You know everything, John Snow

เมื่อคนลอนดอนและทั้งโลกรอดชีวิตจากโรคระบาดด้วยแผนที่ของ John Snow หมอผู้ปฏิวัติระบาดวิทยา 

ในซีรีส์ Game of Thrones จอน สโนว์ อาจมากับคำว่า ‘เธอไม่รู้อะไรเลย จอน สโนว์ (You know nothing, Jon Snow)’ แต่สำหรับคุณหมอชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ที่ลอนดอนคนนี้ กลับตรงกันข้าม คุณหมอจอห์น สโนว์ เป็นคนที่ ‘รู้’ แถมคุณหมอยังใช้วิธีแสนแหวกแนวคือการทำ ‘แผนที่’ ที่เปลี่ยนความคิดของวงการแพทย์ว่าโรคอหิวาต์ไม่ได้มากับอากาศ แต่มากับน้ำ

การระบาดของอหิวาต์เป็นเรื่องร้ายแรง เป็นโรคที่คร่าชีวิตผู้คนอย่างรวดเร็วและติดต่อง่ายเป็นวงกว้าง ลอนดอนในยุควิกตอเรียน เป็นเมืองที่ขยายตัวและมีประชากรแน่นขนัดอย่างรวดเร็ว แต่หนึ่งในสาธารณูปโภคสำคัญที่ยังไม่ดีนักคือน้ำสะอาด ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีบริการน้ำประปาสาธารณะ มีแต่ระบบประปาที่ดำเนินการโดยบริษัท ซึ่งแข่งขันกันด้วยรสชาติและความใสสะอาดของน้ำ 

ทว่าแม้น้ำจะมีรสชาติดี แต่จากการติดตามโรคด้วยการเดินสอบถามและการลงข้อมูลในแผนที่โดยละเอียด คุณหมอก็พบว่าโรคระบาดมีศูนย์กลางอยู่ที่ปั๊มน้ำอันหนึ่งบนถนน Broad Street ย่านโซโห การค้นพบนั้นปฏิวัติความเข้าใจและช่วยผู้คนจากโรคระบาดรุนแรง นำไปสู่รากฐานของระบาดวิทยา การสาธารณสุข การวางระบบน้ำสะอาด กระทั่งเป็นจุดเริ่มใช้ data journalism รวมทั้งคุณหมอยังช่วยกิจการในย่านโซโห คือกิจการเกี่ยวกับหนังสือ คือการเข้าเล่ม

ทรัพย์คัลเจอร์ในครั้งนี้ เราพาผู้อ่านกลับไปยังกรุงลอนดอนในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 หรือราวทศวรรษ 1850 และเป็นอีกครั้งที่เราจะพูดถึงย่านโซโห ในฐานะพื้นที่สำคัญของการค้นพบความเข้าใจในโรคระบาดสำคัญอย่างอหิวาต์ (cholera) โรคระบาดที่แพร่กระจายและคร่าชีวิตผู้คนได้อย่างรวดเร็ว

ลอนดอนกับน้ำรสสุสาน

บริบทสำคัญของลอนดอนในขณะนั้นคือการเป็นเมืองเติบโตที่แออัด มีจำนวนประชากรพุ่งอย่างก้าวกระโดด ตัวเลขคร่าวๆ ที่พอให้เห็นภาพคือ ในปี 1800 ลอนดอนมีประชากรราว 1 ล้านคน ซึ่ง 50 ปีหลังจากนั้น ประชากรเพิ่มขึ้นไปเป็น 2.5 ล้านคน และในทศวรรษ 1900 พุ่งสูงเป็น 6 ล้านคน

