Handle with Care

ELITE Transportation Services บริการขนส่งงานศิลปะผู้ขนย้ายภาพเขียนปิกัสโซ่จนถึงหุ่นจากสุสานจิ๋นซี

ภาพวาดและประติมากรรมจากจิตรกรชื่อดังของโลก งานเครื่องเซรามิกโบราณที่เป็นต้นกำเนิดงานเซรามิกญี่ปุ่น ไปจนถึงหุ่นนักรบดินเผาจากสุสานก่อนประวัติศาสตร์ของจิ๋นซีฮ่องเต้

จะน่าทึ่งเกินไปไหมถ้าบอกว่างานเหล่านี้ผ่านมือของ (พนักงาน) บริษัทชื่อ ELITE Transportation Services มาหมดแล้ว

ELITE เป็นบริษัทขนส่งอายุกว่า 30 ปีที่เริ่มต้นจากการขนส่งสินค้าให้งานเทรดแฟร์ หรืองานแสดงสินค้าตั้งแต่รถ อาหาร ของแต่งบ้าน เรื่อยไปจนถึงงานศิลปะ ก่อนประสบการณ์และสายตาที่เฉียบคมจะทำให้พวกเขามองเห็นช่องว่างในตลาดและผันตัวมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งงานศิลปะมูลค่าสูงโดยเฉพาะ

กับสินค้าแมสทั่วไป หากส่งผิดหรือเสียหายบริษัทยังต้องรับผิดชอบคืนเงินหรือส่งของไปให้ลูกค้าใหม่ แต่กับสินค้าที่ส่วนใหญ่มีชิ้นเดียวในโลกอย่างงานศิลปะ ถ้าเกิดความเสียหาย นอกจากมูลค่าที่สูงจนแทบชดเชยไม่ได้ (บางชิ้นประเมินแล้วราคาแตะหลักพันล้านบาท) งานส่วนใหญ่ยังมีชิ้นเดียวบนโลกอีกด้วย

ในช่วงที่เมืองไทยใกล้จัดงาน Bangkok Art Biennale ที่แสดงผลงานของศิลปินระดับโลกมากมาย เราชวน วิวิศว์ จันทร์ธิวัตรกุล General Manager บริษัท ELITE Transportation Services มาเล่าให้ฟังว่าธุรกิจขนส่งความเสี่ยงระดับนี้เขาทำกันยังไง

ELITE Transportation Services

ช่วยยกตัวอย่างให้ฟังหน่อยว่าที่ผ่านมา ELITE เคยขนส่งงานศิลปะอะไรมาบ้าง

เนื่องจากว่าตอนนี้มีกฎหมายเรื่องการไม่เปิดเผยข้อมูลของลูกค้า เราอาจจะพูดไม่ได้ทั้งหมดว่าเคยขนส่งให้ใครมาบ้าง มูลค่าเท่าไหร่ แต่ผมสามารถพูดถึงผลงานดังๆ ที่เราเคยขนส่งสำหรับนิทรรศการสาธารณะ เช่น งานของเจ้าพ่อป๊อปอาร์ต Andy Warhol ประติมากรก้องโลกต่างๆ อย่าง Jaume Plensa (เฮาเม เพลนซา) และ Antony Gormley หรือโบราณวัตถุจากแหล่งประวัติศาสตร์ต่างๆ ของไทยตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุครัตนโกสินทร์ และของแหล่งประวัติศาสตร์โลกเช่น หุ่นทหารดินเผาจากสุสานจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้

แต่ต้องบอกก่อนว่า ELITE เราทำเฉพาะแค่ขนส่ง เราไม่ได้รวมถึงลักษณะของการซ่อมแซมหรือบูรณะของชิ้นนั้น

ก่อนจะไปถึงเรื่องการขนส่งงานศิลปะ ช่วยปูพื้นฐานให้ก่อนได้ไหมว่าวงการขนส่งในโลกนี้แบ่งประเภทกันยังไง ละเอียดแค่ไหน

