The Leader of TMAN

วิสัยทัศน์ของ ‘ประพล ฐานะโชติพันธ์’ ซีอีโอแห่ง TMAN ผู้นำองค์กรให้เกิดนวัตกรรม

กุญแจแห่งความสำเร็จขององค์กรที่เป็น Top 5 ของอุตสาหกรรมและมีเป้าหมายอยากก้าวขึ้นมาเป็นลีดเดอร์เบอร์หนึ่งในอนาคตคือมายด์เซตที่เปิดรับทุกโอกาสและความเป็นผู้นำของลีดเดอร์ในองค์กร

บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) หรือ “TMAN” หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิต และ/หรือจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศไทยมากว่า 50 ปี  ได้ดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร (One Stop Service) โดยมีปัจจัยแห่งความสำเร็จจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร คุณประพล ฐานะโชติพันธ์ ซีอีโอผู้เป็นทายาทรุ่น 2 ที่มีความเป็นนวัตกรและฉายภาพวิสัยทัศน์ที่อยากขับเคลื่อนองค์กรด้วย 5 พันธกิจ ตั้งแต่การสร้างความร่วมมือในองค์กรเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมเฮลท์แคร์ใหม่ๆ ให้ความสำคัญกับการ

ลงทุนในแผนก R&D และการวิจัยซึ่งเป็นหัวใจในการสร้างนวัตกรรม, การยกระดับมาตรฐานการผลิต เทคโนโลยีการผลิต การวิเคราะห์ และกระบวนการทำงานทุกส่วนอย่างต่อเนื่อง ให้มีมาตรฐานระดับสากลและสามารถแข่งขันกับตลาดสากลได้, การทำงานร่วมกับฝ่ายขายและการตลาดเพื่อสินค้าที่ดีมีคุณภาพไปจนถึงกระจายสินค้าให้ได้เยอะที่สุดเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ทั้งในและต่างประเทศ, การทำงานร่วมกับพันธมิตรทุกฝ่ายทางธุรกิจให้ win-win ไปด้วยกันเพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน ไปจนถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมให้ยั่งยืนไปด้วยกันเพื่อส่งต่อสิ่งดีๆ ให้กับลูกหลานต่อไป 

ความสำเร็จของบริษัทดูได้จากความสำเร็จของคู่ค้าและทีมในองค์กร คำกล่าวเหล่านี้ไม่เกินจริงเลยสำหรับบริษัทที่ไม่ได้อยากแค่สร้างกำไรแต่อยากสร้างผลกระทบ (Impact) ที่ดีต่อสังคมด้วย ตำแหน่งซีอีโอของคุณประพลไม่ได้แค่มุ่งขับเคลื่อนบริษัทให้เติบโตเพียงอย่างเดียว แต่ยังให้เกียรติคู่ค้า พนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ TMAN สามารถสร้าง trust และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า คู่ค้าและทีมในองค์กร และสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งจนถึงทุกวันนี้ได้ 

บทบาทของซีอีโอที่ TMAN ต้องดูแลเรื่องอะไรบ้าง 

หน้าที่หลักคือฉายภาพวิสัยทัศน์ให้กับคนในองค์กรได้รับทราบ ซึ่งปัจจุบันเป้าหมายของเราคือการมุ่งมั่นขับเคลื่อนนวัตกรรมสายสุขภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คน อันนี้เป็นหน้าที่สำคัญที่ต้องคอยขับเคลื่อนให้องค์กรและพนักงานทุกคนมีเป้าหมายและแพสชั่นร่วมกัน

ผมเชื่อว่ามันสำคัญมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนรุ่นใหม่ GEN Y GEN Z ขึ้นไปที่ไม่ได้มาทำงานเพื่อเงินเดือนอย่างเดียวและอยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศ หลังจากสร้างวิสัยทัศน์ให้เห็นภาพตรงกันได้แล้ว ก็ต้องร่วมมือกันในเรื่องของการกำหนดกลยุทธ์และพันธกิจต่างๆ ที่สร้างร่วมกัน เพื่อทำให้เป้าหมายของเราสำเร็จได้ 

