เติบโต

‘คำโตๆ’ มิติใหม่ของเอเจนซีที่ปั่น ทันกระแส ตามสไตล์ของเพจเนื้อแท้ที่หยิบจับอะไรก็ไวรัล

‘เจอบังโตที่เซเว่น’

โฆษณาสุดปั่นที่ทำให้คนไปตามล่าแซนด์วิชเนื้อแท้กันทั่วบ้านทั่วเมือง และสร้างปรากฏการณ์ยอดชม 1 ล้านวิวภายใน 9 ชั่วโมง นี่เป็นผลงานชิ้นแรกของเอเจนซีน้องใหม่อย่าง ‘คำโตๆ’

หลังจากเมื่อกลางปี 2024 ที่ผ่านมา โต–วีรชน ศรัทธายิ่ง ได้ประกาศเปิดตัวธุรกิจใหม่ในชื่อ ‘คำโตๆ’ บริษัทเอเจนซีและคอนเทนต์ออนไลน์ ที่ทำโปรดักชั่นได้ด้วย พร้อมนั่งแท่นเป็น Chairman หรือประธานกรรมการให้กับคำโตๆ

ที่สำคัญยังได้ดึง DNA ความปั่น ทันกระแส และสนุกในแบบของเนื้อแท้มาระเบิดความคิดสร้างสรรค์ ภายใต้การบริหารงานของ คิง อลังการ Managing Director และ Creative Director ของคำโตๆ หรือที่รู้จักกันในฐานะแอดมินเพจเนื้อแท้ที่ฝากคอนเทนต์ไวรัลไว้เต็มหน้าฟีด

“ผมอยากสร้างมิติใหม่ของการทำโฆษณาที่สะอาด แล้วก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ทำให้สังคมเสื่อม แล้วก็หาเงินได้ด้วย” โตพูดถึงหัวใจสำคัญในการปั้นคำโตๆ 

ตลอดการสนทนาในครั้งนี้ เรามักจะได้ยินคำว่า ‘มิติใหม่’ และ ‘เส้นตรงกลาง’ อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งมักถูกใช้อธิบายว่าคำโตๆ จะคงสไตล์ของตัวเองที่แตกต่าง ไม่เหมือนใครเอาไว้ และถ้าลูกค้าอยากได้งานที่ผิดกับตัวตนของพวกเขา ก็จะไม่ทำ

ด้วยแนวคิดที่สวนทางกับเอเจนซีอื่นๆ ที่เราเคยรู้จัก บวกกับฝีไม้ลายมือที่ไม่ว่าเนื้อแท้จะหยิบจับอะไรก็กลายเป็นไวรัลอยู่เสมอ เช้าตรู่วันธรรมดาวันหนึ่ง เราจึงนัดโตและคิงมาที่ร้านเนื้อแท้ สาขาหนองจอก ซึ่งถือเป็นสาขาแรกของเนื้อแท้เพื่อย้อนความหลัง พูดคุยกันถึง DNA ของเนื้อแท้ตั้งแต่ day 1 มาจนถึงจุดเริ่มต้นในการทำคำโตๆ แนวคิดการบริหารธุรกิจด้วยความจริงใจ พร้อมเจาะเบื้องหลังโฆษณาที่หลายคนได้ชมกัน 

ขอเตือนไว้คำโตๆ ว่าเตรียมหัวเราะไปกับคำตอบสุดกวนชวนปั่นในสไตล์เนื้อแท้กันได้เลย

อย่างที่รู้กันว่าคอนเทนต์ในเพจเนื้อแท้เต็มไปด้วยความครีเอทีฟและกลายเป็นไวรัลตลอด ส่วนนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้อยากเปิดเอเจนซีคำโตๆ ด้วยไหม

โต : ใช่ครับ เพราะตอนแรกที่คิดคอนเซปต์ของเนื้อแท้ คืออยากทำเพจให้สนุก ให้คนมาตามที่เพจ ไม่ได้ตามเพราะเนื้อ ทีนี้ก็มาเจอคิง เขาเป็นลูกค้าประจำเราที่ร้าน The Beef Master แล้วเขาก็บอกว่าเรียนจบนิเทศศาสตร์มา ผมก็เลยให้คิงมารับผิดชอบดูเพจเนื้อแท้