ถ้าเราดูรอบตัว ทุกอย่างต้องการการขนส่งทั้งนั้น การขนส่งเลยจำแนกแยกย่อยออกมาหลายประเภทมากๆ เช่น Kerry, DHL, FedEx ที่เราเห็นบ่อยๆ เขาจะเน้นขนส่งพัสดุเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร ของที่เราซื้อออนไลน์แต่สังเกตได้ว่าเขาจะไม่รับขนส่งของใหญ่มากๆ เพราะไม่ใช่ความถนัดของเขา

มันจึงเกิดเป็นบริษัทแม่ของเราชื่อ Transpo Logistics ตอนแรกก็ขนส่งสินค้าทั่วไปแต่เราเห็นว่าในตลาดยังมีสินค้าหลายอย่างที่ไม่สามารถส่งด้วยวิธีธรรมดาได้ เราเลยแยกย่อยออกมาเป็นหลายๆ บริษัท แต่ละบริษัทก็ขนส่งสินค้าเฉพาะทางของตัวเอง เช่น Transpo เน้นขนส่งเครื่องจักร เครื่องมือแพทย์ขนาดใหญ่ เครื่องสแกน MRI ของพวกนี้เวลาขนมันไม่ได้ใช้แค่แรงคนแต่ต้องมีเครื่องมือ เครื่องจักร วิศวกรผู้เชี่ยวชาญไปด้วย อย่างในห้างสรรพสินค้าที่เราสงสัยว่าเขาเอารถเข้าไปโชว์ได้ยังไง ก็เพราะเขามีวิธีขน ใช้เครนยกเข้าไป เป็นทักษะเฉพาะทางอย่างหนึ่ง

บริษัทอื่นๆ ในเครือก็มีความเชี่ยวชาญต่างกันไป อย่าง Brink’s จะขนส่งของมีค่ามากอย่างเพชร เงิน ทอง รถที่ใช้จะเป็นรถบรรทุกตู้นิรภัย ต้องใช้กุญแจไขพร้อมกันสองคน และต้องมีอาวุธติดไปด้วยเพื่อรักษาความปลอดภัย ขณะที่บริษัท Tiger เน้นไปทางขนส่งของใช้ในบ้านให้ชาวต่างชาติที่ย้ายครอบครัวมาอยู่ในไทยเป็นหลัก ส่วน ELITE ก่อตั้งมา 30 กว่าปีแล้ว ตอนแรกเราเน้นขนส่งงาน trade show หรือ exhibition คืองานแสดงสินค้าที่ผู้ประกอบการมาโชว์ผลิตภัณฑ์ออกใหม่ อย่างงานมอเตอร์โชว์ก็เป็นเทรดโชว์แบบหนึ่ง

สินค้าที่ ELITE ขนส่งสำหรับงาน trade show มีอะไรบ้าง

ตามธรรมชาติของงานเทรดโชว์ ของที่เอามาโชว์มันจะเป็นอะไรก็ได้แล้วแต่หัวข้อของงานเราเลยต้องขนส่งสินค้ามากมายหลายชนิด มีตั้งแต่รถ ของใช้ในบ้าน อาหาร เครื่องประดับ ไปจนถึงงานศิลปะ เราทำขนส่งทั้งขาเข้าขาออกแต่ส่วนมากจะเป็นขาออกเพราะประเทศไทยเน้นส่งออกมากกว่าและเราไม่ค่อยมีงาน exhibition ระดับโลกอย่างประเทศเยอรมนี ฮ่องกง สิงคโปร์ ฯลฯ

งานที่เราทำไม่ใช่แค่งานโชว์ผลิตภัณฑ์ สมัยที่อดีตประธานาธิบดีโอบามาเยือนฟิลลิปปินส์ ตอนนั้นมีนักข่าวตามมาด้วย ต้องขนส่งกล้อง ไมค์ อุปกรณ์ทุกอย่างในการถ่ายทอดสดเราก็เป็นคนคอยดูแลการขนส่งให้เขา หรืองานอีเวนต์โชว์แบบทัวร์กอล์ฟ ประกวดนางงาม พวกนี้ใช้อุปกรณ์ทั้งนั้นเราก็ขนส่งให้เหมือนกัน

จากผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งสินค้างาน trade show พัฒนามาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งงานศิลปะได้ยังไง

เราเริ่มสังเกตว่างาน trade show มันลดปริมาณลงไปตามกลไกตลาดและเปลี่ยนแปลงจุดประสงค์ไป แต่ก่อนจุดประสงค์ของงานเหล่านี้คือการโชว์สินค้าให้ลูกค้าหน้าใหม่ที่มาดู แต่หลังๆ มันเปลี่ยนลักษณะกลายเป็นโต๊ะประชุม เป็นการคุยกันระหว่างคู่ค้าเดิมมากกว่า ดังนั้นเขาจึงไม่ได้จำเป็นจะต้องมีสินค้าไปโชว์มาก เราจะเห็นได้ว่าบางบูธเล็กมากเลย มีโต๊ะโต๊ะเดียวแล้วก็มีคนมาเจรจาการค้ากัน

ยิ่งพอหลังจากโควิดเมื่อปลายปี 2019 เป็นต้นมางานแสดงสินค้าต้องลดลงไปเยอะมากแทบจะเหลือแค่ 10-20% จากที่ปกติเคยจัดเพราะว่าปกติคนที่ไปเดินในงานแสดงสินค้าไม่ใช่คนในประเทศนั้นๆ แต่จะเป็นคนต่างประเทศ พอถึงช่วงโควิดที่คนเดินทางข้ามประเทศไม่ได้งานแสดงก็เลยลดจำนวนลง

มาถึงวันนี้ งานแสดงสินค้ากลับมาจัดแต่มันก็เปลี่ยนรูปแบบไปแล้วเพราะว่าเรามีวิถีชีวิตใหม่ๆ พนักงานออฟฟิศมีการเวิร์กฟรอมโฮม งานเทรดโชว์ก็มี booth from home เหมือนกัน บริษัทสามารถส่งตัวอย่างสินค้าไปถึงผู้ซื้อแล้วก็สามารถประชุมออนไลน์ได้ หรืองานแสดงสินค้าบางแห่งจัดในพื้นที่จริงแต่จำกัดคนเข้างานเพื่อป้องกันโรคระบาดแล้วก็ถ่ายภาพ VR สำหรับผู้ชมทางบ้านไปด้วย แนวโน้มปริมาณงานแสดงสินค้าจึงลดลงเรื่อยๆ การขนส่งสินค้าไปงานเหล่านี้ก็ลดลง

มันแตกต่างกับงานแสดงศิลปะที่ความต้องการเพิ่มขึ้น เราได้เห็นโอกาสว่านิทรรศการแสดงงานศิลปะมีจัดแสดงทั่วโลกและทุกวันนี้ก็ยังมีเยอะอยู่ ศิลปินไทยดังๆ ไปโชว์งานในต่างประเทศก็มีเยอะ อย่างคุณฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช เขาก็ดังมากในอเมริกา หรืออย่างตอนนี้ประเทศไทยก็จัด Thailand Biennale เป็นงานโชว์ศิลปะที่ผนวกเข้ากับการท่องเที่ยว เอางานศิลปะไปโชว์ในแลนด์มาร์กต่างๆ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและกระตุ้นเรื่องศิลปะไปในตัว

จากที่ทำงานมาเราได้รู้ว่างานศิลปะพิเศษและต้องการความปลอดภัยสูงซึ่งเป็นความถนัดของเราอยู่แล้ว เราจึงขนส่งงานศิลปะมาเรื่อยๆ ขนให้แกลเลอรีไปจนถึงเริ่มทำงานให้พิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย มาถึงจุดนึงเราก็ขนส่งงานศิลปะมากกว่าสินค้าชนิดอื่นจนมาเป็น ELITE แบบทุกวันนี้

