10230
September 4, 2023

POP Mart-keting

POP MART ราชาแห่งอาณาจักรปริศนา และของเล่นที่กลายเป็นโลกของคนเจนฯ วาย

ต้อนรับเดือนกันยายนด้วยข่าวดี ด้วยว่าเดือนกันยายนเป็นเดือนที่ POP MART เจ้าพ่ออาร์ตทอยและกล่องสุ่มจากประเทศจีน กำลังจะเปิดสาขาอย่างเป็นทางการที่เซ็นทรัลเวิลด์เป็นสาขาแรกในประเทศไทยหลังจากไปเปิดสาขาตู้สุ่มมาทั่วโลก

การมาถึงของ Pop Mart ในช่วงนี้ถือว่ามาถูกจังหวะ สำหรับประเทศไทย วัฒนธรรมอาร์ตทอย โดยเฉพาะการเล่นกล่องสุ่มเป็นการบริโภคที่น่าจะเรียกว่าการบริโภคกระแสหลักได้แล้ว เป็นช่วงเวลาที่เรารู้จักกับกล่องสุ่ม เคยสุ่มกล่องสุ่มจากร้านหรือจากตู้อัตโนมัติที่กระจายตัวอยู่ทั่วกรุงเทพฯ บ้างก็คงนับตัวเองเป็นแฟนเจ้าคาแร็กเตอร์ดังๆ ไม่ว่าจะเป็นมอลลี่ ลาบูบู้ หรือครายเบบี้ ที่เชื่อได้ว่าถ้าคุณเป็นแฟนอาร์ตทอย ยังไงก็ต้องดีใจกับการมาถึงของหัวหน้าแก๊งกล่องสุ่มในครั้งนี้อย่างแน่นอน

ในความตื่นเต้นนี้ ถ้าเราย้อนดู Pop Mart ที่ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เกิดพร้อมกับกระแสที่ค่อนข้างเฉพาะกลุ่มคืออาร์ตทอย มีตลาดเป็นกลุ่มวัยรุ่นจีน แต่ด้วยจังหวะ ด้วยวิธีคิดและวิธีการบริหารจัดการ ทำให้แบรนด์ Pop Mart ร่วมสร้างปรากฏการณ์การบริโภคกล่องสุ่มและเหล่าของเล่นในฐานะศิลปะ ทำให้เราๆ ท่านๆ เปลี่ยนสถานะจากผู้ซื้อกลายเป็นนักสะสม (collector) ในกลยุทธ์ของการร่วมมือในระดับแบรนด์และที่สำคัญคือการร่วมมือกับศิลปินท้องถิ่นที่ด้านหนึ่งนับว่า Pop Mart เป็นแบรนด์ที่พาความน่ารักจุ๊กจิ๊กของศิลปินเอเชียไปสู่ความคลั่งไคล้ในระดับโลกได้

เพื่อเป็นการต้อนรับสาขาใหม่ของ Pop Mart คอลัมน์ Biztory ชวนย้อนดูที่มาของอาณาจักรของชายหนุ่มวัย 30 กว่าๆ ผู้ทำให้การซื้ออาร์ตทอยเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ทั้งในแง่ราคาและการสั่งซื้อสินค้า จากร้านเล็กๆ ในซิลิคอนแวลลีย์ของปักกิ่งสู่กระแสแรกๆ เมื่อน้องมอลลี่ปากคว่ำเข้าร่วม จนในที่สุดกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าในตลาดหลักทรัพย์หลักพันล้านในระยะเวลาเพียงสิบปี

1. 
Pop Mart ความหวังของเด็กจบใหม่ไฟแรง

เจ้าของ Pop Mart คือหนุ่มแว่นที่ชื่อว่าหวังหนิง (Wang Ning) ในแวดวงธุรกิจ หวังหนิงถือเป็นสุดยอดดาวรุ่งพุ่งแรงที่ก้าวขึ้นเป็นมหาเศรษฐีหลักพันล้านในขณะอายุได้เพียง 33 ปี จากมูลค่าประเมินของบริษัท Pop Mart หลังจากนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2020 มูลค่าตามตลาด (market cap)ในขณะนั้นอยู่ที่ราว 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

