นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับการใช้คุกกี้

บริษัท ทุนดี จำกัด (“บริษัท”) มีความจำเป็นต้องใช้คุกกี้ในการทำงานหลายส่วนของเว็บไซต์เพื่อรับประกันการให้บริการของเว็บไซต์ที่จะอำนวยความสะดวกในการใช้บริการเว็บไซต์ของท่าน โดยบริษัทรับประกันว่าจะใช้คุกกี้เท่าที่จำเป็น และมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎ หมายที่เกี่ยวข้อง และจะไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น เว้นแต่เป็นกรณีการใช้คุกกี้บางประเภทที่อาจดำเนินการโดยผู้ให้บริการภายนอก ทั้งนี้ เมื่อท่านเข้าใช้บริการเว็บไซต์ บริษัทจะถือว่าท่านรับทราบและตกลงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้แล้ว โดยบริษัทสงวนสิทธิ์ในการปรับปรุงนโยบายฉบับนี้ตามแต่ละระยะเวลาที่บริษัทเห็นสมควร โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์นี้... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

1413
June 7, 2024

ส่องเทรนด์ affiliate ของธุรกิจยักษ์ใหญ่ โอกาส ‘ป้ายยา’ ของแบรนด์ใหญ่ และจับเสือมือเปล่าของครีเอเตอร์

ทุกวันนี้อาชีพนักรีวิวหรือครีเอเตอร์ที่หารายได้จาก ‘affiliate’ สามารถทำรายได้สูงถึงหลักแสนและไม่ได้รีวิวแค่สินค้าจาก Lazada, Shopee, TikTok Shop อีกต่อไป เพราะธุรกิจยักษ์ใหญ่ในไทยหลายเจ้าต่างหันมาให้ความสนใจกับการปั้นครีเอเตอร์เป็น ‘นักป้ายยา’ 

ที่ผ่านมาเมื่อนึกถึง affiliate marketing หรือการตลาดผ่านตัวแทนขายสินค้าในโลกออนไลน์ หลายคนมักนึกถึงธุรกิจมาร์เก็ตเพลสที่มักนิยมทำการตลาดด้วย affiliate program หลักการของระบบเหล่านี้คือการชักชวนให้เหล่าตัวแทนมาทำคอนเทนต์แนะนำสินค้าในช่องทางโซเชียลมีเดีย เมื่อมีคนกดคลิกลิงก์ขายสินค้าที่แปะในคอนเทนต์ไม่ว่าจะกดเข้าไปดู ลงทะเบียน หรือซื้อสินค้า เหล่าตัวแทนก็จะได้รับค่าคอมมิชชั่นกลับไปแล้วแต่รูปแบบของแต่ละแพลตฟอร์ม

ในยุคที่การอ่านรีวิวก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าเป็นปัจจัยสำคัญ affiliate marketing กลายเป็นโมเดลที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ผลสำรวจจากเว็บไซต์ Authority Hacker พบว่ามูลค่าตลาด affiliate ทั่วโลกนั้นสูงถึง 17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีอัตราเติบโตอยู่ที่ 10% ต่อปี ซึ่งทำให้ธุรกิจหลายประเภทหันมาใช้กลยุทธ์การขายแบบป้ายยามากขึ้น

ส่วนฟากฝั่งของไทยนั้น ปีนี้จะเห็นธุรกิจใหญ่ที่ไม่เคยมีตัวแทนขายออนไลน์มาก่อน หันมาสร้าง affiliate program ของตัวเองมากขึ้น ทั้งอสังหาริมทรัพย์ ค่ายเพลง และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งย่อมหมายถึงโอกาสทำเงินแบบจับเสือมือเปล่าที่มากขึ้นของเหล่าครีเอเตอร์ด้วยเช่นกัน Recap ตอนนี้จึงขอชวนไปดูกลยุทธ์การขายของธุรกิจต่างวงการว่าแต่ละแบรนด์นำ affiliate มาช่วยในการขายยังไงในโลกยุคดิจิทัล  