ความท้าทายของการขนส่งงานศิลปะคืออะไร

เวลาขนส่งงานศิลปะ เรื่องสำคัญอันดับหนึ่งคือความปลอดภัย งานศิลปะต้องการการดูแลแบบพิเศษ ของบางชิ้นมูลค่าเป็นร้อยล้าน บางชิ้นอายุเกิน 100 ปี หรือเราเคยขนส่งหุ่นจากสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ซึ่งเป็นงานจากก่อนยุคประวัติศาสตร์ มันอยู่ในดินมามากกว่า 2,000 ปีพอเอาออกมามันก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่เหมาะสมสำหรับการขนย้ายอีกต่อไป มันเลยเป็นโจทย์ที่ท้าทายว่าจะขนส่งยังไงให้ปลอดภัยที่สุด

ไม่ใช่แค่แพ็กของยังไงไม่ให้แตกแต่มันมีเรื่องสภาพอากาศด้วย อย่างเช่นไม้ บ้านเราเป็นเมืองร้อนชื้น ถ้าขนส่งไม้จากบ้านเราไปยังประเทศที่อากาศแห้งและเย็นแบบทางยุโรปพอขนกลับมาเจออากาศร้อนชื้นอีกทีไม้ก็อาจจะแตกหรือบิดเบี้ยว ทีนี้มันก็เป็นโจทย์ว่าเราจะทำบรรจุภัณฑ์ยังไงให้สามารถป้องกันสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงมากๆ ได้

แล้วงานศิลปะมันไม่ได้มีแค่รูปแบบเดียว เอาแค่รูปวาดก็มีหลายประเภทแล้ว ใช้สีน้ำมัน สีอะคริลิก สีน้ำ หรืออาจจะเป็นวัสดุอื่นๆ แม้แต่ปากกาลูกลื่นก็มี ซึ่งแต่ละอย่างก็ต้องการการดูแลไม่เหมือนกัน นี่เรายังไม่ได้พูดถึงงานประติมากรรมเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากว่าศิลปะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย วัสดุที่เอามาทำงานประติมากรรมก็มากชนิดขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงเหล็ก เรซิ่น หรือในตอนนี้ที่มีการรณรงค์เรื่องโลกร้อนก็มีศิลปินที่ใช้ของรีไซเคิลหรือแม้แต่ขยะมาทำงานด้วยซ้ำ

มันคือการเรียนรู้ไม่รู้จบ ศิลปินเรียนรู้การนำวัสดุใหม่ๆ มาทดลองใช้ทำผลงาน ขณะที่เราก็ต้องทำงานควบคู่กับเขา ต้องเรียนรู้ว่าวัสดุไหนมีคุณสมบัติอะไร แพ็กยังไง ตรงไหนคือจุดที่เปราะบางที่สุด สภาพกรด-ด่าง สภาพอากาศจะทำปฏิกิริยากับชิ้นงานแค่ไหน ดังนั้นประสบการณ์คือสิ่งที่สำคัญมากของการทำงานนี้

โจทย์ของ ELITE ในการทำงานแต่ละครั้งมันไม่เหมือนกันเลย เราถึงบอกว่าเราทำขนส่งแบบ tailor-made ตามผลงานที่คุณต้องการส่ง

ช่วยขยายความคำว่าขนส่งแบบ tailor-made ให้ฟังหน่อย

เราเป็นฟูลเซอร์วิสให้ลูกค้า สมมติลูกค้ามีรูปหนึ่งรูปที่ต้องการขนส่งเราจะเริ่มตั้งแต่แพ็กของให้เขา เช็กสภาพสินค้าก่อนส่ง ประเมินว่าจะขนส่งทางไหนดี จะทางอากาศหรือควรไปทางเรือก็ขึ้นอยู่กับวัสดุงานและวิธีการแพ็ก เช่น ถ้าเป็นชิ้นที่เปราะบางเราจะแนะนำให้ไปทางเครื่องบินแต่ถ้าวัสดุสร้างงานค่อนข้างแข็งแรง เจอสภาพอากาศยังไงสภาพก็ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงก็ไปทางเรือได้เพราะตู้คอนเทนเนอร์มันร้อน เจอไอทะเล มีความเป็นกรดเป็นด่าง