วันที่คุณก้าวเข้ามาบริหาร คุณมองว่าจุดแข็งของธุรกิจคืออะไร

ธุรกิจในอุตสาหกรรมที่เราอยู่นั้นมีข้อดีคือมีการเติบโตที่มั่นคง คือไม่มีปีไหนเลยที่อุตสาหกรรมยาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจะติดลบ อุตสาหกรรมนี้เติบโตแบบต่อเนื่อง และมีความเสถียร อีกข้อดีหนึ่งคือเป็นธุรกิจที่มี barriers to entry สูง คือมีกำแพงที่ทำให้คนหน้าใหม่ที่อยากกระโจนเข้ามาในธุรกิจมีความยาก ก็โชคดีที่ในสมัยก่อนคุณพ่อตัดสินใจทำแล้วค่อยๆ สั่งสมความได้เปรียบทางธุรกิจขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะว่ากว่าจะสร้างเป็นโรงงาน เป็นธุรกิจได้มันก็ต้องมีการลงทุนในคน เทคโนโลยี เครื่องจักร ตลาด ฐานลูกค้ามาเรื่อยๆ ก็เลยมองว่าตรงนี้คือข้อได้เปรียบของธุรกิจเรา

ส่วนจุดอ่อนก็มองว่าสมัยที่คุณพ่อทำจะโฟกัสยาแผนปัจจุบันอย่างเดียว ซึ่งยาแผนปัจจุบันจะโตแบบเนิบๆ อย่างธุรกิจอื่นที่หวือหวาก็อาจจะโตหลัก 10% แต่ธุรกิจยาหมวดนี้จะโตแค่ไม่เกิน 3-5% คงที่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งเรามองว่ามันก็ดี แต่ก็คิดว่ามันน่าจะดีกว่านี้ได้อีกไหม 

แล้วคุณมองเห็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจยังไงบ้าง  

โอกาสหนึ่งที่เราเห็นจากต่างประเทศและในประเทศไทยก็เริ่มตอบรับมากขึ้นเช่นกันก็คือ กลุ่มเฮลท์แคร์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ทางเลือกจากธรรมชาติหรือผลิตภัณฑ์อื่นที่ไม่ใช่ยาแผนปัจจุบัน เช่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอื่นๆ

เรามองว่าถ้าตลาดมีโอกาสตรงนี้เลยตัดสินใจทำอีกโรงงานหนึ่งชื่อว่า เฮเว่น เฮิร์บ ซึ่งเป็นโรงงานที่ทำเกี่ยวกับกลุ่มเฮลท์แคร์ทั้งหมดเลย เราสามารถวิจัยและพัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายโดยทีมขายของเราที่มีความแข็งแกร่งและมีจุดแข็งด้านช่องทางจัดจำหน่ายอยู่แล้ว พอเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับช่องทางจัดจำหน่ายมากมายทั่วประเทศ เราก็สามารถนำสินค้าใหม่เข้ามาขายซึ่งก็ได้รับผลตอบรับที่ดี เพราะลูกค้ามีความเชื่อมั่นจากรากฐานเดิมที่เราสร้างความน่าเชื่อถือมากว่า 50 ปีแล้ว ลูกค้าจึงให้การตอบรับและให้ความมั่นใจ 

ในการเพิ่มผลิตภัณฑ์หมวดใหม่ในกลุ่มเฮลท์แคร์ คุณสร้างข้อได้เปรียบจากต้นทุนเดิมที่มียังไง 

เราใช้จุดแข็งของเราที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตยาแผนปัจจุบันมาประยุกต์ใช้กับกลุ่มสินค้าที่เป็นเฮลท์แคร์ของเรา ในแง่ทางกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและจำหน่ายยาแผนปัจจุบัน มีข้อกำหนดว่าคุณต้องทำให้ได้ตามมาตรฐานนี้ จึงจะสามารถผลิตยาตัวนี้ออกขายในท้องตลาดได้ ในอุตสาหกรรมอาหารเสริมหรือสินค้าเฮลท์แคร์อื่นๆ ยังไม่มีกฎระเบียบตรงนี้ที่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่เราเลือกใช้มาตรฐานการผลิตยาในสินค้าเฮลท์แคร์ของเราเพื่อรับรองกับผู้บริโภคหรือคู่ค้าของเราให้มีความมั่นใจว่าสินค้ากลุ่มเฮลท์แคร์ที่เราทำออกมามีมาตรฐานเดียวกับการผลิตยา และสามารถไว้วางใจได้