คิง : ช่วงแรกผมขายของแบบฮาร์ดเซลอย่างเดียวเลย แล้วรู้สึกเริ่มจะหมดไฟ เพราะขายของแล้วไม่มีรีแอกต์จากคนดู คนกดไลก์ก็น้อย เลยลองหาอะไรที่สนุกๆ ทำ ช่วงแรกลองเอาข่าวมาเล่น หลังๆ ก็เริ่มเอาพี่โตมาเล่นนู่นเล่นนี่ โดยที่บางทีพี่โตก็ไม่รู้ตัว แล้วก็เป็นไวรัลไปเลย

โต : พอทำไปทำมาเขาก็เจอเส้นของตัวเองอย่างที่เราเห็นกันในเพจเนื้อแท้ตอนนี้ แล้วเขาก็เอาผมมาเล่นคอนเทนต์ยับไปหมด (หัวเราะ) ผมก็คิดว่าต่อไปมันน่าจะแตกแขนงได้อีก เลยบอกคิงว่าอยากแยกบริษัทเลยไหม แล้วก็เอาจริงทางด้านนี้เลย เพราะว่าทำให้เนื้อแท้อย่างเดียวมันเสียดายโอกาส ถ้าขยายได้จะสนุกกว่านี้

คิงรู้สึกยังไงที่ได้มาเป็นผู้บริหารของคำโตๆ

คิง : ตอนนั้นผมทำเพจเนื้อแท้อยู่ประมาณ 3 ปี ก็อยากหลุดจากกรอบของการทำคอนเทนต์ร้านอาหาร อยากไปทำอย่างอื่น อยากเปิดโลกกว้างมากกว่านี้ ใจหนึ่งเราก็กลัวนะ กลัวว่าจะทำไม่ได้ แต่อีกใจเราก็อยากเป็นผู้กำกับโฆษณาตั้งแต่เรียน พอเรียนจบก็มาทำงานกับพี่โตยาวๆ ตอนที่พี่โตชวนให้มาทำเอเจนซีด้วยกัน ผมคิดว่าเป็นจุดที่ช่วยสานฝันในการอยากทำสื่อโฆษณาของผมเลย

แล้วพวกคุณแบ่งหน้าที่กันยังไง

โต : ผมให้คิงบริหารไปเลย ผมให้อิสระคิงตั้งแต่ตอนทำเพจเนื้อแท้ คิงเขาคิดแล้วเริ่มหมดทุกอย่าง ผมแทบไม่ยุ่งเลย คิงก็จะให้ดูว่าเสียภาพลักษณ์หรือเปล่า ขัดกับหลักศาสนาไหม เขาอยู่กับเรามาตั้งแต่ยังเป็นร้านเล็กๆ ตั้งแต่ day 1 ของร้านเนื้อแท้เลยด้วยซ้ำ เขาก็รู้ทุกอย่างอยู่แล้ว

พอมาเปิดคำโตๆ ผมก็ทำตัวเป็นมือที่ 3 มองมาจากข้างนอก เหมือนตอนที่ผมทำเพลง โปรดิวเซอร์ก็จะมองเห็นในมิติที่คนเขียนงานมองไม่เห็น เวลาที่ผมอัดเพลงอะไร โปรดิวเซอร์ก็จะเตือนผม ผมก็เปลี่ยนตาม งานนี้ก็เหมือนกัน บางทีพวกเขาไปดูงานข้างนอกมา แล้วรู้สึกว่างานเขามันดิบขนาดนี้อาจจะไม่ดี ผมบอกไม่เป็นไร ดิบไปเลย มันมีคนที่ชอบความดิบแบบนี้แหละ แล้วผมก็ชอบความดิบที่ไม่มีใครสอน มันเป็นสิ่งที่ดีนะ 

คิง : อันนี้ชมหรือด่า (หัวเราะ)

โต : เป็นสิ่งที่ดี ถ้ามันไม่ใช่เรื่องบาปก็ดีหมดแหละ

คอนเทนต์ที่จะได้เห็นจากคำโตๆ เหมือนหรือต่างจากที่เห็นในเพจเนื้อแท้ยังไง

คิง : เรายก DNA ของเนื้อแท้ออกมาใช้เลย เราอยากทำให้แบรนด์มีความน่าสนใจอย่างที่เนื้อแท้เคยเป็น เนื้อแท้มีความปั่น มีความสนุก มีความติดกระแส เราอยากให้แบรนด์อื่นๆ ที่มาจ้างเรามี DNA ตรงนั้นไปด้วย