จุดเริ่มของ Pop Mart ดูจะคล้ายกับเรื่องเล่าการเป็นเจ้าของธุรกิจที่เราคุ้นเคยกันดี ร้าน Pop Mart ใช้เวลาเพียง 10 ปี นับจากวันที่ร้าน Pop Mart สาขาแรกเปิดตัวในย่าน Zhongguancun ย่านที่ได้ฉายาว่าเป็นซิลิคอนแวลลีย์ของกรุงปักกิ่ง 

เรื่องราวของพ่อหนุ่มหวังหนิงนั้นก็ดูจะคล้ายกับการเริ่มธุรกิจของคนเจนฯ วายหลายๆ คน หวังหนิงเกิดที่มณฑลเหอหนาน หลังจากจบการศึกษาด้านโฆษณาในปี 2009 ก็เข้าทำงานให้กับบริษัทด้านสื่อออนไลน์ที่ค่อนข้างใหญ่คือเป็นเจ้าของเว่ยป๋อ แพลตฟอร์มที่คล้ายกับทวิตเตอร์แต่เป็นเวอร์ชั่นของประเทศจีน หลังจากทำงานได้หนึ่งปีก็รู้สึกว่าอยากจะเริ่มกิจการของตัวเอง

แรงบันดาลใจแรกของ Pop Mart ยังไม่ได้เป็นร้านของเล่นหรือทำเกี่ยวกับของเล่นเป็นหลัก คอนเซปต์ของ Pop Mart สาขาแรกเฮียหวังได้แรงบันดาลใจจากการเดินทางไปเที่ยวฮ่องกงและได้ไปเจอร้านที่มีชื่อว่า LOG-ON ซึ่งเป็นร้านของจิปาถะที่รวมของชิคๆ อินเทรนด์ไว้ในร้านเดียว ของที่เป็นกระแสก็มีทั้งของเล่นจุกจิก เครื่องสำอาง เครื่องเขียน ชื่อของ Pop Mart เองถ้าดูในแง่นี้ก็ค่อนข้างสะท้อนภาพของความเป็นร้านจิปาถะที่รวมของป๊อปๆ ไว้ในร้านเดียว

ร้านสาขาแรกในนาม Pop Mart เป็นการระดมทุนของหวังหนิง ที่ร่วมทุนกับเพื่อนๆ สมัยมหาวิทยาลัย ถ้านับย้อนไปตอนนั้นเฮียหวังและเพื่อนๆ ก็นับว่าเป็นกลุ่ม first jobber ที่อยากจะเริ่มธุรกิจเป็นของตัวเอง อายุของหวังหนิงในตอนนั้นอยู่ที่ราวๆ 22-23 ปีเท่านั้น

2. 
จุดเจ็บของความจิปาถะ จุดเริ่มของร้านของเล่น 

ร้าน Pop Mart สาขาแรกเรียกได้ว่าสร้างความปวดหัวให้กับหวังหนิงอย่างมากมาย ปัญหาหลักๆ ที่ร้านเผชิญค่อนข้างมาจากความจิปาถะของสินค้าที่มีมากมายหลายประเภท ปัญหาที่ร้านเจอแทบจะในทันทีคือการจัดการสต็อก นอกนั้นก็เป็นปัญหาพื้นฐานที่ร้านเผชิญคือจำนวนพนักงานและการรักษาคุณภาพการให้บริการลูกค้า

4 ปีหลังจากเปิดและร้านเผชิญกับปัญหามาเรื่อยๆ ในปี 2014 ร้าน Pop Mart ก็เริ่มได้ทางออกใหม่ๆ จากหลายจังหวะและแรงบันดาลใจ อย่างแรกคือในปีนั้นหวังหนิงได้เข้าเรียนต่อในวิทยาลัยบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ในคลาสเรียนหนึ่งก็ได้พบกับเพื่อนๆ ที่ต่อมากลายเป็นทีมบริหาร ซึ่งในตอนนั้นร้านมีปัญหาค่อนข้างหนักและต้องรักษาผลการดำเนินงานเพื่อให้อยู่ได้ 

