THE LEGEND OF BEAUTY 

เปิดตลับแป้งคุณภาพแน่น ‘เจ้านาง’ แบรนด์เครื่องสำอางไทยที่ใช้ได้ทุกวันแม้อากาศร้อน

ถ้าลองเสิร์ช ‘แป้งพัฟ’ ตาม TikTok, YouTube หรือไล่อ่านรีวิวตามโซเชียลมีเดียต่างๆ ชื่อของแป้งพัฟ ‘เจ้านาง’ น่าจะโผล่ขึ้นมาผ่านตาสาวๆ ให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ในภาพลักษณ์ความเป็นสาวไทย ผมยาวสลวยที่หน้าตลับ ราคาเป็นมิตรกับน้องๆ นักศึกษาและมนุษย์เงินเดือน พร้อมคุณภาพที่ขึ้นชื่อเรื่องการติดทน เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของสาวๆ ในวันที่อากาศร้อน

“เราเป็นคนนึงที่อยากสวยในแบบฉบับของตัวเอง เราไม่ได้อยากจะไปสวยเหมือนใครเพราะจังเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมีดีในตัวเอง มีความมั่นใจในตัวเองในแบบฉบับของตัวเอง มั่นใจมาก มั่นใจน้อย อีกเรื่องนึงแต่ว่าเราต้องสามารถที่จะออกไปทำกิจกรรมต่างๆ แบบที่เป็นเรา แล้วทุกครั้งที่หยิบแป้งเจ้านางมาคุณจะรู้เลยว่าถ้าคุณทาไปแล้วมันจะสวยแบบที่เป็นคุณจริงๆ นะ” 

จัง–ธัญญ์ฐิตา ทรัพยศิรินารากุล เจ้าของแบรนด์แป้งในตำนานเล่าให้ฟังถึงความฝันที่วาดไว้กับแบรนด์ๆ นี้ด้วยรอยยิ้ม

นอกจากเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงความดีงาม ความปังของแป้งพัฟเจ้านางยังได้รับการการันตีผ่านยอดขายที่ถล่มทลาย โดยในช่วงปีที่ผ่านมาเจ้านางสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 50 ล้าน พร้อมด้วยรีวิวจากบล็อกเกอร์อีกจำนวนมากที่จังมักพูดอยู่ทุกครั้งว่า ‘ถ้าไม่ดีจริง ไม่ต้องรีวิวให้’

คงไม่เกินไปนักหากจะบอกว่า ‘เจ้านาง’ เป็นหนึ่งแบรนด์เครื่องสำอางสัญชาติไทยที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ แต่ถ้าย้อนกลับไปช่วงเริ่มต้น การเดินทางของเจ้านางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ จังต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองตั้งแต่ศูนย์ เธอต้องทำตั้งแต่ลงมือหาข้อมูลเอง ลองผิดลองถูกกับออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง ไปจนถึงการพัฒนาและปรับปรุงสูตรอยู่เสมอเพื่อให้ตรงใจสาวไทยมากที่สุด

เตรียมเปิดตลับแป้ง ส่องกระจก เช็กความสวยไปพร้อมๆ กัน เพราะคอลัมน์ Product Champion ตอนนี้ชวนทุกคนไปทำความรู้จักกับแบรนด์แป้งในตำนานอย่าง ‘เจ้านาง’ ตั้งแต่จุดแรกเริ่มในวันที่ต้องพยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ไปจนถึงวันที่ลูกค้าเรียกร้องให้เพิ่มโปรดักต์มากขึ้น ตลอดจนแนวคิดของการทำงานตลอดระยะเวลากว่า 8 ปี ที่มีเป้าหมายเดียวคือการครองใจสาวไทยและสาวเอเชียให้ได้มากที่สุด  

จุดเริ่มต้นจากความชอบของนักศึกษา

จุดเริ่มต้นการเดินทางของ ‘เจ้านาง’ ต้องย้อนไปเมื่อ 8 ปีก่อน ช่วงปลายปี 2558 ธัญญ์ฐิตหรือจังในวัย 22 ปี ที่ตอนนั้นยังเป็นเพียงนักศึกษา และมีความชอบเรื่องเครื่องสำอางและความสวยความงามประกอบกับแบรนด์เครื่องสำอางต่างๆ ในตอนนั้นค่อนข้างมีราคาแพง ทำให้จังเกิดไอเดียอยากจะผลิตเครื่องสำอางคุณภาพดีออกมาขายในตลาด และนอกจากเรื่องคุณภาพแล้ว ก็ต้องมาพร้อมกับราคาที่จับต้องได้ 