พูดง่ายๆ การทำงานของเรามีลักษณะเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกค้า ลูกค้าให้โจทย์มา เราจะต้องตอบเขาว่าจะขนส่งไปจนถึงปลายทาง ไปถึงแกลเลอรี หรือผู้สะสมต่างๆ ทั่วโลกยังไง

พอถึงต่างประเทศเราจะมีคู่ค้าปลายทางเรียกว่าเอเจนต์ ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายเขาก็เป็นบริษัท freight forwarder (ตัวกลางส่งออกและนำเข้าสินค้า) ทางด้านงานศิลปะเหมือนเรา freight forwarder แบบนี้มีกระจายทั่วโลกประเทศละหนึ่งที่หรือสองที่ หน้าที่ของเขาคือประสานงานรับของที่ปลายทาง แล้วทำเรื่องศุลกากรนำเข้าทั้งหมด ขนส่งไปถึงลูกค้า เปิดบรรจุลังแล้วก็ทำการติดตั้งให้กับทางลูกค้า

ในขณะเดียวกันเราก็เป็นเอเจนต์ปลายทางให้กับบริษัทต่างประเทศเช่นกัน เรารับของมาขนส่งให้ถึงมือลูกค้าพร้อมกับติดตั้งให้ เพราะว่าลูกค้าเขาเป็นนักสะสมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ เขาก็จะต้องใช้บริการช่างของเรา หรือของบางชิ้นน้ำหนักเป็น 10 ตันลูกค้าไม่มีทางยกไหวแน่ๆ

elite transportation services

ดูเป็นงานที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญพิเศษมากๆ คุณฝึกพนักงานให้มีความเชี่ยวชาญยังไง

พนักงานขนส่งทั่วไปเรียกว่า mover ส่วนพนักงานที่มีความรู้เรื่องการขนส่งงานศิลปะจะเรียกว่า art handler บางประเทศเขามีเงื่อนไขเลยว่าถ้าจะเป็น art handler ต้องผ่านมาตรฐานยังไง เช่น ในประเทศญี่ปุ่นถ้าจะเป็น art handler คุณจะต้องมีประสบการณ์ขนงานศิลปะอย่างต่ำ 5 ปี แต่ของไทยยังไม่มีการออกใบ certificate หรือแม้แต่มาตรฐานสากลในโลกนี้เอาจริงๆ ก็ยังไม่มี ในสมาคมผู้ขนส่งศิลปะเองเขาก็ยังหาข้อตกลงเรื่องวิธี handle ไม่ได้เลยเพราะว่าของมันต่างกันมากเลยหาจุดร่วมมาสร้างมาตรฐานได้ยาก 

ดังนั้นการที่เราจะมั่นใจว่าคนของเราทำงานนี้ได้เขาจะต้องมีประสบการณ์ อย่างแรกมาจากประสบการณ์การร่วมงานกับเอเจนต์เจ้าอื่นๆ งานศิลปะส่วนใหญ่มันบอบบางมากจึงต้องมีคิวเรเตอร์จากพิพิธภัณฑ์ต้นทางซึ่งรู้จักงานดีที่สุดเดินทางมาด้วยเพื่อให้มั่นใจว่าของปลอดภัยไร้กังวล คิวเรเตอร์ต่างประเทศเขาจะเรียนด้านการจัดการพิพิธภัณฑ์มาโดยเฉพาะ รู้ว่าของแบบไหนเจอสภาพอากาศแบบไหนแล้วปลอดภัย การจัดแสดงโชว์ต้องใช้แสงมุมไหน คนของเราก็ได้มีประสบการณ์การ handling งาน ได้เจอข้อปฏิบัติที่แตกต่างเมื่อเทียบกับการขนส่งของอย่างอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ

อย่างที่สองคือเราเชิญคิวเรเตอร์ที่มีประสบการณ์มาให้ความรู้ มาช่วยเทรนคนของเราให้เป็น art handler หรือเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ด้านการขนส่งงานศิลปะ อย่างที่สาม เรามีการศึกษาหาความรู้ส่วนอื่นมาเพิ่มเติมด้วยจนกระทั่งเราสามารถฝึก art handler ให้มีประสบการณ์ ทำงานได้

