OPPORTUNITIES FROM ESG JOBS
ส่องสถิติและโอกาสประกอบอาชีพในสายงาน ESG จากเวที SET ESG Professionals Forum 2023
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราอาจจะคุ้นหูคุ้นตากับแคมเปญที่ช่วยรณรงค์ทางด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อลดผลกระทบในเรื่องของ ‘ภาวะโลกร้อน’ (Global warming) กันมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เนื่องจากอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse effect) ไม่น่าเชื่อเลยว่าในเดือนกรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมานี้ ยุคของภาวะโลกร้อนได้สิ้นสุดลงแล้ว และตอนนี้พวกเราทุกคนก็กำลังเผชิญอยู่กับยุคของ ‘ภาวะโลกเดือด’ (Global boiling) หรือภาวะที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง อ้างอิงจากคำประกาศขององค์การสหประชาชาติ (UN) กันอีกด้วย
ด้วยการเปลี่ยนแปลงจากยุคของภาวะโลกร้อนสู่ภาวะโลกเดือดที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะทั้งทางตรงหรือทางอ้อม เช่น วิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วม ภัยแล้ง ตลอดจนไฟไหม้ป่าที่พบเห็นได้ถี่และยาวนานขึ้น รวมไปถึงการเกิดโรคอุบัติใหม่ที่ทำให้เราต้องคอยอัพเดตข้อมูลทางการแพทย์กับวัคซีนกันอยู่บ่อยครั้ง ตลอดจนวิกฤตความปลอดภัยทางอาหาร (Food security) เป็นต้น ด้วยภาวะโลกเดือดเช่นนี้ ส่งผลให้เราทุกคนต้องปรับตัวและอยู่รอดกันต่อไปให้ได้อย่างยั่งยืน
ท่ามกลางวิกฤตการณ์และการเปลี่ยนแปลงมากมายของโลก สิ่งแวดล้อม สังคม และผู้คนที่ผันผวน ก็กลับสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะทั้งธุรกิจภายในประเทศหรือธุรกิจต่างประเทศที่ผู้ประกอบการหลายๆ รายสามารถปรับเปลี่ยนธุรกิจเดิม หรือพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของโลก เพิ่มขีดความสามารถของตัวเอง ตลอดจนเปิดตลาดใหม่ที่ตอบโจทย์และแก้ไข Pain Point ให้กับลูกค้าในยุคของสภาวะโลกเดือด ทั้งยังช่วยสร้างรายได้ให้แก่เหล่าผู้ประกอบการที่มากกว่าเดิม โดยเฉพาะการปรับตัวของภาคธุรกิจในการหันมาให้บริการผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เมื่อยิ่งปรับตัวได้เร็ว ก็ยิ่งเกิดประสิทธิภาพในการแข่งขัน การเข้าถึงแหล่งทุน และสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ก่อน สิ่งเหล่านี้จึงเปรียบเสมือนการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสของเหล่าผู้ประกอบการ SMEs บริษัท อุตสาหกรรม รวมไปถึงองค์กรของภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ และองค์กรของภาครัฐด้วยนั่นเอง
เมื่อยุคของสภาวะโลกเดือดยังคงดำเนินต่อไป สำหรับภาคธุรกิจและนักลงทุนแล้ว การลงทุนจึงไม่ใช่เพียงแค่การมุ่งหวังผลกำไรเท่านั้น แต่จะยังต้องดำเนินการด้วยความรับผิดชอบและประณีตมากขึ้น โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบ การจัดการด้านสังคม และการจัดการด้านธรรมาภิบาล สอดคล้องกับแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืนในปัจจุบัน โดยพิจารณาผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Corporate governance) หรือที่รู้จักกันว่า ‘ESG’ อีกด้วย