ประกายสำคัญที่ถูกจุดขึ้นคือการลดประเภทสินค้าลง ในตอนนั้นทางร้านทำการศึกษายอดขายและผลการดำเนินการและพบว่าสินค้ากลุ่มของเล่นเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดของร้าน ในช่วงปีนี้เองที่ร้านตัดสินใจลดประเภทของสินค้าลงให้เหลือประเภทเดียวคือสินค้ากลุ่มของเล่น

3. 
แรงบันดาลใจที่ 2 และรากฐานอาณาจักรปริศนา

ในช่วงที่ Pop Mart ปรับไปสู่ร้านของเล่นเพียงอย่างเดียว แรงบันดาลใจใหม่ของบริษัทจริงๆ เป็นสิ่งที่เราเห็นอยู่เป็นประจำคือเจ้ากาชาปอง วัฒนธรรมสำคัญในการขายของเล่นของจุกจิกจากญี่ปุ่น หัวใจสำคัญของกาชาปองตอบโจทย์ร้าน Pop Mart ในหลายด้าน อย่างแรกที่สุด เสน่ห์ของกาชาปองคือการสุ่ม ผู้ซื้อไม่รู้ว่าตัวเองจะได้ของเล่นหรือของสะสมชิ้นไหนในการซื้อนั้นๆ

นอกจากการสุ่มแล้ว รูปแบบของกาชาปองยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจคือความเป็นมาตรฐานของตัวกาชาปอง ตู้กาชาปองมักมีขนาดที่เท่าๆ กัน มีราคาไม่แพง ซื้อง่ายและกระตุ้นให้ซื้อต่อเนื่องได้ในกรณีที่ไม่ได้ของแบบที่ต้องการ รวมถึงตัวกาชาปองเองมักมีลักษณะเป็นคอลเลกชั่น สามารถเก็บสะสมได้ บางครั้งก็มีความจำกัด กาชาปองนี้นับเป็นวัฒนธรรมการบริโภคที่ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ เราชินกับกาชาปองทั้งในการหมุนจากตู้ที่เป็นกายภาพ ไปจนถึงการเล่นสุ่มของในโลกออนไลน์เช่นในเกมออนไลน์

จุดนี้เองที่ Pop Mart ได้รากฐานสำคัญสองอย่างมารวมกันคือการเลือกขายของเล่นเพียงอย่างเดียว และมุ่งมั่นจะผลิตสินค้าในรูปแบบกล่องปริศนาหรือกล่องสุ่ม เจ้ากล่องสุ่มนี้เองกลายเป็นสุดยอดสินค้าของ Pop Mart เป็นกล่องที่มีราคาประมาณ 300 บาท คือประมาณ 60-70 หยวน หรือ 9 ดอลลาร์สหรัฐ

4. 
เมื่อน้องมอลลี่ขึ้นยาน และศิลปะของการร่วมมือ

หลังจากได้ทิศทางว่า Pop Mart จะมุ่งไปสู่การเป็นร้านขายของเล่น สิ่งที่แบรนด์ทำคือการเริ่มติดต่อกับศิลปินต่างๆ เพื่อตกลงความร่วมมือกัน จุดนี้เองที่ถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้า คือการที่แบรนด์เดินหน้าด้วยการร่วมมือกับศิลปินและตกลงเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าจากศิลปินให้

จุดพลิกผันที่สำคัญที่สุดคือปี 2016 เมื่อ Pop Mart ร่วมมือกับศิลปินฮ่องกงคือ Kenny Wong และผลิตคาแร็กเตอร์สำคัญของหว่องคือน้องมอลลี่ เด็กผู้หญิงที่ทำปากคว่ำเหมือนปากเป็ด น้องมอลลี่กลายเป็นสุดยอดสินค้าที่มียอดขายถล่มทลาย หลังร่วมมือกันยอดขายพุ่งทะยานขึ้นเป็นหลายเท่า ในปี 2017 คือหนึ่งปีหลังจากน้องมอลลี่ขึ้นยาน ยอดขายของ Pop Mart โตไปที่ 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกระโดดไปเกือบ 3 เท่าในปีถัดไปคือ 73 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2018

