A Craft of Mine

เบื้องหลังนักขุด ค้นหาความหมายและเรื่องราวของ Minecraft วิดีโอเกมที่ขายดีที่สุดตลอดกาล

ไม่ว่าจะเป็นคนเล่นหรือไม่เล่นเกม เชื่อว่าหลายคนคงเคยผ่านตาผ่านหูมากับเกมแนว Sandbox ที่หน้าตาเกมเป็นบล็อกสี่เหลี่ยมบนพื้นที่ว่างในโลกเสมือนจริงที่ดูไม่สมจริงอย่าง Minecraft 

ความเจ๋งของ Minecraft อาจไม่ได้อยู่ที่ภาพเทคโนโลยีแบบสวยๆ ในโลกเกมทันสมัย แต่ความที่เป็นเกมแนว Sandbox ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ทำอะไรอย่างอิสระตามความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง 

นี่แหละคือความสนุกที่แท้จริง 

แม้ว่า Minecraft จะเป็นเกมแนวสร้างโลกในฝันที่ผู้เล่นสามารถ ขุด (mine) และสร้าง (craft) สิ่งต่างๆ ได้อย่างอิสระ อันเป็นที่มาของชื่อเกม ทว่าแต่ละคนก็ให้คำจำกัดความของประสบการณ์ในเกมที่แตกต่างกัน บางคนอาจต้องการสร้างโลกในอุดมคติ ขณะที่บางคนอาจต้องการสร้างโลกสุดแหวก Minecraft ไม่ได้จำกัดสิ่งเหล่านั้น แต่โลกทั้งใบในเกมสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามที่ผู้เล่นแต่ละคนต้องการ และยังเล่นได้หลายวิธี

ไม่แปลกที่คนจำนวนมากใช้เวลาไปกับการเล่น Minecraft หลายชั่วโมง ทำให้ตัวเกมยังคงได้รับความนิยมจากเหล่าเกมเมอร์หลายล้านคน แม้จะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2011 หรือ 14 ปีมาแล้ว ยังไม่นับผลกระทบที่มีต่อโลกแห่งความเป็นจริงอีกมากมาย จนกลายเป็นวิดีโอเกมที่ขายดีที่สุดตลอดกาล

ความฮิตของ Minecraft ได้รับการยืนยันอีกครั้งในปีนี้ หลังจากภาพยนตร์สัญชาติอเมริกันอย่าง A Minecraft Movie (2025) เข้าฉาย และทำรายได้กว่า 399.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอเมริกาและแคนาดา และ 476.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก รวมเป็น 876.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลวันที่ 6 พฤษภาคม 2568) กลายเป็นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของปี 2025 และเป็นภาพยนตร์จากวิดีโอเกมที่ทำเงินสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ตลอดกาล

ไม่ว่าคุณจะเคยสร้างปราสาทสุดอลังการ ขุดบังเกอร์ใต้ดินที่เป็นความลับ หรือผจญภัยในถ้ำสุดหลอน อาจต้องเคยสงสัยว่าเรื่องราวเบื้องหลังของ Minecraft เป็นยังไง วันนี้คอลัมน์ Biztory จะพาไปค้นหาคำตอบกัน

เริ่มขุด

เรื่องราวการผจญภัยของ Minecraft เริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม ปี 2009 ที่เมืองสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน 

Markus Persson โปรแกรมเมอร์ผู้ทำงานให้ King บริษัทเกมเจ้าของผลงาน Candy Crush Saga รู้สึกถูกจำกัดด้วยกฎขององค์กร เขาใฝ่ฝันและปรารถนาที่จะแสดงออกถึงอิสระในการสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ จึงตัดสินใจลาออกเพื่อโฟกัสกับเกมที่กำลังทดลองสร้าง เกมนั้นได้แรงบันดาลใจจากเกมพีซีคลาสสิกที่เขาชื่นชอบเมื่อครั้งเป็นเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Dungeon Keeper, Dwarf Fortress และเกมอินดี้ชื่อดังอย่าง Infiniminer ที่เป็นเกมขุดเหมืองแนว Sandbox

มาร์คุสเริ่มปรับแต่งและผสมผสานอิทธิพลจากเกมที่เป็นแรงบันดาลใจเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างสิ่งที่แปลกใหม่ กระทั่งเกมเวอร์ชั่นแรกได้ปล่อยผ่านเว็บให้เล่นฟรี และเกมนั้นมีชื่อว่า Minecraft Classic

