POEM
ย้อนเรื่องราวของยานแม่ ที่ทำให้สาวๆ อยาก Wear POEM แบรนด์ที่เข้าใจสรีระและภาษากายมนุษย์
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงอยู่ขณะนี้ หลังจาก ฌอน–ชวนล ไคสิริ ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของ POEM ได้โพสต์คลิปเล่าถึงเรื่องราวของคุณหมออินฟลูเอนเซอร์สาวที่มาลองชุดในร้าน POEM แล้วเล่าว่าไม่ประทับใจในบริการ ถึงแม้เรื่องราวนี้ยังต้องรอข้อสรุปที่ชัดเจนจากทั้งสองฝ่าย แต่นั่นก็ทำให้ POEM ถูกกลับมาพูดถึงอีกครั้ง
Recap ในตอนนี้จึงขอพามาขึ้นยานแม่ ย้อนเรื่องราวว่าอะไรที่ทำให้สาวๆ อยาก Wear POEM นอกจากเอกลักษณ์การออกแบบที่ช่วยเน้นสรีระให้ใส่แล้วเอวสับ กับดีไซน์ที่อยู่เหนือกาลเวลาแล้ว ยังแฝงไปด้วยอุดมการณ์ที่ณอนมองว่าหากแวะเวียนมาหน้าร้านสักครั้งจะสัมผัสสิ่งที่เขาอยากสื่อสารเพียงแค่ลองสวมใส่
จากลูกช่างตัดเสื้อที่ฝันอยากสร้างแบรนด์ สู่หนี้หลักแสนในวัย 22 ปี
ฌอนจับพลัดจับผลูเรียนสถาปัตย์ จุฬาฯ และได้ค้นพบความสนใจเฉพาะทาง นั่นคือการทำเสื้อผ้าสำหรับละครเวทีสถาปัตย์ ด้วยความที่สนใจเสื้อผ้าเป็นทุนเดิม มีแม่เป็นช่างตัดเสื้อ จึงได้รับโอกาสให้ทำเสื้อผ้าทุกปี และในช่วงปิดเทอม ฌอนจะนำเสื้อผ้า ชุดคอร์เซตกลับบ้านเพื่อนำไปศึกษากับแม่ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาได้พบองค์ประกอบคู่ตรงข้ามอย่างหนึ่งในชีวิต คือแม้จะเติบโตมาในร้านตัดเสื้อของแม่ แต่ฌอนกลับไม่ชอบผลงานของแม่เท่าไหร่นัก
ฌอนตัดสินใจสานฝันสร้างแบรนด์ของตัวเองในวัย 22 และยังเป็นยุคฟองสบู่แตกที่ผู้คนไปนิยมตัดเสื้อผ้าใส่เอง นั่นทำให้เขามีค่าใช้จ่ายก้อนโต 120,000 บาทต่อเดือน จากการคิดเร็วทำเร็ว ตัดสินใจเช่าหน้าร้านที่สยาม
ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ฌอนได้นำเสื้อผ้าที่ตนเองออกแบบ โดยมีแม่รับหน้าที่ทำแพตเทิร์นไปฝากขายในร้านผลตอบรับก็ค่อนข้างดี และมักจะได้รับคำถามว่า “น้องหาช่างจากที่ไหน นี่ฝีมือดีระดับแบรนด์เนมเลยนะ” นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ฌอนมองเห็นความเป็นไปได้ที่จะสร้างแบรนด์ POEM และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เห็นคุณค่าของงานที่แม่ทำ
แบรนด์มีเอกลักษณ์และตัวตนที่ชัดเจน
ฌอนเล่าว่า POEM มีภาพชัดเจนว่าผู้หญิงของเราเป็นยังไง ซึ่งแทบจะไม่ใช่กระแสหลักในเวลานั้น เนื่องจากเทรนด์แฟชั่นที่เห็นส่วนใหญ่จะมาแนวสดใส ผู้หญิงทุกคนแต่งตัวเหมือนตุ๊กตา ขณะที่ผู้หญิงของ POEM ไม่ใช่แบบนั้น เขาจึงใช้เวลากว่า 6 ปีในการบาลานซ์ความเป็น POEM ให้เข้ากับเทรนด์แฟชั่น โดยไม่ลืมว่ากำลังทำธุรกิจ สินค้าต้องถ่ายทอดตัวตนของแบรนด์ และที่สำคัญคือต้องขายได้
เมื่อเวลาผ่านไป POEM เริ่มเป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับมากขึ้น ก็มาถึงความท้าทายใหม่ ด้วยความที่ภาพจำของ POEM คือ ผู้หญิงแบบสุดโต่ง คำถามจากสังคมที่ส่งผ่านมาถึงฌอนจึงเป็นคำถามที่ว่า ‘คุณจะสร้าง empowering ให้ผู้หญิงยังไง’
