นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับการใช้คุกกี้

บริษัท ทุนดี จำกัด (“บริษัท”) มีความจำเป็นต้องใช้คุกกี้ในการทำงานหลายส่วนของเว็บไซต์เพื่อรับประกันการให้บริการของเว็บไซต์ที่จะอำนวยความสะดวกในการใช้บริการเว็บไซต์ของท่าน โดยบริษัทรับประกันว่าจะใช้คุกกี้เท่าที่จำเป็น และมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎ หมายที่เกี่ยวข้อง และจะไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น เว้นแต่เป็นกรณีการใช้คุกกี้บางประเภทที่อาจดำเนินการโดยผู้ให้บริการภายนอก ทั้งนี้ เมื่อท่านเข้าใช้บริการเว็บไซต์ บริษัทจะถือว่าท่านรับทราบและตกลงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้แล้ว โดยบริษัทสงวนสิทธิ์ในการปรับปรุงนโยบายฉบับนี้ตามแต่ละระยะเวลาที่บริษัทเห็นสมควร โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์นี้... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

Pollution is the new black

‘Air-Ink’ หมึกดำจากมลพิษทางอากาศ เปลี่ยนสิ่งเลวร้ายให้กลายเป็นประโยชน์อีกครั้งหนึ่ง

ทุกๆ ปีมีคนเสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศมากกว่า 8.7 ล้านคนทั่วโลก สถิติที่โหดร้ายและไม่มีท่าทีว่าจะหยุด สาเหตุหลักมาจากโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจล้มเหลว มลพิษทางอากาศถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกและยังไม่มีทางแก้ไขที่สามารถสร้างผลกระทบระดับใหญ่พอจะเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของการสร้างมลพิษที่เพิ่มขึ้นอยู่ตลอดได้

แต่ในความมืดมิดและเลวร้ายของมลพิษที่ถูกปล่อยเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ยังมีชายคนหนึ่งที่เห็นประโยชน์จากมันและเชื่อว่าเขาสามารถนำสิ่งเลวร้ายที่ฆ่าคนเป็นล้านๆ ในแต่ละปีกลับมาสร้างบางอย่างที่มีประโยชน์ได้อีกครั้ง

ระหว่างเดินทางอยู่ในประเทศอินเดียในปี 2012 อนิรุธ ชาร์มา (Anirudh Sharma) สังเกตเห็นบางอย่างบนเสื้อสีขาวของเขาระหว่างที่กำลังเดินอยู่ข้างถนน มันเป็นผงเล็กๆ ที่เป็นผลพลอยจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมันเบนซินและถ่านหิน (ในบ้านเราอย่างเชียงใหม่ก็จะเกิดจากการเผาป่าและเผาไร่ข้าวโพด) กำลังก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพและผลกระทบต่อสภาพอากาศทั่วโลก ตอนนั้นเขายังเป็นนักศึกษาอยู่ที่ห้องปฏิบัติการวิจัยที่ MIT (Massachusetts Institute of Technology’s Media Lab) แต่รู้สึกเลยว่ามันเป็นปัญหาที่น่าสนใจ โดยเฉพาะสารสีดำที่อยู่ในอนุภาคมลพิษที่ฟุ้งกระจายในอากาศเหล่านั้น

เขม่าควันที่สวยงาม

ชาร์มากลับไปที่มหาวิทยาลัยแล้วเริ่มทดสอบไอเดียบางอย่างที่ติดอยู่ในหัวของเขาตั้งแต่กลับมาจากอินเดีย ในการขึ้นพูดบนเวที ​TED Talks เดือนตุลาคม 2018 เขาเอาภาพหนึ่งที่ถ่ายมาจากการเดินทางไปอินเดียครั้งนั้นขึ้นให้ผู้ฟังดู มันเป็นภาพผนังสีขาวที่เปื้อนคราบสีดำเข้มด้านขวามือและท่อไอเสียที่กำลังพ่นควันดำจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงดีเซลทางด้านซ้าย ภาพนี้ทำให้เขาย้อนกลับไปคิดว่าเขม่าที่อยู่บนผนังเหล่านั้นคือสิ่งที่มีคุณลักษณะเหมือนกับ ‘หมึกสีดำ’ ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ในปากกาหรือเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ต ศัพท์เทคนิคสำหรับสารนี้คือ ‘Carbon Black’ ซึ่งเป็นผงที่หลงเหลืออยู่หลังจากการเผาไหม้ถ่านหินหรือน้ำมัน หลังจากนั้นถูกนำไปผสมกับพอลิเมอร์และตัวทำละลายเพื่อเปลี่ยนเป็นหมึกโรลเลอร์บอลสีดำที่ไหลลื่นในปากกาที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ชาร์มาอธิบายต่อว่า

