SOHO, So Proud

อ่านความเป็นเกย์ในโซโห ย่านเกย์แห่งแรกในอังกฤษที่พื้นที่สีเทาและความหลากหลายกลายเป็นพลัง

เพื่อต้อนรับเดือนแห่งความหลากหลาย คอลัมน์ทรัพย์คัลเจอร์ย่อมต้องร่วมเฉลิมฉลองให้กับความหลากหลายและความเท่าเทียม 

ปีที่แล้วเราพูดถึงที่มาของย่านเกย์ในภาพรวม และการที่ย่านเกย์กลายเป็นย่านสำคัญทางเศรษฐกิจ ปีนี้เรายังคงชวนไปดูพลังของความหลากหลายที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ จากย่านมุมมืดสู่พื้นที่ที่สำคัญของเมืองนั้นๆ 

ย่านที่เราจะชวนทุกท่านไปเยือนในครั้งนี้คือ ‘โซโห’ ย่านที่หลายคนอาจคิดถึงในฐานะย่านคนจีนทั้งจากชื่อที่ฟังดูจีนๆ และเป็นย่านชุมชนชาวจีนที่เต็มไปด้วยร้านอาหารจีนแสนอร่อย แต่นอกจากความเป็นย่านคนจีนแล้ว โซโหยังเป็นย่านขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลาย เป็นย่านที่ถูกนิยามว่าเป็นย่านเกย์แห่งแรกของอังกฤษ 

จากการเป็นทุ่งหญ้าล่าสัตว์สู่พื้นที่พักอาศัยใหม่ จากพื้นที่ลี้ภัย โซโหค่อยๆ กลายเป็นพื้นที่ศูนย์กลางความหลากหลายทางชาติพันธุ์และเพศภาวะ พื้นที่ที่ความหลากหลายกลายเป็นเสน่ห์และเป็นส่วนหนึ่งของการบริโภค กระทั่งกลายเป็นปลายทางของการท่องเที่ยวสำคัญของเมือง

Sohoe ที่มาที่ไม่จีน และการเป็นพื้นที่ของผู้คน

โซโหเป็นย่านสำคัญของลอนดอนที่มีพื้นที่แค่ตารางไมล์เดียวแต่กลับเป็นอีกย่านที่มีชื่อเสียงระดับโลก โซโหเป็นทั้งพื้นที่กินดื่ม เต็มไปด้วยผับ บาร์ ร้านอาหาร และเป็นย่านที่มีอายุนับร้อยปีซึ่งปรากฏตัวตั้งแต่สมัยที่การเป็นเกย์มีโทษถึงตาย ทว่าในความเป็นพื้นที่ต้องห้าม โซโหมักเป็นย่านแห่งความล้ำสมัย ความเปลี่ยนแปลงและรสนิยมต่างๆ 

พื้นที่โซโหเดิมเป็นพื้นที่ที่เปลี่ยนมือไปมาจากศาสนจักรสู่การเป็นอุทยานหลวงที่ราชสำนักใช้ล่าสัตว์ ในปี 1582 ราชสำนักสั่งห้ามการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ในรัศมี 3 กิโลเมตรจากใจกลางกรุงลอนดอน ส่วนคำว่า ‘โซโห’ นั้นมาจากวลีว่า Sohoe, the hare ys founde คือเป็นการตะโกนว่าพบเหยื่อสำหรับล่าสัตว์แล้ว 

ข้อห้ามของราชสำนักอยู่คู่กรุงลอนดอนมาเกือบร้อยปี จนในปี 1665 และ 1666 ลอนดอนเกิดโรคห่าลงครั้งใหญ่ (Great Plague) และยังเกิดไฟไหม้ใหญ่ (Great Fire of London) ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปร่วมแสน และทำให้พลเมืองราวหนึ่งแสนคนไม่มีที่อยู่อาศัย เหตุเภทภัยทั้งสองนี้ทำให้เกิดการตั้งถิ่นฐานขึ้นใหม่

ในช่วงนี้เองที่โซโหกลายเป็นย่านอยู่อาศัย ด้วยลักษณะพิเศษของโซโหคือเป็นพื้นที่ที่เฉพาะตัว ไม่ถูกพัฒนาเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมเหมือนพื้นที่รอบๆ กลุ่มคนที่ย้ายมาอาศัยในช่วงแรกๆ จึงเป็นกลุ่มผู้ดีมีอันจะกิน สิ่งที่น่าสนใจคือผู้ดีลอนดอนที่มาอยู่โซโหก็ถือตัวและนิยามว่าตนเป็นคนโซโหที่สุดเก๋  