แต่กว่าจะออกมาเป็นรูปเป็นร่าง จังใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่กับมันมาตั้งแต่วันแรกด้วยตัวเอง แถมยังต้องเรียนรู้ทุกอย่างใหม่หมด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนักศึกษาวัย 22 ปี 

“ช่วง 3 เดือนแรกเราก็ทำการตลาดทั่วไป คือเดินขายเป็นเซลล์ขายเอง ไปตามตลาดนัด ไปลงพื้นที่เองอะไรเอง ทั้งเอาไปเสนอขาย แต่ก็ขายไม่ได้เลย สินค้ากองอยู่ทิ้งไว้เป็นหมื่นๆ ชิ้น เขาบอกว่าสินค้าเรายังไม่ได้รับความนิยมและยังไม่เป็นที่รู้จักเลย เราเลยใช้วิธีออนไลน์มาร์เก็ตติ้งและคลุกคลีอยู่กับมัน และแม้ตอนนั้นเราจะเป็นแค่เด็กอายุ 22 ปี และทำธุรกิจแบบที่ไม่ได้มีความรู้ในเรื่องของการตลาด แต่ก็คิดว่าต้องพยายามทำยังไงก็ได้ให้ผลิตภัณฑ์มันขายได้” 

คำถามต่อมาคือ ทำไมผลิตภัณฑ์ตัวแรกของเจ้านางถึงเป็นแป้งพัฟ เพราะโดยทั่วไปแล้วสินค้าแรกๆ ที่แบรนด์เครื่องสำอางมักทำออกมาคือลิปสติกหรือบลัชออนมากกว่า คำตอบง่ายๆ ของจังที่เราคาดไม่ถึงและไม่เคยคิดถึงมุมนี้มาก่อน คือเวลาเราส่องกระจก สิ่งที่เราจะเห็นได้ชัดเจนสุดคือผิวหน้าของเรานั่นเอง ไม่ใช่สีสันจากปาก ตา หรือแก้ม ถ้าหากมองเทียบกับการสร้างบ้านและอาคาร แป้งเปรียบเสมือนการลงเสาเข็ม ที่หากว่าลงอย่างแข็งแรงเพียงพอ จะต่อเติมโครงสร้างยังไงก็ออกมาสวยและแข็งแรง ใบหน้าของเราก็เหมือนกัน หากเริ่มต้นมาอย่างดี จะแต่งแต้มเติมสีสันเท่าไหนก็ปังแน่นอน

แป้งทนได้ ทนน้ำ ทนเหงื่อ ทนอากาศแบบไทยๆ 

hero product ที่เป็นตัวชูโรงของแบรนด์เจ้านางคือ ‘แป้งพัฟเจ้านาง’ ซึ่งเป็นแป้งพัฟผสมรองพื้นในตำนานที่เลื่องลือ มีด้วยกันถึง 4 สี ตั้งแต่ 01 สำหรับสาวผิวขาวอมชมพู 02 ที่เป็นผลิตภัณฑ์ขายดีตลอดกาล เหมาะสำหรับสาวผิวสองสี ซึ่งเป็นสีผิวส่วนมากของสาวไทยและเอเชีย และสี 03 และ 04 สำหรับสาวผิวแทนขึ้นมาตามลำดับ นอกจากเป็นแป้งแล้วยังสามารถเติมความสนุกกับการแต่งหน้าได้ด้วยการหยิบแป้งสีที่เข้มขึ้นมาใช้สำหรับการทำเฉดดิ้ง เพิ่มมิติให้กับใบหน้าได้ด้วยเช่นกัน 

นอกจากคุณภาพดี ราคาเป็นมิตรกับเงินในบัญชี อีกหนึ่งเอกลักษณ์โดดเด่นที่เห็นได้ชัดคือความเป็นหญิงไทยของเจ้านาง เห็นได้ตั้งแต่ชื่อไปจนถึงโลโก้ที่ติดอยู่ที่ตลับแป้ง

