สายเปล
‘Juno’ เปลเด็กพับได้ ติดตั้งภายใน 30 วินาที ย่อยสลายตามธรรมชาติ ทำจากกระดาษแข็งรีไซเคิล 100%
ฟินแลนด์ถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุด 5 ปีซ้อน จากรายงานความสุขโลกประจำปี (World Happiness Report) ที่จัดอันดับและรายงานผลคะแนนมวลรวมของ 150 ประเทศทั่วโลกโดยองค์การสหประชาชาติ เปรียบเทียบปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น อายุขัยของประชากร รายได้ ค่าครองชีพ ความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ระบบสาธารณูปโภค และการทุจริตคอร์รัปชั่น (ไทยคว้าอันดับที่ 46)
นอกจากปัจจัยดังกล่าวด้านบนแล้ว ฟินแลนด์ยังถือว่าเป็นประเทศที่มีความเท่าเทียมทางสังคมสูงมาก เป็นประเทศที่มีการคอร์รัปชั่นน้อยที่สุดในโลก รัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายที่ส่งเสริมความเท่าเทียมและความเป็นธรรมในสังคมด้วย
ไม่ใช่แค่ประชาชนทั่วไปเท่านั้นที่มีความสุข กลุ่มคุณแม่ที่กำลังจะมีลูกก็ถือว่าเป็นคุณแม่ที่มีความสุขที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน ทั้งที่โดยปกติแล้วคนกลุ่มนี้มักต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้เพื่อไปซื้อของใช้ของทารก แต่ในฟินแลนด์มีโครงการที่ชื่อว่า ‘Baby Boxes’ ที่แม่ทุกคนที่มีลูกจะได้รับ ซึ่งในกล่องจะมีตั้งแต่เสื้อผ้า ของใช้ เสื้อกันหนาว ผ้าอ้อม ถุงเท้า ถุงมือ หวี กระดาษซับน้ำนม ตัววัดอุณหภูมิ กรรไกรตัดเล็บ ของเล่น ฯลฯ เรียกว่ามีทุกอย่างที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการเลี้ยงดูทารก ที่สำคัญกล่องนั้นจะมาในขนาดที่ใหญ่พอๆ กับเปลเด็กทารก ข้างใต้จะมีเตียงบุนวมมาให้เรียบร้อย เพื่อใช้เป็นเปลนอนให้ทารก ทั้งแข็งแรงและปลอดภัย เคลื่อนย้ายได้ง่ายด้วย
โครงการนี้เริ่มขึ้นในช่วงปี 1930 ซึ่งตอนนั้นฟินแลนด์ยังถือว่าเป็นประเทศที่ยากจนมากๆ แต่พอมีโครงการนี้ขึ้นมาก็ช่วยแบ่งเบาภาระความกังวลของคุณแม่ลงไปได้เยอะ จากที่อัตราการเสียชีวิตของทารกในช่วงเริ่มต้นของโครงการอยู่ที่ราวๆ 6.5% (หรือเรียกง่ายๆ ว่าเด็กเกือบ 1 ใน 10 จะเสียชีวิตก่อนวัย 1 ขวบ) แต่มาถึงตอนนี้ลดลงจนถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่อัตราการเสียชีวิตของเด็กทารกต่ำที่สุดประเทศหนึ่งในโลกแล้ว แม้ความก้าวหน้าทางการแพทย์และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเป็นส่วนช่วยที่ทำให้อัตราการเสียชีวิตของเด็กทารกลดลง แต่โครงการ Baby Boxes ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีส่วนช่วยไม่น้อยเช่นกัน
แนวคิดของ Baby Boxes จุดประกายไอเดียบางอย่างในหัวของเฮอร์แมน ชาน (Herman Chan) ที่กำลังประสบปัญหากับการเตรียมตัวมีลูกคนแรก โดยเฉพาะเรื่องการหาเปลนอนที่เหมาะสมสำหรับทารกที่กำลังจะลืมตามาดูโลก สิ่งที่เขาต้องการคือเปลนอนที่แข็งแรง ปลอดภัย สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย ติดตั้งได้เร็ว ราคาไม่แพง และที่สำคัญคือต้องไม่เพิ่มขยะให้กับโลกนี้ด้วย
แม้เขากับภรรยาอาศัยอยู่ในเมืองซีแอตเทิล ประเทศอเมริกา ซึ่งมีทางเลือกค่อนข้างหลากหลาย แต่สิ่งที่เจอในตลาดไม่ตอบโจทย์สักเท่าไหร่ บางอันก็มีลูกเล่นเยอะเทคโนโลยีล้ำสมัย มีกล้อง เชื่อมต่อไร้สาย ซึ่งก็ทำให้ราคาแพง บางอันก็หนักเคลื่อนย้ายลำบาก บางอันก็สวยแต่ดูไม่แข็งแรงสักเท่าไหร่ ที่สำคัญส่วนใหญ่แล้วทำมาจากพลาสติกเกือบทั้งสิ้น ซึ่งพวกเขารู้ดีว่าทารกใช้เปลนอนเพียงแค่ไม่นาน สุดท้ายก็กลายเป็นขยะ (แม้จะขายเป็นมือสองปลายทางก็คือขยะอยู่ดี) เมื่อไม่เจอสิ่งที่ต้องการในราคาที่เอื้อมถึง ก็สร้างขึ้นมาเลยละกัน