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย SET ESG Academy ร่วมกับสมาชิก SET ESG Experts Pool เครือข่ายบุคลากรที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนในการร่วมสร้าง New ESG Professionals และขับเคลื่อนตลาดทุนไทยสู่ความยั่งยืน ได้จัดสัมมนาอย่าง SET ESG Professionals Forum 2023: Together for Change ขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยภายในงานสัมมนายังเน้นถึงข้อความสำคัญของการจัดงานในปีนี้อย่าง 5 แนวโน้มความท้าทาย (Trends) ที่ภาคธุรกิจควรจะต้องจับตามองและร่วมมือกันทั้งองคาพยพ ได้แก่
- การปรับเปลี่ยนแนวทางการบริหารและจัดการห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจ (Supply Chain) จากแบบเดิมให้กลายเป็นห่วงโซ่คุณค่าที่ยืดหยุ่น (Resilient Value Chain)
- การปรับตัวขององค์กรธุรกิจในมิติสิ่งแวดล้อม เพื่อรับมือมาตรฐานและกฎเกณฑ์ระดับโลกที่เพิ่มขึ้น โดยควรเริ่มตั้งแต่การคำนวณ Baseline Emission ตั้งเป้าหมาย และปรับแผนกลยุทธ์ของธุรกิจ
- การสร้างโอกาสจาก Thailand Taxonomy ที่ช่วยสื่อสารว่าการดำเนินการของธุรกิจสร้างผลเชิงบวกจริง ไม่ได้เป็นการบิดเบือน (Greenwashing)
- ทิศทางของเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูล ESG รวมถึงประโยชน์ของข้อมูลที่มีคุณภาพเพื่อใช้วิเคราะห์และตัดสินใจลงทุน และการให้ความสำคัญกับ “กระบวนการ” ที่ได้มาซึ่งข้อมูลนั้น เพื่อสะท้อนถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านความยั่งยืนขององค์กรอย่างแท้จริง
- ความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคการศึกษาและภาคธุรกิจที่จะกลายเป็นหัวใจสำคัญเรื่องการพัฒนาความยั่งยืน
ถึงแม้ ESG จะเป็นเรื่องใหม่สำหรับใครหลายๆ คน แต่ภายในงาน SET ESG Professionals Forum 2023: Together for Change ครั้งนี้ ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้กล่าวเปิดสัมมนาเอาไว้อีกด้วยว่า ‘ “คนทำงาน” เป็นฟันเฟื่องสำคัญในการขับเคลื่อนให้องค์กรดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งบุคลากรทุกคนต้องเข้าใจและขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดความยั่งยืนจริง ไม่ว่าทำงานอยู่ในส่วนไหนหรือมีความรับผิดชอบอะไร ล้วนต้องมีความเข้าใจในประเด็น ESG เพราะ ESG เป็นเรื่องของทุกคนไปแล้ว’
ทุก ๆ หน้าที่ในองค์กรล้วนมีความสำคัญกันทั้งหมด แต่การที่จะเริ่มต้นเข้าสู่การทำงานในสายงาน ESG ได้นั้น เราเชื่อว่าหลายๆ คนคงมีคำถามอยู่ภายในใจกันไม่น้อย Capital จึงอยากชวนทุกคนเข้ามาส่องสถิติและโอกาสประกอบอาชีพในสายงาน ESG บทสรุปจากเวที SET ESG Professionals Forum 2023 ผ่าน photo album นี้ไปพร้อมกัน
งาน SET ESG Professionals Forum เป็นเวทีระดมความร่วมมือของ ESG Professionals ที่ใหญ่ที่สุดในไทยโดยจัดขึ้นเป็นประจำในทุกปี ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ facebook.com/set.or.th
5 อาชีพในสายงาน ESG ที่เปิดรับตำแหน่งมากที่สุดในไทย
แม้ ESG จะถูกหยิบนำมาพูดถึงกันในวงกว้างมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่เชื่อมั้ยว่าเทรนด์อาชีพหรือตำแหน่งงานด้าน ESG เองก็มาแรงขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ช่วงปี 2015 มาจนถึงปัจจุบัน
เมื่ออ้างอิงจาก Global Green Skills Report ในปี 2023 ของ LinkedIn แล้ว จะพบว่าตำแหน่งงานด้าน ESG ทั่วโลกนั้น มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 12.3% ในปี 2021 เป็น 24.4% ในปี 2023 และยังนับได้ว่าเป็นอัตราการเติบโตเกือบ 2 เท่าในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาอีกด้วย