“แล้วถ้าใช้เขม่าได้ เราจะทำแบบเดียวกันกับมลพิษทางอากาศได้ไหมล่ะ ปากกาสีดำที่คุณใช้นั้นเกิดจากการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อทำหมึก แต่คุณไม่จำเป็นต้องเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลใหม่เพื่อทำหมึก เชื้อเพลิงฟอสซิลถูกเผาอยู่ตลอดเวลา”

ถ้าเขาสามารถหาวิธีดักเก็บอนุภาคที่สร้างรอยเปื้อนบนผนังในภาพของเขาได้ ไม่เพียงแต่มันจะลดปริมาณมลพิษที่ปล่อยสู่อากาศเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนเขม่าควันเหล่านั้นให้เป็นสิ่งใหม่ที่มีคุณค่าและสวยงามได้อีกด้วย ชาร์มาอธิบายต่อว่า “หมึกเป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์ที่ทรงพลัง หนังสือมีหมึกสีดำ ในงานศิลปะมีหมึกสีดำ แฟชั่นและสิ่งทอใช้หมึกสีดำ” 

ที่ผ่านมาเขามักจะพูดถึงประโยคของ บัคมินสเตอร์ ฟุลเลอร์ (Buckminster Fuller) สถาปนิก นักออกแบบ นักประดิษฐ์ และนักเขียนชาวอเมริกันผู้รุ่งเรืองแห่งศตวรรษที่ 20 ที่บอกว่า “มลพิษไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากทรัพยากรที่เราไม่ได้เก็บเกี่ยว เราปล่อยให้มลายหายไปเพราะไม่รู้คุณค่าของมันต่างหาก”

ในปี 2013 โปรเจกต์ของชาร์มากับเพื่อนอีกสองสามคนจึงเริ่มต้นขึ้นที่ห้องแล็บของ MIT เริ่มจากการดัดแปลงตลับหมึกของเครื่องปรินต์ให้สามารถใช้เขม่าควันที่มาจากเทียนไขจนสำเร็จ ต่อมาหลังจากจบปริญญาโทจาก MIT เขากลับมาที่อินเดียอีกครั้งหนึ่งเพื่อลุยกับแนวคิดนี้อย่างเต็มตัว จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า AIR-INK หมึกดำเชิงพาณิชย์ตัวแรกที่ทำจากมลพิษทางอากาศทั้งหมดแบบร้อยเปอร์เซ็นต์

ดักจับมลพิษ

เขากับทีมเริ่มต้นจากการพิสูจน์ไอเดียทีละนิด ใช้เขม่าจากมลภาวะในอากาศมาทำสี เมื่อผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ จึงตัดสินใจสร้างห้องทดลองในโรงรถเล็กๆ ในเมืองบังกาลอร์เพื่อสร้างอุปกรณ์ที่สามารถดักจับมลพิษทางอากาศตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งก็คือจากเครื่องยนต์หรือเครื่องจักรในโรงงาน ในช่วงหกเดือนต่อมาก็พัฒนาเทคโนโลยีได้ดียิ่งขึ้นเพราะแหล่งที่มาของมลพิษสำหรับการทดลองไม่ใช่เรื่องยากเลยในประเทศอย่างอินเดีย

ในประเทศที่พัฒนาแล้วในฝั่งตะวันตกอย่างอเมริกา มีกฎระเบียบที่เข้มงวดสำหรับบริษัทต่างๆ ให้กำจัดอนุภาคคาร์บอนอย่างถูกต้อง แต่ประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างอินเดียไม่มีกฎบังคับอะไรแบบนั้น ข้อบังคับมักจะหลวมๆ บริษัทต่างๆ มักไม่ได้มีการจัดการที่ดี ขยะถูกเผา ถูกฝัง บางทีหลุดลงสู่แม่น้ำ พวกเขาเลยเริ่มประกาศหาบริษัทที่สร้างมลพิษเหล่านี้ ปรากฏว่ามีคนติดต่อกลับมาเยอะมาก

