YOUTH WITH DOUBLE UP

YUPP! ค่ายเพลงที่ดันหลังมิลลิไประดับโลก และเชื่อมั่นว่าวัยรุ่นสมัยนี้มันสุดปัง เริ่ดสาว สับแตกๆ ไป

หากย้อนไปก่อนหน้าปี 2018 เชื่อว่าแม้แต่คนในวงการแรปเองก็อาจยังพูดได้ไม่เต็มปากนักว่าแรปเปอร์หรือศิลปินฮิปฮอปจะเป็นอาชีพที่ทำเงินได้จริงในประเทศไทย จนกระทั่งในปีนั้นมีรายการแรปอย่าง The Rapper จวบจนถึง Show Me the Money Thailand เข้ามาปลุกกระแสเพลงฮิปฮอปไทยให้ดังเป็นพลุแตกและก้าวขึ้นมาเป็นเพลงกระแสหลักในบ้านเราอย่างแท้จริง 

ท่ามกลางกระแสฮิปฮอปที่พุ่งแรงขึ้นทุกขณะ ค่ายเพลงที่ชื่อ YUPP! ค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาด้วยฝีมือทีมงาน Rap is Now และโปรดิวเซอร์ประจำรายการแรป ผู้มีส่วนช่วยจุดกระแสเหล่านั้น โดยความตั้งใจแรกของการตั้งค่ายคืออยากต่อยอดให้คำว่าแรปเปอร์ หรือฮิปฮอปอาร์ตทิสต์เป็นอาชีพที่อยู่รอดได้จริงในประเทศไทย

จากวันนั้นจนวันนี้ ทีมงานผู้มีส่วนร่วมจึงพยายามทำทุกทาง ทั้งการพัฒนาศิลปิน เพิ่มคุณภาพเพลงและโปรดักชั่น จนคงไม่ต้องบอกว่าความตั้งใจของ YUPP! ประสบความสำเร็จมากแค่ไหน เพราะมีทั้งยอดวิวที่คว้าร้อยล้านไปแล้วหลายเพลงเป็นตัวการันตี งานคอมเมอร์เชียลที่ทำให้เราเห็นหน้าศิลปินแทบทุกหัวมุมถนน ไหนจะการส่งออกศิลปินในค่ายไปสร้างตำนานในเวทีระดับโลกอย่าง Coachella 

ผลงานตลอด 4 ปีที่ YUPP! ก่อตั้งค่ายมาล้วนเต็มไปด้วยพลัง ที่ชวนทำเราสงสัยว่าพวกเขาใช้อะไรเป็นแรงขับเคลื่อนให้ไปสุดได้ขนาดนี้ และก้าวข้างหน้าพวกเขาจะระเบิดพลังออกมาในรูปแบบไหน ต้า–สักกพิช มากคุณ สมาชิกผู้ก่อตั้งค่าย จะเป็นตัวแทนเล่าถึงอนาคตที่ว่านั้น 

ตั้งแต่วันแรกที่คิดก่อตั้งค่าย คุณเห็นโอกาสทางธุรกิจอะไร 

มันเป็นเรื่องว่าหลัง Rap is Now ไปสุดของความเป็นอันเดอร์กราวนด์แล้ว เอเนอร์จี้หรือคอมมิวนิตี้ที่เราสร้างขึ้นนี้มันจะไปต่อยังไงมากกว่า เราคิดหาทางว่าจะทำยังไงให้วงการแรปไปต่อ เลยเลือกที่จะเสี่ยงกับสิ่งนี้ ไม่ใช่เพราะเห็นว่า เฮ่ย ทำค่ายสิได้กำไร ได้เงินแน่นอน ไม่ใช่แบบนั้น สำหรับเราสิ่งสำคัญที่ต้องมีในการก่อร่างเป็นค่ายนึง อย่างแรกคือความอยากสร้างสรรค์อะไรบางอย่างก่อน ตั้งแต่แรกคือเราอยากเห็นศิลปินเป็นอาชีพได้จริงๆ อยากให้เขาไปได้ไกลมากที่สุด เป็นศิลปินที่มีคุณภาพทั้งเพลงและภาพ พวกเราทีม Rap is Now, Freshment (แต๊บ–ธนพล มหธร), NINO (นีโน่-เกริก ชาญกว้าง) เลยคุยกันว่างั้นเราลองทำค่ายกันเลยดีกว่า ต่อยอดให้คำว่าแรปเปอร์ หรือฮิปฮอปอาร์ตติสท์เป็นได้จริงในประเทศไทย 

