Lung-A ลุงเอ
เศรษฐกิจ 20 บาทในไลฟ์ ‘ลุงเอ’ สตรีมเมอร์ที่สร้างรายได้จากยอดโดเนตระดับวินาที
ในช่วงเดือนที่ผ่านมา หากพูดถึงหนึ่งในสตรีมเมอร์ที่มาแรงที่สุดในไทย ชื่อของ ‘Lung-A ลุงเอ’ คงต้องติดอยู่ในลิสต์แน่ๆ เพราะนอกจากการเติบโตของช่องที่รวดเร็วอย่างก้าวกระโดดแล้ว ลุงเอยังขยับขยายเส้นทางสู่เวทีที่ใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการคอลแล็บกับ CK Fastwork หรือการได้รับเชิญขึ้นพูดบนเวที Bitkub Summit ทั้งหมดนี้คือหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนว่าชายคนนี้กำลังพาตัวเองจากสตรีมเมอร์ในจอ สู่ปรากฏการณ์ใหม่ของวงการคอนเทนต์ไทย!
แต่ความสำเร็จนี้เอง ที่เราพบว่าน่าเอามาตั้งคำถามอยู่เหมือนกัน ว่าอะไรกันนะ ที่ทำให้ช่องลุงเอเติบโตไวขนาดนี้? และถ้ามองผ่าน ‘แว่น’ ของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ เราจะได้เรียนรู้อะไรจากปรากฏการณ์ ‘หัวแถว vs หัวกรวย’ ที่เจ้าตัวชอบพูดเล่นแต่กลับกลายเป็นไวรัลได้บ้าง?
เมื่อเราตามรอยตั้งแต่จุดเริ่มต้นเล็กๆ จนถึงวันนี้ คำตอบปรากฏชัดว่า เส้นทางของลุงเอไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือการผสมผสานระหว่างอารมณ์ขันแบบไทยๆ กับความเข้าใจในคนดูที่เฉียบขาดอย่างน่าทึ่ง ทำให้จากคลิปเล่นๆ กลายเป็น ‘อาณาจักรแห่งความสนุก’ และโมเดลการหารายได้ด้วย micro-donation ที่กลายเป็นกรณีศึกษาน่าสนใจของวงการครีเอเตอร์
จุดเริ่มต้น Lung-A ลุงเอ จากคลิปเล่นๆ สู่สตรีมเมอร์มืออาชีพ
ก่อนจะกลายเป็นสตรีมเมอร์ชื่อดัง ‘ปรีชา วัฒนา’ หรือที่คนรู้จักในชื่อ ‘ลุงเอ’ เคยเป็นเพียงคนธรรมดาที่ชอบถ่ายคลิปเก็บช่วงเวลาสนุกๆ ของชีวิตไว้ในโทรศัพท์เท่านั้น
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในวันหนึ่ง เมื่อเขาไปดูคอนเสิร์ตของ ‘มีนตรา อินทิรา’ แล้วถ่ายคลิปลงใน TikTok แบบไม่ได้คาดหวังอะไร แต่ข้ามคืนคลิปนั้นกลับมียอดวิวพุ่งทะลุแสนอย่างน่าตกใจ TikTok จึงขึ้นแจ้งเตือนแนะนำว่า ‘คุณสนใจจะ Live ไหม?’ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางในเส้นทางสตรีมเมอร์ โดยที่เจ้าตัวแทบไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
เพราะเมื่อเริ่มจากการไม่มีข้อมูลและไม่ได้วางแผนไว้ สิ่งที่ลุงเอเลือกทำใน Live จึงเป็นเรื่องง่ายๆ ที่เป็นพื้นฐานที่สุดอย่างความสนุก โดยเป็นไปอย่างไม่มีแรงกดดันและไม่ได้คาดหวังอะไรทั้งนั้น ลุงเอ “ปล่อยตัวปล่อยใจเต็มที่” บนไลฟ์ครั้งแรกๆ โดยเขาเริ่มจากการสตรีมเกมฟุตบอล (เพราะเคยเห็นคนอื่นเขาทำกัน) และพูดจาไม่เก๊ก ไม่มีฟอร์ม เล่นมุกตามประสา อย่างการพากย์เสียงเลียนแบบ ‘น้าหัง’ ด้วยสำเนียงเฉพาะตัว แต่กลายเป็นว่าทั้งหมดนี้ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ สนุก และมีชีวิตชีวา จนเมื่อมีจังหวะโดนๆ ใน Live ที่เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้ ผู้ชมก็เริ่มแชร์คลิปสั้นจากไลฟ์ของเขาใน TikTok อย่างแพร่หลาย โดยที่เจ้าตัวยังงงอยู่เลยว่าคนดูที่เพิ่มเข้ามานี่คือใครนะ?
