Peach Fuzz
Color of The Year ส่งผลต่อธุรกิจยังไง แล้วทำไม Pantone ถึงมีอิทธิพลในการกำหนดสีประจำปี
เป็นธรรมเนียมประจำช่วงปลายปีไปแล้ว สำหรับการประกาศสีประจำปี หรือ Color of The Year ของ Pantone
ล่าสุด Pantone ได้ประกาศสีแห่งปี 2024 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสีที่ขึ้นโพเดียมในปีนี้คือ Peach Fuzz ซึ่งเป็นสีในโทนอบอุ่น มีความละมุน อยู่ระหว่างสีชมพูและส้ม ซึ่งทางแพนโทนให้เหตุผลว่า พีชมาจากคำว่า ‘ลูกพีช’ ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น และ Fuzz มาจากคำว่า Fuzzy ที่แปลว่า อบอุ่นใจ เปรียบได้กับลูกพีชที่มีความอ่อนโยน นุ่มนวล เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการโอบกอดความคิด ร่างกาย และหัวใจ
Peach Fuzz เป็นสีที่เหมาะกับการตกแต่งบ้าน ทำเครื่องสำอาง หรือแม้กระทั่งการทำสินค้าในอุตสาหกรรมอื่นๆ เพราะฉะนั้นสี Peach Fuzz จึงเป็นสีที่ค่อนข้างใช้ง่ายเมื่อเทียบกับสีประจำปี 2023 ที่เป็นสี Viva Magenta หรือสี Very Peri ของปี 2022 ที่มีโทนร้อนหรือโทนเย็นอย่างชัดเจน
ว่าแต่สงสัยกันไหมว่า การเลือกสีประจำปีของ Pantone มีความสำคัญยังไง ทำไมสื่อถึงให้พื้นที่ในการรายงาน และอุตสาหกรรมต่างๆ ให้ความสำคัญ
Pantone เป็นบริษัทที่ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับธุรกิจการพิมพ์ และการออกแบบในสหรัฐฯ ที่คนในวงการออกแบบหรือสิ่งพิมพ์รู้จักกันในนามผู้กำหนดมาตรฐานการเทียบสีที่ใช้ในโรงพิมพ์ ซึ่งระบบจับคู่สีของ Pantone ถือกำเนิดขึ้นในปี 1963 เพื่อแก้ปัญหาการจับคู่สีที่ซับซ้อนในอุตสาหกรรมการพิมพ์ ด้วยความที่อยู่มานาน มีรวมพลผู้เชี่ยวชาญในแขนงที่เกี่ยวข้องไว้จำนวนมาก ทำให้ Pantone มีระบบการจับคู่สีที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
ในปี 1986 Pantone ได้ก่อตั้งสถาบัน Pantone Color institute เพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับทิศทางของสีกับแบรนด์และนักออกแบบ โดยตั้งแต่ปี 2000 สถาบัน Pantone ได้ประกาศ Color of The Year หรือสีแห่งปีเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นไกด์ไลน์สำหรับการสร้างแบรนด์ การตลาด และการออกแบบดีไซน์ต่างๆ ซึ่งได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบันสีของ Pantone กลายเป็นสีมาตรฐานที่ทั่วโลกใช้กัน เหมือนภาษาสีที่นักออกแบบใช้คุยกัน เพื่อที่จะได้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน ตัวอย่างเช่น หากต้องการทำนามบัตรสีน้ำเงิน จะเลือกใช้น้ำเงินโทนไหน ถ้าคุณรู้ว่าสีน้ำเงินที่ชอบรหัสโค้ดสีอะไร การทำงานในขั้นตอนถัดไปก็ง่ายขึ้น
หนึ่งในความสำเร็จของ Pantone คือ การตั้งชื่อสีโดยใช้คำหรือวลี แทนการใช้ตัวอักษรหรือตัวเลขมาตรฐาน เช่น Classic Blue, Tangerine Tango หรือ Rose Quartz เป็นต้น โดยชื่อสีแต่ละชื่อล้วนน่าสนใจ สะท้อนบุคลิกของสีนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี แม้แต่บริษัทเทคโนโลยีในซิลิคอนแวลลีย์ก็ยังนำสีจาก Pantone มาใช้เป็นแนวทางในการผลิตสินค้า
‘สีที่สะท้อนความรู้สึกของผู้คน’