“เราอยากให้อัตลักษณ์ทุกอย่างมันมีความเป็นไทย แล้วก็มีชื่อที่จดจำได้ง่าย เราอยากส่งมอบแบรนด์ไทยให้มันเป็นตัวแทนของคนไทย นึกถึงเจ้านางก็อยากให้นึกถึงคนไทย เลยอยากจะแบบถ่ายทอดตรงนั้นออกมาให้ชัดเจนที่สุด”

ความเป็นไทยของเจ้านางไม่ได้สะท้อนออกมาเพียงแค่ชื่อแบรนด์หรือโลโก้เท่านั้น แต่ยังหยิบเอา pain point ที่สาวไทยทุกคนต้องเจอมาปรับแก้ เพื่อให้ทุกคนได้สวยในแบบของตัวเองอย่างที่สุดด้วยเช่นกัน

“โจทย์ข้อหนึ่งของเรา คือต้องทำยังไงให้แป้งเราคุมมัน กันน้ำ กันเหงื่อ หน้าไม่มันไม่เยิ้ม ทาไปทั้งวันหน้าก็ไม่ดร็อป เพราะลูกค้าเจ้านางเป็นคนที่ชอบแอดเวนเจอร์มากๆ เป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมนอกบ้านไม่ว่าจะเป็นออกกำลังกาย หรือแม้กระทั่งการกินเนื้อย่าง ดังนั้นเขาทาไปแล้วเขาต้องรู้สึกมั่นใจที่จะออกไปใช้ชีวิต อันนี้คือจุดแข็งเลยว่าสินค้ามันต้องดีและเหมาะกับสภาพผิวของคนไทยและคนเอเชียที่สุด”

ด้วยความที่ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ดังนั้นหนึ่งในความสามารถของแป้งแบรนด์ไทยแบรนด์นี้คือต้องการให้หญิงไทยสามารถออกไปใช้ชีวิตกับสภาพอากาศร้อนๆ ของประเทศเราได้ด้วยความมั่นใจมากขึ้น และนอกจากคุณสมบัติของการปรับผิวหน้าให้สว่าง ปกปิดริ้วรอยคล้ำและรอยสิว เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับสาวๆ ตลอดจนเหมาะสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายด้วยสูตรพิเศษที่ผ่านการทำงานร่วมกันกับนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางแล้ว จังและทีมยังได้ทดสอบแป้งตัวดังเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการให้เพื่อนๆ ลองใช้แป้งแล้ววิ่งออกกำลังกายบ้าง ลงไปว่ายน้ำในคลองบ้าง เพื่อพิสูจน์ว่าแป้งของเจ้านางสามารถทนต่อทุกกิจกรรมได้จริงๆ 

เปิดตลาดออนไลน์ ให้กูเกิลเป็นอาจารย์

ปัจจุบันเจ้านางเป็นหนึ่งในแบรนด์เครื่องสำอางไทยที่ติดท็อปอยู่ในลิสต์ ‘ของมันต้องมี’ ไปแล้ว พร้อมกลายเป็นขวัญใจของสาวๆ หลายคน การันตีจากยอดขายตั้งแต่ 50 ล้านในปีแรก และเพิ่มขึ้นอีกในปีต่อๆ มา แต่ถ้าวางขายปุ๊บแล้วยอดขายถล่มทลายในทันทีก็คงจะเป็นเรื่องเกินคาดไปหน่อย สำหรับเจ้านางเอง ก่อนจะได้เป็นตำนานก็ต้องตรากตรำมาก่อนเหมือนกัน เพราะในช่วงแรกๆ ของการวางขายในตลาด เจ้านางขายไม่ออกสักตลับ ซึ่งทางจังเองก็มองว่าเป็นเพราะว่าเธอยังเป็นน้องใหม่ในวงการเครื่องสำอางไทย สิ่งที่เธอเลือกทำคือการลงมือทำการตลาดออนไลน์

ในปัจจุบันการทำการตลาดออนไลน์ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่ถ้าลองมองย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีก่อนที่วงการขายของออนไลน์ยังไม่เป็นกระแสหลัก ถือว่าเป็นงานยากสำหรับแบรนด์น้องใหม่เหมือนกัน 

