Love Coach
ความรักมีปัญหาอยู่ไหม? ส่องธุรกิจเพื่อความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับภาพยนตร์ Long Live Love!
คำเตือน : บทความเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์
สำหรับคนชอบดูหนังโรแมนติกหวานเยิ้มแบบเรา การได้ดูหนังรักดราม่ารสชาติหวานขมสักเรื่องก็ถือเป็นเมนูตัดเลี่ยนที่นานๆ ได้กินทีก็ดีเหมือนกัน
Long Live Love! คือภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่เข้าข่ายนั้น หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่พาร์ตโรแมนติก-ดราม่าที่ช่วงหวานก็ว้านหวาน แต่พอถึงพาร์ตขมก็ขมเข้ม หนังยังมีความฮาเป็นตัวตัดเลี่ยนและความแฟนตาซีเป็นลูกเล่น
ยิ่งได้การแสดงจากตัวพ่อตัวแม่อย่าง ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ และอารยา เอ ฮาร์เก็ต รวมถึงดาวรุ่งน่าจับตาของวงการบันเทิงไทยอย่าง รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง ไหนจะ cameo นักแสดงจากเนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร–ผลงานสร้างชื่อของผู้กำกับ เท่านี้ก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
หนังเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ติดๆ ดับๆ ของสติ (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) กับเมตตา (อารยา เอ ฮาร์เก็ต) คู่รักที่คบกันมานานถึงขั้นแต่งงานมีลูกด้วยกัน สติเป็นสามีที่เป็นเหมือนฝันร้ายของภรรยา ทั้งมีชู้ ชอบไปอาบอบนวด ไม่ได้ทำตัวเป็นพ่อที่ดี ฯลฯ แต่เมื่อความสัมพันธ์ดำเนินมาถึงจุดที่กำลังจะแตกหัก สติกลับประสบอุบัติเหตุทำให้ความจำเสื่อมชั่วคราว มากกว่านั้นคือเขาค้นพบพลังวิเศษที่จะเรียกความทรงจำในอดีตให้กลับมาได้ผ่านภาพถ่ายเก่า ลำบากทั้งเมีย ทั้งลูก ทั้งคนรอบข้างที่ต้องช่วยกันเรียกความทรงจำในอดีตกลับมา ระหว่างทางนั้นชายหนุ่มก็ได้เรียนรู้คุณค่าของความสัมพันธ์ครอบครัวที่ตัวเขาเองทำให้มันร้าวฉาน ซึ่งเขาอาจจะไม่มีโอกาสได้ซ่อมแซมมันแล้วก็ได้
แน่นอนว่าเรื่องราวของสติกับเมตตานั้นไม่ได้เป็นภาพแทนของคู่รักทุกคู่ แต่อย่างน้อย Long Live Love! ก็ทำให้เราได้เห็นทั้งแง่งามและไม่งามของความสัมพันธ์ โดยเฉพาะความสัมพันธ์แบบคนรักที่คบกันมานานว่าต้องประสบพบเจออะไรบ้าง ที่สำคัญ หนังทำให้เห็นว่าการแต่งงานไม่ใช่จุดสูงสุดของความสัมพันธ์ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ที่จะมีบททดสอบตามมาอีกเป็นพรวน
ในความเป็นจริง เชื่อได้เลยว่ามีคู่รักหลายคู่ที่กำลังประสบปัญหาในความสัมพันธ์แบบสติกับเมตตา ในทำนองที่ว่าจะมูฟออนก็ไม่ได้ แต่จะให้กลับไปรักกันเหมือนเดิมก็ลำบาก ซึ่งเชื่อไหมว่าในโลกของธุรกิจ มีบริการที่เกิดขึ้นเพื่อแก้ pain point ของความสัมพันธ์แบบนี้อยู่มากมาย ตอบโจทย์ได้ไม่ว่าคุณจะอยากซ่อมความสัมพันธ์หรือเลือกจะจบมัน บางบริการกำลังเป็นกระแส บางบริการก็ทำให้อุทานว่าคิดได้ไง
และหากสติกับเมตตามีตัวตนในโลกความจริง นี่คือธุรกิจที่เราอยากแนะนำให้พวกเขาไปสมัครเป็นลูกค้า
อยากเริ่มต้นใหม่กับคนเดิม (หรือคนใหม่ก็ได้ ลุยเลยสาว!)