แต่กลายเป็นว่าจุดนั้นเองที่เป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยน เพราะพอคนเริ่มเข้ามาดูมากขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างที่ไม่ได้วางสคริปต์ไว้ก่อนหลังจากนั้น กลับกลายเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์สำคัญที่กลายเป็น DNA ของช่อง นั่นคือ ‘การสู้มือ’ กับแชตและผู้ชมแบบถึงพริกถึงขิง
จากยุคยอดวิว สู่ยุคของการมีส่วนร่วม
หากมองภาพรวมในรอบสิบปีที่ผ่านมา โลกของสตรีมเมอร์และครีเอเตอร์ไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก จากยุคแรกที่รายได้ขึ้นอยู่กับ ‘ยอดวิว’ และ ‘สปอนเซอร์’ ซึ่งทำให้ทุกคนเชื่อว่า ‘ยอดซับล้าน’ คือเป้าหมายสูงสุดของความสำเร็จ แต่เมื่อผู้เล่นในตลาดเพิ่มขึ้น การแข่งขันด้านยอดวิวก็รุนแรงตามไปด้วย ช่องเล็กๆ ที่เพิ่งเกิดใหม่จึงแทบไม่มีพื้นที่หายใจ ขณะเดียวกันเนื้อหาก็เริ่มซ้ำจนคนดูอิ่มตัว แต่จุดนี้เองที่ทำให้สิ่งที่ ‘ลุงเอ’ ทำกลายเป็นการเดินออกจากเส้นทางเดิมๆ เพราะเจ้าตัวเลือกเน้นสิ่งที่คนมองข้าม นั่นคือ ‘ยอดการโดเนต’ หรือการสนับสนุนโดยตรงจากผู้ชม
ในมุมของหลายคน กลไกการ ‘โดเนต’ เป็นเหมือนแค่แค่กล่องบริจาคเล็กๆ สำหรับแฟนคลับที่อยากสนับสนุน จริงอยู่ที่ก่อนหน้านั้นอาจมีคนที่ได้รับโดเนตครั้งละมากๆ อยู่บ้าง แต่ไม่ได้มีสตรีมเมอร์ตัวเล็กคนไหนที่ยึดถือยอดโดเนตเป็นแกนหลักในการดำรงชีพขนาดนั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับลุงเออาจบอกว่าเป็นเพราะโชคชะตานำพาก็ว่าได้
ในแรกเริ่มในยุคที่ลุงเอตั้งโดเนทขั้นต่ำไว้เพียง 5 บาท เกิดเหตุการณ์ที่คนดูจำนวนมากเริ่มโดเนตเข้ามาแซวเจ้าตัว ทั้งชม ทั้งด่า ทั้งเล่นมุกเพื่อให้ Siri อ่านออกอากาศแบบเรียบไทม์ ซึ่งแทนที่จะหลีกเลี่ยงหรือเก็บมาหัวร้อนอย่างเป็นจริงเป็นจัง ลุงเอกลับเลือกรับมุกแล้วสวนกลับในเลเวลที่เท่ากับคนดู การสู้มือแบบเอ็งแซวมา-ข้าด่ากลับแบบนี้เอง ที่เริ่มสร้างให้เกิด ‘จังหวะทอง’ ที่ทำให้คนหัวเราะกันทั้งไลฟ์
กลายเป็นว่าพอมีคนทำได้ และลุงเอสู้กลับแบบไม่ย่อท้อ คนที่ดูอยู่ก็เริ่ม ‘อยากมีส่วนร่วมแบบนั้นบ้าง’ เมื่อนั้นเองที่อยู่ดีๆ การโดเนตในช่องลุงเอเริ่มเกิดขึ้นบ่อยในระดับ ‘ทุกวินาที’ กล่าวคือแทบไม่มีช่องว่างเลย ทุกคนต่อคิวโดเนตมาแซว ล้อ หรือแม้กระท่ังด่าลุงเอแบบแกมหยอก เพื่อให้เจ้าตัวสู้กลับ