การทำงานร่วมกันหรือการคอลแล็บจึงเป็นจุดเด่นสำคัญของทาง Pop Mart จุดเด่นมากๆ ของแบรนด์คือการทำงานร่วมกับศิลปินที่ส่วนใหญ่เป็นศิลปินเอเชีย โดยในฐานะผู้ซื้อและผู้สะสม จุดเด่นสำคัญของของเล่นของ Pop Mart คือการที่กล่องสุ่มผลิตของเล่นออกมาพร้อมกับคุณภาพ งานของ Pop Mart มักมีความละเอียดสวยงาม มีการเล่นกับวัสดุและมีลูกเล่นที่สนุกสนานน่าสนใจ 

จุดสำคัญในการทำงานกับศิลปินคืออิสระ Pop Mart ยังขึ้นชื่อในการให้อิสระกับศิลปินในการสร้างสรรค์ผลงาน สำหรับตัวหวังเองก็ให้ความสนใจถึงขั้นหมกมุ่นในการร่วมแก้ไขรายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ร้านของแก เช่นความสูงของโต๊ะที่จะจัดแสงน้องๆ ความเหมาะสมของแสงที่ไม่จ้าหรือบางเบาจนเกินไป

5.
ของเล่น ที่ไม่ใช่เรื่องของเด็กอีกต่อไป

ประเด็นสำคัญของการเฟื่องฟูของ Pop Mart สัมพันธ์กับมิติทางวัฒนธรรมคือรูปแบบการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป หนึ่งในทัศนวิสัยที่สำคัญคือการเปลี่ยนความหมายของของเล่นและเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายที่คราวนี้ไม่ใช่เด็ก แต่เป็นคนกลุ่มเจนวาย ซึ่งจริงๆ ก็คือคนรุ่นเฮียหวังและเหล่าชาววัย 30 แบบเราๆ 

ถ้าเรามองไปที่การร่วมมือของทาง Pop Mart นอกจากการร่วมมือกับศิลปินหน้าใหม่หรือนักออกแบบในภูมิภาคเอเชียแล้ว สิ่งที่ Pop Mart ทำคือการร่วมมือกับแฟรนไชส์หรือคาแร็กเตอร์ต่างๆ และผลิตกล่องสุ่มให้กับแฟรนไชส์เหล่านั้นเช่น แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ สปันจ์บ๊อบ ซึ่งคาแร็กเตอร์เหล่านี้ กลุ่มแฟนมักจะเป็นคนวัย 30 ขึ้นไป

จุดสำคัญของการปรับเป้าหมายลูกค้านี้ คนเจนฯ วายมีความสัมพันธ์และพฤติกรรมบริโภคแบบใหม่ในการซื้อของเล่นและของสะสม มีข้อสังเกตจากมุมมองของการตลาดและวัฒนธรรมของประเทศจีนคือ จีนเผชิญปัญหาการทำงาน คนทำงานทำงานด้วยเวลาที่ยาวนาน รายได้น้อย พร้อมราคาบ้านที่สูงจ่ายไม่ได้ สินค้าเล็กๆ เหล่านี้จึงเป็นตัวแทนของความฝันและสิ่งบันเทิงเล็กๆ ที่ผู้คนสามารถหาซื้อได้

นอกจากการสะสมแล้ว เราจะเห็นว่าเจ้าโมเดลจากกล่องสุ่มจำนวนหนึ่งถูกนำไปตั้งไว้หน้าโต๊ะทำงาน ทำให้บรรยากาศของการทำงานที่คนส่วนใหญ่ใช้เวลาจำนวนมากต่อหนึ่งสัปดาห์ ของเล่นเล็กๆ นี้ช่วยแต่งแต้มพื้นที่ทำงานที่อาจจะปวดหัวหรือแห้งแล้งให้มีความอบอุ่น เป็นการสร้างพื้นที่ที่แสดงตัวตนของตัวเอง ทางหวังเองเคยให้สัมภาษณ์ว่าของเล่นกลายเป็นสื่อกลางใหม่ของคนรุ่นใหม่ เป็นพื้นที่ที่เราใช้แสดงตัวตน สะท้อนความชอบ และที่สำคัญคือเป็นช่องทางที่คนรุ่นใหม่ใช้เชื่อมต่อกับศิลปะ