ในปัจจุบัน พื้นที่ในโซโหมีลักษณะเป็นเกาะที่แบ่งแยกเขตแดนด้วยถนน 4 ด้าน จุดเด่นคืออาคารทรงเตี้ยที่สูงเพียง 4-5 ชั้น ไม่มีสายรถเมล์ตัดกลางพื้นที่ สถานีรถไฟใต้ดินก็ผุดขึ้นในมุมทั้งสี่ของย่าน โซโหจึงเป็นย่านที่มีความเป็นมนุษย์สูง เป็นพื้นที่ของการเดินมากกว่าอุตสาหกรรมหรือการสัญจร ในย่านเต็มไปด้วยถนนเล็กๆ ตรอกซอกซอยที่อาจพาเราไปสู่ทางตัน

ความเป็นเกาะเฉพาะไปจนถึงลักษณะพิเศษทำให้โซโหเป็นพื้นที่ที่เกือบจะปิดตัวออกจากโลกภายนอก เป็นพื้นที่เฉพาะที่เชื่อมโยงพื้นที่เมืองเข้าสู่ผู้คนในสเกลที่เป็นมนุษย์ (human scale) เป็นที่ที่เหมาะสมให้ผู้คนมาใช้เวลาอ้อยอิ่งอยู่ในเมือง โดยไม่รู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กกระจ้อยร่อย

จุดบอดของเมืองและพื้นที่แสดงตัวตน 

หลังจากที่โซโหกลายเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าผู้ดีมีเงิน ไม่นานเหล่าชนชั้นนำของลอนดอนก็เริ่มย้ายออกและปล่อยทรัพย์สินของตัวเองให้เช่า การปล่อยเช่ามักเป็นการแบ่งขนาดสินทรัพย์ให้เล็กลง ผู้เช่าส่วนใหญ่ของโซโหคือชาวต่างชาติที่อพยพเข้ามาช่วงเวลาไล่เลี่ยกันคือช่วงกลางๆ ถึงปลายศตวรรษที่ 17 

ชาติที่ย้ายเข้ามาอยู่ชาติแรกคือชาวกรีกที่อพยพจากการถูกรุกรานของชาวออตโตมันในช่วงทศวรรษ 1670 ชาวฝรั่งเศสที่หนีจากการแบ่งแยกทางศาสนาในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศสและช่วงที่นโปเลียนปกครอง ต่อมาคือชาวอิตาเลียนที่ลี้ภัยการเมืองจนทำให้โซโหกลายเป็นย่านอิตาเลียนน้อยซึ่งผู้ลี้ภัยชาวอิตาเลียนเริ่มทำมาหากินด้วยกิจการเกี่ยวกับอาหาร

หลังจากนั้นโซโหเริ่มกลายเป็นพื้นที่ลี้ภัย บางครั้งถูกมองว่าเป็นเขตพิเศษของชาวต่างชาติ ซึ่งยุคนึงชาวอังกฤษเองก็รวมตัวกันในย่านนี้ และบางครั้งก็ถูกมองเป็นย่านเสื่อมโทรม ย่านแห่งกิจการสีเทา ซึ่งในความสีเทานี้เราอาจนิยามได้ว่าโซโหเป็นพื้นที่แห่งการแสดงตัวตน 

โรคระบาด แดนเสื่อมโทรม และย่านแห่งความลับ

ในประวัติศาสตร์ยุคหลัง โซโหกลายเป็นย่านแออัด ย่านสลัม ย่านกิจการโลกีย์ และพื้นที่ของคนชายขอบ 

ในปี 1854 ลอนดอนเจอโรคอหิวาต์ครั้งใหญ่อีกครั้ง โซโหเป็นจุดค้นพบว่าโรคระบาดเกิดจากการติดเชื้อ และน้ำของย่านโซโหยังเต็มไปด้วยเชื้อโรค การค้นพบนำไปสู่การปรับเมืองครั้งใหญ่และมองว่าน้ำสะอาดเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน มีการติดตั้งจุดบริการน้ำดื่มขึ้นมา