ความสัมพันธ์แบบนี้เองที่เริ่มกลายเป็นหัวใจของช่องมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนดูรู้สึกว่าตัวเองสนิทกับคนตรงหน้าได้อย่างรวดเร็วมาก และยิ่งเมื่อมีคนตัดคลิปจังหวะตลกเหล่านี้ไปลง TikTok คลิปไวรัลก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รู้ตัวอีกที ปัจจุบันฐานผู้ติดตามบนยูทูบของลุงเอก็พุ่งทะลุเกือบเก้าแสนแล้ว
ความสุขราคา 20 บาท
ทุกวันนี้ ระบบโดเนตของลุงเอกำหนดขั้นต่ำไว้เพียง 20 บาท กล่าวคือถ้าใครอยากให้ Siri อ่านข้อความของตนเองขึ้นบนหน้าจอและให้ลุงเอฟัง คุณเสียเพียง 20 บาทเท่านั้นก็สื่อสารกับสตรีมเมอร์โดยตรงได้แบบสดๆ เช่น ถ้าอยากด่า ก็รังสรรค์คำด่าได้เลยเพื่อดูรีแอ็กชั่นของลุงเอแบบเรียลไทม์ ซึ่งตัวเลขเล็กน้อยนี้ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ เพราะถ้ามองในมุมจิตวิทยาผู้บริโภค นี่คือราคาที่ทำให้เกิด ‘จุดตัดสินใจที่ง่ายดาย’ ที่ทำให้แฟนคลับรู้สึกว่ามีส่วนร่วมได้โดยไม่ต้องคิดเยอะ
ความสุขที่ราคา 20 บาทนี้เอง ที่ทำให้ในหนึ่งการไลฟ์ที่มียอดคนดูในระดับหลายหมื่นคน ยอดโดเนตเล็กๆ จากคนจำนวนมากจึงรวมกันเป็นรายได้ที่มากพอ หรืออย่างหลายคนที่ชอบดูลุงเอและผูกพันมากๆ ยอดโดเนตบางยอดทะลุไปถึงหลักร้อยหรือหลักพันไปเลยก็มี ซึ่งกลไกนี้เปรียบได้กับแนวคิด micro-transaction economy ในวงการเกมอย่างไรอย่างนั้น กล่าวคือเป็นการเลือกหารายได้ส่วนใหญ่ โดยไม่ได้เน้นที่เม็ดเงินก้อนใหญ่จากผู้จ่ายหนักไม่กี่คน แต่เลือกเน้นจากผู้สนับสนุนเล็กๆ ที่จ่ายบ่อยและมีส่วนร่วมจริงดีกว่า
“เอาจริงนะน้องๆ เอ็งโดเนตกันเท่าไหร่ก็ไม่สำคัญเลย โดเนตเป็นพันไม่ได้สำคัญมากกว่าโดเนต 20 บาทเสมอไป เพราะสำหรับพี่ โดเนตของคนที่มาเล่นมุกแล้วทำให้คนที่ดูอยู่ด้วยกันตอนนี้ยิ้มได้ อันนี้คือดีที่สุด”
ครั้งหนึ่งของการ Live ลุงเอเคยหล่นวาจาเป็นคำพูดสั้นๆ ไว้ตามข้างต้น ประโยคเหล่านี้สะท้อนแนวคิดหลักของเขาได้อย่างชัดเจน เพราะสำหรับลุงเอ ‘มูลค่าของคอนเทนต์’ ไม่ได้อยู่ที่ยอดเงิน แต่อยู่ที่ความสุขที่คนดูรู้สึกพร้อมกัน (ถึงแม้เจ้าตัวจะยิ้มมีเลศนัยและออกอาการสุดๆ เวลามีคนโดเนตเยอะๆ ก็เถอะ)
อารมณ์ขันแบบไทย กับครีเอทีฟที่เข้าถึงใจคนดู
ถ้าลองถอยออกมามอง ว่ามีปัจจัยอื่นๆ อีกไหมที่ทำให้ลุงเอเดินทางมาเร็วขนาดนี้ เราพบว่านอกจากระบบการมีส่วนร่วมที่เข้าถึงง่ายแล้ว คอนเทนต์ของลุงเอยังตอบโจทย์ธรรมชาติของ ‘คนไทย’ อย่างมากเสียด้วย