หลังจากที่เราสร้างมาตรฐานนี้จึงทำให้มีโมเดลธุรกิจที่เกิดมาใหม่คือการ รับจ้างผลิตเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ของบุคคลภายนอก หรือ OEM ที่เราก็มีลูกค้าจากต่างประเทศเป็นบริษัทชั้นนำเข้ามา ตอนที่เขาได้ฟังสิ่งที่เราพรีเซนต์ไปว่าเราสร้างมาตรฐานนี้ได้ มันก็สร้างความมั่นใจด้วย บวกกับเราเองได้แสดงจุดยืนเรื่องมาตรฐานการผลิตของเราให้ลูกค้าเห็น ก็มีลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ ในจุดนี้

คุณมีวิธีผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ได้รับความไว้วางใจทั้งในไทยและต่างประเทศยังไง

การตอบโจทย์วิสัยทัศน์ในการยกระดับคุณภาพชีวิตให้ทุกคนจะแตกออกเป็น 2 เรื่อง

หนึ่ง สินค้าต้องมีคุณภาพดีก่อน ถึงจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ตั้งแต่สมัยคุณพ่อที่เริ่มเปิดโรงงานมา ท่านให้นโยบายไว้เลยว่า คุณภาพต้องดี ซึ่งไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรูแล้วจับต้องไม่ได้ ในการผลิตยาจะมีกฏที่คุณต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีตัวยาสำคัญเป็นองค์ประกอบอยู่ที่ 90-110% ถ้าอยู่ในเกณฑ์นี้แสดงว่ายาของคุณผ่านมาตรฐาน แต่คุณพ่อผมไม่ได้มองว่าเอาเกณฑ์ที่พอผ่าน ท่านอยากให้คนได้สินค้าที่มีผลิตมามีคุณภาพและมาตรฐานสูงกว่ามาตรฐานที่กฏหมายกำหนด หรือพูดง่ายๆ ให้เห็นภาพก็คือ คุณภาพเกิน 100% ขึ้นไป เพราะไม่อยากเอาเปรียบผู้บริโภค 

อีกเรื่องหนึ่งคือนวัตกรรม ผมว่าถ้าเทียบนวัตกรรมกับคุณภาพแล้ว คุณภาพเป็นหนึ่งในพื้นฐานที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน สินค้าทุกอย่างถ้าคุณภาพไม่สามารถการันตีตัวมันเองได้ หรือทำให้คนยอมรับจากคุณภาพไม่ได้ ต่อให้ทำการตลาดให้ตายยังไงก็ไม่ประสบความสำเร็จ ใน 4P ของการตลาด ผมมองว่า P แรกคือ Product เป็นแก่นที่สำคัญสุด ต่อให้คุณไปใช้ 3P (price, place, promotion) ตัวไหนก็ตามหรือรู้เทคนิคการตลาดอื่นๆ แต่ถ้าสุดท้ายตัวสินค้าขายไม่ได้ก็จบ เราจึงให้ความสำคัญมาก

ถ้ามองว่าในกระดานเดียวกัน สมมติมี 10 บริษัทและทุกคนให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพเท่ากันหมด แล้วจะทำยังไงให้ลูกค้าเปิดใจยอมรับ มันก็ต้องมีสิ่งที่มากกว่าคุณภาพ และผมมองว่าสิ่งนี้คือนวัตกรรมที่จะเป็นตัวเปิดใจกับทางคู่ค้าหรือผู้บริโภคให้อยากลองดูว่าสินค้าของเราจะช่วยทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นหรือสะดวกมากขึ้นไหม
จากเมื่อก่อนในสมัยคุณพ่อเราทำเฉพาะยาแผนปัจจุบัน ตอนนั้นเราก็เป็นบริษัทที่ดีบริษัทหนึ่งที่ได้มาตรฐาน แต่ถ้าอยากจะทำให้ลูกค้าจดจำได้ว่าเราคือบริษัทที่พัฒนานวัตกรรมของคนไทยเพื่อมาตอบโจทย์ pain point ในการยกระดับชีวิตของผู้คน นวัตกรรมคือสิ่งตอบโจทย์ตรงนี้ได้และทำให้เราไปได้ไกลอีกระดับหนึ่งทั้งในไทยและต่างประเทศ