ก่อนจะมีการประกาศสีแห่งปี แต่ละปีคณะกรรมการและนักวิเคราะห์สีของ Pantone จะศึกษาและหาข้อมูลในทุกแง่มุมของสังคม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมบันเทิงแฟชั่น การตลาด โซเชียลมีเดีย การเมือง หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ที่ดึงดูดความสนใจคนทั่วโลกตลอดปี เพื่อเฟ้นหา Color of The Year ที่จะเป็นตัวแทนของปีต่อไป
ไม่ใช่แค่การกำหนดทิศทางสีในตลาดเท่านั้น เป้าหมายการกำหนดสีของ Pantone ยังสะท้อนอารมณ์และความรู้สึกของคนทั่วโลกในแต่ละปีด้วย ตัวอย่างเช่น ในปี 2022 ที่ Pantone ประกาศให้สี Very Peri เป็นสีแห่งปี ซึ่งเป็นสีที่เกิดจากการผสมสีฟ้าที่สื่อถึงความสงบ เข้ากับสีแดงที่สื่อถึงความกล้าหาญ ออกมาเป็นสีที่ให้กำลังใจคนทั่วโลกที่สามารถเอาชนะโควิด 19 ได้
หรือสีประจำปี 2016 ซึ่งเป็นปีแรกที่มี 2 สีคือ Rose Quartz และ Serenity เป็นการรวมกันของสีโทนร้อนและอุ่น แสดงถึงสมดุลในปีที่จะมีการเลือกตั้งสหรัฐฯ และเป็นสีที่แสดงถึงความก้าวหน้าในด้านความเท่าเทียมทางเพศ
‘Color of The Year ส่งผลต่อธุรกิจยังไง’
การที่ Pantone ประกาศ Color of The Year ในช่วงปลายปี ช่วยให้คนทำธุรกิจสามารถวางแผนหรือเตรียมการสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ง่ายขึ้น และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการทำวิจัยตลาดเพื่อหาสีที่ใช่ในปีนั้นๆ
หลังจากที่ Pantone ประกาศสีแห่งปี แบรนด์สินค้าหลายร้อยแบรนด์ทั่วโลกพร้อมนำสีเหล่านั้นไปใช้กับสินค้าทันที เช่น ในปี 2020 ที่ทาง Pantone ได้ประกาศให้สี Classic Blue เป็นสีแห่งปี และต่อมาในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน Apple ได้เปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ที่เป็นสีน้ำเงิน หรือแบรนด์เครื่องสำอางเกาหลี VDL ที่ออกคอลเลกชั่นโดยใช้สี Living Coral ซึ่งเป็นสีประจำปี 2019 เน้นโทนสีส้มปะการังที่เหมาะกับสาวๆ
แน่นอนว่าการนำสีที่อยู่ในกระแสมาใช้ย่อมส่งผลดีต่อแบรนด์ในเรื่องของภาพลักษณ์ ทำให้แบรนด์ดูสร้างสรรค์ ทันสมัย ทำให้สินค้ามีความน่าสนใจยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม สีที่ Pantone แนะนำเป็นเพียงการพยากรณ์แนวโน้มเทรนด์สีสำหรับผู้บริโภค ซึ่งหมายความว่าสีดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้สำหรับผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและงานออกแบบต่างๆ แบรนด์สามารถนำสีเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างอิสระ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องรีแบรนด์ หรือเปลี่ยนภาพลักษณ์แบรนด์ไปทุกปี
การประกาศสีแห่งปีของ Pantone ไม่เพียงแต่จะสำคัญสำหรับนักออกแบบ แต่ยังสำคัญต่อเจ้าของแบรนด์ และนักการตลาดเช่นกัน ดังนั้นนี่จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่คุณจะใช้ประโยชน์จากสีแห่งปี ไม่ว่าคุณจะขายอะไร มีสินค้าหรือบริการใด หากมองเห็นโอกาสหรือเห็นภาพว่าสีแห่งปีมีความสอดคล้องกับแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ คุณอาจคว้าบางโอกาสก่อนคู่แข่งได้ด้วยสีเหล่านี้
ข้อมูลจาก