ในช่วงแรก Minecraft ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มากนัก ในเกมมีแต่บล็อก บล็อก และบล็อกนับไม่ถ้วน หากแต่ภายใต้กราฟิกที่เรียบง่ายนั้น มี ‘ความเป็นไปได้’ มากมายที่รอเหล่าเกมเมอร์ผู้อยากรู้อยากเห็นมาค้นหา

แต่หลังจากนั้นไม่นาน เกมเริ่มได้รับความนิยมแบบ ‘ปากต่อปาก’ ในกลุ่มเกมเมอร์ และชุมชนเกมอินดี้ ผู้ที่ชื่นชอบเกมอินดี้ต่างมองว่านี่คือสวรรค์ของ Sandbox–สถานที่ที่จินตนาการสามารถโลดแล่นได้เต็มที่ กระทั่งเริ่มได้รับคำวิจารณ์ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ 

ในแง่คำวิจารณ์เชิงบวก Minecraft ได้รับการชื่นชมในฐานะที่เป็นเกมแนว Sandbox ที่แตกต่างไปจากเกมอื่นๆ ในเวลานั้น และในแง่ความคิดสร้างสรรค์ของผู้เล่นที่สามารถสร้างอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นปราสาทหรือเครื่องจักร รวมถึงโลกที่สร้างขึ้นได้อย่างไม่สิ้นสุด ทำให้ไม่มีประสบการณ์ใดที่ซ้ำกันเลย

แต่มีชอบย่อมมีไม่ชอบ Minecraft ก็โดนหนักใช่เล่น ตัวกราฟิกของเกมถูกวิจารณ์ว่า ‘น่าเกลียด’ ด้วยภาพที่มีความคมชัดต่ำและเป็นบล็อก นักวิจารณ์หลายคนใช้คำว่า ‘ล้าสมัย’ ด้วยซ้ำ ยังมีเรื่องที่ผู้เล่นและนักวิจารณ์บางคนพบว่าการขาด ‘เป้าหมาย’ หรือ ‘คำแนะนำ’ ในเกมนั้นน่าหงุดหงิดไม่ใช่น้อย รวมถึงข้อบกพร่องและความไม่เสถียรในเกมเวอร์ชั่นอัลฟ่าและเบต้า

อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจสำหรับ Minecraft และมาร์คุส ผู้สร้างเกม ซึ่งเหล่าแฟนเกมเรียกเขาว่า ‘Notch’ และยกย่องว่าเขาเป็นผู้วางรากฐานให้กับเกมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดเกมหนึ่ง

ขุดขึ้นมาเล่น

หลังจากปีแรกของการปล่อยเกมผ่านไป Minecraft ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด มาร์คุสมองเห็นศักยภาพอย่างชัดเจนว่านี่ไม่ใช่แค่เกมอีกต่อไป แต่เป็น ‘การปฏิวัติวงการเกม’

เพื่อให้ทันต่อการเติบโตและความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นของแฟนๆ มาร์คุสจึงก่อตั้ง Mojang Studios ขึ้น สตูดิโอแห่งนี้ทำหน้าที่เป็นแหล่งบ่มเพาะที่เหล่าผู้มีความคิดสร้างสรรค์มารวมตัวกันเพื่อเพิ่มรายละเอียดใหม่ๆ รับฟังคำติชมจากกลุ่มเกมเมอร์ แก้ไขปัญหา และทำให้ Minecraft เติบโตเป็นจักรวาลที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

ในช่วงนี้ Minecraft เติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่มีการเปิดตัว และการอัพเดตแต่ละครั้งก็ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่แฟนๆ ทั่วโลกรอคอย ตัวเกมเพิ่มโหมด Survival, ระบบ Crafting, ศัตรู (mobs), การสำรวจโลกแบบสุ่ม (procedural generation) คุณสมบัติต่างๆ เช่น สัตว์ สภาพอากาศ กลไกที่ซับซ้อน หมู่บ้าน ป้อมปราการ ป้อมปราการเนเธอร์ และเหมือง 

ขณะที่ความนิยมของเกมเติบโตอย่างรวดเร็วผ่านยูทูบและการไลฟ์สตรีม เช่น ช่อง Yogscast, CaptainSparklez