“เจ้านางใช้วิธีการคือทำออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง เราเรียนรู้ทุกอย่างผ่านกูเกิลหมดเลยว่าต้องทำยังไง การยิงโฆษณา การรีวิว แม้กระทั่งการผลิตผลิตภัณฑ์เจ้านาง ไม่ว่าจะเป็นตลับกล่องเอง หรือพัฟ ต้องมาหาข้อมูลและทำความเข้าใจด้วยตัวเองหมดเลยว่าแต่ละโรงงานเขาเป็นยังไง มีความเชี่ยวชาญด้านอะไรก่อนตัดสินใจผลิตออกมา”

จังบอกเพิ่มอีกว่าเจ้านางคือแบรนด์แรกๆ ของวงการเครื่องสำอางไทยเลยก็ว่าได้ที่ย้ายตัวเองมาสู่ตลาดออนไลน์ ทั้งการทำเว็บไซต์ เพจ ตลอดจนการรีวิวต่างๆ ด้วยความเชื่อว่าการทำตลาดรูปแบบนี้จะทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าของตัวเองได้ง่ายมากขึ้น วิธีที่แบรนด์ทำจึงเป็นการกระโดดเข้าไปใช้ KOL ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จัก และเป็นจุดเริ่มต้นให้แป้งพัฟเจ้านางขายดีในเวลาต่อมา 

“เราใช้วิธีส่งของให้ KOL ช่วยรีวิว ซึ่งเราก็บอกว่าเต็มที่เลยนะ ถ้าไม่ดีจริงไม่ต้องรีวิวก็ได้ แต่ผลลัพธ์กลับเป็นว่าเขาใช้แล้วชอบมาก เพราะเขาเอาไปทาเล่นตอนสงกรานต์แล้วปรากฏว่าแป้งดีมาก หลายคนเห็นหน้าเขาก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันยังไบรต์อยู่ เลยกลายเป็นคลิปรีวิวแป้งพัฟเจ้านางคลิปแรกออกมา ทำให้แป้งเราเป็นที่รู้จักและขายดีมากจนแพ็กส่งของกันแทบไม่ทัน และหลังจากนั้นเป็นต้นมายอดขายก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ปีแรกเราทำยอดไปได้ 50 ล้านเลย”

โดย KOL กลุ่มแรกๆ ที่เจ้านางส่งไปให้ช่วยรีวิวคือ นางพญาปลวก by miss rain, SP Saypan และ Amy Kitiya ซึ่งทั้งสามคนเป็นกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ด้านเมคอัพและเครื่องสำอางที่มีชื่อเสียงในวงการอยู่แล้ว การที่ทั้งสามหยิบแป้งเจ้านางมาลองใช้และรีวิวจากความชอบจริงๆ จึงทำให้เจ้านางเริ่มเป็นที่รู้จักมากกว่าเดิม 

เมื่อเริ่มจับกระแสและทิศทางตลาดได้จึงนำมาสู่คำว่า ‘แป้งในตำนาน’ กระแสของเจ้านางจึงเป็นที่นิยมขึ้นมาหลังจากช่วงสงกรานต์ ซึ่งการันตีได้ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ในปัจจุบันเจ้านางก็ยังคงใช้พื้นที่ออนไลน์สำหรับการตลาดเป็นหลักอยู่เหมือนเดิม พร้อมกระโดดลงไปสนามใหม่ๆ อยู่เสมอ อย่าง TikTok ก็เป็นหนึ่งแพลตฟอร์มที่เจ้านางไม่รีรอที่จะกระโดดลงไปเล่น เพื่อปรับตัวรองรับกระแสในปัจจุบันอย่างเสมอๆ 

เพิ่มสินค้าอื่นตามความต้องการของแฟนๆ

เราอาจจะสังเกตได้ว่า เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแบรนด์อื่นๆ เจ้านางไม่ได้มีโปรดักต์เยอะแยะ แถมเน้นหนักไปที่งานผิวเป็นหลัก การที่ดูเหมือนจะมีของให้เลือกซื้อน้อยกว่าเจ้าอื่น ดันไม่ใช่จุดอ่อน แต่เป็นจุดแข็งหนึ่งของเจ้านาง เพราะแต่ละโปรดักต์ที่ผลิตออกมา ใช้เวลาในการคิดค้นสูตร ทดสอบ และพัฒนาสูตรเพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกๆ ผลิตภัณฑ์ที่วางอยู่บนชั้นวางตามร้านค้าต่างๆ ต้องคุณภาพ ‘ถึง’ จริงๆ 