คำโตๆ มองว่าตัวเองอยากเป็นเอเจนซีสไตล์ไหน

โต : ผมอยากสร้างมิติใหม่ของการทำโฆษณาที่สะอาด แล้วก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ทำให้สังคมเสื่อม แล้วก็หาเงินได้ด้วย เรื่องนี้ผมเองก็คิดไม่ตกเหมือนกัน เพราะผมก็ทำสื่อมาก่อน ผมคิดว่าจะทำยังไงให้สื่อมันสะอาดได้บ้าง

ในบริษัทของเราทั้งหมดจะอิงหลักการศาสนาหมดเลย อย่างหนึ่งในหลักการอิสลามก็คือ ถ้าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อเกินควรไม่ได้ ใช้ผู้หญิงหรือเรื่องทางเพศมาดึงดูดความสนใจไม่ได้ วิธีที่คิงเลือกใช้ทำให้โฆษณามันสะอาดได้ ผมว่ามีหลายคนอยากจะทำนะ แต่ทำไม่ได้ สุดท้ายก็ยังมีความไม่ถูกต้องออกมา เช่น โฆษณาแบบเว่อร์ แต่จริงๆ ตัวสินค้าไม่ได้ขนาดนั้น

อันนี้เป็นอีกสิ่งที่ซีเรียสในศาสนาอิสลามมากคือ พูดโกหกไม่ได้ ซึ่งเราก็ไม่จำเป็นต้องโกหก เราแค่ทำให้คนสนุกแล้วจำได้ โฆษณาก็มีหลายประเด็นให้เอามาเล่น อย่างที่คิงชอบทำก็คือหยิบสถานการณ์ปัจจุบันหรือสิ่งที่เป็นกระแสมาทำ ผมว่าคิงทำถึงเส้นตรงนี้ ซึ่งกว่าจะหาเส้นตรงกลางได้แบบนี้มันยากนะ

ผมก็อยากให้เด็กรุ่นใหม่มีองค์กรที่เขาเข้ามาทำงานแล้วเห็นว่ามันมีทางเลือกนี้ที่สะอาดอยู่นะ มันเป็นงานที่อิ่มใจ แล้วทำให้เขาอิ่มท้องด้วย ไม่ใช่อิ่มแต่ท้องแล้วใจมันสกปรก ซึ่งทางคำโตๆ เราพยายามปกป้องคนเสพคอนเทนต์โดยที่เขาไม่รู้ตัว ที่บอกว่าไม่รู้ตัวเพราะบางทีคิงเขาทำโฆษณาแบบเนียนมาก ระวังเรื่องการใช้ภาษา การใช้คำหยาบคาย

บางทีคนไม่คิดถึงเด็กที่เขาเข้าถึงสื่อได้ง่าย แล้วถ้าไม่ระวังเรื่องพวกนี้ เราต้องโทษตัวเองแล้วที่ทำให้สังคมมันเสื่อม แล้วพอเรามาเจอคนที่เข้าใจหลักการทุกอย่าง ทีมทุกคนเข้าใจหมดโดยที่ผมไม่ต้องเหนื่อยบอก เหมือนเราเจอคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันหมด

คิง : ถ้าสังเกตตอนนี้คอนเทนต์ขยะในยูทูบ เต็มไปหมด เวลาเด็กดู เขาสกรีนไม่ได้ ก็กลายเป็นความเคยชินว่าคำหยาบอันนี้พูดได้ แต่ถ้ามาดูคำโตๆ จะรู้สึกว่าเป็นคอนเทนต์ที่ทุกคนดูได้

แล้วถ้าลูกค้าอยากได้ผลงานสไตล์อื่นต่างจากที่คุณวางไว้ล่ะ

โต : ถ้ามันผิดกับตัวตนที่เราวางไว้ ผมไม่ทำ เพราะว่าแต่ละเอเจนซีก็ต้องมีสไตล์ บางคนอาจทำได้หลายสไตล์ แต่ว่าถ้าเราทำสไตล์ของเราอย่างนี้ไปเลย แล้วก็พัฒนาสไตล์ให้มันแหลมคมขึ้น คนก็จะมองเห็นเรา

คิง : ถ้าลูกค้าอยากได้งานที่ success เขาต้องเข้าใจงานของเรา หน้าที่ของลูกค้าคือโยนงานมาให้เราคิด แล้วก็เปิดโอกาสให้เรา หน้าที่ของเอเจนซีคือคิดงานให้ครีเอทีฟ ให้สนุก อันนี้เป็น key message ในการทำงานด้วยกันเลย คือต่างคนต่างไว้ใจซึ่งกันและกัน

