CASIO VINTAGE ทำยังไงให้นาฬิกาดีไซน์เก่ายังคงอยู่บนข้อมือคนรุ่นใหม่
“เส้นแบ่งระหว่างของเก่าที่หมดคุณค่ากับของวินเทจที่ยังคงอยู่ร่วมยุคสมัยและในใจผู้คนคืออะไร”
เราตั้งคำถามนี้กับตัวเองเมื่อยืนอยู่ในงาน ‘Back In Time, Ahead In Style’ ที่จัดโดย CASIO VINTAGE อีกหนึ่งไลน์ผลิตภัณฑ์สำคัญของแบรนด์นาฬิกาจากแดนปลาดิบอย่าง CASIO นอกเหนือจาก G-SHOCK ที่หลายคนน่าจะรู้จักคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
CASIO VINTAGE คือไลน์นาฬิกาที่นำโมเดลสุดคลาสสิกยุค 1970s-1980s ของ CASIO มาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้งโดยที่ยังคงรูปลักษณ์และเสน่ห์ดั้งเดิมเอาไว้อย่างครบถ้วน โดยปรับเสริมบางจุดเช่น เทคโนโลยี วัสดุ คุณภาพ รวมถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้เข้ากับโลกในยุคปัจจุบัน
และไม่ใช่แค่การเอาของเก่ามาหากิน แต่ CASIO VINTAGE พยายามคิดไปไกลกว่านั้นด้วยการทำโปรเจกต์คอลแล็บสนุกๆ ออกมาสม่ำเสมอในช่วงหลัง อย่างล่าสุดที่คอลแล็บกับ Back to the Future เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หรือการคอลแล็บกับซีรีส์อย่าง Stranger Things ที่จะวางจำหน่ายธันวาคมนี้
ภายในงาน ‘Back In Time, Ahead In Style’ นอกจะเป็นการรวมตัวเหล่าคนรักสไตล์วินเทจแล้วยังเป็นคล้ายงานโชว์เคสของ CASIO VINTAGE ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ผลิตภัณฑ์ผ่านห้อง 3 ห้อง ไล่เรียงตั้งแต่ห้องยุค ’70s, ’80s และ ’90s โดยมีนาฬิกาโมเดลต่างๆ ที่วางจำหน่ายในแต่ละยุคแฝงตัวอยู่อย่างแนบเนียน
เซกชั่นหนึ่งก่อนพิธีเปิดงานเราได้นั่งพูดคุยกับทีมผู้บริหารจากญี่ปุ่นผู้อยู่เบื้องหลัง CASIO VINTAGE และนั่นคือโอกาสที่ทำให้เราได้หาคำตอบของคำถามในย่อหน้าแรก และได้คำตอบของคำถามสำคัญอีกข้อว่า “CASIO VINTAGE ทำยังไงให้นาฬิกาดีไซน์เก่ายังคงอยู่บนข้อมือคนรุ่นใหม่
1. เทรนด์แสนสั้น สไตล์ยืนยาว
เมื่อพูดถึงแฟชั่นเรามักนึกถึงการออกแบบตามเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยตามแต่ละช่วงเวลา แต่ Tomoaki Nakamura ผู้นั่งในตำแหน่ง Regional General Manager Sales and Marketing Timepiece Division CASIO Singapore บอกว่าสิ่งที่เป็นหัวใจของ CASIO VINTAGE ไม่ใช่การตามเทรนด์แต่เป็นเรื่องสไตล์
ต่อให้วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนเทรนด์ไปมากมายแค่ไหน แต่สไตล์เรโทรของผู้หลงใหลในงานวินเทจจะยังคงอยู่อย่างแข็งแรง เหนียวแน่น