เมื่อย่านเสื่อมโทรมลง การค้าประเวณีในโซโหก็เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับเมื่อมีการขยายถนนและปรับปรุงพื้นที่ข้างๆ อย่างพิคคาเดลลี่ ทั้งสองย่านนี้จึงกลายเป็นย่านแห่งสิ่งบันเทิงเริงรมย์ มีโรงละครและโรงมหรสพ มีพื้นที่ค้าบริการทางเพศ โดยเฉพาะซ่องที่ให้บริการโสเภณีชาย 

ในย่านมีสถานบริการพิเศษ หลายคลับมีชนชั้นสูงและคนดังเข้าไปร่วมเกี่ยวข้องด้วย เช่นกรณีฉาวโฉ่ที่ถนนคลีฟแลนด์ (Cleveland Street scandal) ที่มีการเปิดโปงซ่องผู้ชายซึ่งกลับไปเจอว่ามีชนชั้นสูงกระทั่งสมาชิกราชวงศ์ บุคคลสำคัญเป็นผู้ใช้บริการหลัก

โซโหยังเป็นพื้นที่ที่คนสำคัญอย่างออสการ์ ไวลด์ (Oscar Wilde) นักเขียนรวมไปถึงชนชั้นสูงหนุ่ม เตร่อยู่ในย่าน พาหนุ่มน้อยไปกินข้าว ซื้อของขวัญ ดูหนังฟังเพลง กระทั่งจูบกับพนักงานเสิร์ฟ จัดปาร์ตี้ชายล้วน และแน่นอน สุดท้ายออสการ์ ไวลด์ ถูกไต่สวนจากพฤติกรรมการเป็นเกย์ ถูกจำคุก ถูกเนรเทศ ก่อนเสียชีวิตลงในปี 1900 ที่ฝรั่งเศส

ออสการ์ ไวลด์ เป็นตัวแทนหนึ่งของชีวิตที่ซับซ้อนและสัมพันธ์กับย่านโซโห ย่านที่เมื่อเข้าไปแล้วเป็นโลกของตัวเอง เป็นพื้นที่ลับตาออกจากเมือง และเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมย่อยๆ กระทั่งคัดง้างกับค่านิยมหลักของสังคม  

การลงโทษออสการ์ ไวลด์ ไม่ทำให้โซโหซบเซาลง จนถึงทศวรรษ 1930 โซโหกลายเป็นพื้นที่ยามราตรีที่ทำให้ลอนดอนกลายเป็นดินแดนที่ไม่เคยหลับใหล โซโหเริ่มอัดแน่นด้วยร้านอาหารราคาถูก ไนต์คลับ และคลับบริการพิเศษที่ต้องเป็นสมาชิกเท่านั้นถึงเข้าใช้งานได้ เป็นพื้นท่ีของผู้คนที่อยากรู้อยากลอง เป็นดินแดนที่ผู้ชายเต้นรำกับผู้ชาย ผู้หญิงเต้นรำกับผู้หญิง 

เป็นพื้นที่ที่ผู้คนพร้อมให้อภัยในสิ่งที่เกิดขึ้นและลืมเลือนในเช้าวันต่อมา

ย่านแห่งความภาคภูมิใจ

ประวัติศาสตร์ย่านและกิจการในมิติของการเป็นย่านที่เป็นมิตรกับเกย์ค่อนข้างลุ่มๆ ดอนๆ จากยุคที่เฟื่องฟูในช่วงทศวรรษ 1920-1930 ไปสู่ช่วงซบเซาทั้งจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่สังคมเข้มงวดกับพฤติกรรมทางเพศ ทำให้โซโหกลายเป็นย่านที่ไม่เป็นมิตรต่อชาวเกย์อีกต่อไป 

กระทั่งยุค 60s-70s เป็นยุคร็อกแอนด์โรลที่ผู้คนกลับมาปลดแอกและปลอดปล่อยผ่านแนวดนตรีและเหล้ายา การปลดปล่อยนี้เองที่รวมถึงการกลับมาของบาร์ LGBTQ+ การผงาดขึ้นของวัฒนธรรมชาวเควียร์ของโซโหเป็นรากฐานสำคัญของย่านเกย์ลอนดอน  

ช่วงกลางทศวรรษ 1980 สภาเมืองเวสต์มินสเตอร์ (Westminster) ออกกฎหมายจัดการกับการค้าประเวณี มีการผลักกิจการที่เกี่ยวกับการค้าประเวณีออกจากย่าน ด้วยพื้นที่เช่าที่ว่างลงทำให้ชุมชนและกิจการของเพศหลากหลายเฟื่องฟูขึ้นในช่วงทศวรรษ 1990

