KCG Group
วิธีบริหารธุรกิจฉบับ ดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ผู้บริหาร KCG ผู้ผลิตคุกกี้กล่องแดงในตำนาน
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เทศกาล เมื่อพูดถึงของขวัญของฝาก เชื่อว่าหลายคนอาจนึกถึงคุกกี้กล่องแดง หรือคุกกี้แบรนด์อิมพีเรียล ที่หาซื้อได้ทั่วไปในราคาที่จับต้องได้
โดยคุกกี้แบรนด์นี้มี ตง ธีระนุสรณ์กิจ รับหน้าที่แม่ทัพใหญ่ มาตั้งแต่ปี 2528 และได้ส่งไม้ต่อมายัง ดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ให้รับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในปัจจุบัน ต้องบอกว่า KCG ไม่ได้มีแค่คุกกี้กล่องแดงเท่านั้น แต่เป็นผู้ผลิตเนยและชีสรายใหญ่ของประเทศภายใต้แบรนด์อลาวรี่ และน้ำผลไม้แบรนด์ซันควิก เป็นต้น
ทว่าหากมองให้ลึกไปในองค์กร สิ่งที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจไม่ใช่ระยะเวลาการทำธุรกิจ แต่เป็นการวางยุทธศาสตร์และกลยุทธ์การตลาดอย่างแข็งแกร่ง และสอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา KCG สร้างสถิติเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีรายได้จากการขาย 7,157 ล้านบาท เติบโต 16.2% จากปีก่อนหน้า และทำกำไรสุทธิ 305.9 ล้านบาท เติบโต 26.9%
ล่าสุด KCG ได้จัดงานประกาศวิสัยทัศน์ปี 2024 ภายใต้แนวคิด Transition Towards Sustainable Growth สร้างองค์กรสู่การเติบโตที่มั่นคง ยั่งยืน และพร้อมสู่อนาคตที่กำลังเปลี่ยนแปลง โดยมีดำรงชัย วิภาวัฒนกุล CEO คนใหม่นำทัพเหล่าผู้บริหารให้ข้อมูล
ดำรงชัยบอกว่า หลักการบริหารองค์กรของ KCG ประกอบด้วย 2 มิติหลัก คือ ยุทธศาสตร์ด้านวัฒนธรรมองค์กร (culture strategy) ที่ยึดหลัก Heart-driven – Expertise – Agile – Responsible – Teamwork โดยเชื่อมั่นว่าพนักงานจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมาย และยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ (business strategy) ซึ่งประกอบไปด้วย การยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก การพัฒนาบุคลากร เสริมสร้างทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต และการกระจายสินค้า รวมถึงการทำธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมภายใต้กรอบ ESG
ปัจจุบัน KCG เดินทางบนสายธุรกิจมาครบ 66 ปี มีสินค้ามากกว่า 2,000 ชนิด ใน 40 แบรนด์ ครอบคลุมใน 3 กลุ่มหลักคือ กลุ่มเนยและชีส, กลุ่มอาหารและวัตถุดิบเบเกอรี และกลุ่มขนมบิสกิต
“หลายคนอาจรู้จักเราจากคุกกี้กล่องแดงแบรนด์อิมพีเรียล จริงๆ แล้วกลุ่มสินค้าที่ขับเคลื่อนเรามากที่สุดคือ กลุ่ม daily product เนยและชีส สิ่งที่เราทำทั้งหมดในปีนี้ เพื่อต้องการสร้างภาพจำให้ทุกคนรู้ว่า เราไม่ได้มีแค่คุกกี้กล่องแดง”
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อแค่สร้างยอดขาย แต่เพื่อทำในสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ให้ดีขึ้นไปอีก
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ ปีที่ผ่านมาวงการอาหารและเครื่องดื่มมีอะไรเกิดขึ้นมากมายจริงๆ จนเข้าสู่ปี 2024 เราเองก็ตั้งตารอเหมือนกันว่าอะไรจะมาแรง อะไรจะไปเร็ว หรือจะเกิดเทรนด์อาหารใหม่ๆ น่าจับตามอง
ภายในงานได้มีการรีแคป 5 เทรนด์อาหารตะวันตกที่กำลังมาแรงและคนทำธุรกิจอาหารต่างให้ความสนใจ มาดูกันว่าเทรนด์อาหารที่มาแรงในช่วงปีที่เหลือมีอะไรบ้าง?
1. Health Beliefs : ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับอาหารเพื่อสุขภาพ มากขึ้น มองหาอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เน้นผักผลไม้ โปรตีนดี และไขมันดี หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป น้ำตาล และไขมันอิ่มตัว
2. Naturally Functional : อาหารที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ หรือมีการเติมวิตามินเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการกำลังเป็นที่นิยม ตัวอย่างเช่น อาหารที่มีส่วนผสมของโพรไบโอติกส์ พรีไบโอติกส์ สารต้านอนุมูลอิสระ หรือกรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นต้น
3. Weight Wellness : ผู้บริโภคใส่ใจเรื่องรูปร่างมากขึ้น มองหาอาหารที่ช่วยควบคุมน้ำหนัก เน้นอาหารที่มีแคลอรีต่ำ ไฟเบอร์สูง โปรตีนสูง และไขมันต่ำ
4. Snackification : เทรนด์อาหารว่างที่สะดวก ทานง่าย พกพาง่ายกำลังเติบโต ผู้บริโภคต้องการอาหารว่างที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทานแล้วอิ่มนาน
5. Sustainability : ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น มองหาผลิตภัณฑ์อาหารที่ผลิตอย่างยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงาน น้ำ และทรัพยากรธรรมชาติ
เทรนด์อาหารเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค ธุรกิจอาหารต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านี้ โดยพัฒนานวัตกรรมอาหารใหม่ๆ ที่มีความอร่อย ดีต่อสุขภาพ สะดวก และยั่งยืน
“ปีที่ผ่านมาโลกเราเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มีความผันผวน ความไม่แน่นอนเยอะมาก การที่เราจะอยู่รอดในโลกแบบนี้ ถ้ายังทำอะไรแบบเดิมๆ ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ผมว่าธุรกิจก็ประสบความสำเร็จได้ยาก ที่ผ่านมา KGC ก็ทำอะไรมาเยอะ ก็มีทั้งสิ่งที่เราทำได้ดี และสิ่งที่ต้องปรับปรุงอีกเยอะ เราแค่ไม่หยุดพัฒนา และเดินหน้าทำในสิ่งที่ดีต่อไป” ดำรงชัยพูดทิ้งท้าย