เราเลยตั้งชื่อค่ายว่า YUPP! มาจาก youth with double up มันเป็นแก่นมาแต่แรกว่าเราอยากสนับสนุนพลังวัยรุ่นไปให้สุดทาง ถึงวันนี้จะเหลือแค่ทีม Rap is Now บริหารค่าย แต่แก่นนี้ก็ยังเหมือนเดิม

สำคัญยังไงถึงกับต้องเอามาเป็นแกนหลักของค่าย

เราเชื่อว่าเขาคืออนาคตของพวกเรา อนาคตของประเทศอยู่ในมือวัยรุ่นเจเนอเรชั่นนี้ คนในเจเนอเรชั่นนี้โลกเขากว้างมากๆ เขาสามารถเลือกเสพอะไรก็ได้ที่เขาสนใจ เราอาจจะตามไม่ทันเลยด้วยซ้ำถ้าไม่ได้เข้าไปคลุกคลีกับเขา เขามีองค์ความรู้อื่นๆ ที่เราไม่รู้อีกเยอะมากๆ

ทุกวันนี้เวลาจะทำเพลงเราตามน้องด้วยซ้ำ เชื่อน้อง เชื่อศิลปินเป็นหลัก เพราะเขาคือศิลปินยุคปัจจุบันที่ทำเพลงให้คนปัจจุบันฟัง และพอเป็นแบบนี้งานที่ออกมามันเลยดีตรงที่สามารถครีเอทีฟได้เต็มที่ ไม่มีกรอบมากด จะพูดเรื่องการเมืองก็พูดได้ จะวิพากษ์อะไรบางอย่างก็ทำได้ หรือจะแสดงออกเรื่องความหลากหลายทางเพศก็ได้ สิ่งนี้ทำให้เราต่างจากค่ายเพลงอื่น เรามีตัวตนความฮิปฮอปอยู่ เลยกล้าพูดในหลายๆ เมสเซจที่คนอื่นไม่กล้าพูด แอตติจูดของ YUPP! คือคำว่ายับนี่แหละ มันจะไม่เพอร์เฟกต์ มีความสนุก ความมัน ความกล้าที่จะทำในสิ่งที่ไม่ปกติ ลองผิดลองถูกได้ เหมือนวัยรุ่นในปัจจุบันที่ก็ไม่ได้อยู่ในกรอบอีกต่อไป ซึ่งเราก็เป็นอย่างนั้นกันด้วยนะ ตัวพี่ๆ ที่ทำงานเอง ไม่ได้ซีเรียส กดดันน้อง 

คำว่า youth with double up เอง ก็แตกไปเป็นแนวทางการบริหาร การสื่อสารของค่ายด้วย เราพยายามพูดภาษา คุยปัญหา ความสนุกเดียวกันกับกลุ่มแฟนเพลงและศิลปิน เข้าไปเป็นเพื่อนของเขา ใช้ภาษาให้ทันกับคนในปัจจุบัน ทำให้เราเข้าไปอยู่เป็นพวกเดียวกันกับคนในเจเนอเรชั่นนี้ 

ตัวตนของ YUPP! ที่ว่าสะท้อนผ่านสิ่งใดบ้าง

เราสะท้อนตัวตนออกมาตั้งแต่ตอนเลือกศิลปิน เลือกเพลงแล้ว ศิลปินที่มาอยู่ในค่าย เขามีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองและแตกต่างกัน กับศิลปินรุ่นแรก เราอาจจะเลือกเพราะเคยทำงานด้วยกันมา รู้จักเห็นฝีมือกัน แต่กับรุ่นสอง หรือน้องๆ เทรนนีที่มาจากโปรเจกต์ YOUNG YUPP! นอกจากตัวตน ความสามารถแล้ว ในกระบวนการเลือกเรายังคุยกับพวกเขาเจาะลึกมากๆ เพราะการรู้จักตัวตนน้องจริงๆ จะทำให้เราทำงานต่อไปได้ด้วย เราให้ศิลปินแต่งเพลงเอง แปลว่างานมันเริ่มจากเขา เราต้องเข้าใจตัวตนเขาก่อนเป็นอันดับแรกว่าเข้ากับเราได้ไหม แล้วค่อยมาช่วยขัดเกลาให้เขาพร้อมมากขึ้น ผ่านการซัพพอร์ต การเติมเชื้อไฟ เราแทบไม่ปรุงแต่งอะไรเลย แค่เสริมให้ภาพลักษณ์เขาชัดขึ้นเท่านั้นเอง 