ชานเป็นนักออกแบบอุตสาหกรรมเคยทำงานที่บริษัท Amazon กว่า 4 ปี เป็นหนึ่งในผู้ทีมผู้สร้างร้านสะดวกซื้อไร้แคชเชียร์ (Amazon Go) ของบริษัทด้วย ที่นั่นเขาพบกับโทมัส ดิวสเตอร์ (Thomas Duester) นักออกแบบอีกคนหนึ่งที่เป็นหนึ่งในทีมผู้สร้างหลอดไฟ LED ของ Philips จนประสบความสำเร็จ
ทั้งคู่รู้สึกว่าปัญหาเรื่องเปลนอนสำหรับเด็กนั้นน่าสนใจและตอบโจทย์ความต้องการหลายอย่างในโลกปัจจุบัน จึงร่วมกันสร้างสตาร์ทอัพของตัวเองในปี 2018 และเริ่มออกแบบเปลนอนสำหรับทารกที่สร้างจากกระดาษแข็งชื่อว่า ‘Juno Bassinet’ ขึ้นมา
พวกเขาเล่าว่า “ช่วงเริ่มต้นพัฒนา Juno Bassinet เรารู้ว่าเราจำเป็นต้องหาวัสดุที่แข็งแรง น้ำหนักเบา และดีต่อสุขภาพสำหรับทารก เราได้รับแรงบันดาลใจจาก Baby Boxes ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมานานกว่า 80 ปีในประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตของทารกต่ำที่สุดในโลก เราจึงโฟกัสไปที่กระดาษแข็ง”
แม้ว่ากระดาษแข็งจะไม่ได้ใช้กันอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกาเหมือนอย่างในยุโรป แต่มันเป็นวัสดุคุณภาพดีที่เหมาะสมกับทารกอย่างน่าทึ่ง พวกเขาออกแบบกระดาษแข็งอย่างพิถีพิถันเพื่อให้แตกต่างจากวัสดุกระดาษแข็งทั่วไป กระดาษแข็งของ Juno ทำจากกระดาษที่หนาที่สุด ทนทานที่สุด และยึดติดกับพื้นผิวลูกฟูก 2 แบบเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความแข็งเป็นพิเศษ ได้รับการรับรองภายใต้มาตรฐานอุตสาหกรรมที่เข้มงวดอย่าง สมาคมผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กและเยาวชน หรือ JPMA แล้วด้วย
ชานบอกว่าสิ่งที่ทำให้ Juno แตกต่างกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในท้องตลาดคือ “เราไม่ได้พยายามเป็นทุกอย่าง ไม่ได้มีระบบโยกเปลอัตโนมัติหรือใช้ส่วนประกอบที่เป็นพลาสติกที่สัญญาว่าจะอยู่ไปตลอดกาล เปลของ Juno สามารถกางออกมาใช้ได้แบบทันที พร้อมแผ่นรองนอนที่ระบายอากาศได้ดีผลิตจากธรรมชาติโดยบริษัทในนิวยอร์ก” เวลาเก็บก็สามารถพับเก็บใส่กล่องแล้วหิ้วย้ายไปที่อื่นได้ทันทีเลย
กระดาษแข็งที่ใช้มีความทนทาน เกรดพรีเมียม และมาจากแหล่งที่ยั่งยืน ส่วนที่เป็นกระดาษแข็งเพื่อรองที่นอนจะมีรูพรุนเพื่อให้อากาศไหลเวียนได้ดีขึ้น ได้รับการปกป้องด้วยสารเคลือบที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพที่ป้องกันความชื้นได้เป็นอย่างดี มีความแข็งแรงรองรับน้ำหนักได้ถึง 40 ปอนด์หรือราวๆ 18 กิโลกรัม และแน่นอน สุดท้ายแล้วสามารถย่อยสลายได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งกว่าจะมาถึงจุดที่ลงตัวกับกระดาษแข็งที่นำมาสร้าง Juno ทั้งคู่ใช้เวลากว่า 3 ปี เพื่อพัฒนา ทดสอบ และผลิตกระดาษแข็งที่ต้องการ แถมยังได้รับรางวัลเกี่ยวกับการออกแบบไปหลายรางวัลด้วย
สตาร์ทอัพตอนนี้มีพนักงานเพียงแค่ 5 คน และทำธุรกิจแบบ direct-to-customer ขายส่งสู่ลูกค้าผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง พยายามสร้างฐานลูกค้าใหม่ๆ อยู่เสมอ แต่ด้วยวัฒนธรรมที่แตกต่างกันระหว่างอเมริกาและยุโรป การโน้มน้าวพ่อแม่ให้มาใช้กระดาษแข็งเพื่อเป็นเปลนอนก็มีความท้าทายอยู่เช่นกัน จุดขายสำคัญที่สุดก็เป็นเรื่องการลดขยะพลาสติกที่ทำให้พ่อแม่รุ่นใหม่ ๆ หันมาให้ความสนใจ
ชานกล่าวว่า “สำหรับเราแล้วมันเป็นหนทางไปข้างหน้า เพื่อจะกลับมามองสิ่งที่เราสร้างขึ้นในอดีตอีกครั้งและตั้งคำถามว่าอะไรที่สำคัญในวันนี้”
แม้ทารกอาจยังไม่รู้ (หรือสนใจ) หรอกว่าตัวเองนอนบนเปลแบบไหน ตราบใดที่มันปลอดภัยและเหมาะสม แต่สำหรับพ่อแม่แล้วเชื่อว่า Juno จะเป็นทางเลือกที่ทำให้นอนหลับได้อย่างสนิทใจว่าสิ่งที่พวกเขาเลือกนั้นทั้งมีคุณภาพ ดีต่อลูก และดีต่อโลกใบนี้ด้วย