flood relief measures

เมื่อโรงงาน ห้างร้านจมบาดาลภาครัฐและสถาบันการเงินออกมาตรการช่วยเหลือยังไง

เหตุการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดสงขลา และพื้นที่หาดใหญ่ไม่เพียงส่งผลต่อชีวิตของผู้คน แต่ยังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจ SME และภาคเกษตรกรรม

โรงงานในหลายอำเภอได้รับผลกระทบกว่า 715 โรงงาน มูลค่าความเสียหายประมาณ 1,282 ล้านบาท ส่วนพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม แม้ระดับน้ำจะยังไม่ท่วมเข้าไปโดยตรง แต่ก็ไม่สามารถเดินเครื่องผลิตได้ เพราะเส้นทางเข้า-ออกถูกน้ำล้อมรอบ ทั้งวัตถุดิบและสินค้าก็ไม่สามารถขนส่งได้

รูป : เทศบาลนครหาดใหญ่

โรงงานที่เสียหายมีทั้งอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร แปรรูปไม้ยางพารา ผลิตภัณฑ์ยางพารา พลาสติก ผลิตภัณฑ์โลหะ ธุรกิจขุดตักดินและดูดทราย รวมถึงกลุ่มธุรกิจบริการ ทำให้การผลิตหยุดชะงักจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ยังมีโรงไฟฟ้าทั้งรัฐและเอกชน 17 แห่ง ที่ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ ยังไม่นับรวมร้านค้าหรือผู้ประกอบการรายย่อยๆ ที่ร้านค้าหรือโรงงานย่อยๆ อยู่ใต้บาดาลที่ยังประเมินมูลค่าความเสียหายไม่ได้

คำถามสำคัญตอนนี้จึงคือภาครัฐจะเยียวยาและช่วยเหลือภาคธุรกิจได้ยังไง Recap ตอนนี้ขอพาไปสรุปมาตรการที่ทั้งภาครัฐอย่างกระทรวงอุตสาหกรรมกำลังเดินหน้าและมาตรการจากสถาบันการเงินต่างๆ 

1. มาตรการจากกระทรวงอุตสาหกรรม และ SME D Bank ช่วยพยุง SME

กระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้ SME D Bank ออกมาตรการเร่งด่วน เพื่อช่วยผู้ประกอบการ SME ในภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยมาตรการครอบคลุมหลายจังหวัดที่มีความเสียหายหนัก

ธนาคารจึงเริ่มจากการลดภาระหนี้ ให้ลูกค้าปัจจุบันพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้นานสูงสุด 12 เดือนสำหรับสินเชื่อประเภทเงินกู้ ส่วนสินเชื่อหมุนเวียน เช่น ตั๋ว P/N หรือแฟคตอริ่ง ขยายเวลาชำระได้อีก 180 วัน พร้อมสิทธิพักดอกเบี้ยเพิ่มเติม

ถัดมาคือมาตรการเติมทุนฉุกเฉินที่ช่วยให้ธุรกิจซ่อมแซมและเริ่มต้นใหม่ได้เร็วขึ้น ลูกค้าเดิมที่อยู่ในพื้นที่ภัยพิบัติสามารถกู้ได้ 10% ของวงเงินเดิม ขั้นต่ำ 30,000 บาท สูงสุด 200,000 บาท โดยบุคคลธรรมดากู้ได้ไม่เกิน 100,000 บาท และนิติบุคคลไม่เกิน 200,000 บาท คิดดอกเบี้ยอัตรา MLR ระยะเวลากู้ 3 ปี และให้ปลอดเงินต้น 12 เดือน พร้อมผ่อนผันเรื่องเอกสารและหลักประกันเพื่อให้เข้าถึงเงินได้ไวกว่าเดิม

SME D Bank ยังมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 3% คงที่ 3 ปีแรก ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี วงเงินสูงสุด 15 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่อง ลงทุน หรือยกระดับธุรกิจ ผ่านโครงการอย่าง SME Green Productivity, ปลุกพลัง SME และ Beyond ติดปีก SME 

2. ธนาคารแห่งประเทศไทย ผ่อนปรนกฎ ช่วยลูกหนี้ทุกกลุ่ม

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอให้สถาบันการเงินทุกแห่งช่วยเหลือลูกหนี้ โดยผ่อนปรนเกณฑ์ต่างๆ ที่อาจเป็นอุปสรรคในช่วงฉุกเฉิน เช่น กรณีบัตรเครดิต ธปท.อนุญาตให้ธนาคารลดค่างวดผ่อนขั้นต่ำ ลงต่ำกว่าเกณฑ์ปกติได้ นานไม่เกิน 12 เดือนหลังพื้นที่ถูกประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ 

ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคล ธนาคารสามารถเพิ่มวงเงินฉุกเฉินชั่วคราวได้มากกว่าเพดานเดิม เพื่อให้ลูกหนี้มีทุนเร่งด่วนซ่อมบ้าน ซ่อมทรัพย์สิน หรือฟื้นอาชีพ ทั้งหมดนี้ต้องอนุมัติภายใน 12 เดือนหลังประกาศเขตภัยพิบัติ

สำหรับสินเชื่อทุกประเภท ธปท.เปิดทางให้ธนาคารใช้วิธีที่ช่วยลดภาระลูกหนี้ เช่น ลดดอกเบี้ย ยกเว้นค่าธรรมเนียม ขยายเวลาชำระ หรือปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ โดยระหว่างช่วงให้ความช่วยเหลือ ธปท.อนุญาตให้ ‘คงชั้นลูกหนี้เดิม’ เหมือนก่อนเกิดภัย เพื่อไม่ให้ลูกหนี้เสียประวัติเครดิตโดยไม่จำเป็น

3. บสย. ผ่อนค่าธรรมเนียม–พักค่างวด ช่วยผู้ประกอบการที่มีการค้ำประกัน

บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ออกมาตรการช่วย SME ที่ใช้บริการค้ำประกันและได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยเริ่มจากการให้ลูกค้าที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมค้ำประกัน เลื่อนจ่ายไปได้อีก 6 เดือน สำหรับค่าธรรมเนียมที่ครบกำหนดระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 – 15 ธันวาคม 2568

สำหรับลูกหนี้ที่ บสย.เคยจ่ายเคลมแล้วและกำลังผ่อนหนี้ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ หากสถานที่ประกอบการได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม สามารถพักค่างวดได้อีก 6 เดือน ทั้งนี้ต้องเป็นลูกหนี้ที่ไม่ผิดนัดชำระหนี้อยู่ก่อนแล้ว เพื่อให้การพักชำระไม่กระทบต่อระบบหนี้เดิม

4. กรุงไทยลดค่างวด-ดอกเบี้ยพิเศษ ช่วยลูกหนี้บ้าน, บุคคล, SME

กรุงไทยออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยเน้นการลดภาระที่เห็นผลทันที ลูกค้าสินเชื่อบ้านและธุรกิจ sSME จะได้รับสิทธิ์ลดค่างวดถึง 75% ของค่างวดเดิมนาน 1 ปี พร้อมดอกเบี้ย 0% ในช่วง 3 เดือนแรก และดอกเบี้ยคงที่ 2.5% ต่อปีอีก 33 เดือน รวมสิทธิพิเศษด้านดอกเบี้ยยาวรวม 3 ปี

ในส่วนของสินเชื่อบุคคล ลูกค้าจะได้รับสิทธิ์ลดค่างวดแบบเดียวกัน พร้อมดอกเบี้ยคงที่ 4.5% ต่อปีนาน 3 ปี ส่วนลูกค้า SME ธนาคารจะพิจารณาปรับเงื่อนไขเป็นรายกรณี เช่น ลดดอกเบี้ย ขยายสัญญา พักเงินต้น หรือพักดอกบางส่วน เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลงในช่วงน้ำท่วม

หากต้องซ่อมบ้านหรือกู้เพิ่มเพื่อฟื้นฟูกิจการ ทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่สามารถขอสินเชื่อพิเศษที่ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน และหลังจากนั้นดอกเบี้ยคงที่ 2.5% สำหรับสินเชื่อบ้านและ sSME รวมถึงสินเชื่อบุคคลและสินเชื่อ SME ระยะยาวดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% เพื่อช่วยให้ผู้เสียหายสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เร็วขึ้น

5. ธอส. เน้นช่วยลูกค้าบ้าน พักหนี้ ลดงวด สินเชื่อซ่อมแซม

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ออกมาตรการช่วยลูกค้าบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เน้นช่วยให้คนยังรักษาบ้านไว้ได้ โดยมาตรการแรกคือการให้ลูกค้าปัจจุบันพักชำระหนี้ 3 เดือน พร้อมดอกเบี้ย 0% หลังจากนั้นเดือนที่ 4-12 คิดดอกเบี้ยเพียง 2% ต่อปี และลดเงินงวดลงครึ่งหนึ่งจากยอดที่เคยผ่อน เมื่อครบกำหนดช่วยเหลือ ลูกค้าจะกลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยเดิม

สำหรับผู้ที่ต้องซ่อมหรือปรับปรุงบ้าน ธอส.มีสินเชื่อ ‘ซ่อม-แต่ง’ และ ‘ซ่อม-แต่ง Plus’ วงเงินรวมสูงสุด 300,000 บาท โดย 100,000 บาทแรกคิดดอกเบี้ย 1% ต่อปีคงที่ 3 ปี ส่วนอีก 200,000 บาทคิดดอกเบี้ย 1.99% และไม่ต้องจดจำนองเพิ่ม ช่วยลดต้นทุนแฝงของลูกค้า

