4. สินค้าที่ปรับราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดคือ ขึ้นฉ่าย 

ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เกิดภาวะที่กระทบค่าใช้จ่ายครัวเรือนในวงกว้างคือ ผักแพง ที่ราคาดีดตัวสูงขึ้นหลายรายการ หนึ่งในนั้นคือ ขึ้นฉ่าย ที่เกษตรกรผู้ปลูกต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อ ทั้งอากาศที่ร้อนเกินไป หรือขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูก ทำให้ราคาสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ใครที่สงสัยว่า ทำไมตรุษจีนถึงต้องมีขึ้นฉ่าย เพราะตามความหมายของผักมงคล ขึ้นฉ่ายเป็นตัวแทนของการอดทน มุมานะต่อความยากลำบาก ความพากเพียร ขยันขันแข็ง และความอุตสาหะ

สำหรับอันดับอื่นๆ มีดังนี้

  1. ผักขึ้นฉ่าย เพิ่มขึ้น 37% (ประมาณ 82 บาท / 1 กก.)
  2. ผักกวางตุ้ง เพิ่มขึ้น 19% (ประมาณ 23 บาท / 1 กก.)
  3. กล้วยหอมทอง (หวี 14 ผล) เพิ่มขึ้น 19% (ประมาณ 120 บาท / 1 กก.)
  4. ทองคำแท่ง เพิ่มขึ้น 16% (ประมาณ 34,500-35,000 บาท)
  5. เป็ดสด (ไซส์ M) เพิ่มขึ้น 13% (ตัวละ 265 บาท)

5. สินค้าที่ปรับราคาลงมากที่สุดคือ ผักกาดขาว

เมื่อมีสินค้าที่ราคาสูงขึ้น ก็ต้องมีสินค้าที่ราคาถูกลง เพราะมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น จากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยว่า 5 สินค้าที่ปรับราคาลงในตรุษจีนปีนี้ ประกอบด้วย

  1. ผักกาดขาว ราคาลดลง 20% (ประมาณ 27 บาท / 1 กก.)
  2. เนื้อหมู เนื้อแดงสะโพก ลดลง 19% (ประมาณ 153 บาท / 1 กก.)
  3. ส้มเขียวหวานเบอร์ 5 ลดลง 17% (ประมาณ 46 บาท / กก.)
  4. ผักคะน้า ลดลง 16% (ประมาณ 24 บาท / กก.)
  5. เนื้อไก่ ราคาเท่าเดิม

6. คนส่วนใหญ่ซื้อสินค้าจากตลาดสด 

สำหรับพฤติกรรมและการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงตรุษจีน เฉพาะกลุ่มที่มีการไหว้เจ้าส่วนใหญ่จะมีการเลือกซื้อสินค้าในตลาดสด 37.6% เนื่องจากสินค้าจะมีราคาถูกกว่าการซื้อในห้าง 

หากสำรวจภาพรวมการจับจ่ายสินค้าย่านตลาดเก่าเยาวราช พบว่าปีนี้ผู้คนออกมาใช้จ่ายกันมากขึ้น ที่น่าสนใจคือปีนี้อาหารสดหรือของเซ่นไหว้ต่างๆ ที่เป็นของสดมียอดขายน้อยลง แต่อาหารสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่เคยทำเองทุกอย่าง ก็หันมาซื้อของสำเร็จรูปไหว้เจ้าซึ่งอาจประหยัดกว่าการทำเองทั้งหมด

อย่างไรก็ตามการซื้อของในห้างหรือศูนย์การค้าขนาดใหญ่ก็ยังไม่หายไป ยังมีผู้บริโภคกว่า 29% เลือกซื้อของจากที่นี่ เพราะรู้สึกสะดวกสบายมากกว่า

7. สิ่งที่คนกรุงเทพฯ ทำมากที่สุดในตรุษจีนคือ จัดเครื่องเซ่นไหว้ และ แจกอั่งเปา

จากข้อมูลของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่เก็บข้อมูลจาก 1,300 คนทั่วประเทศ พบว่า เมื่อถึงเทศกาลตรุษจีนสิ่งที่ชาวไทยเชื้อสายจีนส่วนใหญ่ทำ (ประมาณ 25%) คือ การไหว้เจ้าหรือไหว้บรรพบุรุษ ที่ต้องมีการจัดเครื่องเซ่นไหว้ โดยมักจะทำในช่วงเช้าไปจนถึงเที่ยง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ

ต่อมาคือ การแจกอั่งเปาหรือซองแดง (ประมาณ 25%) เพื่อเป็นการอวยพรให้ผู้รับได้พบโชคลาภตลอดปี ขณะเดียวกันเด็กๆ หรือลูกหลานที่ยังไม่ได้ทำงานต่างก็ตั้งตารอวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่ได้รับซองแดงจากผู้ใหญ่ สำหรับใครที่เป็นผู้รับอั่งเปา ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน 

เนื่องด้วยตรุษจีนปีนี้ช่วงเทศกาลตรุษจีนอยู่ในช่วงติดวันหยุด หลังจากไหว้เจ้าแล้วผู้คนก็วางแผนทำบุญ ท่องเที่ยว หรือทานข้าวนอกบ้านเพื่อใช้เวลากับครอบครัว (ประมาณ 21%) 

8. คนกรุงเทพฯ อยากเห็นตรุษจีนที่ลดการเผากระดาษและจุดธูป 

ตรุษจีนนับเป็นเทศกาลที่มีการไหว้เจ้ามากที่สุด ซึ่งต้องมีการจุดธูป เทียน เผากระดาษ และจุดประทัดทำให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กและฝุ่นควันที่มากกว่าปกติ ปีนี้คนกรุงเทพฯ จึงอยากเห็นตรุษจีนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยส่วนใหญ่ตั้งเป้าว่าจะลดการเผากระดาษและจุดธูป (23%) ใช้ธูปที่มีควันน้อย (19%) รวมถึงการปรับลดขนาดเครื่องเซ่นไหว้ (15%)

หากในกรณีที่ต้องจุดธูปหรือไหว้เจ้า ควรใช้ธูปขนาดสั้นเพื่อให้เกิดควันน้อยกว่า ส่วนการเผากระดาษเงินกระดาษทองก็สามารถลดจำนวนที่ต้องเผาลง หรือลดการเผาด้วยการนำกระดาษเงินกระดาษทองมาใช้ตกแต่งแทนได้

ส่วนในฝั่งของผู้ผลิตและจำหน่ายก็ต้องพยายามปรับรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้สอดรับพฤติกรรมผู้คน เช่น เพิ่มสัดส่วนของสินค้าเซ่นไหว้ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปรับรูปแบบสินค้าให้มีขนาดเล็กลงเพื่อให้เหมาะกับครอบครัวเดี่ยวที่มีจำนวนคนน้อยกว่าเดิม เป็นต้น 

9. คำขอสุดฮิตคือ ขอให้ตนเองและครอบครัวร่ำรวยเงินทอง

มาถึงข้อสุดท้าย เกี่ยวกับคำอวยพร ไม่ว่าจะเป็นการอวยพรให้ตัวเอง ให้ผู้ใหญ่หรือลูกหลาน ทุกประโยคต้องมีความหมายมงคล ซึ่งคำอวยพรที่ถูกขอมากที่สุดในตรุษจีนปีนี้คือ ขอให้ตนเองและครอบครัวร่ำรวยเงินทอง ตามด้วยขอให้สุขภาพแข็งแรง ครอบครัวมีความสุขรักใคร่ปรองดอง ขอให้มีโชคลาภตลอดปี และขอให้กิจการรุ่งเรืองขายดี

สำหรับผู้อ่าน Capital ที่อ่านถึงตรงนี้ เราขออวยพรให้ร่ำรวยเงินทอง สุขภาพแข็งแรง และเหลือกินเหลือใช้ทุกปี

ข้อมูลจาก

  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เดือนมกราคม 2567 
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

Writer

นักเขียนที่สนใจเรื่องธุรกิจ การตลาด และความเป็นไปในสังคม

Illustrator

บรรณาธิการศิลปกรรม Email: y.pongtorn@gmail.com

You Might Also Like