6.
สถิติและศิลปะของการสุ่ม

ความสำเร็จที่สำคัญของ Pop Mart มาจากทั้งความเป็นกล่องสุ่ม ความสนุกของการซื้อสิ่งที่เป็นปริศนา (mystery box) ที่ทำให้ผู้ซื้อสนุกกับการซื้อ ด้วยเงื่อนไขหลายอย่างทั้งการทำงานกับศิลปินที่ผลงานของ Pop Mart มักออกมาดี มีความน่ารักหลากหลาย มีราคาเหมาะสม Pop Mart นับเป็นแบรนด์ที่ผู้ซื้อมีความภักดีต่อแบรนด์สูง ผู้ซื้อส่วนใหญ่มักกลับมาซื้อสินค้าของ Pop Mart ซ้ำ

ในความปริศนาของกล่องสุ่ม ตัวกล่องสุ่มมักประกอบด้วยชิ้นงานที่เป็นตัวลับหรือ Secret การซื้อซ้ำหรือซื้อเหมากล่อง ส่วนหนึ่งผู้ซื้อมักจะคาดหวังจะได้ตัวพิเศษมาครอบครอง ตัวพิเศษในแต่ละคอลเลกชั่นนี้ทำให้การซื้อและสะสมของเล่นมีความพิเศษยิ่งขึ้นคือเจ้าของเล่นแต่ละตัวในแต่ละคอลเลกชั่นจะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป ตัวซีเครตอาจมีราคาพุ่งสูงกว่าราคาหน้ากล่อง เช่น หากราคาหน้ากล่อง 300 บาท อาจพุ่งสูงไปได้ถึงหลัก 5,000-6,000 บาท

คอลเลกชั่นของของเล่นหรืออาร์ตทอยในแง่นี้จึงมีบางองค์ประกอบของความเป็นศิลปะ คือการมีชิ้นงานบางชิ้นที่มีจำกัด เป็นสิ่งที่เราสามารถเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถครอบครองตัวลับหรือตัวหายากเหล่านั้นได้ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความนิยม สินค้าของ Pop Mart มักผลิตในจำนวนจำกัดและผลิตจำหน่ายเฉพาะช่วงเวลาหนึ่งๆ เมื่อหมดช่วงเวลาแล้วก็จะไม่ผลิตอีกต่อไป ตรงนี้ที่ทำให้ผู้ซื้อกลายเป็นนักสะสม และสินค้าในคอลเลกชั่นต่างๆ มีแนวโน้มที่จะมีราคาสูงขึ้น มีการขายซ้ำในตลาดมือสองหรือการ resell ในราคาที่น่าตกใจ

จริงๆ ความฮิตของการสุ่มและกล่องสุ่มนี้มีความกังวลในระดับรัฐด้วย เช่นในจีนเองก็กังวลในแง่ความเสพติดของกล่องสุ่ม เริ่มมีการออกกฎหมายควบคุมเช่นไม่ให้จำหน่ายให้เด็กอายุต่ำกว่า 8 ขวบ หรือต้องอยู่ในการดูแลของผู้ปกครองเป็นต้น

7.
การกลับมาของพื้นที่บ้านในช่วงโควิด

ถ้าเราสังเกต กระแสอาร์ตทอยที่กลับมา ค่อนข้างมีกระแสในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาซึ่งก็คือช่วงที่เราเผชิญกับภาวะโรคระบาด ในช่วงการระบาด พื้นที่บ้านเป็นพื้นที่ที่กลับมามีความสำคัญอีกครั้ง ดังนั้นอาร์ตทอยเองจึงเป็นหนึ่งในสินค้าที่มีความหมายทางใจ เป็นสิ่งที่ผู้คนไขว่คว้าและเลือกจะนำมาประดับตกแต่งบรรยากาศของพื้นที่บ้านให้มีสีสัน เพิ่มความสบายใจในช่วงเวลาตึงเครียด