เวลาทำงานก็สามารถคุยกันได้ บางอย่างก็มานั่งดิสคัสกัน มีการแก้คำ หรือบางทีก็มีการแก้ชื่อเพลงเลยด้วยซ้ำ ถ้าเราปล่อยชื่อไปแล้วแล้วแฟนๆ บอกชื่อนี้ไม่โอเค เราเปลี่ยนให้ รับฟัง การทำงานของยัปคือ ศิลปิน ทีมงาน และแฟนเพลง เราทำงานร่วมกัน 

YUPP

เหมือนทุกอย่างกำลังจะลงตัว พอมาเจอสถานการณ์โควิดระบาดการทำค่ายเพลงได้รับผลกระทบไหม

มันยากขึ้น งานก็หายไปเลย แล้วก็เอฟเฟกต์กับศิลปินมากๆ พอเขาไม่ได้ใช้ชีวิต โควิดก็มาสอนแหละว่าอะไรก็ไม่แน่นอน ปัจจุบันเราเลยทำให้ดีที่สุดไปเลย หาทางใหม่ๆ ช่วงโควิดเราก็ทำรายการไลฟ์ขึ้นมาทุกอาทิตย์ มาพูดปัญหาสังคม ปัญหาต่างๆ ให้ศิลปินไม่ฟุ้งซ่าน 

แล้วก็มีการทำคอมเมอร์เชียลนี่แหละมาเป็นทางรอดของค่าย แต่ถึงอย่างงั้นเราก็สกรีนหนักเลย เลือกสินค้าที่ภาพลักษณ์แมตช์กับน้องเป็นหลัก ในขณะเดียวกันแบรนด์เขาก็ต้องได้อะไรกลับไปด้วย รับงานยาก แต่เพราะเราแคร์ ไม่อยากเอาเงินเขามาอย่างเดียว

ตอนนี้เห็นค่ายมีแนวเพลงใหม่ๆ เพิ่มมา แปลว่าตอนนี้ไม่ได้นิยามว่า YUPP! คือค่ายเพลงฮิปฮอปแล้วหรือเปล่า

เปลี่ยนไปแล้ว มันยังมีภาพความเป็นแรปอยู่ แต่มันเปลี่ยนไปแล้วตามเจเนอเรชั่นและศิลปินที่เราทำ สำหรับเราฮิปฮอปมันพลุแตกไปแล้ว ดังระเบิดระเบ้อในไทย กลายเป็นเมนสตรีมในโกลบอลด้วย แต่มันยังมีแนวเพลงอีกหลายๆ แนวที่น่าสนใจที่เราอยากนำเสนอให้คนฟัง และศิลปินที่เรามีก็สามารถพรีเซนต์สิ่งนี้ได้

วันที่เราเปิดออดิชั่นโปรเจกต์ YOUNG YUPP! เราเปิดเลยว่าฮิปฮอป ป๊อป R&B บอกเลยว่าไม่ใช่แค่ฮิปฮอปนะ ที่จะมาอยู่กับที่นี่ได้ ซึ่งน้องๆ เทรนนี 7 คนที่ได้จากโปรเจกต์นี้ก็ต่าง genre กันหมดเลย มันคือความหลากหลายที่เราอยากพรีเซนต์มากๆ ซึ่งมันเสี่ยงมากนะทั้งในด้านการลงทุนและเวลา แต่เราก็มีหวัง เพราะถ้ากลัวว่าอย่างนี้ขายไม่ได้หรอก มันก็จะไม่มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นเลย เราเชื่อในเจเนอเรชั่นนี้ และเชื่อด้วยว่ายังไงจะต้องมีฐานคนฟังใหม่ๆ เกิดขึ้น 

มันไม่ต้องทำผลงานเดิมออกมาตลอดแล้วจะ success แบบเดิม ถ้าฟังเพลง AINN หรือ Flower.far จะรู้สึกเลยว่ามันดูไม่ใช่เราเลยถ้าเทียบกับสามปีที่แล้ว แต่มันก็คือสิ่งที่คนเจเนอเรชั่นนี้สนใจ ถึงยอดวิวจะไม่ได้แรง แต่แค่มีคนคอมเมนต์ว่าไม่เคยมีเพลงแบบนี้ในไทยเลย ผมก็แฮปปี้แล้วนะ เพราะสิ่งที่เราตั้งไว้แล้วว่าอยากให้คนได้ฟังเพลงหลากหลาย ยิ่งทุกวันนี้คนเขาฟังเพลงทั่วโลกกันแล้ว ไม่ได้มานั่งโฟกัสแค่ศิลปินไทยอีกต่อไป เราก็อยากผลิตผลงานไปในระดับที่โกลบอลฟังได้ด้วย