อุปกรณ์ชิ้นแรกที่พวกเขาสร้างขึ้นมีชื่อว่า Kaalink (มาจากคำศัพท์ภาษาฮินดู ‘Kaala’ ที่แปลว่าดำ) ที่มีอุปกรณ์กรองมลพิษอยู่ข้างใน Kaalink สามารถขยับขยายขึ้นเพื่อกรองมลพิษจากที่ไหนก็ได้ อาจจะเป็นท่อไอเสีย ปล่องควันบนเครื่องจักรขนาดเล็ก หรือแม้แต่จากอากาศโดยตรงเลยก็ได้เช่นกัน เปลี่ยนมลพิษที่กรองมาเป็นเขม่า จากนั้นก็ผสมของเหลวเข้าไปเพื่อสร้างเป็นหมึกสีดำเและนำไปใส่ในปากกาและมาร์กเกอร์ของ AIR-INK ในแต่ละแท่งจะบรรจุหมึกประมาณ 30 มล. เทียบเท่ากับมลพิษจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซลนาน 45 นาที

Anirudh

โลกของหมึกดำ

หลังจากได้ผลิตภัณฑ์ออกมาแล้ว ชาร์มากับทีมเลยก่อตั้งบริษัทชื่อ Graviky Labs ขึ้นมาเพื่อดูแลจัดการด้านการธุรกิจของตัว Kaalink และ AIR-INK ซึ่งลูกค้ากลุ่มแรกที่พวกเขานึกถึงคือเหล่าศิลปิน เพราะเชื่อว่า ‘ข้อความ’ หรือความตั้งใจที่พวกเขาอยากส่งต่อให้โลกเห็นผ่านหมึกดำจากมลพิษนั้นจะได้รับการตอบรับที่ดีเมื่อถูกพูดถึงโดยศิลปินที่มีกลุ่มแฟนคลับที่เหนียวแน่น

ในปี 2016 พวกเขาร่วมมือกับศิลปินชาวเอเชีย 9 คนเพื่อสร้างงานจิตรกรรมฝาผนังในย่านเชิงหว่านของฮ่องกงโดยใช้หมึก AIR-INK โดยได้รับเงินสนับสนุนจากบริษัท Tiger Beer ในสิงคโปร์เพื่อโปรโมตงานนี้ด้วย ชาร์มาอธิบายถึงเหตุการณ์นั้นว่า

“ศิลปะไม่ใช่เรื่องของการหารายได้สำหรับเรา แต่มันเป็นวิธีสร้างชุมชนให้มาอยู่ด้วยกัน ศิลปินทั้งหลายเอาไอเดียของตัวเองมาสร้างผลกระทบที่มากกว่าแค่วิทยาศาสตร์”

ชื่อเสียงของปากกา AIR-INK ถูกพูดแบบปากต่อปาก ด้วยคุณภาพของหมึกที่ดำเข้ม สีติดแน่น ไม่ส่งผลเสียต่อผู้ใช้งาน นอกจากจะช่วยลดมลพิษในอากาศแล้ว มันยังช่วยลดการสร้างสาร ‘Carbon Black’ ในวงจรการผลิตหมึกสีดำแบบเดิมด้วย ทำให้สินค้าของพวกเขาเป็นที่ต้องการของตลาดแทบจะทันที

Anirudh

ในปี 2017 พวกเขาเริ่มขยับขยายมากขึ้นโดยการสร้างแคมเปญระดมทุนบนแพลตฟอร์ม Kickstarter และได้รับเงินสนับสนุนมากว่า 41,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าที่ตั้งเป้าเอาไว้กว่าสามเท่า โดยเงินตรงนี้ถูกนำไปผลิต AIR-INK ในปริมาณที่มากขึ้นเพื่อกระจายสู่ศิลปินในวงกว้าง กลายเป็นงานศิลปะในเมืองต่าง ๆ อย่างลอนดอนและสิงคโปร์

คริสโตเฟอร์ โฮ​​ (Kristopher Ho) หนึ่งในศิลปินจากฮ่องกงที่เป็นกลุ่มแรก ๆ ที่ได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ของ AIR-INK เล่าว่า “ตอนแรกผมคิดว่ามันเป็นแค่เทคนิคทางการตลาด แต่หลังจากที่ลองมาร์กเกอร์ ผมรู้เลยว่ามันดีมาก” มันเป็นมาร์กเกอร์ที่ดำลึกกว่าหมึกทั่วไป เหมาะมากสำหรับการวาดภาพ