คุณมีวิธีวัดยังไงว่าคนนี้พร้อมจะเป็น art handler แล้ว

ถ้าตอบง่ายๆ เลยคือ หนึ่ง เหมือนนักบินที่สะสมชั่วโมงบินมา เราก็ต้องดูว่าเขาผ่านงานมาเยอะแค่ไหน เคยมีประวัติอุบัติเหตุไหม ที่สำคัญที่สุดคือลักษณะนิสัยของเขาเป็นคนที่ใส่ใจหรือเปล่าเพราะว่างานนี้ต้องการความใส่ใจค่อนข้างสูง เราจะต้องฝึกให้เขามีลักษณะนิสัยของ art handler ขึ้นมาด้วย

ELITE Transportation Services
elite transportation services

งานศิลปะที่รับผิดชอบมีมูลค่าสูงมาก มีกฎเหล็กอะไรในการทำงานเพื่อสร้างความปลอดภัยสูงสุดไหม

ของพวกนี้มันจุกจิกมากๆ เขียนเป็นหนังสือได้เล่มหนาๆ เลยถ้าจะให้พูดก็คงทั้งวัน (หัวเราะ)

เรื่องที่เป็นพื้นฐานคือก่อนเริ่มต้นทุกงานเราต้องทำขั้นตอนการ handle งานนั้นๆ ของมีสภาพยังไง จะแพ็กยังไง ต้องเตรียมของเตรียมอุปกรณ์อะไรไปเผื่อหรือเปล่า ซึ่งผมต้องอนุมัติก่อนถึงจะสามารถส่งคนไปที่หน้างานเพื่อรับสินค้าได้

กฎอีกข้อคือต้องส่งคนไปอย่างน้อย 2 คน 1 ในนั้นจะต้องเป็นระดับ supervisor ขึ้นไป อีกคนเป็น art handler เพราะเราไม่รู้เลยว่าจะเจออะไรบ้างที่หน้างาน ยกตัวอย่าง คนทั่วไปไม่ค่อยรู้ว่ากว่าสีน้ำมันจะแห้งจริงๆ ต้องใช้เวลา 2 ปี ถ้าเป็นหัวหน้างานที่มีประสบการณ์เขาจะรู้เลยว่าสีแห้งหรือยัง ถ้างานเพิ่งเพนต์เสร็จมาแค่ 2 อาทิตย์ก็อาจจะต้องเปลี่ยนวิธีแพ็กหน้างานใหม่ นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเราต้องส่งซีเนียร์ไป 

อีกเรื่องที่สำคัญคือห้ามถือผลงานแค่คนเดียวเพราะว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเวลาไม่ว่าเปอร์เซ็นต์จะน้อยแค่ไหนก็ตาม เวลาเราขนส่งเส้นทางอาจจะไม่ได้ราบรื่น มันอาจจะเป็นที่กว้างๆ หรือทางเดินแคบๆ ก็ได้หมด ถ้าถือคนเดียวแล้วสะดุดล้ม เท่านั้นของก็พังแล้ว ดังนั้นจึงต้องมีอีกคนช่วยกันถือเผื่อคนนึงล้มอีกคนยังประคองไว้ได้

มีงานไหนที่ท้าทายและน่าจดจำมากๆ ไหม

ผมยกตัวอย่างงานหุ่นทหารดินเผาจากสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ที่ยกมาแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร มันเป็นงานใหญ่เพราะเรารู้กันอยู่ว่าสมบัติทั้งหมดของสุสานจิ๋นซีเป็นสมบัติแห่งชาติของประเทศจีน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทางไทยจะไปขอยืมมาจัดแสดงโชว์ ดังนั้นความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ทีนี้มันก็ดูแลยากเพราะว่าของมันฝังมาในดินมาประมาณ 1,200 ปีพอสัมผัสอากาศภายนอกก็เปลี่ยนสภาพแล้ว จะเห็นว่าตอนนี้หุ่นมันไม่มีสีแต่ตอนเขาขุดมา 10 นาทีแรกมันมีสีนะหรือบางชิ้นเอาขึ้นมาปุ๊บ ผ่านไปไม่ถึง 10 นาทีก็เป็นผงไปเลย