“เราเชื่อว่าแม้เทรนด์จะหมุนเวียนเปลี่ยนไป แต่สไตล์แท้จริงจะไม่มีวันหายไป สำหรับเจนฯ Z หรือเจนฯ Alpha แล้ว CASIO VINTAGE อาจเป็นนาฬิกาที่พ่อแม่พวกเขาเคยใส่ แต่ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์และคุณภาพที่ไว้ใจได้มันยังคงสอดคล้องกับค่านิยมและสไตล์การแต่งตัวของพวกเขาในวันนี้ เราหวังว่าพวกเขาจะสัมผัสถึงความคลาสสิกที่ยังคงข้ามยุคสมัยมาจนวันนี้ และอยากนำมันมาเป็นส่วนหนึ่งของสไตล์ตัวเอง
“เราเชื่อว่านี่คือเสน่ห์แท้จริงของ CASIO VINTAGE แม้เทรนด์จะเปลี่ยนไปแต่สไตล์ที่แท้จริงจะไม่มีวันจางหาย”
2. ไม่ได้แค่บอกเวลา แต่นาฬิกาเป็น lifestyle statement
หลายคนน่าจะเห็นภาพตรงกันว่าปัจจุบันนาฬิกาไม่ใช่เพียงเครื่องมือบอกเวลาเพียงเท่านั้น แต่มันยังเป็นเครื่อง(ข้อ)มือในการสะท้อนตัวตน รสนิยม ไลฟ์ไตล์ ของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป บางแบรนด์สะท้อนรสนิยมหรูหรา บางแบรนด์สะท้อนการให้คุณค่ากับนวัตกรรม การค้นหาจุดยืนของแบรนด์ต่างๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็น

“CASIO VINTAGE วาง positioning เป็นมากกว่านาฬิกา แต่มันคือไลฟ์สไตล์สำหรับคนที่ให้ค่ากับความน่าเชื่อถือ มรดกด้านการออกแบบ และการใช้แฟชั่นในการแสดงตัวตน เราถ่ายทอดเรื่องราวนี้ผ่านการร่วมงานกับแบรนด์ไลฟ์สไตล์อื่นๆ รวมถึงคอนเทนต์ภาพยนตร์และเกมที่สอดคล้องกับปรัชญาของ CASIO VINTAGE นั่นคือมีกลิ่นอายความคลาสสิก” Tomoaki Nakamura อธิบายถึงจุดยืน
นั่นเป็นที่มาของโปรเจกต์คอลแล็บต่างๆ ที่เลือกสรรแบรนด์ที่อยู่ในป๊อปคัลเจอร์ไม่ว่าจะเป็นเกม PAC‑MAN, ภาพยนตร์ Back to the Future หรือซีรีส์ Stranger Things ที่สะท้อนไลฟ์สไตล์และความสนใจของผู้สวมใส่ได้อย่างชัดเจน
3. ใช้ cultural storytelling เล่าเรื่องผ่านวัฒนธรรมแฟชั่นและความทรงจำ
ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีดิสรัปต์ทุกวงการ ไม่เว้นแม้กระทั่งวงการนาฬิกา สมาร์ตวอตช์กลายเป็นไอเทมที่ผู้คนมองหา แล้ว CASIO VINTAGE ซึ่งเป็นนาฬิกาคลาสสิกปรับตัวยังไงคือสิ่งที่หลายคนตั้งคำถาม

“สำหรับแบรนด์วินเทจ เราเชื่อว่าคุณค่าของฟังก์ชั่นคือสิ่งที่ผู้ใช้สัมผัสได้ในชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกันเสน่ห์ทางด้านการดีไซน์ก็สื่อสารกับผู้ใช้งานในอีกมิติ ลูกค้ายังคงยกย่องฟังก์ชั่น คุณภาพ และความทนทานของ CASIO VINTAGE อยู่เสมอ เราจึงเชื่อว่าทั้งสองด้านนี้ยังคงสอดประสานกันได้ดีในใจผู้บริโภค” Marie Yoshizawa ผู้ดูแลแบรนด์ในตำแหน่ง Brand Marketing Strategy Specialist ช่วยคลี่คลายคำตอบก่อนจะขยายความ
“CASIO VINTAGE เติบโตขึ้นมาได้ก็เพราะชุมชนแฟชั่นและครีเอทีฟ เมื่อครั้งที่เราพัฒนานาฬิการุ่นแรก เราเน้นการใช้งานจริงและฟังก์ชั่น ไม่ได้คิดเรื่องแฟชั่น แต่กลุ่มคนรักแฟชั่นและครีเอทีฟกลับค้นพบ CASIO VINTAGE และเริ่มใส่มัน จนสร้างภาพจำว่าเป็นแฟชั่นวอตช์ ชุมชนเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่อาศัยผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียวอาจเข้าไม่ถึง นั่นเป็นสิ่งที่เรารู้สึกซาบซึ้ง”