โต : ผมขยายที่คิงพูดนิดหนึ่ง คือผมเป็นคนทำงานศิลปะมาก่อน แล้วผมไม่ได้เป็นคนที่ทำศิลปะจ๋าๆ แล้วคนฟังไม่รู้เรื่อง ผมเป็นคนทำงานศิลปะด้วย แล้วก็แมสด้วย ถ้าทำแล้วคนฟังไม่รู้เรื่องจะทำไปทำไม นั่งเล่นคนเดียวอยู่ในบ้านก็ได้

เพราะฉะนั้นตอนรับงานลูกค้าผมจะสกรีนความตรงกันของหัวใจก่อน แล้วให้เขาบอกมาเลยว่า 1 2 3 4 5 อยากได้อะไร อยากให้คนรู้จักหรืออะไร บอกความต้องการมาได้ อันนั้นเป็นสิทธิ์ของลูกค้า เดี๋ยวผมจะทำให้ติ๊กถูกทุกข้อแน่นอน แต่ถ้าคุณมาบอกว่าต้องทำอย่างโน้น อย่างนี้ อันนั้นคุณไปทำเองดีกว่า ถ้าคุณมาทำงานกับเราก็ต้องเชื่อใจเรา

มีวิธีสกรีนลูกค้ายังไงให้คลื่นหัวใจตรงกัน

โต : ผมต้องดูก่อนว่าผมโอเคกับแบรนด์หรือเปล่า สินค้าดีจริงไหม ผู้บริหารเขาตั้งใจหรือเปล่า เป็นคนที่รักในงานของตัวเองจริงๆ ไม่ได้ทำเพราะเป็นนักธุรกิจ ผมอยากสนับสนุนคนที่จริงจังกับลูกค้า จริงใจกับลูกค้า เพราะว่าผมก็เป็นคนแบบนี้เหมือนกัน ก็อยากได้คนที่เป็นคอเดียวกันมาทำงานร่วมกัน

สมมติว่าในอนาคตมีบริษัทที่ใหญ่มากๆ มาจ้างงาน ผมก็จะถามว่าเขาต้องการอะไร แล้วเราก็อาจจะทำงานเล็กๆ ด้วยกันครั้งแรกก่อน ถ้าทำแล้วไม่ใช่ ผมก็บอกว่าไม่รับต่อแล้วนะ เพราะผมว่าลึกๆ ของทุกคนก็ต้องการความจริงใจ แค่เราถูกสังคมทำให้เราลืมตรงนี้ไป แล้วก็จะมาทำฉาบฉวย แต่ถ้ามาด้วยความจริงใจก็จะอยู่ไปตลอด

ตอนนี้คำโตๆ ให้บริการอะไรบ้าง

คิง : เราเป็นบริษัทเอเจนซีที่ดูแลเพจแล้วก็ผลิตสื่อ อีกขาหนึ่งที่เริ่มทำเมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็คือโปรดักชั่นเฮาส์ ทำโฆษณา ลูกค้าหลักของเราตอนนี้ก็คือเพจเนื้อแท้ และอีกอย่างคือทำรายการคำโตๆ เป็นรายการที่ให้พี่โตเอาสินค้ามารีวิว แล้วในอนาคตอาจจะมีรายการพอดแคสต์ เพื่อให้ช่องมีอะไรรันตลอดเวลา

ความยากหรือความท้าทายของการหันมาทำเอเจนซีคืออะไร

คิง : คือสิ่งที่เราไม่รู้นี่แหละ เพราะผมดึงทีมงานที่ทำเพจเนื้อแท้ด้วยกันมาทำคำโตๆ ด้วย แล้วพวกเราไม่ได้เป็นสายเอเจนซีมาก่อน พอเราเริ่มทำจากสิ่งที่ไม่รู้ เราก็ต้องหาทางเองหมดเลย

โต : การไม่รู้เป็นข้อดีที่ผมชอบนะ เพราะว่าลายเส้นมันจะมีเอกลักษณ์ จะหาตัวตนของตัวเองง่าย คนชอบบอกว่าทำไมเนื้อแท้เป็นมิติใหม่ของสื่อ มีวิธีการโปรโมตในช่องทางออนไลน์ที่ไม่เหมือนใคร เพราะเราไม่มีต้นแบบไง 