ความยากที่สองคือของมันไม่ใช่หินแต่เป็นดินเผาดังนั้นข้างในหุ่นจะกลวง หมายความว่ามันแตกได้ แต่ระหว่างขนย้ายเราจะต้องเจอแรงกระแทกเยอะมาก ขนขึ้นรถบรรทุกก็เจอแรงกระแทก ขึ้นเครื่องบิน เครื่องบินขึ้น ตกหลุมอากาศ หรือเครื่องบินแลนดิ้งก็เจอแรงกระแทกอีก เราจะทำยังไงให้ปลอดภัยที่สุด

นี่คือสาเหตุว่าทำไมจีนเขาถือว่ามันเป็นสมบัติแห่งชาติและไม่ให้ทำการขุดเอาสมบัติของจิ๋นซีฮ่องเต้ขึ้นมามากเกินไปเพราะเอาขึ้นมาแล้วรักษายากมาก ทุกวันนี้มีการขุดไปในจำนวนน้อยมาก ของมีจำนวนเป็นล้านแต่ขุดกันมา 20-30 ปีแล้วได้แค่ 6,000 ชิ้นเอง ถือเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมากๆ 

elite transportation services

คุณสร้างความเชื่อมั่นยังไงให้ลูกค้ารู้สึกว่างานที่มีมูลค่าและคุณค่ามหาศาลอยู่ในมือเราแล้วจะปลอดภัย

สิ่งที่จะทำให้ลูกค้ามั่นใจได้มากที่สุดคือผลงานที่เราเคยทำมา ประสบการณ์ของเรา งานใน industry นี้ส่วนมากจะแนะนำแบบปากต่อปากกันไป เราไม่สามารถใช้ mass marketing strategy ทำโฆษณาแบบขนส่งพัสดุทั่วๆ ไปได้ เพราะว่ามันไม่ได้การันตีว่าฝีมือของเราเป็นยังไง วิธีเดียวที่คุณจะเห็นว่าเราทำงานดีแค่ไหนคือได้เห็นระหว่างที่เราขนส่งซึ่งแน่นอนว่า end user อย่างคนที่เข้าไปดูนิทรรศการเขาไม่เห็นหรอก ผู้ขนส่งงานศิลปะต่างๆ ทั่วโลกเขาถึงก่อตั้งขึ้นมาเป็นสมาคมเพราะสมาคมนี่แหละที่จะรองรับ การันตี นักสะสมขาก็บอกปากต่อปากว่าเจ้าไหนฝีมือดี ไว้ใจได้ 

ดังนั้นวิธีเดียวเลยที่จะทำให้เกิดการกระจายชื่อของ ELITE ออกไปคือลูกค้าต้องมั่นใจว่าเราให้ความใส่ใจ ให้ความสำคัญกับผลงานของเขามากที่สุด ดูแลอย่างดีที่สุด art handler ของเรามีความรู้ด้านศิลปะ รู้จักแก้ไขปัญหาหน้างาน แล้วก็ขนส่งโดยที่ไม่เกิดความเสียหาย ทุกอย่างต้องเพอร์เฟกต์ ห้ามมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ถ้าเราทำได้เราก็ได้ความมั่นใจจากลูกค้า มาร์เก็ตติ้งที่ดีที่สุดคือ performance ของคนของเรา 

ELITE ปรับตัวมาขนส่งงานศิลปะเพราะเห็นความเปลี่ยนแปลงในตลาดเทรดโชว์ แล้วตอนนี้วงการงานศิลปะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างไหม 