การกระจุกตัวของผู้คนและการก่อตัวของพื้นที่เมือง ทำให้เกิดความต้องการสาธารณูปโภคพื้นฐานคือน้ำสะอาด ในขณะนั้น ลอนดอนยังไม่มีระบบน้ำสะอาดเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน น้ำสะอาดส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโครงข่ายของเอกชน คือสูบและส่งน้ำโดยตรงผ่านระบบปั๊มเครื่องจักรเข้าสู่บ้าน โดยเฉพาะบ้านของผู้มีอันจะกิน แต่ละบริษัทก็มีการแข่งขันกันด้วยคุณภาพน้ำและความใส ไปจนถึงรสชาติ ซึ่งน้ำของแต่ละบริษัทส่วนใหญ่สูบขึ้นมาจากแม่น้ำเทมส์ ขึ้นอยู่กับว่าจะตั้งสถานีสูบขึ้นมาจากบริเวณไหนของคุ้งน้ำ 

สำหรับประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะคนยากจน จะใช้น้ำจากปั๊มน้ำหรือบ่อน้ำส่วนกลาง ประกอบกับเมืองเองเป็นพื้นที่ของโรคระบาด โรคระบาดที่เกิดจากความหนาแน่นและสุขอนามัยที่ยังไม่ดี เช่น ไทฟอยด์, ไข้อีดำอีแดง (Scarlet fever) รวมถึงการระบาด 4 ครั้งของอหิวาต์ที่ลอนดอนในช่วงปี 1830-1866 ทำให้นอกจากการอยู่อาศัยแล้ว สุสานของเมืองยังถูกใช้งานจนเต็ม 

ความสยองนิดหน่อยของชีวิตชาวลอนดอนคือ บ่อน้ำหรือปั๊มน้ำหลายแห่งอยู่ใกล้หรือเป็นพื้นท่ีที่ปนเปื้อนน้ำเสียจากสุสานหรือพื้นที่จัดการศพ รวมถึงบ้านเรือนที่ระบบจัดการน้ำเสียยังเข้าไม่ถึง (เช่น ย่านโซโห ที่จะพูดถึงต่อไป) มักมีบ่อหรือที่พักน้ำเสียของตัวเอง ทำให้หลายครั้งเกิดการปนเปื้อน เป็นต้นเหตุการระบาดของโรค

อันที่จริง นอกจากปั๊มน้ำหรือบ่อน้ำสาธารณะแล้ว น้ำประปาของบริษัทเองก็เคยพบความเกี่ยวข้องกับการระบาดของโรค กล่าวคือ บางบริษัทที่ตั้งจุดสูบน้ำจากแม่น้ำเทมส์ซึ่งใกล้กับบริเวณที่มีน้ำเสียหรือมีการปนเปื้อน ก็พบว่าเกี่ยวข้องกับการแพร่กระจายของอหิวาต์

แผนที่และปั๊มน้ำของหมอจอห์น

อันที่จริง การบอกว่าน้ำของลอนดอนมีรสสุสานก็อาจจะเกินเลยไปหน่อย แต่ดูเหมือนว่าในขณะนั้น ประเด็นเรื่องคุณภาพและรสชาติของน้ำเป็นหนึ่งในความชอบส่วนตัว และกรณีนี้นำไปสู่ความตายได้

เรากลับมาที่ย่านโซโหและการระบาดของอหิวาต์ในปี 1854 ซึ่งถือเป็นการระบาดระลอกที่ 3 จาก 4 การระบาดครั้งใหญ่ แรกเริ่มย่านโซโหยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่อยู่ๆ ในวันที่ 31 สิงหาคมก็เริ่มมีการติดเชื้อ และสามวันให้หลัง ผู้คนที่อาศัยอยู่บนถนน Broad Street (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Broadwick Street) ก็เสียชีวิตพุ่งสูงถึง 127 ราย

ในห้วงเวลานั้น การแพทย์เชื่อว่าโรคอหิวาต์สัมพันธ์กับอากาศ เป็นเรื่องของอากาศที่เน่าเสีย และอาจมีนัยทางสังคมเช่น เป็นพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อมโทรม เพราะการระบาดมักเกิดในพื้นที่เช่นสลัม ทว่าในความคิดของคุณหมอคนหนึ่งซึ่งสนใจเรื่องการระบาดของอหิวาต์ มองว่าไม่ใช่เรื่องของอากาศ แต่เป็นอะไรบางอย่างที่อยู่ในน้ำ ซึ่งในขณะนั้นคนยังไม่เข้าใจเรื่องเชื้อโรค สิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วที่มองไม่เห็น และเชื้อก่อโรค

