LEGACY STORIES FROM THE WISDOM
จาก “ธุรกิจครอบครัว” สู่ “ครอบครัวนักธุรกิจ” ปลุกปั้นแบรนด์สู่ความสำเร็จระดับโลก
ความพิเศษและน่าสนใจของงาน THE WISDOM GALA DINNER โดย เดอะวิสดอมกสิกรไทย คือ เรื่องราวจากรุ่นบุกเบิกสู่การปลุกปั้นต่อยอดธุรกิจ จนกลายเป็น Legacy แบรนด์ธุรกิจระดับตำนานของโลก ซึ่งตลอดเส้นทางล้วนผ่านการบ่มเพาะ สั่งสมประสบการณ์ รวมถึง Passion จากรุ่นสู่รุ่นในหลากหลายมิติ จนตกผลึกเป็น WISDOM ที่ใช้ทั้งในการบริหารธุรกิจ การทำงาน และการใช้ชีวิต และพร้อมที่ส่งต่อให้กับคนรุ่นต่อไปที่จะมารับช่วงในโลกธุรกิจ
เริ่มต้นความเอ็กซ์คลูซีฟด้วยความสนุกและน่าติดตามอย่างมากคือ Exclusive Talk Show โดย ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน เจ้าของรายการ 8 Minute History กับเรื่องเล่าน่าสนใจและแนวคิดล้ำค่าของการสร้างและส่งต่ออาณาจักรธุรกิจครอบครัวที่เป็นแบรนด์ดังและตระกูลดังระดับโลกและไฮไลต์ที่สำคัญคือ คู่พี่น้องจากครอบครัวสุโกศล คือ คุณมาริสา สุโกศล หนุนภักดี และ คุณกฤษดา สุโกศล แคลปป์ กับเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นในการบริหารธุรกิจโรงแรมของครอบครัว ผสานกันกับ Passion ของสมาชิกครอบครัวที่มีจุดเด่นแตกต่างกัน เป็น Passion ที่มีเป้าหมายชัดเจน และผ่านวันเวลาของการบ่มเพาะสั่งสมประสบการณ์ หนึ่งบทพิสูจน์ที่สำคัญคือ ความสำเร็จระดับโลกของโรงแรม THE SIAM ที่ได้รับรางวัล 1 ใน 50 โรงแรมที่ดีที่สุดของโลก และรางวัลกุญแจมิชลิน 3 ดอก ซึ่งเป็นรางวัลระดับสูงสุดของมิชลิน ไกด์
คอนเซปต์จากรุ่นสู่รุ่น ได้ถูกถ่ายทอดผ่านบทเพลงเพราะๆ ที่เป็นโชว์พิเศษจากศิลปินระดับประเทศ พร้อมกับเมนูอาหารที่เป็นการคิดสร้างสรรค์ร่วมกันของเชฟระดับมิชลินที่เชี่ยวชาญอาหารต่างสไตล์ ต่างรุ่น เพื่อมอบความพิเศษและความประทับใจให้กับแขกคนสำคัญของเดอะวิสดอมกสิกรไทย
Exclusive Talk: Legacy Beyond Boundaries
ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น สู่อาณาจักรธุรกิจแบรนด์ดังระดับโลก โดย ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน
วัฒนธรรมตะวันออกมักเน้นการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว แต่ธุรกิจครอบครัว ไม่ได้มีแค่ในเอเชียเท่านั้น ทอล์กโชว์พิเศษของ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ได้ยกตัวอย่างเคสธุรกิจครอบครัวยักษ์ใหญ่หลายแห่งทั้งในซีกโลกตะวันตกและตะวันออกที่แสดงให้เห็นการเติบโตแผ่กิ่งก้านของธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่นจนกลายเป็นอาณาจักรของแบรนด์ใหญ่ระดับโลกเกิดขึ้นทั่วโลก ทุกภูมิภาค โดยมีรูปแบบการบริหารที่แตกต่างกัน