Minecraft เติบโตขึ้น กระทั่งพฤศจิกายน ปี 2011 Minecraft 1.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ที่ MineCon เมืองลาสเวกัส ตัวเกมยังพร้อมให้เล่นบน Windows, macOS และ Linux แล้ว ในเวลานั้น สื่อใหญ่ๆ เช่น IGN, GameSpot และ PC Gamer ให้คะแนน Minecraft สูงมาก และก็เริ่มถูกพูดถึงในงานใหญ่ๆ เกี่ยวกับเกม หรือกระทั่งในแวดวงการศึกษา

Minecraft กลายเป็นเกมที่นักวิจารณ์ชื่นชอบ แม้ไม่ได้หวือหวาในตอนแรก แต่เมื่อได้ลองเล่นแล้ว เหล่าเกมเมอร์ก็เริ่มมองเห็นศักยภาพของเกม กระแสเหล่านี้ทำให้เกมเริ่มฮิต จากเกมอินดี้ใต้ดิน จึงถูกขุดขึ้นมาโชว์ตัวแก่สายตาโลก

และภายในเวลาไม่นาน Minecraft ก็กลายเป็นหนึ่งในเกมที่ขายดีที่สุดตลอดกาล

ขุดแล้วขุดอีก

ภายหลังความสำเร็จระดับปรากฏการณ์ ในปี 2014 Microsoft ประกาศเข้าซื้อ Mojang และสิทธิ์ในเกม Minecraft ด้วยมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ภายหลังการซื้อ-ขายสำเร็จ ก็ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อมาร์คุสประกาศลาออก เนื่องจากเขา ‘ไม่ต้องการความสนใจในระดับนั้น’

มาร์คุสเคยเล่าเกี่ยวกับเบื้องหลังการลาออกในโพสต์และแถลงการณ์ของเขา ว่ามาจากเหตุผลสำคัญหลายประการ เช่น ความเครียด แรงกดดัน เขาไม่เคยต้องการเป็น ‘สัญลักษณ์’ หรือ ‘ตัวแทน’ ของบริษัทขนาดใหญ่ ความสำเร็จของ Minecraft ทำให้เขาต้องเผชิญกับแรงกดดันจากสาธารณชนและความคาดหวังในระดับสูง ซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ

“ผมไม่ต้องการเป็นตัวแทนที่ต้องรับผิดชอบสิ่งใหญ่โตที่ผมไม่เข้าใจ ผมไม่อยากทำงานเกี่ยวกับมัน แต่มันก็ยังคอยกลับมาหาผมตลอดเวลา”

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง เมื่อ Minecraft กลายเป็นเกมระดับโลก การบริหารจัดการและการตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้เล่นและองค์กรกลายเป็นภาระใหญ่ มาร์คุสจึงรู้สึกสูญเสียการควบคุมด้านความคิดสร้างสรรค์ไป เขาต้องการทำโปรเจกต์เล็กๆ มากกว่าบริหารผลิตภัณฑ์ระดับโลก

มาร์คุสกลัวว่าหากเขายังคงอยู่กับบริษัทต่อ แล้ววันหนึ่งทุกอย่างแย่ลง เขาอาจถูกตำหนิ การลาออกจึงเป็นวิธีที่ดีสำหรับเขาในการปกป้องตัวเองและชื่อเสียงของเกม และการขายบริษัทให้ Microsoft คือทางออกที่ชัดเจนที่สุด

หลังดีลเสร็จสิ้น มาร์คุสกล่าวว่า “มันไม่ใช่เรื่องเงิน มันเป็นเรื่องสุขภาพจิตของผมต่างหาก” หลังจากลาออก มาร์คุสกลับไปใช้ชีวิตส่วนตัวและห่างไกลจากวงการเกม ขณะที่การพัฒนา Minecraft ยังคงดำเนินต่อไปภายใต้การดูแลของ Microsoft 

ขุดพบของมีค่า

Minecraft ในมือของ Microsoft เติบโตขึ้นในหลายด้าน ตัวเกมยังอัพเดตสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการอัพเดตสำคัญอย่าง Combat Update (1.9), Village & Pillage (1.14), Nether Update (1.16), Caves & Cliffs (1.17–1.18), และ The Wild Update (1.19) ทำให้เกมสดใหม่และอยู่ในความสนใจของเกมเมอร์