สิ่งที่ทีมของชาร์มายังต้องทำต่อไปคือการพัฒนาเทคโนโลยีให้ดีขึ้นเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการผลิตหมึกของ AIR-INK ให้ต่ำที่สุดเพื่อจะขยายไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่างหมึกของเครื่องปรินต์ที่จะทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าขนาดมหาศาล แต่พวกเขาก็ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากเลยทีเดียว เพราะมันต้องใช้ความร่วมมือกันหลายด้าน อย่างการเก็บมลพิษจากโรงงานก็ต้องมีพนักงานคอยไปเก็บกลับมา เช่นเดียวกับรถยนต์ทั้งหลายที่ติด Kaalink ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งในอนาคตทางทีมของ Graviky ก็คิดว่าอยากจะสร้างระบบนิเวศที่มีการร่วมมือกันทุกฝ่าย ยกตัวอย่างเช่นกลุ่มของบริษัทรถบรรทุกบนท้องถนนรวมตัวกันเพื่อติดตั้ง Kaalink แล้วมีศูนย์กลางสำหรับมลพิษจากควันดำมาฝากไว้เป็นประจำเหมือนธนาคารคาร์บอน (Carbon Bank)

งานหนักยังรออยู่ข้างหน้าสำหรับทีมของชาร์มา แต่เขาเชื่อว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นได้สร้างผลกระทบในทางบวกแก่โลกใบนี้และยังมุ่งหน้าที่จะทำต่อไป เรื่องรายได้อาจจะไม่ได้เติบโตเหมือนสตาร์ทอัพทั่วไปนัก

“ถ้าคุณทำบางอย่างที่มันสมเหตุสมผลกับคนอื่น เงินจะตามมาเอง ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดคือเราจะอยู่กับไอเดียนี้ได้นานแค่ไหน นั่นคือสิ่งที่สำคัญ ไม่ใช่เรื่องของเงิน”

ก้าวต่อไปของ AIR-INK คือการขยายออกไปสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้น ทั้งเครื่องปรินต์ หมึกพิมพ์หนังสือพิมพ์ หนังสือเล่ม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และแฟชั่น แม้ว่าหมึกสีดำนี้จะไม่ได้ช่วยทำให้ปัญหามลพิษของโลกใบนี้หมดไป แต่แรงบันดาลใจที่ได้รับจากโปรเจกต์นี้อาจจะส่งผลให้คนอื่น ๆ และเด็กรุ่นใหม่ได้เห็นถึงโอกาสที่มองข้ามมาตลอด

“มันเป็นจุดเริ่มต้น และมันสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นมองขยะที่อยู่รอบๆ ตัวใหม่อีกครั้ง นำมันกลับมาใช้ประโยชน์ก็ได้”

โลกยังเต็มไปด้วยมลพิษ ควันดำ PM2.5 ที่โหดร้าย AIR-INK คงไม่สามารถกำจัดมลพิษของโลกนี้ทั้งหมดได้ แต่พวกเขาทำให้เห็นแล้วว่าสิ่งเลวร้ายเหล่านี้สามารถนำกลับมาสร้างประโยชน์ได้ เพียงแค่ลองปรับมุมที่มองใหม่อีกครั้ง

อ้างอิง

smithsonianmag.com/innovation/ink-made-air-pollution-180972212

nationalgeographic.com/science/article/chasing-genius-air-ink-carbon-pollution-graviky

stirworld.com/see-features-recycling-air-pollution-into-inks-air-ink-by-graviky-labs

theguardian.com/artanddesign/2017/apr/06/carbon-air-ink-pollution-vehicle-emissions-anirudh-sharma-graviky-labs-london-black-cabs

businessinsider.com/air-ink-graviky-labs-kickstarter-ink-pollution-2017-2

ted.com/talks/anirudh_sharma_ink_made_of_air_pollution

ourworldindata.org/data-review-air-pollution-deaths

youtube.com/watch?v=W4SAVqLFeY8

britannica.com/science/carbon-black

vimeo.com/sparsh/sootprinter

Writer

คุณพ่อลูกหนึ่งจากเชียงใหม่ที่รักการเขียน การอ่าน และการดองหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ หลงใหลเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจและเป้าหมายการทำงานที่เป็นมากกว่าแค่ผลกำไรและทำงานหนักจนลืมความหมายของการมีชีวิตอยู่

You Might Also Like