ในเอเชีย Samsung เป็นตัวอย่างธุรกิจครอบครัวจากเกาหลีที่เริ่มต้นจากการทำปลาแห้ง ขยายมาทำอุตสาหกรรมขนส่ง โทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ จนเติบโตมาทำอิเล็กทรอนิกส์ และเป็นบริษัทเทคโนโลยีอย่างเต็มตัว ซึ่งถือเป็นการส่งต่อธุรกิจที่มีความไดนามิกสูง ในขณะที่อินเดียก็เป็นประเทศที่ทุกวงการเต็มไปด้วยการส่งต่อและขยายธุรกิจครอบครัวให้เจริญเติบโต โดยท็อป 10 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียเป็นธุรกิจครอบครัวเกือบทั้งหมดและตระกูล Ambani ซึ่งเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดของอินเดียก็ยังคงเป็นธุรกิจครอบครัว
หากพูดถึงตระกูลดังที่ทำธุรกิจครอบครัวในโซนยุโรป ดร. วิทย์ เล่าถึง เครือ LVHM ของ Bernard Arnault มหาเศรษฐีและเป็นเจ้าของอาณาจักรของแบรนด์ลักชูรีระดับโลก ปัจจุบันเขาได้แบ่งบทบาทหน้าที่การบริหารธุรกิจให้กับลูกทั้ง 5 คนอย่างชัดเจน ในขณะที่ธุรกิจบางแห่งทายาทมีความรักและความผูกพันกับธุรกิจที่บรรพบุรุษสร้างตำนานไว้ โดยยังคงเป็นเจ้าของกิจการและสามารถสืบทอดกิจการส่งต่อมาหลายรุ่น ตัวอย่างเด่นชัดคือ ‘Hermès’ เป็นธุรกิจครอบครัวที่ผ่านการบริหารงานจากลูกหลานมาแล้วถึง 6 รุ่น จากจุดเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1837 เป็นธุรกิจผลิตอานม้าและบังเหียน ที่ได้รับความนิยมในหมู่ราชวงศ์และชนชั้นสูงในฝรั่งเศส
ส่วนแบรนด์ CHANEL ยังคงธุรกิจในรูปแบบบริษัทเอกชนที่ไม่ได้อยู่ในเครือแบรนด์แฟชั่นนับตั้งแต่ Coco Chanel ก่อตั้งร่วมกับ Pierre Wertheimer ซึ่งเป็นปู่ของ Gerard Wertheimer ทายาทรุ่นที่ 3 ของครอบครัวและเขายังคงสถานะเป็นเจ้าของแบรนด์ CHANEL ในปัจจุบัน ในขณะที่แบรนด์นาฬิกาหรู Panerai ที่มีจุดเริ่มต้นในเมืองฟลอเรนซ์ อิตาลี ผลิตนาฬิกาให้กับกองทัพเรือ ได้เปลี่ยนผ่านธุรกิจมาอยู่ในการบริหารของกลุ่ม Richemont สวิตเซอร์แลนด์ นอกเหนือจากธุรกิจแฟชั่นแล้วยุโรปยังมีตระกูลดังอย่างครอบครัว Quandt ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BMW แบรนด์รถสัญชาติเยอรมันที่ส่งต่อธุรกิจมาถึง 4 เจเนอเรชั่นแล้ว
ดร.วิทย์ ได้เล่าถึงความน่าสนใจของธุรกิจครอบครัวในอิตาลีว่า ธุรกิจครอบครัวในอิตาลีส่วนใหญ่ มีความรักในธุรกิจที่บรรพบุรุษสร้างและสืบทอดต่อกันมา และไม่ต้องการให้มีผู้ถือหุ้นเข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ แบรนด์เฟอร์นิเจอร์หรู Molteni ซึ่งเริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่รุ่นคุณปู่ Angelo และ Giuseppina Molteni ในปี ค.ศ. 1934 จนมาถึงทายาทรุ่นที่ 3 ในปัจจุบันที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์งานฝีมือประณีตของบรรพบุรุษเอาไว้ เช่นเดียวกับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์หรู GECCI ซึ่งดำเนินธุรกิจมาถึงรุ่นที่ 3 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานมาสเตอร์พีซของต้นตระกูลผสมผสานกับความมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น