4. ทำ collaboration เพื่อมุมมองใหม่ให้ดีไซน์เก่า
นอกจากการคอลแล็บจะช่วยสะท้อนตัวตนของแบรนด์แล้ว ในมุมของผลิตภัณฑ์การร่วมมือกับแบรนด์ต่างๆ ที่มีความเชื่อสอดคล้องยังถือเป็นช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้ดีไซน์เดิมๆ ของแบรนด์ด้วย
Mizuki Nomura ผู้ดูแลโปรเจกต์คอลแล็บต่างๆ ในฐานะ Brand Product Strategy Specialist บอกว่า “การคอลแล็บมีบทบาทสำคัญมาก เพราะเมื่อดีไซน์ คุณภาพ และคุณค่าที่สืบทอดจากยุค ’70s-’80s มาผสานกับสไตลิสต์หรือมุมมองของพาร์ตเนอร์ มันจะช่วยนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตัวเองเพียงลำพัง และการนำเสนอของโปรเจกต์เหล่านี้ช่วยทำให้ผู้คนรู้สึกใกล้ชิดแบรนด์มากขึ้น”
5. ไม่ลืมอดีต แต่ไม่ปฏิเสธอนาคต
แม้จะบอกว่าเทรนด์ไม่ใช่หัวใจหลัก แต่ CASIO VINTAGE ก็ไม่ได้ปฏิเสธ สิ่งสำคัญคือการไม่ลืมดีเอ็นเอที่แท้ของแบรนด์และมองหาว่าท่ามกลางเทรนด์และดาต้ามากมาย มีสิ่งใดที่แบรนด์สามารถหยิบจับมาใช้ประโยชน์และปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยได้บ้าง

Shinji Saito ผู้บริหารในตำแหน่ง General Manager, Product Planning Department บอกว่า “เทรนด์คือจุดเริ่มต้นของการพัฒนา
“นักออกแบบจะศึกษาหลากหลายเทรนด์แล้วเสนอไอเดียให้ทีมวิศวกร ตัวอย่างเช่น หลายวัสดุหรือรูปแบบที่ใช้ในเสื้อผ้าหรือรองเท้าอาจใช้ไม่ได้กับนาฬิกา ดังนั้นการพัฒนาเชิงเทคนิคอย่างละเอียดจึงจำเป็นเพื่อให้ไอเดียนั้นเกิดขึ้นได้จริง เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้ดีและไทม์เลสบางโมเดลของ CASIO VINTAGE เริ่มได้รับความนิยมในยุโรป เราจึงไม่จำเป็นต้องสร้างดีไซน์ใหม่ทั้งหมด แต่ใช้วิธีค้นดีไซน์ที่เรามีแล้วนำกลับมาปรับให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ท่ามกลางกระแสย้อนยุค เราอาจจะแค่ปรับสีสันและวัสดุเพื่อให้เข้ากับเทรนด์ในปัจจุบัน
“แนวทางของ CASIO VINTAGE เรียบง่ายมาก เราเสาะหานวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้หลากหลายกลุ่ม มุ่งแสวงหาคุณค่าที่เป็นสากล ทั้งความสะดวกและการใช้งานที่ทำให้ผู้คนรู้สึกประทับใจ แต่ในขณะเดียวกันก็รักษาแก่นความเหนือกาลเวลาเอาไว้ด้วย”