1. การชวนครีเอเตอร์รีวิวคอนโดของอสังหาริมทรัพย์แนวหน้

ในวงการอสังหาริมทรัพย์ แสนสิริเป็นผู้บุกเบิก ‘Sansiri Affiliate Program’ ไปครั้งแรกเมื่อปี 2562 และดูเหมือนว่าจะมีทิศทางการตลาดที่ทำแคมเปญ affiliate marketing เป็นระยะควบคู่กับการทำการตลาดออนไลน์เพราะปีนี้แบรนด์ได้กลับมารับสมัครตัวแทนขายอีกครั้ง 

กฎของการเข้าร่วมคือครีเอเตอร์ต้องสร้างสรรค์วิดีโอคอนเทนต์โดยสามารถเลือกรีวิวคอนโดแสนสิริที่เข้าร่วมโปรแกรม 27 โครงการซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่โครงการใหม่และโครงการพร้อมอยู่ในราคาจับต้องได้ไปถึงระดับลักชูรี ซึ่งหมายความว่าแบรนด์เปิดรับครีเอเตอร์ที่จับกลุ่มเป้าหมายหลากหลายด้วยเช่นกัน 

ไม่ใช่แค่แสนสิริเท่านั้นที่เล็งเห็นโอกาสจากเทรนด์ affiliate สัมมากรก็เป็นเดเวลอปเปอร์อีกเจ้าหนึ่งที่ริเริ่มโครงการ ‘Affiliate by Sammakorn’ ในปีนี้โดยเปิดให้ครีเอเตอร์เขียนแคปชั่นรีวิวโครงการทุกระดับ ครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมจำนวน 8 โครงการ ทั้งนี้เพราะสัมมากรมองว่าการทำการตลาดโดยดึงเหล่าครีเอเตอร์เข้ามาช่วยจะสามารถเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ และปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัยขึ้นได้ 

เห็นได้ว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่หันมาทำ affiliate ต่างเป็นธุรกิจที่ให้ความสำคัญด้านการสร้างแบรนด์และเข้าถึงคนรุ่นใหม่ ทั้งแสนสิริที่เคยได้รับรางวัล The Most Powerful Brand in Real Estate 2023 จากกลุ่มเจนฯ Z กับกลุ่มชนชั้นกลาง (รางวัลโดย Terra BKK) และยังเน้นทำการตลาดในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสัมมากรที่กำลังขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ผ่านโลกออนไลน์

2. การผลักดันให้ดาราเป็น ‘นักป้ายยา’ ของ RS 

ในฝั่งธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์อย่าง RS (อาร์เอส กรุ๊ป) ได้เล็งเห็นโอกาสนำจุดแข็งที่มีธุรกิจหลายประเภทมาต่อยอดด้วย affiliate marketing ก่อนหน้านี้ RS พัฒนาสินค้าสุขภาพและความงามภายใต้กลุ่มธุรกิจ RS LiveWell ซึ่งประกอบด้วยแบรนด์หลากหลาย เช่น well-u, Vitanature+, CAMU C, และยังมีสินค้ากลุ่มสัตว์เลี้ยงภายใต้ RS Pet All และแบรนด์พาร์ตเนอร์อีกมากมาย รวมแล้วมีสินค้าทั้งหมดกว่า 500 SKUs (รุ่นสินค้า) ซึ่งจำหน่ายที่แพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อ RS Mall X (อาร์เอส มอลล์ เอ็กซ์)

RS เลือกใช้ข้อได้เปรียบจากการมีเครือข่ายของศิลปินและดาราในธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์มาช่วยในการขายสินค้าเหล่านี้ โดยเรียกกลยุทธ์นี้ว่า star commerce ในโมเดลธุรกิจนี้ศิลปินและดาราซึ่งมีผู้ติดตามจำนวนมากอยู่แล้วในโลกโซเชียลมีเดียจะเป็นคน ‘ป้ายยา’ สินค้าให้แฟนคลับผ่านการทำ affiliate marketing นอกจากนี้ RS ยังได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ TikTok, Shopee, Lazada, Facebook, Instagram และเชื่อว่ากลยุทธ์การขายตรงนี้จะช่วยสนับสนุนทั้งศิลปินในสังกัดและสร้างการเข้าถึงสินค้าของ RS Mall X ที่ครอบคลุมหลายช่วงอายุและไลฟ์สไตล์ บริษัทยังคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปีนี้ รายได้จากเหล่าศิลปินในสังกัดและคอนเทนต์ครีเอเตอร์จะสูงถึง 400 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% จากรายได้ทั้งหมด 