ในขณะที่แบรนด์อุตสาหกรรมอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ติดอันดับโลกในปัจจุบัน มีหลายแบรนด์ที่ขยายอาณาจักรธุรกิจอย่างก้าวกระโดด โดยฝีมือการบริหารของทายาทรุ่นปัจจุบัน เช่น Roche บริษัทผลิตยา เวชภัณฑ์ และเทคโนโลยีชีวภาพใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ และมีขนาดธุรกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก จากผู้ก่อตั้ง Fritz Hoffmann-La Roche มาสู่การบริหารในยุคของทายาทรุ่นที่ 5 ในปัจจุบัน
กลุ่มบริษัท Boehringer Ingelheim เยอรมัน ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1885 โดย Albert Boehringer สามารถขยายธุรกิจจนก้าวขึ้นสู่ 1 ใน 20 อันดับของอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ระดับโลก ยืนหยัดธุรกิจมาได้กว่า 130 ปี เป็นธุรกิจเอกชนที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ โดยธุรกิจยังคงอยู่ภายใต้การบริหารของครอบครัว Boehringer Von Baumbach
ส่วนแบรนด์ Tetra Pak ของสวีเดนที่เริ่มต้นธุรกิจโดย Ruben Rausing คิดค้นนวัตกรรมในกระบวนการผลิต การบรรจุ และบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่มและขยายธุรกิจจนก้าวสู่เจนเนอเรชันที่ 4
ดร.วิทย์ ปิดท้ายว่า การส่งต่อธุรกิจครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นจึงมีมิติมากมาย ทั้งการวางแผนส่งต่อให้กับทายาทธุรกิจ ความพยายามมุ่งมั่น เพื่อสานต่อความมั่นคงให้กับธุรกิจ ในขณะเดียวกัน การดำเนินการเหล่านั้นต้องได้รับแรงสนับสนุนทางการเงิน รวมถึงการวางแผนลงทุนเพื่อส่งต่อความมั่งคั่งที่ยั่งยืน
PASSION DRIVEN SUCCESSION
ความรักและความภูมิใจในธุรกิจของครอบครัว “สุโกศล” สู่การบริหารโรงแรม ติดอันดับ The World’s 50 Best Hotels 2024
ในไทยครอบครัวสุโกศลเป็นครอบครัวที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในการบริหารธุรกิจโรงแรมผสานกันกับ Passion ของสมาชิกครอบครัวที่มีจุดเด่นแตกต่างกันและประสบความสำเร็จได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย อีกไฮไลท์สำคัญในงานกาล่าค่ำคืนนี้คือ การเล่าประสบการณ์ในการส่งต่อ legacy ของครอบครัวสุโกศล โดย คุณมาริสา สุโกศล หนุนภักดี และคุณกฤษดา สุโกศล แคลปป์
คุณมาริสากล่าวว่าแพสชั่นในการทำธุรกิจโรงแรมไม่ได้เกิดขึ้นข้ามคืน แต่ต้องใช้เวลาผ่านการทุ่มเทกับงาน อุทิศตัวให้ธุรกิจผ่านวิกฤตนับครั้งไม่ถ้วนจนสิ่งที่ลงแรงไปผลิดอกออกผลจนเกิดความภาคภูมิใจที่แปรเปลี่ยน เป็นแพสชั่นได้ในที่สุด