มันเหนื่อยไหม เหนื่อยนะ แต่ทำให้เรามีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง จากนั้นถ้าคนจะเลียนแบบเราก็ไม่เป็นไร เพราะเขาจะรู้ว่าใครเป็นออริจินอลจริงๆ ซึ่งส่วนใหญ่คนชอบทำเหมือนกันหมดเลย แต่ผมไม่ค่อยชอบเหมือนใครเท่าไหร่

อย่างเรื่องการตัดต่อ ถ้าไปดูที่ช่องคำโตๆ เรื่องการตัดต่อนี่จะไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา ที่จะตัดเรียงๆ ไป แต่เราไม่ได้ไปตามกฎว่ามันต้องมีคำนำ เนื้อเรื่อง แล้วก็สรุป ผมคิดว่าเราอย่าไปยึดกับกรอบเพราะว่ามนุษย์เป็นคนสร้างกรอบกันเอง เราก็สร้างกรอบใหม่เลย เราดึงสรุปขึ้นมาก่อนหรือดึงเนื้อเรื่องขึ้นมาก่อนแล้วค่อยมาเป็นคำนำ พอมันเจอเส้นตรงนี้ ดูแล้วก็สนุก เราก็คงวิธีตัดแบบนี้ไว้เรื่อยๆ จนเป็นสไตล์เรา

เห็นว่าผลงานชิ้นแรกของคำโตๆ คือโฆษณาเจอบังโตที่เซเว่น ตอนนั้นคุณได้รับโจทย์มาว่ายังไง และเจออุปสรรคอะไรบ้างไหม

คิง : CEO ของ Company B เขาอยากโปรโมตสินค้าแซนด์วิชเนื้อแท้ อันที่เป็นเนื้อย่างซอสแจ่วชีสโทสต์แซนด์วิช ที่จะวางขายในเซเว่น โจทย์แรกที่ได้มาคือทำยังไงให้คลิปนี้เป็นไวรัลให้ได้ เราก็พยายามคิดให้มีความเป็นเนื้อแท้อยู่ในนั้น ก็คือดึงเอาความกวนตีน ความปั่นประสาทมาใส่ในนี้ ดึงเอามีมมาใส่ด้วย

แต่ตอนนั้นเรามีเวลาแค่ 2 สัปดาห์ในการเตรียมงานสร้าง เพราะสินค้าจะวางขายแล้ว มันใกล้เวลามากจริงๆ เป็นช่วงชุลมุนที่เราต้องทำนู่นนี่นั่นหลายอย่าง และด้วยความที่เรากับเนื้อแท้เป็นพาร์ทเนอร์กัน เราก็ไม่กล้าเรียกเงินเขาเยอะ ก็โดนจำกัดด้วยงบประมาณอีก

ด้วยเวลาแค่ 2 สัปดาห์กับงบที่จำกัด คุณมีวิธีการทำงานยังไงให้ทัน

คิง : เราไม่มีเวลาแคสต์นักแสดงด้วยซ้ำ คนที่เป็นนักแสดงหลัก 2 คนคืออีฟกับอ้น เขาเป็นลูกค้าของ The Beef Master มาก่อน ผมได้ไปเจอกับเขาก็รู้สึกว่า 2 คนนี้มีความกวนตีนหน่อยๆ มีความเป็นลูกเล่นอะไรบางอย่าง เลยมั่นใจในคาแร็กเตอร์ของ 2 คนนี้ แล้วพวกเขาเป็นลูกค้าประจำมีความผูกพันกับแบรนด์ เราคิดว่าสิ่งนี้มันมีอิมแพกต์ดี แล้ว 2 คนนี้ไม่เคยเล่นโฆษณามาก่อน ยิ่งทำให้มีความสดใหม่กับโฆษณาของเรา 

โต : ตอนแรก 2 คนนี้จะหนีกระเจิงกลับบ้านตั้งแต่เห็นกองถ่ายแล้วนะ เขากลัวมาก ไม่คิดว่ากองใหญ่ขนาดนี้ ผมก็บอกว่าเขากลับตัวไม่ทันแล้ว มาถึงที่นี่แล้ว ขนาดตัวผมเองคิงยังไม่บอกโจทย์อะไรเลย อยู่ดีๆ ก็ดึงมาถ่าย และไม่จ่ายค่าตัวผมด้วย (หัวเราะ)