ในฐานะแฟชั่นดีไซเนอร์ ฌอนพยายามปลูกฝังการทำคอร์เซตให้คนเจเนอเรชั่นต่อไป ถือเป็นคุณค่าเชิงวัฒนธรรมที่ต้องการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งคุณค่าเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงสามารถแต่งตัวยังไงก็ได้ ตราบใดที่รู้จักตัวเอง รู้กาลเทศะ และรู้เรื่องการบริหารการเงิน
เคารพความหลากหลายและทำให้สังคมดีขึ้น
POEM สื่อสารเรื่องความงามของผู้หญิงในอุดมคติผ่านเสื้อผ้าแบบคอร์เซตมาตลอด จึงนำไปสู่การสร้างสรรค์เสื้อผ้า Collection Autumn-Winter ปี 2022 โดยแบรนด์ได้เลือกใช้ ‘น้ำตาล ชลิตา’ พรีเซนต์เสื้อผ้า และในส่วนของรันเวย์ แบรนด์เลือกนางแบบ plus size ที่สวมใส่ชุดเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องกายภาพในเชิงความหลากหลาย
เพราะความหลากหลายในมุมมองของ POEM ไม่ใช่แค่เรื่องเพศ ไซส์ สีผิว หรือเชื้อชาติ แต่ยังรวมถึงความหลากหลายเรื่องนามธรรมอย่างการอยู่ร่วมกันในสังคมของคนที่มีความคิดเห็นทางการเมืองแตกต่างกัน
ณอนมองว่าการบาลานซ์ระหว่างความหลากหลายและอุดมการณ์คือสิ่งที่ดีไซเนอร์ต้องทำตลอดชีวิต ผ่านการส่งต่อข้อมูลบางอย่างและสร้างความเคลื่อนไหวให้สังคม เพราะงานแฟชั่นที่ทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่แค่การสร้างมูลค่าให้ชีวิต แต่เป็นการสร้างความเคลื่อนไหวให้สังคมเปลี่ยนไปในทางที่ดี และในอนาคตต้องการให้งานของ POEM อยู่ในประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงทางสังคมไทย
การออกแบบที่มีเอกลักษณ์จากความเข้าใจเรื่องสรีระ
ณอนได้เล่าผ่านช่องยูทูบของตัวเองที่ชื่อ ‘ศูนย์บัญชาการยานแม่’ ว่าตลอดระยะเวลา 20 ปีในการเป็นดีไซเนอร์แบรนด์ POEM เขาหยิบแนวคิด ‘การใช้เหตุผลกับความงาม’ ที่ได้มาจากการเรียนสถาปัตย์มาปรับใช้ในการออกแบบแฟชั่น ทำให้เกิดความเข้าใจเรื่องสรีระและบุคลิกของคนใส่เป็นสิ่งที่ทำให้การออกแบบแฟชั่นมีหลักการแห่งความงามที่สมเหตุสมผล มากไปกว่านั้นการเข้าใจเรื่องสัจจะแห่งสรีระที่หลากหลาย ยังต่อยอดจุดประกายสร้างแนวทางแห่งสไตล์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อีกด้วย
การศึกษาเรื่อง ‘Body Typing System’ หรือระบบการจำแนกประเภทรูปร่างและสรีระของมนุษย์ และเรื่อง ‘Language of Body Types’ หรือภาษากายที่สื่อสารด้วยการแสดงออกทางร่างกาย ทำให้เขาเข้าใจสัจจะแห่งสรีระ และรับมือกับคลื่นพลังงานที่แต่ละคนแผ่ออกมาในช่วงความถี่ที่แตกต่างกัน
ทั้งหมดนี้ณอนนำมาปรับใช้กับการออกแบบ POEM ให้เป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่ไม่เพียงแต่เข้าใจสรีระของคน แต่ยังเข้าถึงอารมณ์และสะท้อนตัวตนของผู้สวมใส่ จึงไม่แปลกใจว่าทำไม POEM ถึงขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ในฝันของสาวๆ หลายคน จนเกิดวลีเด็ดที่ว่า ‘อยากขึ้นยานแม่ต้อง Wear POEM‘