หากบ้านเสียหายหนักจนต้องปลูกสร้างใหม่ ลูกค้าสามารถกู้เพิ่มได้สูงสุด 2 ล้านบาท โดยดอกเบี้ย 0% ใน 3 เดือนแรก และผ่อนยาวได้ถึง 40 ปี ผ่อนเริ่มต้นประมาณ 3,100 บาทต่อเดือนสำหรับวงเงิน 1 ล้านบาท พร้อมส่วนลดค่าธรรมเนียมประเมินและค่าจดจำนองบางส่วน

ด้านลูกหนี้ NPL ธอส.มีมาตรการประนอมหนี้ เช่น ดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน ให้ผ่อนงวดต่ำหรือตัดเงินต้นก่อน และค่อยกลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยเดิมเมื่อรายได้เริ่มฟื้น ส่วนกรณีบ้านเสียหายทั้งหลัง ธอส.อาจพิจารณาปลดหนี้เฉพาะส่วนราคาอาคาร และให้ผ่อนต่อเฉพาะส่วนของที่ดินเท่านั้น รวมถึงมีระบบเคลมประกันบ้านแบบ fast track ใช้ภาพถ่ายในการพิจารณา เพื่อให้ลูกค้าได้เงินซ่อมบ้านเร็วขึ้น

6. ธ.ก.ส. ปล่อยสินเชื่อฉุกเฉินดอกเบี้ย 0%

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดกรอบช่วยเหลือรวม 20,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสินเชื่อฉุกเฉินรายละไม่เกิน 50,000 บาท ดอกเบี้ย 0% ใน 6 เดือนแรก และสินเชื่อฟื้นฟูรายละไม่เกิน 500,000 บาท เพื่อนำไปซ่อมเครื่องมือ ซ่อมโรงเรือน และทำการผลิตใหม่ โดยคิดดอกเบี้ยในอัตรา MRR-2 

เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ธ.ก.ส.จะลงพื้นที่สำรวจความเสียหายเพิ่มเติม เพื่อวางมาตรการระยะยาวให้สอดคล้องกับความจำเป็นจริงของเกษตรกรในแต่ละหมู่บ้านและแต่ละอาชีพ

7. ธนาคารออมสิน พักหนี้อัตโนมัติ 3 เดือน ไม่คิดดอกเบี้ย  

ธนาคารออมสินประกาศมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยใช้วิธีที่รวดเร็วที่สุด คือพักชำระหนี้อัตโนมัติเป็นเวลา 3 เดือน โดยไม่คิดดอกเบี้ยในช่วงพักหนี้ มาตรการนี้ครอบคลุมลูกค้ากว่า 100,000 ราย ในพื้นที่เขตภัยพิบัติตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)

ออมสินยังออกมาตรการเฉพาะสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ด้วยการผ่อนปรนตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) เพื่อให้ธุรกิจที่ต้องหมุนเงินรายวันยังเดินต่อได้ ไม่ขาดสภาพคล่องในช่วงเวลาที่เข้าถึงรายได้ไม่ได้เหมือนเดิม

รูป : เทศบาลนครหาดใหญ่

นอกจากมาตรการทางการเงินเหล่านี้ คณะรัฐมนตรียังอนุมัติวงเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยปี 2568 เพิ่มอีก 3,818.88 ล้านบาท จากงบกลาง ปีงบประมาณ 2569 เพื่อช่วยเหลือในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติม โดยยังคงหลักเกณฑ์เดิม คือช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาท สำหรับบ้านที่ถูกน้ำท่วมและทรัพย์สินเสียหาย รวมถึงกรณีบ้านถูกน้ำล้อมจนไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เกิน 7 วัน พร้อมเพิ่มเงินช่วยเหลือพิเศษตามจำนวนวันที่น้ำท่วมขัง ตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หากท่วมติดต่อกันเกิน 31 วันขึ้นไป 

เมื่อดูรวมทุกมาตรการ จะเห็นว่าภาครัฐและสถาบันการเงินต่างพยายามลดภาระหนี้ เพิ่มเงินทุน และปรับเงื่อนไขให้ชีวิตของคนที่เดือดร้อนไม่หนักเกินไป แต่บททดสอบจริงคือ เมื่อสายน้ำลดลง ผู้ประกอบการและประชาชนจะกลับมายืนได้เร็วแค่ไหน

เงินกู้และมาตรการผ่อนปรนช่วยประคองได้ แต่การฟื้นฟูจริงๆ ต้องอาศัยเวลา โครงสร้างพื้นฐาน และระบบเศรษฐกิจที่แข็งแรงพอรองรับวิกฤตในอนาคต

อ้างอิง

Writer

พิลาทิสและแมว

You Might Also Like