สถานที่สำคัญของเรื่องนี้คือปั๊มน้ำสาธารณะอันหนึ่ง ที่ตั้งอยู่บนถนน Broad Street เมื่อคุณหมอ John Snow ดำเนินการเก็บข้อมูล สอบสวนโรคอย่างละเอียด เพื่อทำแผนที่ที่ถือว่าพลิกโลกและช่วยชีวิตเราทุกคนไว้ 

มุมที่น่าสนใจแรกคือปั๊มน้ำของถนน Broad Street เป็นปั๊มน้ำที่ค่อนข้างได้รับความนิยม สิ่งที่หมอจอห์นทำคือสำรวจและสัมภาษณ์เพื่อเก็บข้อมูลผู้ป่วยอย่างละเอียด จนในที่สุดคุณหมอได้นำข้อมูลมาแสดงเป็นแผนที่ที่แสดงบริเวณของการติดเชื้อ คุณหมอจึงได้รายงานและทำข้อสรุปที่แย้งกับประวัติศาสตร์ความเชื่อเรื่องโรคอันมีมายาวนานว่าปัญหาอยู่ที่น้ำ ไม่ใช่อากาศ และการระบาดดังกล่าวมีปั๊มน้ำแห่งถนน Broad Street เป็นศูนย์กลาง

ต้องอธิบายว่า ข้อสังเกตและรายงานของหมอจอห์นไม่ได้รับการยอมรับในทันที คุณหมอเองเมื่อทราบว่าความตายซ่อนอยู่ในน้ำรสอร่อยของปั๊มน้ำที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ก็ได้พยายามขอให้ปิดการให้บริการ ตอนนั้นมีแค่บางคนที่เชื่อคุณหมอจึงปิดการให้บริการปั๊ม แต่แล้วก็เปิดขึ้นใหม่ กระทั่งคุณหมอต้องลงมือเอาโซ่ไปล่ามปั๊มด้วยตัวเอง ซึ่งขณะนั้นน่าเสียดายว่าอหิวาต์ได้ระบาดแล้ว และสองในสามของผู้คนต้องหนีออกจากพื้นที่

จากกรณีการสืบโรคมีมุมที่น่าสนใจและตอบปริศนาสาเหตุของการระบาดว่าไม่ใช่อากาศแต่เป็นน้ำ คือบันทึกของคุณหมอว่าพบสุภาพสตรีคนหนึ่งที่อยู่บนถนนซึ่งห่างออกไป เธอเคยอาศัยอยู่บน Broad Street มาก่อนและชอบดื่มน้ำจากปั๊มที่เธอคุ้นเคย เธอชอบรสชาติสะอาดและเย็น ถึงขนาดให้คนส่งน้ำบรรจุขวดมาถึงที่บ้านซึ่งห่างจุดระบาดออกไป แต่เธอกลับเสียชีวิตลงเพราะอหิวาต์ ขณะเดียวกัน โรงเรือนที่อยู่ติดกันกับปั๊มน้ำดังกล่าวกลับไม่มีรายงานการเสียชีวิต จนในที่สุดก็พบว่าพื้นที่ดังกล่าวใช้น้ำจากคนละแหล่ง

กิจการร้านเข้าเล่มในโซโห

การพิสูจน์ด้วยแผนที่และการเก็บข้อมูลเชิงประจักษ์ เป็นส่วนหนึ่งของการนำเสนอแนวคิดและงานศึกษาของหมอจอห์น คือหมอเองมีความคิดที่แย้งกับความคิดเดิมเรื่องอหิวาต์ ว่าเกี่ยวกับการสูดดมอากาศเสียเข้าไปอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งในเวลาต่อมา แผนที่และการติดตามการระบาดที่โซโหก็ถูกยอมรับโดยสาธารณชน นำไปสู่การถอดแขนปั๊มน้ำและปิดปั๊มน้ำไปในที่สุด