นอกจากความอุตสาหะแล้ว ปรัชญาในการบริหารโรงแรมที่ครอบครัวสุโกศลยึดมั่นตลอดมาคือ ‘We serve from the heart.’ หรือการบริการที่สัมผัสใจลูกค้าให้ได้ มีเซอร์วิสที่แข็งแกร่ง และถ่ายทอดปรัชญานี้ให้พนักงานมีความเชื่อในการบริการลูกค้าแบบเดียวกันจนทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอยู่เสมอ
ตอนนี้โรงแรมเดอะ สยาม กำลังจะเปิดอีกสาขาที่เชียงใหม่ ซึ่งคุณกฤษดาบอกว่าเวลาเริ่มทำสิ่งใหม่แล้วเกิดคำถามขึ้นในใจว่า “Why do you know this is gonna work?” คำตอบง่ายๆ คือประโยคในหนัง The Matrix ที่ตอบว่า “Because it’s never been done before.” หรือ สิ่งนี้จะสำเร็จได้ ก็เพราะสิ่งนี้ไม่เคยมีใครทำมาก่อน โดยล่าสุด โรงแรม THE SIAM ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ในโรงแรมที่ดีที่สุด 50 แห่งทั่วโลก ประจำปี 2024 ของ ‘THE WORLD’S 50 BEST HOTELS 2024’ และเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน และรางวัลกุญแจมิชลิน 3 ดอก ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดของ Michelin Guide เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จระดับโลกจากการบริหารของครอบครัวสุโกศล ตลอด 50 ปีที่ทำธุรกิจมา เครือโรงแรมสุโกศลจึงมีการรีโนเวตตกแต่งโรงแรมตลอด เพื่อให้โรงแรมมีเอกลักษณ์และความเป็นออริจินัลที่ไม่เหมือนใคร
เคล็ดลับในการสานสัมพันธ์ของตระกูลสุโกศล คือ ความเชื่อว่าพื้นฐานของครอบครัวเกิดจากความรัก ธุรกิจที่ครอบครัวรักกัน มีความเข้าใจและยอมรับในกันและกันว่าใครมีจุดอ่อนกับจุดแข็งตรงไหน จะทำให้ธุรกิจเกิดผลงอกงาม เปิดโอกาสให้รุ่นหลานเข้ามาริเริ่มทำโปรเจกต์เล็กๆ แล้วรับฟังคนรุ่นใหม่เยอะๆ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ทายาทรุ่นต่อไปก็จะเกิดความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเองจากการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรง
สิ่งสำคัญคือ ทุกคนควรมี Sense of Purpose ในชีวิตตัวเองและรู้สึกดีกับตัวเอง ไม่ใช่แค่ความภาคภูมิใจในฐานะธุรกิจครอบครัวหรือสมาชิกครอบครัวเท่านั้น แต่สมาชิกครอบครัวทุกคนควรรู้ถึงคุณค่าของงานและสิ่งที่ให้ความสำคัญในชีวิตในแบบของตัวเอง โดยครอบครัวสุโกศลที่เห็นตรงกันว่า การหาความสุขกับงานที่ทำสำคัญกว่าการเร่งทำธุรกิจให้เติบโตสูง จึงเลือกไม่นำธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่สร้างความสำเร็จในแบบของตัวเอง
แง่มุมข้อคิดต่างๆ ของครอบครัว “สุโกศล” ที่ทุกคนบ่มเพาะความสัมพันธ์กันมาชั่วชีวิต จนเกิดเป็นความไว้ใจ สิ่งที่มีอยู่เต็มหัวใจในวันนี้ของครอบครัวสุโกศลคือ ความรักและความภูมิใจในธุรกิจของครอบครัว สวมหัวใจของนักบริหาร ผสานเข้ากับความเป็นศิลปิน เป็น “ครอบครัวนักธุรกิจ” ที่ประสบความสำเร็จ
Exclusive Fine Dining
เมนูอาหารที่รังสรรค์ร่วมกันของเชฟมิชลินสตาร์ จาก Chim by Siam Wisdom และ Le Du