ถ้าเราดูจุดแข็งหนึ่งของ Pop Mart คือการใช้นวัตกรรมในการกระจายสินค้า Pop Mart มีการทำตลาดออนไลน์ที่แข็งแกร่ง มีระบบการจัดส่งที่ครอบคลุมและค่อนข้างปลอดภัยไม่แตกหักแม้จะส่งจากประเทศจีน ในช่วงเวลานี้เองที่เราสามารถสั่งกล่องสุ่มหรือคอลเลกชั่นต่างๆ ให้ส่งมาถึงหน้าบ้านได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ประกอบกับช่วงปี 2020 นี้เองที่ทาง Pop Mart ประสบความสำเร็จในการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ของแบรนด์สำคัญ 2 เจ้าคือดิสนีย์และยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ ทั้งความนิยมในคาแร็กเตอร์เฉพาะของศิลปินท้องถิ่น รวมถึงการร่วมมือกับแบรนด์ใหญ่สองเจ้าทำให้สินค้าของ Pop Mart ได้รับความนิยมในระดับโลกได้

8.
ขยายรสนิยมแบบเอเชียสู่ระดับโลก

ก่อนจะพูดถึงการขยายสาขาไปทั่วโลก Pop Mart เป็นแบรนด์ที่กระจายสินค้าด้วยหลายวิธีและหลายแพลตฟอร์ม มีการขายออนไลน์และขนส่งถึงบ้านทั้งในประเทศจีนรวมถึงส่งไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ในพื้นที่ของประเทศจีนเองมีสาขากว่า 200 สาขาและมีการออกแบบตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ ตู้ขายที่กระจายตัวอยู่กว่าพันตู้ทั่วประเทศจีน

ทุกวันนี้เราน่าจะเรียกว่า Pop Mart เป็นแบรนด์อาร์ตทอยระดับโลกได้แล้ว ความน่าภูมิใจหนึ่งคือการตีตลาดโลก ตัวสินค้าของ Pop Mart แต่เดิมเริ่มจากกระแสคนรุ่นใหม่ของชาวจีน ลูกค้าหลักมีอายุ 18-35 ปี 75% เป็นลูกค้าผู้หญิง จุดเด่นของอาร์ตทอยของ Pop Mart คือความกระจุกกระจิกและความน่ารักอันเป็นรสนิยมของลูกค้าผู้หญิงชาวจีน

ในช่วงปี 2022–สองปีหลังจากระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ Pop Mart เริ่มผุดสาขาไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก พื้นที่การบริโภคและดินแดนของสินค้าวัยรุ่นหรือสินค้าสร้างสรรค์ล้วนเกิดสาขาหลักของ Pop Mart ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไปจนถึงการเปิดสาขาที่ปารีสและมาเลเซียในปี 2023 เรียกได้ว่าปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นลูกค้าพื้นที่ไหนในโลกก็ค่อนข้างรู้จักตัวละครหรือกล่องสุ่มของ Pop Mart 

และแน่นอนว่าสาขาล่าสุดที่กำลังจะเปิดตัวก็คือ Pop Mart สาขาหลักของประเทศไทย ที่เตรียมรอได้เลยว่าต้องเกิดปรากฏการณ์คนต่อคิว และหลังจากนี้เมื่อมีคอลเลกชั่นใหม่ๆ ก็จะได้เห็นภาพแถวยาวเหยียดที่เซ็นทรัลเวิลด์อย่างแน่นอน

อ้างอิง

Writer

ชื่อว่านครับ ทำงานรับจ้างทั่วไปด้านงานเขียน ส่วนใหญ่เขียนเรื่องการเขียน การอ่าน และวัฒนธรรม เชื่อว่าพื้นที่นามธรรมเป็นสินทรัพย์ที่จะพาเราเติบโตอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

Illustrator

บรรณาธิการศิลปกรรม Email: [email protected]

You Might Also Like