YUPP

ในฐานะค่ายที่มีประสบการณ์พาศิลปินไปในระดับโกลบอล การที่เพลงๆ นึงมันไปถึงระดับนั้นได้ เกิดจากอะไร

ถ้าดูจาก case study ของ Mirror Mirror เราว่าถ้าไม่ได้ความทะเยอทะยานของพี่กอล์ฟ F.Hero ก็ไม่เกิดสิ่งนี้นะ มันเกิดจากความพยายามและความมั่นใจในคุณภาพของเรา ว่าเราสามารถฟีเจอริ่งกับศิลปินเกาหลีได้ การที่เขาเลือกมิลลิ เขาก็เชื่อมั่นจริงๆ ว่าน้องเราทำได้ 

และจริงๆ โกลบอลมอนิเตอร์เราอยู่ตลอดนะ เขาอยากได้อะไรใหม่ๆ อยู่แล้ว การที่ 88rising มาเจอมิลลิมันไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไปในโลกปัจจุบัน ไม่ได้ยากขนาดนั้นถ้าเขาอยากจะร่วมงาน เสิร์ช Thai Female Rapper ก็เจอแล้ว เราว่าเขาดูที่ผลงานและมันถูกที่ถูกเวลา ตรงกับจังหวะที่เขาสนใจพอดี มันไม่มีสูตรสำเร็จ เราต้องทำผลงานให้เขารู้สึกชัวร์ว่าศิลปินคนนี้ใช่ 

ศิลปินในโลกนี้มีเยอะมากๆ และมีคนเก่งๆ อีกเยอะที่ควรได้รับการซัพพอร์ตในไทย ถ้าถามว่ามิลลิไปได้ยังไง ผมว่ามิลลิมีความแตกต่าง ที่เป็นภาษาโกลบอล เป็นอะไรที่เขาเก็ต และเพอร์ฟอร์แมนซ์ ไอเดีย สกิล ของน้องมันมาพร้อมกันจน โห จะไม่ทำงานกับคนคนนี้ได้ยังไง ก็ต้องเอามาเทสต์หน่อย ซึ่งก่อนจะได้ขึ้นโคเชลลาเราก็ทำงานกับ 88rising มาสองปีแล้ว ร่วมโปรเจกต์กันมาตลอด จนเขายอมรับว่าศิลปินและค่ายพร้อมที่จะไปร่วมงานแบบตัวเป็นๆ กับเขาแล้ว

แต่ไม่ได้จำเป็นว่าอยู่กับเราแล้ว ทุกคนต้องไปโกลบอลนะ เราเอาศิลปินเป็นหลักว่าเขาอยากไปไหม ถ้าอยากก็ช่วยกัน กับน้องเทรนนีบางคนเราไม่ได้โฟกัสว่าเขาต้องไปต่างประเทศเลย ขอให้คนไทยรักให้ได้มากที่สุดก็โอเคแล้ว

YUPP

แทบทุกค่ายคงฝันอยากพาศิลปินไประดับโกลบอล นอกจากความตั้งใจของค่ายหรือศิลปิน อะไรมีส่วนทำให้ฝันนั้นเป็นจริงอีก

จุดหมายของค่ายเพลงทุกค่าย คืออยากให้ศิลปินเป็นที่รู้จักให้ได้มากที่สุด ฉะนั้นการจะทำให้ฝันนี้เป็นจริงที่ดีที่สุดคือทุกคนสนับสนุนศิลปินเรา และดีไปกว่านั้นคือถ้ารัฐซัพพอร์ตศิลปวัฒนธรรมในยุคปัจจุบัน 