ตอนนี้ศิลปะมันเริ่มเปลี่ยนไป เพราะคนไม่ได้มองแค่ว่ามันคือรสนิยมในการตกแต่งบ้าน แต่มองว่ามันคือการลงทุน ตอนนี้ถ้าเราไปเดินในนิทรรศกาลศิลปะ ในแกลเลอรี หรืองานแสดงศิลปะ biennale ของแต่ละประเทศ คิวเรเตอร์หรือพนักงานของแกลเลอรีนั้นๆ เขาสามารถบอกได้เลยว่าผลงานนี้ดีลอยู่ที่เท่าไหร่ มีอัตราตอบแทนเท่าไหร่ต่อปี งานมันจึงยังขายได้เรื่อยๆ เพราะว่ามันก็เป็นการลงทุนสินทรัพย์รูปแบบหนึ่งซึ่งสินทรัพย์พวกนี้มันต้องดูแลให้ดี ถ้าดูแลไม่ดีก็เสีย value ดังนั้นสิ่งที่จะเข้ามามีบทบาทคือการขนส่ง การดูแลรักษามัน เรามองว่านี่ยังเป็นโอกาสของเราอยู่

ขณะเดียวกัน มันก็มีงานศิลปะรูปแบบใหม่เกิดขึ้นเช่น NFT ที่ไม่ได้อยู่บนแคนวาสเหมือนสมัยเก่าแต่อยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัล เราก็ต้องมาดูว่าการมาถึงของ NFT กับ metaverse มันจะเปลี่ยนโลกศิลปะไปยังไงเพราะของพวกนี้ไม่ต้องการใช้ขนส่ง แล้ว ELITE เราจะอยู่ในธุรกิจนี้ต่อไปยังไง

elite transportation services

พูดถึงเรื่องนี้ คุณมอง NFT ยังไง มันจะมีผลกระทบอะไรกับธุรกิจของคุณหรือเปล่า และคุณมองอนาคตของ ELITE ยังไง

ผมมองว่าถ้าต่อไปความนิยม NFT เพิ่มขึ้น คนไปลงทุนกับ NFT มากกว่างานศิลปะแบบเดิม ไม่ต้องใช้การขนส่งผมก็คิดว่าเรายังมีโอกาสในด้านของการจัดงานอีเวนต์ อย่างที่ผมบอกว่าเทรดโชว์ หรือ exhibition show มันไม่จำกัดขอบเขต มันจะโชว์สินค้าอะไรก็ได้ งาน NFT เองก็เคยมีการจัดงานนิทรรศการแบบ on-ground ตรงนี้ก็เป็นขาหนึ่งของงานที่ ELITE ทำเหมือนกัน

ถึงอย่างนั้นผมก็มองว่า NFT เป็นสินทรัพย์ชนิดใหม่ที่ไม่สามารถมาแทนงานศิลปะแบบเดิมได้ ยังไงผลงานเก่าๆ ก็ยังมีที่ทางและมีการขนย้ายตลอดอยู่ดี ไม่ใช่แค่เพื่อซื้อ-ขายแต่เพื่อการนำไปจัดแสดงด้วย เช่น นักสะสมในไทยเก็บผลงานชิ้นนี้ของอาจารย์ถวัลย์มา 20 ปีแล้วถ้ามีคนอยากนำไปแสดงต่างประเทศการขนส่งก็เกิด หรือการประมูลงานศิลปะก็เกิดอยู่ตลอด อย่างการประมูลของ Christie’s ในสิงค์โปร์ ในฮ่องกง คนที่อยากขายผลงานศิลปะก็ต้องขนส่งงานไปที่ประเทศนั้นๆ เพื่อเข้าร่วมการประมูล ดังนั้นการขนส่งงานศิลปะแบบดั้งเดิมก็ยังมีตลาดอยู่ และตราบใดที่มีการซื้อ-ขาย คนก็ยังต้องการบริการขนส่งอยู่ดี

Writer

Lifestyle Editor ชอบคุย ชอบรู้จัก และชอบอุดหนุนแบรนด์สร้างสรรค์ที่รัก

Photographer

ช่างภาพที่สนุกกับการแต่งตัว อยู่กับเสียงเพลง และหลงรักในความทรงจำ Ig : mocfirst

You Might Also Like