นอกจากบริษัททั่วโลกกำลังต้องการบุคลากรทางสายงาน ESG แล้ว ข้อมูลจากแพลตฟอร์มหางานอย่าง LinkedIn ปี 2022 พบว่า มีตำแหน่งอาชีพด้าน ESG เปิดรับกว่า 700 ตำแหน่ง โดยตำแหน่งงานที่เปิดรับมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
- Environment, Safety and Health หรืออาชีพที่ว่าด้วยเรื่องของการบริหาร-ดูแลสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และสุขภาพภายในองค์กร
- Environmental Engineer หรืออาชีพวิศวกรสิ่งแวดล้อม
- ESG Advisor and Consultant หรือที่ปรึกษาทางด้าน ESG ในองค์กรเพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
- Sustainability Manager and Executor หรือกรรมการผู้จัดการและประธานกรรมการด้านการจัดการอย่างยั่งยืน
- Sustainability Branding and Communication หรืออาชีพที่ว่าด้วยเรื่องของการสื่อสารแบรนด์และภาพลักษณ์ธุรกิจด้านความยั่งยืน
โดยบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละตำแหน่งงาน ก็จะขึ้นอยู่กับประเภทของบริษัท องค์กร และโรงงานที่เปิดรับสมัครอาชีพนั้นๆ
ESG เป็นที่ต้องการของตลาดและจุดประกายอาชีพใหม่ๆ
นอกจาก Global Green Skills Report ในปี 2022 ของ LinkedIn ที่เคยบ่งบอกว่าตำแหน่งงานด้าน ESG ทั่วโลกเติบโตขึ้นในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาแล้ว ในช่วง 5 ปีผ่านมานี้ ตำแหน่งงานใน LinkedIn ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความต้องการบุคลากรที่มีทักษะด้านความยั่งยืนสูงขึ้นปีละกว่า 8% อีกด้วย ในขณะเดียวกัน จำนวนผู้ที่มีทักษะทางด้านนี้กลับมีเพิ่มขึ้นแค่ปีละ 6% เพียงเท่านั้น
และเนื่องจากภาคเอกชนยังขาดองค์ความรู้หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ในสายงานด้าน ESG อันเนื่องมาจากผลสำรวจจาก 50 มหาวิทยาลัยในประเทศไทยที่พบว่ามีหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนเพียงแค่ 15 หลักสูตรจาก 8 มหาวิทยาลัยเท่านั้น
สิ่งนี้จึงส่งผลให้อาชีพในสายงาน ESG เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น จนถึงขั้นสามารถจุดประกายออกมาให้เป็นอาชีพใหม่ๆ เพื่อการร่วมงานกับภาคเอกชนขนาดใหญ่ในปัจจุบันได้ก่อนด้วย เช่น ผู้ทวนสอบข้อมูล (verifier) อย่างผู้ทวนสอบคาร์บอนฟุตปรินต์, อาชีพตัวกลางที่เกี่ยวข้องอย่างผู้ดูแลแพลตฟอร์มการซื้อ-ขายคาร์บอน (Carbon Market) และอาชีพด้าน ESG ในบริษัทสตาร์ทอัพที่มีเป้าหมายในการแก้ปัญหาทางด้านสังคม รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมนั่นเอง
แม้รายชื่ออาชีพใหม่ๆ ที่กล่าวมานั้นอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นหูหรือผ่านตาใครหลายๆ คนกันสักเท่าไหร่นัก แต่งานด้าน ESG จะไม่ใช่แค่อาชีพที่เป็นเพียงแค่เทรนด์ในช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะด้วยคำกล่าวของวิทยากรจากเวที SET ESG Professionals Forum ที่จัดขึ้นครั้งแรกในปีที่แล้ว ว่า “จากเป้าหมายในด้านต่างๆ ของภาคธุรกิจ อย่างน้อยแนวคิด ESG ก็จะเติบโตไปจนถึงปี 2050 แต่จะไม่หยุดเพียงแค่นั้น เพราะอย่างไรทางภาคธุรกิจเองก็ยังคงจะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกันต่อไปเรื่อยๆ”
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ แต่ภาคธุรกิจไทยในปัจจุบันยังมีกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่มีการกำกับกิจการที่ดีและมีการทำ ESG ไปแล้วมากกว่า 70 กองทุน นับว่าเป็นมูลค่ารวมกว่า 52,451 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลให้บริษัทในประเทศไทยหลายๆ แห่ง มีความต้องการบุคลากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