ความพิเศษในงาน THE WISDOM GALA DINNER ครั้งนี้คือการเสิร์ฟเมนูอาหารที่สร้างสรรค์โดย 2 เชฟต่างรุ่น ต่างสไตล์อาหาร ได้แก่ เชฟหนุ่ม–ธนินธร จันทรวรรณ แห่ง Chim by Siam WISDOM เชฟรางวัลมิชลินสตาร์ 7 ปีซ้อนผู้เชี่ยวชาญอาหารไทยโบราณ และเชฟต้น–ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร แห่ง Le Du เจ้าของรางวัลลำดับที่ 4 Asia’s 50 Best Restaurants และเชฟมิชลินสตาร์ 5 ปีซ้อนผู้ถนัดอาหารไทยสไตล์โมเดิร์น
เมนูเด็ดในค่ำคืนนี้จึงเป็นอาหารไทยโบราณสูตรประยุกต์ที่นำเสนอจานในรูปแบบสร้างสรรค์และรสชาติแปลก ใหม่ สอดแทรกรสจัดจ้าน ซับซ้อนแบบอาหารไทยและปรุงด้วยเทคนิคการทำอาหารแบบใหม่ ตั้งแต่เมนูเรียกน้ำย่อย ได้แก่ แสร้งว่ากุ้งแม่น้ำย่าง อกเป็ดลาบเมือง จานอาหารหลักทั้งแกงปูใบชะพลู ปลาหิมะย่างขมิ้น ข้าวสองแผ่นดิน ต้มส้มขาหมูแบบโบราณ และของหวานไทยคือสาคูมะพร้าวอ่อน และไอศครีมน้ำตาลมะพร้าว เรียกได้ว่าเป็น legend menu ที่ครีเอตสำหรับค่ำคืนงานกาล่าจากสองเชฟโดยเฉพาะ
Exclusive Show
ดื่มด่ำกับบทเพลงไพเราะจากศิลปินระดับประเทศ
งานกาล่าครั้งนี้ได้รับเกียรติจากทั้งคุณมาริสา สุโกศล หนุนภักดี และคุณกฤษดา สุโกศล แคลปป์ ร่วมขับร้องกับศิลปินชั้นนำของประเทศ ได้แก่ คุณป๊อด–ธนชัย อุชชิน, คุณไอซ์–พาริส อินทรโกมาลย์สุต, คุณน้ำมนต์ ธีรนัยน์ ณ หนองคาย และคุณแก้ม–วิชญาณี เปียกลิ่น ที่มาร่วมแสดงโชว์พิเศษให้เป็นค่ำคืนอันน่าจดจำ
นอกจากทำธุรกิจแล้ว ครอบครัวสุโกศลยังมีบทบาทที่ชื่นชอบส่วนตัวคือการเป็นศิลปินนักร้อง หลายคนจะรู้จักคุณกฤษดา สุโกศล แคลปป์ ในนาม ‘น้อย วงพรู’ โดยคุณมาริสาเล่าว่า ตัวเธอเองก็เคยมีความฝันอยากเป็นนักร้องและคุณแม่ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจโรงแรมก็ใช้ เทคนิคการขายโรงแรมเป็นการร้องเพลงในสมัยที่ยังไม่มีออนไลน์บุ๊กกิ้งช่วยจองโรงแรม จนทุกวันนี้ครอบครัวสุโกศลมีธรรมเนียมจัดคอนเสิร์ตการกุศลทุกปีจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของครอบครัวไปแล้ว
บทเพลงที่ขับขานจากแพสชั่นการร้องเพลงที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น โดย คุณมาริสา สุโกศล และคุณกฤษดา ในค่ำคืนนี้ จุดประกายมุมมองเด่ดชัดว่า ไม่ว่าจะทำสิ่งใด ทั้งธุรกิจหรืองานอดิเรก สิ่งสำคัญคือ Enjoyment หรือความสนุกในการลงมือทำ ผสานกับ Passion หาจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ แล้วลงมือทำต่อเนื่อง
“อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด”
ปิดท้ายด้วย WISDOM กับบทเพลง Live and Learn ในตำนานของคุณกมลา สุโกศล ที่ส่งพลังเสียงร้องร่วมกันโดย คุณมาริสา สุโกศล หนุนภักดี, คุณกฤษดา สุโกศล แคลปป์, ร่วมขับร้องกับศิลปินชั้นนำของประเทศ ได้แก่ คุณป๊อด–ธนชัย อุชชิน, คุณไอซ์–พาริส อินทรโกมาลย์สุต, คุณน้ำมนต์ ธีรนัยน์ ณ หนองคาย และคุณแก้ม–วิชญาณี เปียกลิ่น