การค้นพบของหมอจอห์นเป็นการปฏิวัติที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในหลายเรื่อง แน่นอนว่าเป็นรากฐานของระบาดวิทยา นำไปสู่แนวคิดเรื่องสาธารณสุข ความเข้าใจเรื่องปั๊มน้ำในโซโห ทำให้ลอนดอนมองเห็นความสำคัญของน้ำสะอาด และหลังจากนั้นก็เกิดการตั้งจุดบริการน้ำดื่มหรือน้ำพุน้ำดื่มสาธารณะ มีระบบบำบัดน้ำเสีย รวมถึงการใช้แผนที่ในการแสดงข้อมูล นำไปสู่บทบาทใหม่ๆ เกี่ยวกับการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลในแง่ต่างๆ เช่น การแสดงแผนผังเรื่องประชากร ความยากจน โดยทำผ่านแผนที่ในอีกหลายรูปแบบ

ผลกระทบต่อชุมชนของโซโห หมอจอห์นได้ช่วยกิจการสำคัญของโซโหคือกลุ่มกิจการร้านเข้าเล่มหนังสือซึ่งตั้งอยู่บนถนน Broad Street และถนนใกล้เคียงคือ Poland Street และ Noel Street  ในช่วงนั้นมีรายงานว่าบนถนนสายดังกล่าวมีกิจการร้านเข้าเล่มหนังสืออย่างน้อย 23 แห่ง การเข้าเล่มหนังสือถือเป็นอีกหนึ่งงานฝีมือซึ่งเกี่ยวโยงกับวัฒนธรรมการอ่าน รวมถึงเป็นศิลปะการช่างที่เฉพาะเจาะจง เช่น การเข้าสันหนังสือ การประดับปกหรือสันหนังสือด้วยด้ายไปจนถึงอัญมณี

หนึ่งในหลักฐานหรือการเก็บข้อมูลเรื่องการระบาด หมอจอห์นได้บันทึกถึงการป่วยและการเสียชีวิตของพี่น้องตระกูล Wickwar เจ้าของกิจการเข้าเล่ม Wickwar & Co. ตอนนั้นมีรายงานว่าบริษัทเข้าเล่มวิควอร์มีพนักงานเสียชีวิตจากโรคระบาดไป 4 คน สองในสี่คือพี่น้อง John Wickwar และ William Wickwar บันทึกการสอบสวนโรคระบุว่าวิลเลียมเดินทางมายังร้านหลังจากจอห์นเสียชีวิต ส่วนจอห์นเสียชีวิตหลังมีอาการได้ 12 ชั่วโมง

บันทึกระบุว่า วิลเลียมไม่ได้เห็นกระทั่งศพของจอห์น และวิลเลียมใช้เวลาเพียง 12 นาทีในบ้าน หลังจากนั้นก็แวะกินอาหารที่ร้าน ทุกอย่างเกิดขึ้นรวบรัด นอกจากอาหารแล้ว วิลเลียมได้ดื่มบรั่นดีและน้ำเปล่าซึ่งนำมาจากปั๊มบนถนน Broad Street วิลเลียมกลับบ้านซึ่งอยู่เขตทางตอนเหนือของลอนดอน การเดินทางไปยังบ้านจอห์นเกิดขึ้นในวันที่ 1 กันยายน วันรุ่งขึ้นคือวันที่ 2 วิลเลียมก็ติดเชื้อและเสียชีวิตในช่วงเย็นของวันถัดไป