“เราอยากเป็นแบรนด์ที่ค่อยๆ เดินแบบมั่นคง ค่อยๆ ขยับและเติบโตในแบบที่เราสามารถดูแลได้ ไม่ต้องรีบวิ่งไปแข่งกับใคร” จากประโยคนี้เองที่การขยับขยายไลน์โปรดักต์ออกมาสู่ตลาดจึงใช้เวลาเป็นปีๆ ผลิตภัณฑ์ตัวที่สองของเจ้านางคือ ‘รองพื้น’ เกิดขึ้นจากคอนเซปต์เดิมคือการเน้นงานผิวให้สวยก่อน แล้วจึงค่อยขยับขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น แป้งฝุ่น ลิปสติก ดินสอเขียนคิ้ว อายไลเนอร์ ตามมาทีหลัง 

เหตุผลของการเปิดไลน์โปรดักต์ใหม่เป็นตัวรองพื้น เพราะว่าเจ้านางยังอยากคงคอนเซปต์เน้นงานผิวเหมือนเดิม อีกทั้งยังตั้งใจวางให้เป็นเสมือนอัศวินอีกตัวหนึ่งของเจ้านาง คือไม่ได้มองว่าแป้งหรือรองพื้นดีกว่ากัน แต่มองว่าผลิตภัณฑ์ทั้งคู่ต้องเป็นลูกรักของกลุ่มลูกค้าให้ได้เหมือนๆ กัน 

ถ้าถามว่าจุดยากของการออกผลิตภัณฑ์อีกหนึ่งตัวเพิ่มขึ้นมาในจังหวะที่แบรนด์เริ่มติดตลาดแล้วคืออะไร คำตอบคือความคาดหวังจากกลุ่มลูกค้าเดิมที่ต้องการให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาแล้วดีขึ้นกว่าเดิม แบรนด์ไทยในตำนานอย่างเจ้านางก็ไม่เคยกลัว กลับพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส หยิบความคาดหวังของแฟนๆ ให้ขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่ง ถามถึงความต้องการ ปัญหาที่เจอ เช่น ผิวแห้ง อยากเพิ่มความชุ่มชื้น หรืออยากให้หน้าไม่หมองตั้งแต่เช้ายันค่ำ และนำมาปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตโปรดักต์ชิ้นใหม่ออกมาให้ตอบโจทย์และตรงใจผู้ใช้งานมากที่สุด โดยกระบวนการนี้ใช้เวลาเป็นปีเพื่อให้เกิดความมั่นใจที่สุดก่อนจะปล่อยออกสู่ท้องตลาด 

ปรับแพ็กเกจจิ้งใหม่ พร้อมเปลี่ยนให้ทันตามยุค 

คำว่า ‘ตำนาน’ อาจฟังแล้วยิ่งใหญ่ น่าเกรงขาม ดูแล้วรู้ว่าสิ่งนี้จะต้องขึ้นชื่อแน่ๆ แต่ในอีกทางก็เป็นคำที่ดูแก่ ดูอยู่มานาน ถ้าถามว่าความท้าทายอย่างหนึ่งของเจ้านางที่ได้รับชื่อว่าแป้งในตำนานไปแล้วคืออะไร คงจะเป็นเรื่องนี้เอง 

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวสำหรับเจ้านาง ด้วยดีเอ็นเอหนึ่งของแบรนด์คือการไม่ยอมหยุดนิ่ง จังและทีมจึงพัฒนาอยู่ตลอดเวลา โดยหยิบเอาจากฟีดแบ็กของลูกค้า การรีเสิร์ช และการทำงานควบคู่กับนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางเพื่อปรับเปลี่ยนสูตร พัฒนาต่อเรื่อยๆ เพื่อให้สาวไทยไม่หยุดสวย 

หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่เห็นคือการเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งของแป้งในตำนานให้เป็น ‘แป้งสองชั้นมั่นใจสองเท่า’ คือปรับเปลี่ยนจากเดิมที่มีเพียงแค่ชั้นเดียว การวางพัฟลงบนแป้งเลยทำให้เกิดความยุ่งยากในการจัดเก็บ เมื่อเพิ่มพื้นที่เก็บพัฟขึ้นมาอีกชั้นหนึ่งก็ทำให้การพกพาง่ายขึ้นกว่าเดิม ตลอดจนบางคนใช้วิธีนำแป้งพัฟไปจุ่มน้ำเพื่อให้แป้งติดคงทนมากขึ้น ก็จะช่วยให้การเก็บง่ายขึ้นมากกว่าเดิม 

และจะไม่พูดถึงไม่ได้อีกเรื่อง คือการเลือกใช้พรีเซนเตอร์ที่เข้ามาทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ปังขึ้นไปอีก เจ้านางชวนเลดี้ปราง หรือ ปราง–กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล มาเป็นพรีเซนเตอร์เพื่อสะท้อนความเป็นเจ้านางออกมา จนเกิดคำว่า รองพื้นเลดี้ปราง แป้งเลดี้ปราง ถือว่าเป็นการสร้าง brand awearness ให้กับกลุ่มลูกค้าได้ชัดเจนมากขึ้น  

“การทำแบรนดิ้งสำคัญกับแบรนด์มากๆ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเราเน้นไปที่คุณภาพ พอถึงเรื่องของแบรนดิ้งเราก็เลยคิดว่าเราต้องมีพรีเซนเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ ทุกอย่างมีความเป็นเจ้านาง ซึ่งทุกอย่างนั้นลงตัวออกมาเป็นเลดี้ปราง และเราเองก็เป็นแฟนคลับเขาอยู่แล้วด้วย”

นอกจากการเพิ่มผลิตภัณฑ์แล้ว เจ้านางยังมองเห็นถึงโอกาสใหม่ๆ จากประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว พม่า และกัมพูชา ตลอดจนประเทศใหญ่อย่างจีน โดยเจ้านางได้แนะนำตัวเองเข้าสู่วงการพี่สาวชาวจีนเมื่อ 2 ปีก่อน พร้อมยกระดับการตลาดแบบเข้าถึงกลุ่มลูกค้าสุดๆ คือไม่ใช่แค่การโฆษณาตามบิลบอร์ดหรือออนไลน์เท่านั้น แต่เจ้านางพาตัวเองไปถึงวงการท่องเที่ยวด้วย ทำให้เราสามารถพบเจอและซื้อเจ้านางได้ง่ายๆ ตามรถทัวร์ เจ้านางจึงเปลี่ยนจากแค่เครื่องสำอางมาทำหน้าที่เป็นของฝากจากประเทศไทยอีกด้วย 

ทั้งการเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งให้ดูตามสมัยเสมอๆ ตลอดจนเรื่องของการทำแบรนดิ้งที่ขับคำว่า ‘เจ้านาง’ ให้เด่นขึ้น ไปจนถึงการตลาดที่มาพร้อมการท่องเที่ยว ทั้งหมดคือภาพสะท้อนกลับสู่จุดเริ่มต้นของแบรนด์จริงๆ ที่ต้องการแสดงออกถึงภาพลักษณ์ความเป็นไทยที่พร้อมจะโกอินเตอร์

ความสัมพันธ์พิเศษของเจ้านางและลูกค้า 

มากกว่าคุณภาพดี ราคาโดน อีกหนึ่งในสิ่งที่เจ้านางพูดถึงอยู่เสมอๆ คือ ‘ลูกค้า’

ตลอดระยะเวลาการเดินทางกว่า 8 ปีที่เจ้านางเกิดขึ้นมา ไม่มีครั้งไหนเลยที่ความคิดเห็นและฟีดแบ็กของลูกค้าจะถูกปัดออกจากสมการการพัฒนาสินค้าและทิศทางของแบรนด์ เพราะเจ้านางรับฟังทุกความคิดเห็น ตั้งแต่การออกผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น อย่างเช่นเจ้าแป้งในตำนาน ที่ในตอนแรกไม่ได้มีถึง 4 สี แต่เพิ่มขึ้นมาเพราะลูกค้าส่งเสียงไปถึงเจ้าของแบรนด์ว่าสาวๆ ประเทศไทยแต่ละภูมิภาคมีโทนผิวที่แตกต่างกัน 

“ลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเจ้านาง ไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไร ลูกค้าจะมีส่วนร่วมในการช่วย ทั้งในเรื่องของราคาสินค้า คุณภาพสินค้าที่มันตรงความต้องการของลูกค้า แล้วสามารถที่จะแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้จริงๆ อีกส่วนหนึ่งของความสำเร็จก็เพราะลูกค้าผลักดันว่าเราเป็นแบรนด์ไทยที่เป็นลูกรักนะ อยากให้เจ้านางได้เติบโตในแถบเอเชีย แล้วเราก็รู้สึกว่าเขาให้เรามาขนาดนี้แล้ว เราก็ต้องตอบแทนเรื่องบริการที่ดี เรื่องของโปรดักต์ที่ดี ในเรื่องของการซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ไม่ว่าจะเรื่องราคาสินค้า คุณภาพ และอื่นๆ ที่เราทำได้” 

จากการทำงานตลอดระยะเวลา 8 ปีของเจ้านาง สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้และแบรนด์ยึดถือมาโดยตลอด คือความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า จังย้ำเสมอว่า ‘ถ้าผลิตภัณฑ์มันยังไม่ดี จังก็ไม่ออก’ ต่อให้ต้องปรับเปลี่ยนสูตรกันต่อเป็นปี ทางแบรนด์ก็ยอม เพราะไม่ต้องการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ลง ตลอดจนถึงเรื่องของการมองวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา เจ้านางเองก็ยังสานสัมพันธ์กับลูกค้า ด้วยการแจกเจลล้างมือให้กับลูกค้าที่ซื้อของเพื่อเป็นการขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันมา 

ไปจนถึงสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างแคมเปญล่าสุด ‘เจ้านางสายเปย์’ แคมเปญที่เกิดขึ้นมาเพื่อตอบแทนลูกค้า เพื่อลุ้นรับรางวัลต่างๆ โดยรางวัลใหญ่อย่างรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อเป็นทั้งการยืนยันว่าสินค้าที่ได้รับไปเป็นสินค้าแท้ คุณภาพจากเจ้านางจริงๆ และเป็นสิ่งที่เจ้านางอยากตอบแทนให้กับกลุ่มลูกค้าที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม ตัวแคมเปญนี้จึงเหมือนเป็นทั้งการโปรโมตสินค้า พร้อมเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้าไปในตัว

ก้าวต่อไปของตำนาน

ทุกวันนี้ภาพจำของเจ้านางคือความเป็นไทย สาวผมยาวที่อยู่หน้าตลับแป้ง พร้อมกับชื่อเสียงของความคงทน ซึ่งหลังจากล้มลุกคลุกคลาน หาทางเดินมาด้วยตัวเองตลอดระยะเวลาเกือบสิบปี จนพาแบรนด์น้องใหม่ก้าวขึ้นมาครองใจสาวไทยกันอย่างล้นหลาม เป็นแป้งที่ใครๆ ก็พูดถึง ก้าวต่อไปหลังจากนี้ฃคือการพาแบรนด์ตัวเองให้ขึ้นไปสู่การเป็นเคาน์เตอร์แบรนด์ในตลาดจีนและอินเตอร์มากขึ้น 

ส่วนในสายตาคนไทย เจ้านางก็อยากเป็นแบรนด์ลูกรักแบรนด์หนึ่งที่ครองใจสาวไทยได้นานๆ เมื่อไหร่ที่ต้องออกไปใช้ชีวิต ผจญภัยกับฝุ่นควัน แดดร้อน ฝนตก หรือกิจกรรมอื่นๆ ก็อยากให้พกตลับแป้งของเจ้านางติดไปด้วยเสมอๆ 

 “เราไม่ได้อยากเป็นที่หนึ่ง แต่เราอยากเป็นแบรนด์ที่ทุกคนนึกถึงแล้วก็ยังรักอยู่ เอาง่ายๆ ว่าอยากเป็นลูกรักในเวอร์ชั่นของเรา เป็นลูกรักของแบรนด์คนไทยที่หลายๆ คนภูมิใจและอยากจะใช้ เพราะคุณภาพสินค้าของเราคือเดอะเบสต์ในใจเขา”

You Might Also Like