เอาจริงๆ เวลาเราคิดงานเราไม่คิดไปพึ่งภาครัฐอยู่แล้ว แต่พอถึงระดับนึงอย่างที่มิลลิเจอ พอเราต้องไปสเกลโกลบอล เราต้องหาทุนมาเพิ่มเอง แทนที่ถ้าเทียบกับอุตสาหกรรมเพลงในประเทศอื่นๆ เขาสามารถยื่นพอร์ตได้ว่านี่เป็นโปรเจกต์ใหญ่ที่เราจะพาศิลปวัฒนธรรมของประเทศไปไกลได้อีก เราว่าภาครัฐควรต้องเข้าใจเจเนอเรชั่นนี้ให้มากๆ ว่าเขากำลังสื่ออะไร เขาไม่ได้ไม่รักประเทศหรือเปล่า เขาแค่กำลังบอกปัญหาที่มีอยู่ในประเทศเฉยๆ จริงๆ คุณน่าจะฟังแล้วเอาไปปรับปรุงมากกว่า และผมว่าความเป็นไทยมันถูกเดเวลอปไปแล้วในยุคปัจจุบัน สิ่งที่มิลลิทำในโคเชลลา ก็มีความไทยอยู่ การสื่อว่าคนไทยกินข้าวเหนียวกับผลไม้อะไรก็ได้ก็ถือเป็นวัฒนธรรม หรือการที่มิลลิเต้นแอโรบิก มันก็ไท้ไทย ผมว่าวัฒนธรรมมันปรับได้ และปรับมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ลายกระหนก หรือความทอง ความหรูหราแบบในโบรชัวร์

YUPP

ตลอด 4 ปีที่เปิดค่ายมามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง และอนาคต YUPP! จะเป็นยังไง

สิ่งที่เปลี่ยนคือวิธีการเป็นระบบมากขึ้น พอมาทำผลงานเรื่อยๆ ทีมงานเองก็สั่งสมประสบการณ์ รู้ช่องทางมากขึ้น ต้องบอกว่าการจัดการของเราไม่ได้ดีตั้งแต่วันแรก ด้วยความที่เราก็เป็นมือใหม่กันหมด ขอบคุณศิลปินรุ่นแรกมากๆ ที่เชื่อมั่นในค่าย อยู่ร่วมกับเรา ทุลักทุเลมาด้วยกัน ไปทัวร์ ไปสู้ด้วยกันตั้งแต่ไม่มีงาน จนมีงาน จนโดนโควิด 

ความสำเร็จของ YUPP! เกิดจากการเลือกทำในจังหวะที่ดีแล้วก็ความทุ่มเท เราใส่เต็มกับทุกงาน งานไหนไม่มา ไม่เป็นกระแสก็ไม่เป็นไร เราทำเต็มที่แล้ว เริ่มใหม่ เราโฟกัสสิ่งที่เราอยากสื่อไปมากกว่า เราดูคอมเมนต์ การตอบรับของคนมากกว่ายอดวิวอย่างเพลง แย้มบาน ของ AUTTA มันเป็นเพลงที่ดีปมาก มีหลายคนที่บอกว่าฟังไม่ได้เลย ดาวน์ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ชอบ ก็แปลว่าสิ่งที่เราอยากสื่อไปมันสื่อถึงพวกเขา มีคนคอมเมนต์เล่าเรื่องตัวเองยาวๆ เราก็ถือว่าทำสำเร็จแล้ว

สำหรับ 4 ปีที่ทำค่ายมา เราว่ามันหมดช่วงเห่อแล้ว คนไม่มาเห่อแบรนด์ดิ้งเราแล้ว ซึ่งก็โอเค เพราะสุดท้ายแล้วเราก็อยากให้คนโฟกัสที่ศิลปิน ให้ศิลปินเป็นตัวของตัวเองโดยไม่มีค่ายมาครอบ เอาจริงๆ เราไม่ค่อยได้ตั้งเป้าหมายหรอกว่าอยากให้ค่ายเป็นยังไง เป้าตอนนี้น่าจะเป็นการทำให้ศิลปินมีแฟนเพลงของเขาเอง ในไทยก็ได้ ทั่วโลกก็ได้ ส่วนโจทย์ของค่ายก็คือในวันที่ทุกคนสามารถฟังเพลงของศิลปินทั่วโลกได้หมดแล้ว แล้วทำไมเขาถึงยังต้องฟังเราอยู่ ถ้าเราอยากจะอยู่ต่อก็ต้องปรับตัว มองหาวิธีการต่อยอดไปเรื่อยๆ เพื่อให้เราไปได้ไกลมากขึ้น

YUPP

Tagged:

Writer

ฟรีแลนซ์ที่หวังจะมีของอร่อยกินในทุกวัน และมีงานทำในทุกเดือน

You Might Also Like