2322
May 23, 2023

สุราก้าวหน้า

จากการผูกขาดสู่ความหลากหลาย ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทยในขอบทางแห่งการเปลี่ยนแปลง

หนึ่งในประเด็นที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คือความเคลื่อนไหวของ ‘ปิติ ภิรมย์ภักดี’ ทายาทเบียร์สิงห์ที่ออกมาสนับสนุน ‘สุราก้าวหน้า’ ซึ่งรู้กันว่า นี่เป็นข้อเสนอที่ต้องการทลายทุนผูกขาดและทำให้รายเล็กได้แจ้งเกิด

ปัจจุบันตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทยถูกควบคุมอย่างเข้มงวด กฎระเบียบเหล่านี้สนับสนุนการเติบโตของการผูกขาดอำนาจโดยไม่ได้ตั้งใจขององค์กรขนาดใหญ่ที่ถือครองส่วนแบ่งการตลาดส่วนใหญ่

สถานการณ์นี้ได้ขัดขวางการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้ผลิตเบียร์และโรงกลั่นขนาดเล็กถึงขนาดกลางที่ต้องดิ้นรนเพื่อเจาะตลาดเนื่องจากข้อจำกัดด้านกฎระเบียบเหล่านี้

ข้อเสนอ ‘สุราก้าวหน้า’ ที่ถูกผลักดันโดยพรรคก้าวไกล มีเป้าหมายเพื่อท้าทายสถานะที่เป็นอยู่นี้โดยผ่อนปรนข้อจำกัดในการผลิตและการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป้าหมายสูงสุดคือการเปิดประตูให้กับผู้เล่นรายย่อย ซึ่งอาจนำไปสู่การผสมผสานแบรนด์ใหม่ รสชาติ และการแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบ้านเรา

แต่ที่สุดแล้ว เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้ลงมติ ‘ไม่เห็นชอบ’ ร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ดับฝันความหวังของผู้ผลิตรายเล็ก

แม้รัฐบาลของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้เริ่มการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อลดอุปสรรคในการเข้าสู่อุตสาหกรรมสุรา อย่างไรก็ตาม นักเคลื่อนไหวและเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กรู้สึกว่ามาตรการเหล่านี้ไม่เพียงพอ เพราะข้อกำหนดใหม่นี้ระบุว่า บริษัทต้องการเงินทุนขั้นต่ำ 10 ล้านบาท และกำลังการผลิตอย่างน้อย 100,000 ลิตรต่อปี ซึ่งแน่นอนรายเล็กๆ ไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน

วิชิต สายเกล้า ผู้ก่อตั้งบริษัทเบียร์ฝีมือท้องถิ่น ชิต บริวเวอรี่ ระบุว่า แม้การเปลี่ยนแปลงจะมีผลกระทบเชิงบวกบ้าง แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรม

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าประเทศไทยมีตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่มาก สาเหตุหลักมาจากชื่อเสียงของประเทศในฐานะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ข้อมูลจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาเผยว่า ในปี 2563 เพียงปีเดียว มีการใช้จ่ายเงินไปกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถึง 461,000 ล้านบาท

ลึกลงไป บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ และ บมจ. ไทยเบฟเวอเรจ ครองตลาดเบียร์มากกว่า 92% ในทำนองเดียวกัน ไทยเบฟ ครองตำแหน่งที่โดดเด่นในตลาดสุรา

ด้วยเหตุนี้เองเราจึงไม่ได้เห็นรายใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโดยตรงออกมาแสดงความคิดเห็นกับ ‘สุราก้าวหน้า’ ยกเว้น ปิติ ภิรมย์ภักดี รองกรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวโดยระบุว่า เขาสนับสนุนความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมสุรามาโดยตลอด 

“มีผลกระทบแน่ แต่การค้าเสรีเรามีคู่แข่งมาตลอด ก็ต้องปรับแผนกันไปและบุญรอดก็มีธุรกิจอื่นๆ นอกจากเบียร์ด้ว” ปิติ กล่าวแสดงความคิดเห็นใน Facebook