คุณคิดว่าจุดแข็งและความถนัดของตัวเองส่งผลดีต่อองค์กรยังไงบ้าง

สำหรับผมที่วิเคราะห์ตัวเองคือเป็น developer มีความเป็นนวัตกร เป็นทายาทรุ่นที่ 2 ที่เป็นเภสัชกรด้วยและเป็นสายการตลาด เราก็พยายามดูว่าลูกค้ามีความต้องการอะไรในตลาด แล้วทำไมถึงมีแค่ผลิตภัณฑ์พวกนี้ ทำไมไม่มีที่ดีกว่านี้ เราก็พยายามเอา pain point ของผู้บริโภคที่เจอในตลาดมาเป็นโจทย์ว่าลองทำตัวนี้สิ แล้วก็ให้ทีม R&D เอาไปพัฒนาต่อ โชคดีว่าเราเป็นซีอีโอก็เลยทำให้สิ่งที่เราทักขึ้นมากลายเป็นเรื่องที่ต้องมานั่งฉุกคิดในองค์กรและผลักดันให้รู้สึกว่าน่าสนใจที่จะทำจริงได้  อีกสิ่งหนึ่งคือผมเป็นสไตล์ที่รับฟัง จะไม่ได้บริหารแบบ top-down จะฟังจากคนที่ปฏิบัติงานจริง นำปัญหาที่เขาเจอมากลั่นกรอง แล้วเอามาเป็นแนวทางในการบริหารเป็นนโยบายต่อไป 

แล้วคุณได้ทักษะการคิดแบบนวัตกรมาจากไหน

ต้องบอกว่าแนวคิดทางนวัตกรนี้ได้รับการถ่ายทอดมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่เลย คุณแม่ชอบนวัตกรรมสมุนไพรไทยก็เลยทำยาสมุนไพร อย่างยาน้ำแก้ไอไอยรา (IYARA) ออกมาเป็นตัวแรกแล้วก็ประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับที่ดีในตลาด ทำให้เห็นว่าเราก็พัฒนานวัตกรรมโดยคนไทยได้

ต้องยอมรับว่าในการทำยาแผนปัจจุบันมันมีกรอบและกฏระเบียบที่ทำให้เราไม่สามารถข้ามไปทำนวัตกรรมได้ ส่วนมากเราจะสามารถทำยาสามัญ (Generic drug) จำหน่ายในประเทศทดแทนยานำเข้า โดย รอให้หมดสิทธิบัตรก่อน เราถึงจะผลิตออกมาได้ อย่างไรก็ดี ยาต้นตำรับหรือยาจดสิทธิบัตร (Original drug) นั้นบริษัทยาของผู้ประกอบการไทยยังไม่ทำเนื่องจาก การทำยาโมเลกุลใหม่ได้นั้นต้องใช้เงินลงทุนสูงมากเป็นหลักพันหรือหมื่นล้าน แต่ถ้าเป็นนวัตกรรมจากสมุนไพรไทยจะมีช่องว่างในตลาดและโอกาสที่สามารถทำได้ซึ่งเราก็เห็นโอกาสนั้น คุณแม่จึงผลักดันให้ลองทำขึ้นมา พอยาน้ำแก้ไอ ไอยราประสบความสำเร็จก็เป็นเหมือน small win ที่ทำให้เราพัฒนายาอื่นๆ ต่อไป ทั้งโพรโพลิซ (Propoliz), โพลาร์สเปรย์ (Polar Spray) ก็ทยอยออกมาเรื่อยๆ 

ตรงนี้ก็เป็นการถ่ายทอดจากรุ่นแรกมาสู่รุ่นสองโดยเป็นตัวอย่างแนวคิดและการทำงานที่เกิดขึ้นจริง พอเราเห็นแนวคิดคุณแม่ที่ทำมาก่อน เราก็พยายามเรียนรู้ว่ามันต้องมีวิธีการยังไง ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ซึมซับมา พี่น้องอีก 4 คนก็เป็นสาย creative และ innovative ที่พยายามนำนวัตกรรมเฮลธ์แคร์เข้ามาจัดจำหน่ายเช่นกัน