บันทึกการเสียชีวิตของผู้คนในกิจการการเข้าเล่มหนังสือ เป็นส่วนหนึ่งของการมองเห็นความเชื่อมโยงการติดเชื้อที่มีปั๊มน้ำเป็นศูนย์กลาง สิ่งที่น่าเศร้าคือ มีข้อมูลว่าแม่ของพี่น้องตระกูลวิควอร์ก็ชื่นชอบรสชาติของน้ำจากปั๊มน้ำมรณะ เมื่อวิลเลียมเดินทางกลับบ้านในครั้งนั้น เขาได้นำน้ำดื่มที่แม่ของเขาชื่นชอบไปให้แม่ด้วย และแน่นอน แม่ของเขาก็เสียชีวิตในเวลาใกล้เคียงกัน

อันที่จริงกิจการร้านเข้าเล่มโดยเฉพาะกรณีของตระกูลวิควอร์ ไม่ได้เป็นกิจการเล็กๆ น้อยๆ แต่ถือเป็นกิจการที่ค่อนข้างใหญ่โต ซึ่งภายหลังได้รับตราจากพระราชินี กิจการดังกล่าวนอกจากการเข้าเล่มแล้ว ยังมีงานที่เกี่ยวกับกระดาษ การทำกล่อง ทำเครื่องเขียน ซึ่งในขณะนั้นล้วนเป็นงานช่างฝีมือระดับสูง จอห์น วิควอร์ ที่เสียชีวิตลงจากเหตุการณ์การระบาด รับหน้าที่ทำ ‘กล่องแดง’ ที่ใช้การช่างฝีมือระดับสูง ซึ่งกล่องนั้นใช้ตั้งแต่ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ไปจนถึงพิธีพระราชทานแก่รัฐมนตรีและพระบรมวงศานุวงศ์ในกิจการต่างๆ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญทั้งในพระราชพิธีและรัฐพิธี รวมถึงประเพณีการบริหารราชการแผ่นดิน

แม้ตระกูลนี้จะมีคนเสียชีวิตจากโรคระบาด ทว่ากิจการเข้าเล่มและเครื่องเขียนของวิควอร์กลับเจริญเติบโต โดยบริษัท Wickwar & Co. ได้รับตรารับรองจากราชสำนักอังกฤษ และยังดำเนินกิจการจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันบริษัทเปลี่ยนจากกิจการที่เกี่ยวกับกระดาษและการเข้าเล่ม เป็นการผลิตกล่องสีแดงระดับตำนานเป็นหลัก

ทุกวันนี้ ถ้าเราไปย่านโซโหและเดินไปยังถนน Broadwick Street ทางสภาเมืองเวสมินสเตอร์และสมาคมจอห์นสโนว์ (The John Snow Society) สมาคมที่มุ่งเน้นการเผยแพร่คุณูปการของคุณหมอในฐานะผู้ริเริ่มด้านระบาดวิทยาและวิสัญญีแพทย์ จะเห็นว่าพวกเขาได้ทำการติดตั้งปั๊มน้ำจำลอง ซึ่งจำลองและติดตั้งลงในพื้นที่ประวัติศาสตร์พื้นที่จริง ของปั๊มน้ำโบราณที่เป็นทั้งต้นเหตุของความตายในศตวรรษที่ 19 และกลายเป็นจุดเริ่มของการช่วยชีวิตในภายหลัง ซึ่งอาจรวมถึงการที่เราทุกคนยังมีชีวิตอยู่ และรอดพ้นจากโรคระบาดทั้งหลายได้ในวันนี้

อ้างอิงข้อมูล

Writer

ชื่อว่านครับ ทำงานรับจ้างทั่วไปด้านงานเขียน ส่วนใหญ่เขียนเรื่องการเขียน การอ่าน และวัฒนธรรม เชื่อว่าพื้นที่นามธรรมเป็นสินทรัพย์ที่จะพาเราเติบโตอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

Illustrator

ชื่อกล้วยค่ะ banana blah blah เป็นนักวาด บางวันจับเม้าส์ปากกา บางวันจับลูกกลิ้งทำภาพพิมพ์ สนใจ Art therapy และการวาดภาพเพื่อ Healing เชื่อว่าการทำงานที่ดีต้องทำให้เราอิ่มทั้งกายและใจ ได้มองเห็นตัวเองเติบโตภายใน

You Might Also Like