ปกติแล้ว เวลาคู่รักอยากซ่อมความสัมพันธ์พังๆ หลายคนต้องนึกถึงการไปหา Couples Therapist หรือนักจิตบำบัดสำหรับคู่รัก เหมือนที่เราเห็นในหนังฝรั่งหลายเรื่อง (ใน Long Live Love! ก็มีซีนไปหาหมอเพื่อเยียวยาความสัมพันธ์ฟีลนี้เหมือนกัน)
แต่ถ้าใครลองแล้วไม่เวิร์ก หรือไม่อยากจะเข้าสู่กระบวนการบำบัดขนาดนั้น เราขอแนะนำให้รู้จัก Relationship Coach หรือที่ปรึกษาด้านความสัมพันธ์
Relationship Coach หรือบางคนอาจเรียกว่า Love Coach เป็นบริการที่แตกแขนงออกมาจาก Life Coach หรือที่ปรึกษาชีวิตที่เราคุ้นชินกัน พูดอย่างนี้บางคนอาจรู้สึกหยึยๆ จากภาพจำของไลฟ์โค้ชที่เคยมี แต่ในต่างประเทศ อุตสาหกรรมไลฟ์โค้ชถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และยังเป็นที่ต้องการของคนอยู่ อาจเพราะคนบ้านเขานับว่าการปรึกษาปัญหาชีวิตกับผู้เชี่ยวชาญคือการดูแลตัวเอง (self-care) อย่างหนึ่งที่ไม่ได้มีเพียงคนรวยเท่านั้นที่ทำ แต่หลายคนต้องการมันอย่างจริงจังเพื่อจะได้ไปถึงเป้าหมายต่างๆ ของชีวิต
เป้าหมายด้านความรักก็เช่นกัน โดยหนึ่งในแบรนด์สุดป๊อปที่ให้คำปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์คือ Relationship Hero บริการให้คำปรึกษาตามสั่งที่จะแนะนำเรื่องความสัมพันธ์และการไปเดต ก่อตั้งโดย Liron Shapira ที่ได้ไอเดียมาจากวันหนึ่งที่เขาต้องไปเดตแล้วรู้สึกประหม่ามาก ไม่รู้จะคุยอะไรให้คู่เดตสนใจ แต่ก่อนไปก็ได้คำแนะนำดีๆ จากเพื่อนสนิทที่ทำให้เดตนั้นราบรื่นไปได้ เขาคิดว่าคงมีใครอีกหลายคนอยากได้คำแนะนำฟีลนี้ จึงก่อตั้ง Relationship Hero ขึ้นมา
บริการของพวกเขาก็อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้แบบสุดๆ เพราะทำได้ทั้งโทร ส่งข้อความ หรือแชตหาโค้ชได้ตลอด 24 ชั่วโมง แถมยังปรึกษาได้ตั้งแต่เรื่องเล็กจ้อยอย่างแมตช์ทินเดอร์แล้วจะทักเขาไปยังไงดี ไปจนถึงถ้าอยากเขียนเมลง้อแฟนแบบซึ้งๆ ต้องเขียนยังไง โดยมีโค้ชในสังกัดคอยให้บริการกว่า 70 คน
ให้การเลิกกันเป็นของขวัญของเรา
แต่ถ้าใครพอแล้ว อยากเลิกกับแฟนแล้ว แต่ก็ไม่อยากร้องไห้เสียใจ เราขอแนะนำวิธีรับมือกับการจบความสัมพันธ์แบบใหม่–ก็ฉลองมันซะเลยสิ!