อย่างน้องสาวผมก็จะดูในส่วนของต่างประเทศ บางทีไปเจอคู่ค้าต่างประเทศที่มีนวัตกรรมเฮลท์แคร์เหมือนกัน ซึ่งบางทีมันล้ำมากและเรายังไม่มีความพร้อมที่จะสามารถผลิตได้ก็เลยเอามาขาย เพราะในธุรกิจของเราไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ผลิตอย่างเดียว เราเป็นผู้จัดจำหน่ายโดยนำเข้าสินค้าและนวัตกรรมที่ไม่ได้ผลิตเองมาขายด้วย

ในบทบาทผู้บริหาร คุณสนับสนุนให้องค์กรเกิดความร่วมมือในการพัฒนานวัตกรรมยังไงบ้าง

ปรัชญาสำคัญที่ได้มาจากคุณแม่คือ ‘collaboration for innovation’ (การร่วมมือเพื่อสร้างนวัตกรรม) ที่พยายามผลักดันให้ทุกภาคส่วน ฝ่ายงานที่เกี่ยวข้องทั้งโดยตรงหรือทางอ้อมนำไปใช้ ซึ่งถ้าทำแล้วล้มเหลวก็ไม่เป็นไร เราอยากสร้างให้เป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ได้ลองทำ เราจึงคอยผลักดันให้หัวหน้าสื่อสารกับลูกน้อง ทำให้พนักงานรู้สึกว่าสามารถนำเสนอส่ิ่งใหม่กับบริษัทได้ ต่อให้มันล้มเหลว เราก็ขีดเส้นไว้แล้วว่าล้มเหลวในระดับไหนที่พอรับได้ และมีงบประมาณรองรับสำหรับการทดลองพัฒนานวัตกรรมเหล่านี้อยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับว่าแม้สิ่งที่สำเร็จจะมีหลายอย่าง แต่ความจริงแล้วความล้มเหลวเพื่อการเรียนรู้และพัฒนาที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จก็มีอีกมาก แต่มันก็เป็นการเรียนรู้ เก็บสะสมความผิดพลาดเหล่านี้แล้วนำมาปรับปรุงพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ สำหรับอนาคต

ผมยังเชื่อว่าการร่วมมือกันจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้เร็วกว่า เช่น เรามองเห็นว่ามีนักวิจัยในประเทศไทยเก่งๆ กระจายตัวอยู่ในมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายเยอะมาก แต่ว่าขาดโอกาสในการทำธุรกิจ อาจเพราะเขาเป็นอาจารย์ ทำงานวิจัยเสร็จก็เก็บไว้บนหิ้ง เราก็เลยมีบริษัท โนว่าเฮลธ์ จำกัด ขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่ในการเชื่อมระหว่าง นักวิจัยในมหาวิทยาลัย กับบริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) ที่เป็นผู้จัดจำหน่าย

ความท้าทายในการบริหาร TMAN สำหรับคุณคืออะไร

ปัจจุบัน TMAN เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิต และ/หรือจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศไทยที่เป็น local made ซึ่งคือผู้ผลิตคนไทย เราตั้งเป้าหมายว่าต้องการขยับตัวเองขึ้นมาเป็นลีดเดอร์ให้ได้ภายในอนาคตอันใกล้ ตอนนี้เรากลายเป็นบริษัทมหาชนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ ได้ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. แล้วเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งผมก็มองว่าในจังหวะตรงนี้ ถ้าเราเข้ามาแล้วทำได้ดีก็จะเป็นแรงหนุนให้เราสามารถได้โอกาสที่ดีหลังจากนี้เข้ามาเพื่อบรรลุเป้าหมายที่เราตั้งไว้

เนื่องจากการที่เป็นบริษัทมหาชนและอยู่ในตลาดหลักทรัพย์จะสร้างความน่าเชื่อถือและความเป็น Professional รวมถึงในเรื่องของเงินระดมทุน พอมีเงินทุนเข้ามา เราก็จะสามารถมองหาโอกาสทางธุรกิจอื่นๆ ที่จะเข้ามาเติมเต็มให้เราสามารถถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น 