งานใหม่ ‘ทักษะสีเขียว’ ในยุคคาร์บอนต่ำ
แม้งานด้าน ESG จะเป็นกระแสก็จริง แต่บริษัททั่วโลกต่างก็ต้องการบุคลากรผู้ซึ่งมีทักษะสีเขียวและบุคลากรในสายงาน ESG อยู่จำนวนมากในปัจจุบัน และแนวโน้มที่จะมีความต้องการบุคลากรเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้นในอนาคตอีกด้วย
สำหรับใครที่ต้องการเปลี่ยนตำแหน่งงาน หรือต้องการที่จะ shift จากสายงานเดิม รวมไปถึงน้องๆ คนไหนที่จบใหม่และต้องการที่จะประกอบอาชีพในสายงาน ESG เอง ก็มีความจำเป็นที่จะต้องศึกษา อัพสกิล รีสกิล และเพิ่มพูนทักษะสีเขียว (Green skills) หรือทักษะที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในตำแหน่งหน้าที่การงานของตนเองให้ดี (Sustainability) โดยทักษะสีเขียวนี้เองก็ยังสามารถก่อให้เกิดเป็นงานใหม่สีเขียว (Green jobs) ในยุคคาร์บอนต่ำหรือในยุคที่ภาคธุรกิจก็ต่างร่วมด้วยช่วยกันลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั่นเอง
ยกตัวอย่างสายงานเดิม เติมทักษะสีเขียว (Green Enhanced Skills Job) ได้แก่
- สายงานด้านวิทยาศาตร์ ที่จะต้องเติมองค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและ Climate change เชิงลึกควบคู่ไปด้วยกัน เช่น อาชีพนักวิทยาศาตร์ด้านสิ่งแวดล้อม นักธรณีวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านการผังเมือง เป็นต้น
- สายงานด้านการเกษตร ที่ต้องอาศัยองค์ความรู้มาช่วยปรับปรุงดูแลภาคการเกษตรให้มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
มากขึ้น อาทิ อาชีพนักเทคนิคการเกษตร (Agricultural Specialist) เป็นต้น - สายงานด้านการวางแผนและสถาปัตยกรรม ต้องสนใจองค์ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างอาคาร ฟังก์ชั่นที่สามารถก่อให้เกิดอากาศหมุนเวียน เทคนิคการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความรู้เรื่องกฎระเบียบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย รวมไปถึงการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่กระทบกับชุมชมรอบข้าง เช่น อาชีพสถาปนิกและนักออกแบบ ก็สามารถเปลี่ยนอาชีพมาเป็นสถาปนิกและนักออกแบบเพื่อความยั่งยืน (ESG Architecture & Design) ได้ เป็นต้น
- สายงานด้านวิศวกรรม ที่จะต้องใช้ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเฉพาะตัว โดยเฉพาะองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับระบบพลังงานสะอาด การปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างเศรษฐกิจสีเขียว อาทิ อาชีพวิศวกรด้านความปลอดภัย ก็สามารถเปลี่ยนอาชีพมาเป็นวิศวกรที่ปรึกษาและตรวจสอบความยั่งยืนด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม (Safety, Health, and Environment Consultant) ได้เช่นกัน
- สายงานด้านการรักษาความยุติธรรม ที่นอกจากเชี่ยวชาญเรื่องข้อกฎหมายและธรรมมาภิบาลแล้ว ยังจะต้องเข้าใจถึงประเด็นทางด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และประวัติศาสตร์เพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิทธิสิ่งแวดล้อมให้ได้อีกด้วย อาทิ อาชีพที่ปรึกษาด้านกฎหมายขององค์กร ก็สามารถเปลี่ยนอาชีพมาเป็นที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนขององค์กร (ESG Consultant) ได้อีกด้วย