ตีความจากคำพูดของปิติชี้ให้เห็นว่า บุญรอดฯ ได้เตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ที่ย่อมส่งผลกระทบต่อบริษัทและทำให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น แต่พวกเขาเชื่อว่าการที่แบรนด์ต่างๆ เข้าสู่ตลาดมากขึ้นสามารถกระตุ้นยอดขายเบียร์โดยรวมได้ ซึ่งท้ายที่สุดก็จะเป็นประโยชน์สำหรับพวกเขาเช่นกัน

สิ่งที่ต้องจับตาไม่ได้มาจากคู่แข่งรายเล็กเท่านั้น แต่ยังมาจากรายใหญ่ที่กำลังกระโดดลงมาแบ่งเค้กก้อนนี้ด้วยเช่นกัน 

ไม่ว่าจะเป็น ‘เสถียร เศรษฐสิทธิ์’ ผู้ได้รับฉายาเจ้าพ่อคาราบาวแดง ได้ประกาศแผนลงทุน 4 พันล้านบาท พัฒนาโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงให้เป็นแบรนด์เบียร์บรรจุขวด ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปีในโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง เสถียร มั่นใจว่ารสชาติของแบรนด์จะ ดึงดูดใจผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาอยู่ที่การกำหนดกลยุทธ์ด้านราคาที่ดีที่สุด

เสถียร มั่นใจในการเปิดตัวเบียร์ไตรมาส 4 ปีนี้ พร้อมตั้งเป้าขายหลายช่องทาง ทั้งร้านอาหาร ผับ บาร์ เครือค้าปลีกของตัวเอง ‘ถูกดี ร้านมาตรฐาน’ ที่มีอยู่ประมาณ 5,000 แห่ง และมีแผ่นขยายไปถึง 20,000 แห่งในอนาคต

ผู้เล่นสำคัญอีกรายในสมการนี้คือ ‘ไทยเบฟเวอเรจ’ ที่ยังไม่ชัดเจนว่าการเปลี่ยนแปลงที่เสนอเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของพวกเขาโดยตรงอย่างไร แต่ความเคลื่อนไหวที่ผ่านมาคือการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเปิดตัว ‘ช้าง อันพาสเจอไรซ์’ เจาะตลาดเบียร์พรีเมียม รวมถึง ทุ่ม 1,000 ล้านบาท ส่ง ‘ช้าง โคลด์ บรูว์’ บุกโชห่วย ทั้งในกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด 

นอกจากนี้ไทยเบฟกำลังพิจารณานำธุรกิจเบียร์เข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่เลื่อนการตัดสินใจครั้งนี้มาแล้ว 3 ครั้ง เนื่องจากสภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย

กลับมาที่ ‘สุราก้าวหน้า’ แม้จะถูกตีตกจากสภา แต่ล่าสุดยกเลิกการผูกขาด และส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมในทุกอุตสาหกรรม เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์  เป็น 1 ใน 23 ข้อที่ถูกลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกล

สิ่งที่ต้องจับตาคือข้อเสนอนี้สร้างความรู้สึกที่หลากหลาย ผู้สนับสนุนกฎหมายกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจทำให้อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประชาธิปไตยและให้ทางเลือกแก่ผู้บริโภคมากขึ้น 

ในทางกลับกัน นักวิจารณ์โต้แย้งว่าการเพิ่มปริมาณแอลกอฮอล์อาจนำไปสู่การบริโภคที่เพิ่มขึ้นและสุขภาพของประชาชน ที่มาจากความเสี่ยงและโรงเบียร์ขนาดเล็กอาจขาดการควบคุมคุณภาพ

ท้ายที่สุดแล้ว อนาคตของพระราชบัญญัติสุราก้าวหน้าจะขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งชุดต่อไป เพื่อหาสมดุลที่เหมาะสมระหว่างการปกป้องผู้ผลิต ผู้บริโภค และทุกคนที่เกี่ยวข้องในตลาด

อ้างอิง:

You Might Also Like