ในปี 1999 เกิดการวางระเบิดต่อเนื่องที่เรียกว่า London nail bombings คือนายทหารนีโอนาซีใช้ระเบิดบรรจุตะปู ระเบิด 3 ลูก ใน 3 พื้นที่ของลอนดอน พื้นที่แรกคือชุมชนคนผิวดำ ชุมชนชาวบังกลาเทศ และพื้นที่สุดท้ายคือบาร์สำคัญใจกลางโซโหชื่อ Admiral Duncan 

การวางระเบิดไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับชุมชนเกย์ ชุมชนเกย์กลับแสดงตัวตนมากขึ้น เสียงดังขึ้น และภูมิใจในตัวเองขึ้นกว่าเดิม การระเบิดในครั้งนั้นจึงกลายเป็นจารึกสำคัญของชุมชน เป็นบทเรียนของความเกลียดชัง นำไปสู่ทิศทางของชุมชนและย่านโซโหเองที่จะไม่ตอบรับและไม่หวาดกลัวความรุนแรง ในทุกๆ ปียังมีการจัดงานรำลึกและเดินขบวนเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าว

การเขียนถึงย่าน การต่อสู้และการดำรงอยู่ของชุมชนเพศหลากหลายอาจดูเรียบง่าย แต่จริงๆ พื้นที่เช่นโซโหและชุมชนเพศหลากหลายต้องเผชิญกับความเสี่ยงและการกลั่นแกล้ง เป็นการต่อสู้ที่อาจต้องสู้ต่อไป 

เช่นว่าแม้ในศตวรรษที่ 21 ก็ยังคงต้องต่อสู้กับรัฐเช่นสภาเวสต์มินสเตอร์บังคับให้กิจการทั้งหลายปลดธงรุ้งเพราะขัดข้อกำหนด แต่กระแสสังคมและสื่อตีกลับว่าเป็นความเกลียดชังหรือโฮโมโฟเบีย จนเกิดกระแส I Love Soho จนสภาเมืองและผู้ว่าลอนดอนในขณะนั้นอนุญาตให้กิจการร้านค้าประดับธงสีรุ้งได้โดยไม่ต้องขออนุญาต

ปัจจุบันโซโหได้ชื่อว่าเป็นย่านบันเทิงที่สำคัญที่สุดย่านหนึ่งของลอนดอน เป็นย่านเกย์เฟรนด์ลี่ที่มีชื่อเสียง รากเหง้าความเป็นย่านบันเทิงของโซโหยังทำให้โซโหมีชื่อเสียงด้านโรงละคร พื้นที่มหรสพ และพื้นที่บ่มเพาะงานสร้างสรรค์เช่นดนตรี รอบๆ ย่านยังห้อมล้อมด้วยค่ายหนังเช่นสำนักงานใหญ่ของ 20th Century Fox นอกจากนั้นยังมีร้านอาหาร ผับ บาร์ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ที่สัมพันธ์กับบริบทย่าน ตั้งแต่การเป็นย่านอพยพ ถึงการเป็นย่านลับที่เคยเสื่อมโทรมและเฟื่องฟู 

การย้อนดูประวัติศาสตร์อันยาวนานของโซโหทำให้เราเห็นบริบทพื้นที่ที่มีอิทธิพลจากหลายมิติ ประกอบจนกลายเป็นพื้นที่เฉพาะเช่นโซโหในปัจจุบัน โซโหจึงนับเป็นย่านสำคัญที่สอดคล้องกับการที่ลอนดอนนำเสนอตัวตนในฐานะเมืองแห่งความหลากหลาย  

อ้างอิง

Writer

ชื่อว่านครับ ทำงานรับจ้างทั่วไปด้านงานเขียน ส่วนใหญ่เขียนเรื่องการเขียน การอ่าน และวัฒนธรรม เชื่อว่าพื้นที่นามธรรมเป็นสินทรัพย์ที่จะพาเราเติบโตอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

Illustrator

ชื่อกล้วยค่ะ banana blah blah เป็นนักวาด บางวันจับเม้าส์ปากกา บางวันจับลูกกลิ้งทำภาพพิมพ์ สนใจ Art therapy และการวาดภาพเพื่อ Healing เชื่อว่าการทำงานที่ดีต้องทำให้เราอิ่มทั้งกายและใจ ได้มองเห็นตัวเองเติบโตภายใน

You Might Also Like