2023 คือปีที่ทำให้เราเห็นว่านี่คือยุคแห่งการ empowering อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะรูปร่าง เพศ สีผิว ตัวตน แม้กระทั่งเรื่องการเลิกกันของคู่รักก็ไม่เว้น เห็นได้ชัดจากการเสิร์ชคำว่า ‘ไอเดียปาร์ตี้ฉลองการหย่า’ และ ‘เค้กฉลองวันเลิกกัน’ ในเสิร์ชเอนจินที่สูงขึ้นถึง 55% และ 100% ตามลำดับ ทำให้มีธุรกิจมากมายที่ผุดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ ทั้งออร์แกไนซ์อีเวนต์ฉลองการหย่า ทริปเยียวยา celebrate ความโสด หรือกล่องสุ่มที่สามารถซื้อเป็นของขวัญวันเลิกให้ตัวเอง
หนึ่งในนั้นคือ ‘The Break Up Box’ แบรนด์กล่องสุ่มจากนิวซีแลนด์ ก่อตั้งโดย Saskia Shaw หญิงสาวที่เปลี่ยนอาการใจสลายให้กลายเป็นธุรกิจ เธอเพิ่งหลุดพ้นจากความสัมพันธ์สุดท็อกซิก และได้ไอเดียในการทำสินค้ามาจากปาร์ตี้ฉลองการเลิกราที่จัดกับเพื่อนสนิท เมื่อเพื่อนๆ ถือเค้กที่เขียนว่า bye-bye toxic มาให้ ซัสเกียก็คิดว่าการให้ของขวัญตัวเองที่มูฟออนจากความสัมพันธ์แย่ๆ นี่มันช่างดีจัง
เพียงเท่านั้น ธุรกิจกล่องของขวัญเพื่อคนใจสลายของเธอก็เกิดขึ้น โดยหยิบประโยค bye-bye toxic มาตั้งเป็นหนึ่งในชื่อคอลเลกชั่นกล่องของขวัญ ก่อนจะตามมาด้วยคอลเลกชันอื่นๆ ที่ล้วนตั้งใจเชียร์อัพผู้รับว่าเธอสวย เธอปัง และคนแบบเธอหาแฟนใหม่ได้อยู่แล้ว เช่น The Glow Up Collection, The Cheated On Collection, The Get Back On It Collection ซึ่งแต่ละกล่องก็เต็มไปด้วยไอเทมฮาๆ ไปจนถึงสินค้า self-care ชุบชูใจ ทั้งสครับผิว ช็อกโกแลต หลอดรูปจู๋ ไปจนถึงถุงยาง
รักตัวเอง พูดง่าย ทำยาก…แต่ฝึกได้นะ
หรือหากใครไม่ใช่สายปาร์ตี้ แต่ยังอยากหากิจกรรมที่จะทำให้รักตัวเองได้ดีขึ้น (แบบเมตตาใน Long Live Love!) เราขอแนะนำสินค้าตัวช่วยฝึกฝนเรื่อง self-love ที่จะทำให้คุณกลับมารู้สึกเต็มในตัวเองอีกครั้ง
ถ้าลองเสิร์ชในเว็บไซต์จะเห็นได้เลยว่ามีสินค้า self-love practice ผุดขึ้นมามากมาย แต่หนึ่งในไอเทมที่เราอยากหยิบมาแนะนำคือการ์ดเกม 150 New Ways To Love Yourself จากแอ็กเคานต์ไอจีดัง We’re Not Really Strangers ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงก็ไม่ได้ตั้งตนเป็นธุรกิจอะไรขนาดนั้น แต่ Koreen เจ้าของแอ็กเคานต์คือศิลปินและนางแบบที่มีงานอดิเรกคือทำการ์ดเกมว่าด้วยความสัมพันธ์ และคงจะดีไม่น้อยที่มีโอกาสขายสินค้าให้ฟอลโลว์เวอร์หลักล้านของเธอ
และนางก็ไม่ได้ทำเล่นๆ เพราะการ์ดเกม New Ways To Love Yourself ถูกออกแบบมาให้เล่นสนุก เต็มไปด้วยคำถามและกิจกรรมที่ฉุกคิด ท้าทายผู้เล่น โดยตัวการ์ดเกมแบ่งออกเป็น 3 เลเวลคืออดีต (เพื่อย้อนกลับไปดูว่าผ่านอะไรมา หลงลืมคนที่เคยเป็นในอดีตไปหรือเปล่า กลับไปจูนกับเขาได้ไหม) ปัจจุบัน (ยอมรับตัวเองในปัจจุบันกันเถอะ) และอนาคต (สำรวจว่าอยากจะโตไปเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นไหน) ให้คุณเล่นกับตัวเองหรือเพื่อนได้อย่างสนุกสนาน
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดขึ้นเพราะอยากให้ทุกคนมั่นใจว่า ในวันที่ไม่มีคนรักข้างกาย คุณก็สามารถโอบกอดตัวเองอย่างเต็มแขนได้เช่นกัน
อ้างอิง