นอกจากทักษะสีเขียวที่เราจำเป็นที่จะต้องเพิ่มพูนกันแล้ว ความใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม สกิลของการสื่อสาร ความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถในการปรับตัว ตลอดจนการคิดในเชิงออกแบบ และการมีประสบการณ์-ความรู้อย่างใดอย่างหนึ่งในด้านวิศวกรรมและเทคนิค วิทยาศาสตร์ การจัดการดำเนินงาน หรือการติดตามงานเอง ก็ถือเป็นทักษะที่สร้างรายได้สูงที่สุดในยุคนี้อีกด้วย
โดยทักษะเหล่านี้นับได้ว่าเป็นอีกปัจจัยสำคัญของการก่อให้เกิดงานใหม่สีเขียว (Green New and Emerging Jobs) หลากหลายตำแหน่งในสายงานด้าน ESG
ยกตัวอย่างส่วนหนึ่งของงานใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในยุคนี้ เช่น
- ช่างเทคนิค เช่น ช่างเทคนิคกังหันลม, ช่างติดตั้งแผงโซลาร์ และช่างเทคนิคเชื้อเพลิงชีวภาพ
- นักวิชาชีพ เช่น ผู้เชี่ยวชาญทางด้านทรัพยากรน้ำ, นักวิเคราะห์ด้านความยั่งยืน, ผู้เชี่ยวชาญด้านรีไซเคิล และผู้ทวนสอบข้อมูลคาร์บอนฟุตปรินต์
- ผู้บริหาร เช่น ผู้จัดการพลังงานหมุนเวียน และผู้บริหารด้านความยั่งยืน เป็นต้น
บริษัททั่วโลกเปิดรับบุคลากรในสายงาน ESG เพิ่มมากขึ้น
นอกจากบทสรุปของเวที SET ESG Professionals Forum 2023: Together for Change ที่อ้างอิงข้อมูลจาก Global Green Skills Report ในปี 2023 ของ LinkedIn ระบุเอาไว้ว่าสัดส่วนของตำแหน่งงานด้าน ESG ทั่วโลกมีการเติบโตมากขึ้นเกือบ 3 เท่า จาก 8% ขึ้นมาเป็น 22.4% ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเอเชียแปซิฟิกที่ภาคธุรกิจมีความต้องการจัดจ้างบุคลากรในตำแหน่ง ‘ผู้จัดการด้านความยั่งยืน’ (Sustainability manager) เพิ่มขึ้นกว่า 40% ในประเทศสิงคโปร์, 33% ในประเทศจีน และ 24% ในประเทศออสเตรเลียอีกด้วย
โดยเมื่ออ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติมจากโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) พบว่าในประเทศสหรัฐอเมริกาเอง มีการจัดจ้างงานในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นในช่วงระหว่างปี 2017-2022 กว่า 237% ขณะที่สัดส่วนของการจัดจ้างงานในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลและก๊าซธรรมชาติ กลับเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 19% เท่านั้น
แม้ไม่มีประสบการณ์ก็สามารถทำงานด้าน ESG ได้
มาถึงตรงนี้ หลายๆ คนคงทราบกันดีแล้วว่า การจะเข้ามาทำงานในสาย ESG ได้ ไม่จำเป็นที่จะต้อง shift สายการทำงานในตำแหน่งเดิมๆ เสมอไป แต่ไม่ว่าจะเรียนจบอะไรมา ทำงานอะไรอยู่ก็สามารถเติมทักษะ ESG ให้ตนเองเป็นที่ต้องการของตลาดงาน ESG ได้ ไม่ว่าจะเป็น
- วุฒิปริญญาตรีด้านบัญชี ที่เพียงแค่เพิ่มทักษะสีเขียวหรือความรู้ทางด้าน Greenhouse gas (GHG) หรือ ESG ก็สามารถเบนสายอาชีพมาเป็นนักบัญชี GHG/ESG ได้
- วุฒิปริญญาตรีด้านวิศวะ ที่เพียงแค่เพิ่มความรู้เกี่ยวกับแหล่งพลังงาน-การบูรณาการระบบพลังงาน ก็สามารถเบนสายอาชีพมาเป็นผู้จัดการด้านพลังงานทดแทนได้
- วุฒิปริญญาตรีด้านการเงิน ที่เพียงแค่เพิ่มทักษะความรู้ด้าน ESG Bond ก็สามารถทำงานในตำแหน่งนักวิเคราะห์ด้านการเงินที่ถูกมอบหมายงานตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนได้
- วุฒิปริญญาตรีด้านอื่นๆ ที่เพียงแค่เพิ่มความรู้ด้านคาร์บอนเครดิตและการซื้อ-ขายผ่าน Carbon Market ก็สามารถเบนสายอาชีพมาเป็นโบรกเกอร์ค้าคาร์บอน (Carbon broker) ได้
- วุฒิอาชีวะ ก็ยังสามารถเพิ่มพูนความรู้ในด้านระบบไฟฟ้าพลังงานลม -ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย เพื่อเข้าสู่อาชีพในสายงานด้าน ESG อย่างช่างเทคนิคพลังงานลม ได้เช่นกัน