นอกจากนี้ Microsoft ยังผลักดันให้ Minecraft เล่นข้ามแพลตฟอร์ม (cross-platform) ได้ ทั้งการเปิดตัว Bedrock Edition ซึ่งรวมเวอร์ชั่นของคอนโซล มือถือ และ Windows 10 ให้เล่นร่วมกันได้ รวมถึงรองรับการเล่นข้ามอุปกรณ์ ระหว่าง Xbox, Nintendo Switch, มือถือ และพีซี 

ขณะที่ตัวเกมได้รับความนิยมมหาศาล มียอดขายมากกว่า 300 ล้านชุด (ข้อมูลปี 2023) กลายเป็นเกมที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ และมีฐานผู้เล่นเกือบ 170 ล้านคนต่อเดือน 

ในปี 2025 ยังได้รับคำชมเชยจากนักวิจารณ์ ได้รับรางวัลมากมาย และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในวิดีโอเกมที่ดีที่สุดตลอดกาล

จุดสำคัญอีกข้อคือ Minecraft สร้างผลกระทบต่อวงการอื่นนอกจากเกมอีกมากมาย รวมถึงเป็นสื่อการเรียนรู้ในแวดวงการศึกษา หลายโรงเรียนทั่วโลกใช้ Minecraft: Education Edition เพื่อสอนวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ การเขียนโปรแกรม หรือแม้แต่วัฒนธรรม นอกจากนี้ตัวเกมยังได้รับคำชื่นชมในการส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ การทำงานเป็นทีม และการออกแบบ

พลังของชุมชน Minecraft ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เกมนี้เติบโตต่อเนื่องมากว่า 15 ปี ทั้งบทบาทในการพัฒนาเกม ทำให้เกิดวัฒนธรรมย่อย เช่น Minecraft Roleplay, Skyblock หรือ Speedrunning จนทำให้ Minecraft กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกในหลายแง่มุมที่น่าทึ่ง

อาจกล่าวได้ว่าพลังของชุมชน Minecraft ไม่ใช่แค่ทำให้เกมอยู่รอด แต่ช่วยนำพาเกมให้กลายเป็นแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และการรวมพลังของผู้คนจากทั่วโลกได้อย่างแท้จริง ที่สำคัญมันได้สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กรุ่นใหม่อยากเป็นนักพัฒนาเกมอีกด้วย

ขุดอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน Minecraft ยังคงเติบโตต่อเนื่องด้วยจำนวนผู้เล่นนับล้านที่ยังคงเล่นเกมทุกเดือนและมีการอัพเดตที่น่าตื่นเต้นอยู่เสมอ ภายใต้การดำเนินงานของ Microsoft ตัวเกมดูเหมือนจะเต็มไปด้วยโปรเจกต์ที่ทะเยอทะยาน ท้าทายความคิดผู้เล่นให้ ‘ใหญ่’ ขึ้น มีการสร้างแฟรนไชส์ซึ่งรวมถึงเกมภาคแยกหลายเกม เช่น Minecraft: Story Mode, Minecraft Earth, Minecraft Dungeons รวมถึงภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชั่นที่ดัดแปลงมาจากเกม Minecraft

แน่นอนว่าอนาคตที่ดูสดใสและเต็มไปด้วยสีสันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีมาร์คุสและ Microsoft ซึ่งแม้จะเป็นคนละบริษัท ต่างความคิด ต่างความทะเยอทะยาน แต่ทั้งสองคือส่วนผสมที่ทำให้ Minecraft กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกทุกวันนี้

จากดินที่มาร์คุสเริ่มขุดขึ้นมาด้วยวิสัยทัศน์อันเป็นพื้นฐานของเกมถูกเติมเต็มด้วย Microsoft ที่พยายามรักษาจิตวิญญาณของเกมไว้ ขณะที่ก็คิดการใหญ่ในการขยายเกมให้เติบโตรองรับผู้เล่นทั่วโลก

สิ่งที่ Minecraft ทิ้งไว้ให้ผู้เล่นเหล่านั้น คือแนวคิดที่ว่าจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งไม่รู้จบ

อ้างอิง

Writer

ชาวเชียงใหม่ผู้ย้ายมาทำงานในเมืองกรุง เคยเจอยูเอฟโอ 2 ครั้ง ช่วงปลายปี 2019 และต้นปี 2023

Illustrator

กราฟิกที่หยุดกินเปรี้ยวไม่ได้ ( IG : sourpemi )

You Might Also Like