คิง : ด้วยความที่ยังไม่เคยทำมาก่อน ผมก็ไม่คิดว่ากองใหญ่ขนาดนี้ คิดแค่ว่าใช้กล้องตัวใหญ่เฉยๆ พอมาถึงหน้ากองเห็นคนเต็มเลย มีทีมงานเบื้องหลังเยอะไปหมด งานนี้ผมเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ แล้วก็มีผู้อำนวยการอีกคนหนึ่ง ตอนคุยงานกันเราก็โยนไอเดียกันไปมา ก็รู้สึกสนุก เป็นมิติใหม่ที่เราไม่เคยทำมาก่อน 

คิดว่าอะไรที่ทำให้โฆษณานี้มียอดชมถึง 1 ล้านวิวภายใน 9 ชั่วโมง

คิง : ผมว่าคนน่าจะชอบความปั่นที่มันมาจาก DNA ของทีมงานเนื้อแท้ พอเราใส่ลูกเล่นเข้าไป ดึงเอาพี่โตในยุคต่างๆ มาเล่น ตอนนั้นมีกระแสเรื่องเพลงพี่โตด้วย อันนี้ก็เป็นตัวปั่นให้โฆษณานี้เป็นไวรัลขึ้นไปอีก จากตอนแรกที่คิดว่างานนี้อาจจะต้องยิงแอดฯ เราวางงบประมาณยิงแอดฯ ไว้เรียบร้อย แต่พอวันเดียวไปถึง 1 ล้านวิว แล้วขยับขึ้นไป 2 ล้านกว่าๆ เราก็เลยปล่อยให้มันรันแบบออร์แกนิกไปเลย

ถ้าไม่นับต้นทุนที่เป็นเม็ดเงิน คิดว่าต้นทุนที่สำคัญของคำโตๆ คืออะไร

โต : ต้นทุนก็มีผมเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ฟรี อันนี้เป็นต้นทุนใหญ่เลยนะ ถ้าเป็นคนอื่นใช้ผมมาเล่นขนาดนี้เจ๊งไปแล้ว (หัวเราะ) 

ต้นทุนเริ่มต้นผมว่าคือความเป็นเอกลักษณ์ เหมือนกับเนื้อแท้ที่เราสามารถพูดให้คนรู้จักเราได้ แล้วเราค่อยๆ ขยับทิศทางให้ชัดเจนขึ้น

คิง : ต้นทุนที่ผมคิดก็คือเรื่องคน โดยเฉพาะคนที่มีความครีเอทีฟนี่หาได้ยาก แล้วเราก็ยังหาอยู่ด้วย สัก 100 คนจะมีคนแบบนี้อยู่แค่คนเดียว อย่างเปิดบริษัทมานี่มีอยู่แค่คนเดียวที่มีไอเดียคล้ายๆ กัน แล้วก็คิดไปในทางเดียวกันได้ เรื่องความครีเอทีฟผมจะให้ความสำคัญเป็นเรื่องหลัก แต่เรื่องการได้รับคำสั่งแล้วทำเลย อันนี้ผมเฉยๆ เพราะว่าใครๆ ก็ทำได้ แต่ถ้าเขามีไอเดีย มีความเป็นตัวตนชัดเจน แล้วก็เข้าใจในแบรนด์ เข้าใจในตัวคำโตๆ จริงๆ อันนั้นหายาก

คุณมองภาพในอนาคตของคำโตๆ ไว้ยังไงบ้าง

โต : ผมอยากให้มันมีสตอรีภาพความเป็นเนื้อแท้อยู่ในคำโตๆ อย่างนี้แหละ แต่เรื่องยอดขายก็ต้องมาด้วย

คิง : ตอนนี้เราดูแลเพจของเนื้อแท้อย่างเดียว ในอนาคตถ้ามีลูกค้าที่จะให้เราดูแลเพจหรือทำคอนเทนต์อะไรประมาณนี้ ถ้าเขาชอบในสไตล์เรา ก็จะไปในทางนั้นด้วย แต่ตอนนี้ก็พยายามศึกษาแนวทางการเป็นเอเจนซี ส่วนอีกขาหนึ่งก็อยากเป็นโปรดักชั่นเฮาส์ ต่อไปในอนาคตอาจจะมีเฟสติวัลหรืออะไรที่ต่อยอดจากการเป็นคำโตๆ ได้

Writer

นักเขียนที่อยากเปลี่ยนเรื่องธุรกิจให้เป็นเรื่องสนุก และมีแมวกับกาแฟช่วยฮีลใจในทุกวัน

Photographer

ช่างภาพที่สนุกกับการแต่งตัว อยู่กับเสียงเพลง และหลงรักในความทรงจำ Ig : mocfirst

You Might Also Like