อีกเรื่องคือบุคลากร เราพยายามต่อเติมจิ๊กซอว์ว่าองค์กรที่ดีควรจะต้องมีภาคส่วนและฝ่ายงานตรงไหนบ้าง ซึ่งเราก็วาดภาพไว้แล้วแต่ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงที่ปรับเพื่อให้เติมเต็มภาพนี้จริงๆ เหนือสิ่งอื่นใดเรามองถึงความยั่งยืนด้วยว่าเราไม่ได้ผูกความเสี่ยงไว้ที่บุคคลคนเดียว เราพยายามทำให้ทุกตำแหน่งมีพนักงานตำแหน่งรองลงมาเพื่อส่งต่องานและลดความเสี่ยงขององค์กรในฝ่ายต่างๆ กรณีที่มีคนลาออกไป เรียกว่าเป็น succession plan  

ในอนาคตผมก็หวังว่าองค์กรจะสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง และไม่ได้ยึดโยงอยู่ที่บุคคลเป็นหลัก ตอนนี้เราเอาระบบต่างๆ และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการเพื่อทำให้เป็นระบบอย่างที่อยากเป็นในอนาคต 

หลักสำคัญที่ยึดถือในการบริหารธุรกิจคืออะไร

คุณธรรม โดยรวมถึงเรื่องของการไม่เอารัดเอาเปรียบ ไม่คดโกง ต้องซื่อสัตย์ในธุรกิจ แล้วก็เอาใจเขามาใส่ใจเรา 

การไม่เอารัดเอาเปรียบ เช่น ทำยังไงให้สินค้าของเราดีมีคุณภาพสูงกว่ามาตรฐานที่ข้างนอกกำหนด 

การซื่อสัตย์เป็นเหมือนประกาศิตในกฏระเบียบของบริษัทที่ยึดถือกันมานาน 

การเอาใจเขามาใส่ใจเราคือสิ่งที่สะท้อนว่าเราไม่ได้คิดจากมุมของเราอย่างเดียวและพยายามมองจากมุมของทุก stakeholder ที่เราอยู่ด้วย ทั้งคู่ค้าที่เป็นซัพพลายเออร์ พนักงานและลูกค้าที่เราทำงานด้วย ถ้าเกิดเรามีความสัมพันธ์ที่ดีแบบ win-win กับซัพพลายเออร์ เขาก็จะช่วยสนับสนุนและแนะนำสิ่งดีๆ ให้เราในระยะยาวเช่นเดียวกัน ทั้งการแนะนำเทคโนโลยีและวัตถุดิบใหม่ๆ หรือบรรจุภัณฑ์ที่ดี 

สำหรับพนักงานก็ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราเช่นเดียวกัน ไม่สร้างกฎระเบียบโดยไม่คำนึงว่าพนักงานจะแฮปปี้ไหม ยิ่งเราอยู่ในบริษัทมหาชนแล้วด้วยก็พยายามนำสวัสดิการดีๆ จากข้างนอกบริษัทเข้ามาและปรับปรุงจากฟีดแบ็กมาเรื่อยๆ เพราะเราก็คงไม่แฮปปี้ถ้ามี turnover rate (อัตราการลาออกของพนักงาน) สูง ซึ่งนี่ก็ถือเป็นหนึ่งใน KPI ที่สำคัญของบริษัทเลยที่พยายามลดการลาออกและสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงานมากขึ้นเรื่อยๆ
ในส่วนของลูกค้าก็สำคัญ ต้องทรีตเขาให้เป็น Partnership ที่เป็นพันธมิตรกันยาวๆ ไม่ใช่ขายของอย่างเดียวแต่ดูแลให้เขาสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนไปกับเราด้วย 

ความภาคภูมิใจในการเป็นผู้บริหารของ TMAN คืออะไร  

ถ้าในฐานะรุ่นที่ 2 ก็คือการมาสานต่อ legacy ของคุณพ่อ ความจริงก็ต้องยอมรับว่าบริษัททำไว้ได้ดี วางรากฐานไว้ได้ดีมาก และได้รับการยอมรับจากในตลาด พอเรามาเป็นรุ่นที่ 2 เราก็อยากทำให้ยิ่งโตขึ้นไปในอีกระดับหนึ่งแล้วก็ยั่งยืนด้วย การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ (SET)  เป็นหน้าหนึ่งในก้าวสำคัญและก็สร้างความภาคภูมิใจให้ทุกฝ่าย ต่อยอด legacy ให้มีความยั่งยืนต่อไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน 

Photographer

ช่างภาพที่สนุกกับการแต่งตัว อยู่กับเสียงเพลง และหลงรักในความทรงจำ Ig : mocfirst

You Might Also Like