3. การเปิดตัว ‘All Online Affiliate’
เพื่อโตตามอีคอมเมิร์ซของ 7-Eleven  

สำหรับ 7-Eleven ร้านสะดวกซื้อเบอร์หนึ่งที่มีแพลตฟอร์มช้อปปิ้ง ‘All Online’ เป็นของตัวเองอยู่แล้วนั้นมีข้อได้เปรียบที่มีฐานสมาชิก All Member สูงถึง 18 ล้านราย โดยมีลูกค้าที่ใช้บริการที่หน้าร้านและออนไลน์เฉลี่ย 13 ล้านคนต่อวัน ในปี 2566 ช่องทางอีคอมเมิร์ซของ 7-Eleven ทั้ง 7Delivery และ All Online เติบโตขึ้นถึง 11% และยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

ด้วยยอดการจับจ่ายสินค้าในชีวิตประจำวันที่สูงนี้เองทำให้ 7-Eleven มองเห็นโอกาสและเปิดตัว ‘All Online Affiliate’ ซึ่งมีสินค้าที่เข้าร่วมโปรแกรมรวมทั้งสิ้นกว่า 1 แสนรายการ โดยแต่ละหมวดจะได้ค่าคอมมิชชั่นไม่เท่ากัน หมวดที่ได้รายได้สูงที่สุดคือ สินค้าสุขภาพ, สินค้าบ้านและสวน, สินค้าความงาม ซึ่งได้ค่าคอมมิชชั่น 5% ส่วนหมวดอื่นๆ อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้า, อุปกรณ์ไอที, สินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต ฯลฯ จะได้ค่าคอมฯ ลดหลั่นกันลงมา

แม้โมเดลการนำ affiliate มาใช้ในแต่ละธุรกิจจะแตกต่างกันเล็กน้อย แต่สิ่งที่เหมือนกันสำหรับครีเอเตอร์ทุกวงการ คือการขายด้วยวิธี ‘ป้ายยา’ นั้นลงทุนต่ำ แค่ลงทุนสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีคุณภาพและฐานผู้ติดตามที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ไม่ต้องปวดหัวด้านการลงทุนพัฒนาสินค้า อีกทั้งยังไม่ต้องแพ็กและจัดส่งสินค้า สามารถเริ่มลงมือทำได้ด้วยตัวคนเดียวและเป็นช่องทาง passive income ที่ทำควบคู่กับงานอื่นได้ ยิ่งธุรกิจใหญ่หันมาเปิดโปรแกรม affiliate กันมากขึ้น เหล่าครีเอเตอร์ก็ย่ิงมีโอกาสเลือกรีวิวสินค้าและบริการที่อยู่ในความสนใจ
.
ทั้งนี้ผลสำรวจจาก Authority Hacker จากทั่วโลกได้ระบุว่าอุตสาหกรรมที่ได้กำไรจากการตลาด affiliate มากที่สุด คือการศึกษาและ e-learning, การท่องเที่ยว, บิวตี้และสกินแคร์ หากสังเกตจะเห็นได้ว่าเป็นวงการที่มีบล็อกเกอร์และอินฟลูเอนเซอร์ออนไลน์เข้ามามีอิทธิพลเป็นอันดับแรกๆ และยังเป็นสินค้าและบริการที่ต้องการการรีวิวสูง 

เป็นที่น่าจับตาว่าธุรกิจใดจะหันมาใช้โมเดล affiliate และชักชวนครีเอเตอร์ให้เข้ามาเป็นนายหน้าออนไลน์เป็นรายต่อไป แบรนด์ที่มีฐานแฟนคลับแน่น สินค้ามีคุณภาพจริง และผู้บริโภคมี brand love อยู่แล้วจะได้เปรียบ เมื่อลูกค้าและคนทั่วไปสามารถเป็นนักรีวิวได้ ธุรกิจก็ได้ประโยชน์จากการมี ‘นักขาย’ มากขึ้นและทำให้โอกาสในการขายของธุรกิจเปิดกว้างมากขึ้นตามมา 

อ้างอิง 

Illustrator

บรรณาธิการศิลปกรรม Email: y.pongtorn@gmail.com

You Might Also Like