อย่างที่เรารู้กัน ว่าด้วยตัวตนแล้ว คนไทยเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน ชอบสนุก และชอบความตลก สังเกตได้จากไม่ว่าจะมีเหตุการณ์บ้างเมืองใดๆ คนไทยเราหยิบองค์ประกอบบางอย่างจากเหตุการณ์นั้นๆ มาทำให้ตลกหรือเป็นมุกได้เสมอ จะบอกว่าเราคือชาติที่สุดยอดจะครีเอทีฟในเรื่องขำขันก็คงไม่เกินไปนัก และนั่นเองคือสิ่งที่ลุงเอมอบให้คนดูทุกคนได้ทุกครั้งที่เปิดไลฟ์
เพราะพอลุงเอสร้างบรรยากาศให้ทุกคนแซวแกมหยอกได้แล้ว ที่แห่งนี้จึงไม่ใช่แค่เพียงที่ของสตรีมเมอร์เพียงเท่านั้น แต่เป็นพื้นที่ที่คนจะได้มาประลองฝีมือการครีเอตมุกกันแบบสุดๆ เพราะในทุกไลฟ์เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้ชมต่างร่วมสนุกในการสร้างมุกของตัวเองขึ้นมาเพื่อแซวลุงเอ โดยถ้ามุกไหนที่เจ๋งมากๆ ลุงเอจะเรียกแนวมุกนั้นว่า ‘เมต้าใหม่’ โดยเมื่อเกิดเมต้าใหม่ขึ้น การโดเนตต่อยอดมุกก็จะเกิดตามมาอีกมากมาย เพื่อโชว์ไอเดียความขำขันที่คนดูมี
ดังนั้นคลิปไวรัลหลายคลิปจากช่องของลุงเอ ถ้าพินิจดูแล้วนั่นไม่ใช่เพียงแค่คอนเทนต์ตลกเท่านั้น แต่ยังเป็นการสะท้อนถึงพลังความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย ว่าต่อให้ในสถานการณ์ตึงเครียดแค่ไหน เราก็ยังหาทางหัวเราะได้เสมอ
หรือนี่จะเป็นการหารายได้ใหม่ของสตรีมเมอร์
สรุปแล้วสิ่งที่ช่องลุงเอสร้างขึ้นจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ช่องบันเทิง แต่เราสามารถมองความเป็นไปนี้ในฐานะอีกหนึ่งโมเดลการหารายได้ใหม่ของสตรีมเมอร์ได้อยู่เหมือนกัน เพราะนี่คือการผสมผสานกันระหว่างการทำ personal branding และ community engagement โดยใช้ micro-donation ได้อย่างลงตัว
ดังนั้น สำหรับเราแล้ว ลุงเอจึงไม่ใช่หัวแถวของใคร และก็ไม่ใช่ผู้นำในการตั้งแถวใหม่ด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เขาเลือกทำคือการสร้างพื้นที่ให้ผู้คนมารวมตัวอยู่กัน เพื่อสร้างเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และร่วมใช้พลังเล็กๆ ของแต่ละคนในการสร้างความสุขที่หลายครั้งประเมินค่าไม่ได้ ความสุขที่ในบางวันมันก็ช่างหาได้ยากเสียเหลือเกิน
เพราะอย่างที่ลุงเอเคยพูดไว้อย่างซื่อๆ แต่กินใจนั่นแหละว่า “คนที่สำคัญที่สุดในช่องนี้ไม่ใช่ลุงเอหรอก แต่เป็นพวกคุณคนดูทุกคนที่ทำให้ที่นี่มีเสียงหัวเราะได้มากมายขนาดนี้”
ว่าแล้วก็ขอจบบทความในแบบของลุงซะหน่อยนะ เดี๋ยวจะซึ้งเกิน
🤪ปะปะโป้ยโต้ย ปะปะโป้ยโต้ย ปะปะโป้ยโต้ย ปะ ปะ โป้ย โต้ย โป้ย โต้ย 🤪